ตุลาคม 2550

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
29
30
31
 
 
DESTINY Vol.2 No. 3
ตอนที่ 3 : เรื่องโรแมนติกทุกเรื่อง เริ่มต้นที่คำทักทาย

ปรมิตา ลืมไปสนิทว่าเธอยัดเสื้อผ้าทุกชิ้นลงเครื่องหยอดเหรียญ มันใช้เวลาทำงานเพียงชั่วโมงครึ่งก็พร้อมสำหรับนำออกมาใส่ได้อีกครั้งโดยไม่ต้องตาก เพราะมันอบแห้งให้เรียบร้อยด้วยเทคโนโลยีที่วิ่งไปพร้อมๆ กับราคาที่ค่อนข้างสูงในแต่ละครั้ง เสื้อผ้าของเธอถูกเคลื่อนย้ายออกมาอยู่ในตะกร้าอีกใบ ของใครก็ไม่รู้ และขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนมันกลับไปยังตะกร้าของตัวเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“เครื่องไม่ว่างสักเครื่องเลยต้องเอาผ้าคุณออก ขอโทษด้วยนะครับ” เธอหันควับไปตามเสียงที่แสนจะหล่อระเบิด หน้าตากับเสียงช่างแมทชิ่งกันเสียยิ่งนัก

“เอ่อ ไม่เป็นไร ฉันก็ลืมไปเลยว่า เอาผ้าลงมาซัก”

“กางเกงในผ้าลูกไม้ คุณควรจะแยกใส่ถุงตาข่ายต่างหาก หรือไม่ก็ซักมือ มันจะถนอมผ้ากว่านะครับ”

“ง่ะ เอ่อ เอ๋อ เอ่ออออออ อุ้ยตายห่ะ” แล้วเขาก็โค้งให้สวยงาม ก่อนจะเดินกลับไปยังทางเดิมที่เขามา เธอหยิบลิงน้อยตัวจิ๋วขึ้นมา ก่อนจะถอนหายใจ... เฮ้อ, ทำไมซนอย่างนี้นะเจ้าลิงน้อย รอดหูรอดตามาอยู่กับเสื้อผ้าชิ้นใหญ่ๆ ได้... ทั้งอายทั้งเขิน เลยต้องเดินก้มหน้างุดๆ กลับห้องพัก

คอนโดมิเนียมชานเมือง กว้างพอประมาณสำหรับคนเพียงคนเดียวและมันคับแคบจนอึดอัดเมื่อมีคนมากกว่าสามมาอยู่ด้วยกัน ราคาที่ดินซึ่งแซงหน้าราคาทองคำไปไกลโข เธอไม่มีปัญญาซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า ใกล้รถใต้ดิน ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านแปด เพราะเงินเดือนครูน้อยเท่าหอยมด นี่ขนาดงดกิจกรรมบันเทิงทั้งหลายไปบ้างแล้ว แต่ยังต้องประหยัดกินประหยัดใช้ เพราะไม่มีใครช่วยแบ่งเบาภาระ – จะหาใครสักคนมาอยู่เป็นคู่ใจก็ดูจะยากกว่างมหอยบนท้องฟ้า สอยดาวที่ซ่อนอยู่ข้างหลังดวงอาทิตย์ ปลิดขั้วมักลีผล หลายร้อยล้านเท่า

คนรักล่าสุดก็ไม่รู้เดินสะดุดอะไรล้ม วิญญาณฮิตเลอร์เข้าสิงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ เรื่องราวมากมายที่ไม่เคยคิดว่าจะถูกนำมาเป็นประเด็นให้ชีวิตรักของเราล่มสลายก็กลายมาเป็นหัวข้อใหญ่


“คุณไม่เคยกดกริ่งหน้าบ้าน ไม่เคยถอดรองเท้าวางบนชั้น” นั่นทำให้อึ้งและมึน... บ้านคนไม่ใช่ค่ายกักกัน ทำไมถึงได้ระเบียบจัดถึงปานนั้น และนั่นทำให้เธอต้องถีบส่งตัวเองออกมาจากชีวิตเขาด้วยเหตุผลโง่ๆ แต่ง่ายๆ คือ “ด้วยเรื่องเท่านี้ยังทำให้บาดหมางกันได้ แล้วเรื่องใหญ่กว่านี้จะทนกันได้ยังไง” นี่ถ้าเธอจอดรถขวางทางเข้าบ้าน สงสัยจะโดนแจ้งจับแต่เธอก็แอบมองในแง่ดีบ้างเหมือนกัน แสดงว่าเธอเองก็เจ๋งโคตร เพราะเขาไม่มีเรื่องอื่นแล้วที่จะเอามากล่าวโทษเธอได้นอกจากเรื่องไม่กดกริ่งหน้าบ้าน – เธอยักไหล่ “เข้าบ้านนี้ไม่ได้ ก็เข้าบ้านอื่นสิ” เพราะเธอรู้ดี ไม่วันนี้ก็วันหน้า ถ้าเขายังถือศักดิ์ศรีนำหน้าหัวใจ เธอก็ต้องจากเขาไปในวันหนึ่งอยู่ดี...แต่ที่เธอแกล้งๆ ไม่ลืมที่จะบอกตัวเองนั่นก็คือ

“เพราะเราสองคนยังรักกันไม่มากพอที่จะให้อภัยกันต่างหาก”

เสื้อผ้าถูกจับขึ้นราวแขวนและพับเก็บสำหรับชิ้นเล็กๆ ไม่มีอะไรบันเทิงใจไปกว่าอ่านหนังสืออีกครั้ง, เธอนึกถึงชายหนุ่มที่เอาเสื้อผ้าจากเครื่องมาลงตะกร้า เขาจะทำหน้ายังไงตอนที่หยิบลิงของเธอหย่อนลงไปในตะกร้า ถ้าเขาเป็นเกย์ เขาอาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรอาจจะทำหน้ายี้เข้าใส่ “ลิงชะนี” ถ้าเขามีภรรยานั่นยิ่งเป็นเรื่องธรรมดาเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเขายังโสดและแมน มันไม่เข้ากันเลยกับลิงผ้าลูกไม้... แต่ก็นั่นแหละ เครื่องซักผ้าส่วนรวม ถ้าเขาไม่เอาผ้าเธอออก เขาก็ไม่ได้ซัก หรือถ้าเขาจะรอเครื่องอื่นมันก็อาจจะนานเกินไปสำหรับเขา

เธอไม่เคยเจอเขา บางทีเขาอาจจะย้ายมาใหม่ หรืออาจจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว คอนโดมีเนียม 12 ชั้น 6 อาคาร เธออยู่อาคารที่ 1 ชั้น 12 ซึ่งค่อนข้างเป็นชุมชนใหญ่ เครื่องอำนวยความสะดวกจึงเพียบพร้อมโดยไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ร้านอาหาร ร้านอัดรูป ร้านคอมพิวเตอร์ ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ ร้านซ่อมรถ ร้านขายหนังสือ ร้านซักรีด และอีกมากมายหลายร้าน เพื่อรองรับการใช้บริการของประชากรพี่พักอาศัยในคอนโดฯ ทั้ง 6 หลัง แต่โดยภาวะปกติของคนเมืองคือต่างคนต่างอยู่ ไม่สนใจใครรู้ว่าใครเป็นใคร นอกจากพื้นฐานนิสัยจะเป็นคนสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน หรือไม่ก็ว่างงาน การพูดถึงคนโน้นคนนี้ที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างจึงเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอจึงพิถีพิถันทุกครั้งก่อนจะหย่อนเสื้อผ้าลงเครื่องซักหยอดเหรียญ อย่างน้อย ลิงทุกตัว บราทุกชิ้นก็จะต้องถูกแยกมาอยู่ในถุงตาข่ายต่างหาก (ปกติก็ทำเช่นนั้น) โดยไม่ให้เล็ดลอดไปปะปนเสื้อผ้าชิ้นอื่น นั่นเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย... เพราะคราวต่อไปอาจจะไม่ใช่ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นอีกก็ได้...

หลังความวุ่นวายของนิทรรศการภาพเขียนชุด “คนที่พ้นผ่าน” ผ่านไป เขาเก็บภาพที่เหลือลงมารวมกันไว้ และแยกภาพหนึ่งออกมาต่างหาก นั่นก็คือภาพชื่อ “เธอผ่านมาแล้วจากไป บนหนทางยาวไกลที่เธอมา” เอาเอามันกลับมาที่ห้อง, คอนโดมิเนียมชานเมืองกว้างพอประมาณสำหรับคนเพียงคนเดียว อาคาร 12 ชั้น 6 หลัง เขาอยู่อาคารที่ 6 ชั้น 12 อยู่ติดลำคลองเล็กๆ ที่มีเสียงเรือหางยาวคอยทำลายโสตประสาทในยามที่เขาวาดภาพอย่างมีสติ... และเขาก็เคยเล่นพิเรนทร์ด้วยการรอให้เรือเสียงดังลำนั้นมาใกล้ๆ ได้จังหวะจึงโยนปะทัดที่เพิ่งจุดลงไปทั้งแผง เขาไม่ได้ยินเสียงเรือลำนั้นอยู่สามวัน แต่หลังจากนั้นถัดมา มันกลับดังกว่าเดิมขึ้นเป็นสองเท่า เขาจึงจำเป็นต้องยอมแพ้โดยการปิดประตูทุกบานในขณะทำงาน

ภาพเขียนปรมิตา ถูกแยกออกมาห่อด้วยกระดาษร่างแบบสีน้ำตาล ปิดด้วยเทปใส แล้วเขาก็ควานหากระดาษใบที่เธอเขียนที่อยู่ให้เขาด้วยลายมือแบบการ์ตูนญี่ปุ่น เขาจำได้เพียงอย่างเดียวคือ “ปรมิตา” ชื่อของเธอ ชื่อที่คล้องกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ “ปรเมศร์” เขาหากระดาษใบนั้นไม่เจอ... เขาค้นทั้งย่าม กระเป๋าเสื้อ และถึงกับโทฯ ไปถามเจ้าหน้าที่หอศิลป์ เผื่อว่ามันจะตกหล่นอยู่แถวนั้น สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมานั่นงถอนใจ, ป้าแม่บ้านแกคงกวาดลงถังขยะไปแล้วล่ะมั้ง

เขานอนคิดอยู่สองตลบ ก่อนจะนึกได้ว่าเพิ่งเอาเสื้อผ้าลงไปใส่เครื่องหยอดเหรียญที่อาคาร 3 บางที มันอาจจะตกหล่นอยู่แถวนั้น หรือมันอาจจะถูกซักแห้งไปพร้อมๆ กับเสื้อผ้า แต่เขียนด้วยปากกาลูกลื่น น่าจะยังพอเห็นได้ลางๆ บ้าง... แล้วเขากดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง เดินท่อมๆ หากระดาษใบนั้น แต่แล้วก็หาไม่เจอ ในโลกนี้มีกระดาษตั้งล้านแปดถูกทิ้งขว้างอยู่ทั่วไป จะมีกระดาษสักกี่ใบ เป็นกระดาษที่เขากำลังหา
มันอาจจะหล่นอยู่แถวนี้ก็ได้- -

เขาจินตนาการว่า กระดาษใบนั้นอาจจะลงขยะของป้า แต่แล้วใครบางคนอาจจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อจดราคาภาพเขียนแล้วเสียบมันลงในสมุดโน้ต แล้วเดินออกไปนอกหอศิลป์ กระดาษใบนั้นก็ปลิวจากสมุดบันทึกไปหล่นตรงหน้าหญิงสาวที่ใส่ส้นสูงแหลมเหมือนเข็มเย็บผ้า รองเท้าของเธอเสียบเอากระดาษใบนั้นติดมา เธอหยิบมันออกเมื่อเดินมาได้สามสิบก้าว แล้วพับมันใส่กระเป๋าถือ เพราะเธอหาถังขยะไม่พบ ถึงคอนโดมิเนียมชั้น 10 อาคาร 2 ในท่ามกลางอาคาร 6 หลัง สามีเธอค้นแอบกระเป๋า แปลกใจในกระดาษใบนั้นที่เป็นชื่อของผู้หญิง เขาสงสัยว่าภรรยาเป็นเลสเบี้ยน จึงเก็บกระดาษใบนั้นไว้ในกระเป๋ากางเกง ภรรยานำเสื้อผ้าลงมาซัก...

มันอาจจะหล่นอยู่แถวนี้ก็ได้ --
คิดบ้าๆ แต่ก็เพลินดี เขาบอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะเดินเข้าร้านขายของชำ ซื้อปะทัดอีกหลายแผง

สำหรับปรมิตา ในความเหงา เธอไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเหงาจนบ้าบิ่น เพราะเธอมีหนังสือให้อ่านอยู่เต็มบ้าน มีหนังให้ดูเป็นร้อยเรื่อง และมีเพลงให้ฟังเป็นพันเพลง เธอชอบอ่าน “เอนไซโคลพีเดียบริทานิกา” (Encyclopedia Britannica) และเธอมีตั้งแต่เล่ม A-Z เธอเพิ่งอ่านมาถึงหมวด B สารานุกรมเป็นหนังสือมหัศจรรย์ มันจะรวบรวมเอาทุกอย่างในโลกไปไว้ด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้มากมายที่ถูกบรรจุลงไปในหนังสือเล่มหนาที่ใช้หนุนหัวต่างหมอนได้นั้น มาจากทั่วทุกมุมโลก มันมีทั้งแบบเป็น CD multimedia และแบบออนไลน์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อต้องการใช้บริการ เธอเลือกแบบเป็นเล่ม โดยการสั่งซื้อจากอเมซอน ราคาแพงหูดับ แต่คุ้มค่ากับการเป็นเจ้าของ

ปรมิตา นอนเกลือกกลิ้งบนพื้นห้องแทนการถูพื้น เอนไซโคลพีเดียบริทานิกาวางอยู่บนอก เธอไม่ชอบถูพื้น แต่การไถตัวเองไปด้วยเสื้อผ้าชุดสำหรับใส่อยู่บ้านเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีหนังสืออ่านค้างอยู่ในมือ หัวอยู่บนหมอน แล้วไถตัวเองไปในท่า “ปลาช่อนหนีแล้ง” เป็นการบริหารเอว และไหล่ จนสุดปลายด้านหนึ่งของห้องแล้วไถกลับมาใหม่...และหยุดเมื่อเหนื่อย ขาพาดข้างฝาและเอนไซโคลพีเดียบริทานิกาก็ทับ-อก... หลับ,

ขณะเดียวกับที่ปรเมศร์ กำลังเอาเป็นเอาตายกับการ “ค้น” ทุกอย่างและทุกทาง, เขากดเพาเวอร์โน้ตบุค เชื่อมต่อระบบเครือข่าย ใครบอกว่าเขาเป็นศิลปินชาตินิยมและแอนติเทคโนโลยี ผิดล่ะ เพราะเขาเป็นเพื่อนกับ “ปังย่า” ที่เล่นมันทุกเวลาที่มีโอกาส เขาใช้คอมพิวเตอร์ได้คุ้มกว่าที่มันเป็นเสียอีก จะดูหนังฟังเพลง หรือลามไปถึงออกแบบ 3 D ไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าเขาเรียนเขียนแบบมาอีกตัว เบิ้ลไปสองปริญญาตอนที่เรียนอยู่อิตาลี, ทั้งเก่งทั้งหล่อแบบนี้ ทำไมถึงยังโสดก็ไม่รู้...

“ปรมิตา.... นามสกุลอะไรก็ไม่บอก” เขา search ชื่อ ปรมิตา มาเป็นร้อย...

“นางสาว+ปรมิตา” เริ่มใช้บูลีนในการค้น มาเพิ่มอีกสองร้อย เขาแค่คิดว่าเธออาจจะยังเป็น “นางสาว”

“นางสาว+ปรมิตา+กรุงเทพฯ” มาอีกแปดสิบ แล้วเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจ

“ปรเมศร์” ใส่ชื่อตัวเองลงไปบ้าง คราวนี้มาเป็นพัน เขาคลิกไปที่ชื่อ และนามสกุลตัวเองในเว็บศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย สิ่งที่ปรากฎขึ้นเป็นภาพถ่ายสมัยเรียนที่อิตาลี แล้วความทรงจำก็ผุดพรายขึ้นในหัว วันนั้น... เขาใส่เสื้อโค้ทสีน้ำตาล ผ้าพันคอสีแดง หมวกไหมพรมลาย คนที่ถ่ายรูปเป็นอาจารย์สมัยปริญญาตรี อาจารย์จำได้ว่าเขาเป็นลูกศิษย์ จึงเก็บภาพไว้ และปรมิตาก็มาพร้อมกับเขานั่นแหละ ที่แท้อาจารย์ก็ถ่ายรูปไปไว้ทำบอร์ดศิษย์เก่านี่เอง เจ๋งเป้ง อาจารย์ต้องรู้จักปรมิตา...หรือว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน, เป็นไปไม่ได้แน่ๆ เพราะอาจารย์พจน์เป็นเกย์ หรือไม่อีกทีเธอก็ต้องทำงานที่เดียวกับอาจารย์พจน์ ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนสมัยปริญญาตรี แล้วเขาก็เข้าเว็บมหาวิทยาลัย คลิกเลือกไปที่ “บุคคลากร” แล้วก็ไม่ผิดหวัง...

“ปรมิตา ปรมินทรารักษ์” โอ้ว ชื่อเพราะ สกุลพริ้ง... ไม่มีที่อยู่ นอกจากตำแหน่งทางวิชาการและคณะวิชาที่สังกัด ครั้นจะทะลึ่งโทฯ ไปถามที่มหาวิทยาลัยก็อาจจะกลายเป็นไอ้โรคจิต หากคิดจะไปดักรอก็จะเป็นไอ้โรคจิตเหมือนเดิม... แล้วเขาก็ลืมเรื่องปรมิตาไปชั่วขณะเมื่อเสียงเรือหางยาวก็แผดเสียงก้องทะลุทะลวงคุ้งน้ำมาแต่ไกล

เขาหยิบแผงปะทัดขึ้นมาทั้งหมด ซุ่มรอจังหวะ จุดมันโยนลงไปกลางลำเรือ - - ช่างสะใจดีแท้.../



Create Date : 26 ตุลาคม 2550
Last Update : 26 ตุลาคม 2550 20:07:59 น.
Counter : 427 Pageviews.

1 comments
  
กางเกงในผ้าลูกไม้---> ใส่แบบนี้ด้วยเหรอ จีสตริงด้วยอ๊ะเปล่า

เงินเดือนครูน้อยเท่าหอยมด--->ถ้าเท่าหอยมดนี่มันแทบไม่มีเลยนะ

เอ พล็อตเรื่องนี้มันคุ้นๆนะ จำได้ว่าเรื่องที่พี่เคยเล่าให้ฟังนี่จะเป็นอยู่อาคารเดียวกันแต่คนละชั้นใช่ป่ะ
โดย: น้องเก้อ IP: 222.123.120.200 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:18:38:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ