บันทึกในวันที่หมดแรง : เวลาเหลือน้อยลงทุกครั้งที่หายใจเข้าออก
ไม่ได้อัพบล็อกมาเกือบเดือนทีเดียวงานตะพาบก็อู้หายไปสองสามโจทย์ได้ ไม่ได้หายไปไหนแต่ชีวิตรอบตัวกับภายในตัวเกิดความสับสนอลหม่าน ไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหากย้อนไป นับจากวันที่ปิดตอนนิยายออนไลน์ที่รีไรท์ตอนจบเสร็จสิ้น ก็ไม่ได้ว่างงานเพราะยังต้องทำการอ่านใหม่ หาคำผิด และเขียนบทส่งท้าย ท้าทายความสามารถตัวเองให้กับสำนักพิมพ์แต่... ก็ยังเขียนบทส่งท้ายไม่จบ แฟนคลับนิยายคงจะรอกันนาน... ไม่ได้อู้นะคะแต่มันอึนๆ จนใอยากทำอะไร แม้แต่งานเขียนที่รัก อยากมีเวลาเพิ่มสักสี่สิบแปดชั่วโมงต่อวันจะได้ทำสิ่งต่างๆ ได้หลายอย่าง อยากมีพลังวิเศษแบบซุปเปอร์แมนจะได้จัดการทุกสิ่งได้ไม่เหน็ดไม่เหนื่อย (อย่างน้อยก็อยากบินได้ ประโยชน์คือร่นระยะเวลาเดินทางระหว่างบริษัทกับบ้านให้มีเวลาทำอะไรมากกว่านั่งแหงกในรถบนถนนติดๆ) พอมาคิดถึงเรื่องเวลาที่เรามีหนึ่งวันทุกคนมียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากัน แต่ทำไมบางคนถึงทำอะไรได้หลายๆ อย่างและทำได้ดีเสียด้วยหนอ มานั่งเขียนเวลาของตัวเองบ้าง เผื่อจะเห็นช่องโหว่ 6:00 ตื่นนอน อาบน้ำ 7:30 ถึงบริษัท กินข้าว 8:00 เริ่มงาน เขียนลิตส์งานของวัน 8:30 ประชุมยาวไปถึงเที่ยง (เป็นล่ามจึงต้องมีแต่การประชุม เพราะต้องแปลประชุมของบริษัททุกรอบ) 12:00 กินข้าว พักผ่อน คุยสนทนากับเพื่อนร่วมงาน 12:45 เริ่มงาน มีประชุม หรือ ทำรายงานการประชุม 17:30 กลับบ้าน ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นาแต่... ในระหว่างวันนั้น มันยุ่งวุ่นวาย ปัญหางาน ปัญหาการผลิตสินค้าติดต่อกับคนต่างแผนก ประชุมเครียด ดมควันบุหรี่ในห้องประชุมประสานงานกับคนต่างแผนก พิมพ์ใบบันทึกการประชุม ทุกวันๆแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้ตัวเราสับสน อึน จนไม่อยากทำอะไร เบื่อค่ะ...เพราะความเบื่อในชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ถูกกดดันจากสภาวการณ์บีบคั้นด้านจิตใจและความคิดสำหรับเราแล้ว งานไม่ใช่สิ่งที่ทำร้ายชีวิตแน่ๆ แต่มันคือสิ่งที่สร้างชีวิต แต่ถ้าสภาวการณ์ของงานนั้นมันกลายเป็นร่างแหที่เกี่ยวเนื้อตัวคนทำงานจนเกิดแผลซิบจะดิ้นหนีก็แสบแผลบาดลึก ก็คงไม่ไหว ในตอนนี้เหมือนความสมดุลมันหายไปจากตัวเอง สิ่งที่ตามมาคือ ความคิดที่ไขว้เขวเกิดความงงงวย จนไม่อยากคิดอะไร ปล่อยสมองให้ว่างเปล่า นานนับหนึ่งเดือน
.....................................................................
ในเช้าวันนี้ที่เป็นเสาร์ที่หยุดงานเสาร์ที่หยุดก็เหมือนสวัสดิการชั้นดีของคนที่ต้องทำงานเสาร์เว้นเสาร์ตัวเราได้มีเวลานั่งคิดเรื่องราวต่างๆ ช้า ๆกลั่นกรองสิ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แล้วก็เกิดคำถาม... เราพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร(ไม่ได้เป็นการเขียนงานตะพาบย้อนนะคะ) ถ้าไม่ใช่เพราะใจสู้ หรือ ใจสั่งก็มีบ้างที่ปล่อยวางจนช่างมัน ถึงได้มามีทุกวันนี้ใช่ไหม บอกตัวเองว่า ใช่ แต่จะให้ช่างมันต่อไปคงไม่ไหว เพราะเอียนกับความหน่ายที่ซ้ำซาก คิดไป มือก็ลากเส้นเขียนรูปไปอยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ใช่หรือ แล้วทำไมไม่ทำมันล่ะเวลาเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้วนะ เวลาเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้วนะ...เวลาที่อยู่ในโลกนี้ ในสังขารนี้กำลังจะหายไปทุกลมหายใจเข้าออก ฉะนั้นอย่าให้อะไรมาเป็นตัวขัดขวางเลย คิดได้ดังนั้นจึงเปิดคอม ต่ออินเตอเนต เปิดหน้าบล็อกแกงค์ พบโจทย์ตะพาบโจทย์ใหม่ จัดแจงเขียนอัพบล็อก แล้วตามด้วยอ่านนิยายเพื่อศึกษาพล็อตและสำนวนเรื่องที่ค้างมานานจะได้เริ่มอ่านเรื่องใหม่ที่ตั้งตาตั้งใจไว้ว่าจะมารีวิวให้ชาวบล็อก และเริ่มเกลาตอนจบของนิยายอีกครั้งจะได้เขียนบทส่งท้ายความรักให้สมบูรณ์ก่อนส่งสำนักพิมพ์
................................................................................ สิ่งที่รักมักไม่ได้มาพร้อมกับสิ่งที่ต้องทำเพื่อการดำรงชีวิต งานคือส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดอย่าสูญพลังกายพลังใจไปกับเรื่องที่ทำให้เราเสียความเป็นตัวเอง... (ถ้าเป็นตอนจบหนังยอดไรเดอร์ จะมีคนพูดว่า สู้ต่อไป ทาเคชิ) ...........................................
ป.ล. พอพลังมาก็อัพบล็อกเสียวันเดียวสามบล็อกเลยนะ
Create Date : 29 สิงหาคม 2558 |
|
11 comments |
Last Update : 29 สิงหาคม 2558 22:44:30 น. |
Counter : 934 Pageviews. |
|
|
|
สงสัยอยู่ค่ะ ว่าหายไปไหนหลายงานแล้ว ที่แท้ก็เบื่อ
เป็นกันทุกคน ตอนนี้นุ่นก็อัพบล็อคอาทิตย์ละครั้ง เยี่ยมเพื่อนอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง มากกว่านี้ไม่มีเวลาเลยค่ะ
ดีจังเขียนตะพาบตอนนี้ได้ เดี๋ยวจะไปอ่านค่ะ
เขียนบล็อคได้ปลดปล่อยดีนะคะ
แต่เวลาอัพรูปอะไรต่างๆ รู้สึกบล็อคทำได้ช้า
บางทีหงุดหงิดต้องจัดหน้าใหม่เรื่อยๆ
นิยายจบแล้ว สู้ๆค่ะ ส่ง สนพ รออีกนานเลย
นุ่นก็เหมือนกัน จบแล้วแต่ยังไม่รีไรท์เลย
ไม่มีเวลา แหะๆ
ยังไงก็สู้ๆนะคะ มีความสุขในทุกๆวันค่า