ตุลาคม 2550

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
29
30
31
 
 
28 ตุลาคม 2550
DESTINY Vol.2 No. 5
ตอนที่ 5 : กลืนกินความเศร้าให้หมดโลก

วันธรรมดาปรมิตา เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและวันหยุดทั่วไปเธอเป็นสาวโสดที่แสนเศร้า โทรศัพท์มือถือจะดังสักสองครั้งได้ในแต่ละวัน นั่นไม่มากไปกว่านักศึกษาโทฯ มาขอเลื่อนส่งรายงาน หรือไม่ก็โทฯ ผิด ดังนั้นเธอจึงมักวางมันไว้ไกลๆ มือ เพราะมันแทบไม่มีประโยชน์อะไรมากไปกว่าเป็นนาฬิกาปลุกในตอนเช้าและไว้ดูเวลาตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเท่านั้น ปรมิตามีเพื่อน แต่เพื่อนของเธอเกือบทั้งหมดแต่งงานแล้ว และถึงแม้จะยังโสด ทุกคนก็มีแฟนแล้วเว้นแต่เธอที่หลังจากอกหักรักคุดกุดสั้นคราวนั้นแล้วเธอก็ไม่มีใครมากรายใกล้ในรัศมีห้าสิบเมตรของหัวใจอีกเลย, หรือถึงมี เธอก็ไม่เคยใยดีเขามากไปกว่านั่งมองความเป็นไปและปลง - -คนเราก็เท่านี้, อีกไม่กี่ปีก็ตาย

ดังนั้นเธอจึงโสดเพราะตั้งใจโสด, อาจเพราะไม่มีใครทำให้หัวใจเต้นแรง หรืออาจจะเพราะไม่มีใครทำให้เธอรักได้จิปาถะเหตุผล แต่ก็มาลงท้ายที่ว่า ตอนนี้เธอเป็นโสด

ปรมิตาอยู่ในร้านทำผมสตรีอาคาร 6 ชั้น 1 ปรเมศร์อยู่ในร้านตัดผมชายอาคาร 1 ชั้น 1 เธอดัดผม เขาตัดผม เธอบอกว่า ไม่เห็นต้องสวยเอาใจใคร แต่จะเป็นไรไปถ้าหากจะสวยเอาใจตัวเองบ้าง ผลาญเงินตัวเองเล่นใครจะทำไม เขาบอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ยาวลงมาใหม่ ตัดผมให้สั้นขึ้นเผื่อหน้าเด็กลง โชคดีเจอเธอ เธออาจจำเขาได้ แต่ถ้าเจ้าของห้อง 1210 ไม่ใช่เธอก็ถือว่าซวยไป ลองใหม่สักตั้งคงไม่เป็นไร อย่างดีก็แค่โดนด่าว่าไอ้โรคจิต - -

ปรมิตา พึงใจกับผมทรงใหม่ เธอหมุนอยู่สามรอบหน้ากระจกแล้วเลือกเสื้อผ้าที่เข้ากับทรงผมมากที่สุดก่อนจะเปลี่ยนมันแล้วเดินกรีดกรายทั่วห้อง-ในวันหยุดที่ไม่มีอะไรทำมากไปกว่าอ่าน เอนไซโคลพีเดียบริทานิกา และแถกไปบนพื้นห้องด้วยท่าปลาช่อนหนีแล้ง เธอเดินเฉิดฉายในมาดนางแบบ แล้วเปลี่ยนชุด เป็นอีกชุด จนเบื่อนั่นแหละถึงได้กลับมานั่งมองหน้าตัวเองปริบๆ ถอนหายใจให้หมดไป...หมดไปอีกหนึ่งวัน

ภาพเขียนที่หุ้มด้วยกระดาษลอกลาย หรือกระดาษร่างแบบยังพิงอยู่ข้างฝา เสื้อโค้ตสีน้ำตาล ผ้าพันคอสีแดงและหมวกไหมพรม ถูกหยิบมาลองสวมดูอีกครั้ง เขายืนมองตัวเองผ่านกระจกเงาได้ไม่ถึงสองนาทีก็ต้องรีบถอดชุดออก ร้อนโคตรๆ เขาบ่นกับตัวเองก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยเสื้อผ้าและอุปกรณ์ย้อนยุคไปสองปีเข้าข้างฝา เปิดคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อระบบออนไลน์ และอีกครั้งที่เขาคีย์ชื่อ ปรมิตา ปรมินทรารักษ์ ลงไปในช่อง Search มีเพียงรายการเดิมที่ปรากฎขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าคลิกเข้ามาดูอีกทำไม...

มิตา เธอชื่อเล่นว่ามิตา ชื่อเหมือนเมียชูชก... อมิตดา เขานั่งเท้าคาง คลิกโน่นคลิกนี่ไปเรื่อยเปื่อย มองนาฬิกาบนข้างฝา มันเดินช้าเหมือนขี้เกียจ เขาไม่ชอบวันที่รู้สึกเหงา และมันรู้สึกเหงาเป็นสองเท่าเมื่อไม่ได้ยินเสียงเรือหางยาว หลังจากที่มันเสยขึ้นไปบนชานเรือนของคุณลุงบ้านริมคลอง เพราะปะทัดห้าแผงของเขา เจ้าหมอนั่นคงตกใจเลยเสียจังหวะตอนเข้าโค้ง แต่คิดแล้วก็ใจหาย ถ้าเกิดตอนนั้นไม่ใช่จังหวะเข้าโค้งที่ต้องผ่อนเรือให้เบาลง ความเร็วและแรงของเรืออาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตก็ได้ นึกแล้วก็ใจหายวาบ, นี่มันเข้าขั้นฆาตกรรมชัดๆ เลย แล้วก็อดที่จะสำนึกผิดไม่ได้ - เขาเอาความรำคาญของตัวเองมาเป็นอารมณ์จนทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปกับเขาด้วยเชียวหรือนี่ เอาละ คราวนี้เขาจะเล่นเบาๆ ก็แล้วกัน ปรเมศร์บอกตัวเองแบบนั้น ก่อนจะคลิกเข้าโปรแกรมปังย่า แล้วหลุดเข้าไปในโลกของเกมออนไลน์
เสื้อโค้ทสีน้ำตาลยังกองอยู่อย่างนั้น - - อีกหลายวัน

เธอกับเขาที่ต่างเหมือนอยู่บนโลกคนละใบ ไม่มีอะไรดลใจให้ทั้งคู่ได้เจอกัน - - บ่อยครั้งที่ทั้งสองคนเดินผ่านกันไปมาในรัศมีไม่เกินสองเมตร รถของเธอจอดช่อง 12 รถของเขาจอดช่องติดกัน เธอออกจากบ้าน 7 นาฬิกา เขาตื่นนอน 7 นาฬิกา เธอเอาผ้าไปใส่ตู้หยอดเหรียญ 5 นาทีต่อมาเขาไปเก็บผ้าจากจากตู้หยอดเหรียญ เธอกดลิฟท์ขึ้นชั้น 12 อาคาร 1 เขากดลิฟท์ขึ้นชั้น 12 อาคาร 6 เธอชงกาแฟ เขาต้มน้ำ, เธอเปิดตู้เย็น เขาเปิดทีวี, เธอลงไปร้านขายข้าวแกง ขณะที่ป้าร้านข้าวแกงกำลังรับโทรศัพท์ที่เขาโทรฯ สั่งให้เจ้าเปี๊ยกหลานป้าเอาไปส่งที่ห้องเพราะขี้เกียจลงมากินข้าว...เขาเล่นปังย่า เธออ่านเอนไซโคลพีเดียบริทานิกา เขาวาดรูป เธอทำเพาเวอร์พอยท์เตรียมสอน - - เธออยู่ห้อง 1210 เขาอยู่ห้อง 1260
ทั้งคู่อยู่คนเดียวเหมือนกัน

แล้วในวันหนึ่งเหมือนความเหงามันสิงใจนานจนเกินไป ใครบางคนก็นึกได้ว่ายังมีสิ่งที่ค้างคาไม่ลุล่วง หากไม่ทำให้สำเร็จก็เหมือนยังขาดอะไรไปสักอย่าง เขาเดินไปยังกองเสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อโค้ทสีน้ำตาลขึ้นมาสวม พันผ้าพันคอ สวมหมวกไหมพรม จินตนาการว่ากำลังจะออกไปเผชิญกับหิมะหน้าหนาวของประเทศไทย บอกตัวเองว่า ก็แค่ข้ามไปอาคาร 1 ไม่เห็นจะเป็นไร จบดังนั้นก็หนีบรูปปรมิตาไว้ข้างซ้าย กดลิฟท์ลงไปยังชั้น 1 น่าแปลกที่การเดินผ่านผู้คนที่กำลังนั่งชุมนุมนินทาชาวบ้านตรงมุมตึก 3 เป็นเรื่องสยองขวัญสำหรับเขา แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกทักขึ้นมาจนได้

“หวัดดีครับ จะไปอังกฤษเหรอครับ” พี่ผู้ชายคนนั้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เสียงดีและชอบซักผ้า เขาจะเจอพี่คนนี้บ่อยครั้งมากถ้าหากลงไปซักผ้าที่เครื่องหยอดเหรียญ

มีอยู่วันหนึ่งที่เครื่องซักผ้าไม่ว่างพี่เขาจึงต้องเอาเสื้อผ้าผู้หญิงที่อบแห้งแล้วออก ซึ่งมันนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้นนานจนคิดว่าเจ้าของลืมไปแล้วว่าเอาผ้าลงมาซัก มันเกิดขึ้นบ่อยสำหรับที่นี่ พี่คนนั้นหยิบลิงผ้าลูกไม้สีขาวออกมาเป็นตัวสุดท้าย ชูมันขึ้นมาในระดับอก กางมันออกด้วยการใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหนีบทั้งซ้ายขวา เขามองตาปริบๆ

“ไซต์ M หุ่นน่าจะราวๆ อ้อม พิยดา” พี่คนนั้นเปรยขึ้น และเขาก็สำทับ...

“ตูดใหญ่... ถ้าเป็นนางแบบนู้ดคงจะสวยมาก” ผู้ชายสองคนหัวเราะให้กัน ก่อนที่เขาจะขอตัวออกมา และพี่คนนั้นก็ยุ่งอยู่กับการย้ายเสื้อผ้าของผู้หญิงลิงไซต์ M คนนั้นลงตะกร้า

“จะไปอังกฤษเหรอครับ” พี่คนนั้นถามอีกรอบ แสดงว่าไม่ได้ถามเล่นๆ เขาจึงตอบด้วยรอยยิ้ม

“เปล่าครับ ไปสวิสเซอร์แลนด์”

“แล้วไม่เอากระเป๋าไปสักใบเลยเหรอ”

“ไม่ล่ะครับ มันหนัก ขอตัวนะครับ” เขาตอบแค่นั้น และสงสัยว่าใครบ้ากันแน่ เขาแต่งตัวในชุดฤดูหนาวมาเดินเฉิดฉายท่ามกลางอากาศเกือบสี่สิบองศาของประเทศไทย, แต่พี่คนนั้นก็ถามมาได้ จะไปอังกฤษเหรอครับ-ป้าร้านข้าวแกงทักทายเป็นคนต่อมา

“อ้าว จะไปอังกฤษเหรอพ่อ” เขาแปลกใจ ทำไมต้องเป็นอังกฤษ แต่ก็ตอบไปโดยไม่คิดว่า

“สวิสเซอร์แลนด์ ครับป้า”

“อุ้ย มันหนาวนะ เสื้อผ้าเท่านั้นจะเอาอยู่เหรอ” น่าน... ก็ว่ากันไป, กว่าจะเดินผ่านอาคาร 5 4 3 2 มาถึงอาคารหนึ่งได้นั้น เขาต้องเผชิญกับทุกสายตา แม้กระทั่ง รปภ.ของอาคาร ทั้งที่เขามีการ์ดผ่านก็ยังถาม

“จะไปอังกฤษเหรอครับ” เขาไม่ตอบว่าไปสวิสแต่เปลี่ยนใจเป็น

“ฮอลีวู้ด ครับ” แล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะกดลิฟท์ขึ้นมายังชั้น 12 ของอาคาร 1 เดินเชื่องช้า นับจำนวนก้าวของเท้าตัวเองไปจนหยุดอยู่ที่หน้าห้อง 1210 และยืนอยู่อย่างนั้นนานกว่า 10 นาที

ปรมิตากำลังอ่านหนังสือเอนไซโคลพีเดียบริทานิกาในท่าเดิมที่แสนโปรด เธอไม่สวยในชุดอยู่บ้าน เธอปล่อยให้ผมหยิกสยายนั้นเป็นหัวฟูเหมือนสิงโตหิวข้าว ชุดอยู่บ้านเป็นเสื้อยืดคอย้วย กางเกงวอร์มเก่าๆ งานอดิเรกของเธอในช่วงเกือบเที่ยงคือ ทายกลิ่นอาหารที่มันลอยมาเตะจมูก เพราะเธออยู่ชั้น 12 แม่บ้านชั้น 11 มักจะทำกับข้าวให้สามีของเธอในช่วงใกล้เที่ยง และมันก็เรียกน้ำย่อยได้ไม่น้อย แต่เพราะความที่ไม่ชอบทำกับข้าว เพราะการทำกับข้าวเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องใจรักและชอบที่จะทำ ปรมิตาจึงอาศัยร้านข้าวแกงป้าแทนงานศิลปะที่ต้องเสี่ยงกับรสชาตินี้

เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะลงไปกินข้าวที่ร้านป้า—

เขาเอื้อมมือไปกดกริ่ง เธอเอื้อมมือไปเปิดประตู นิ้วที่กำลังกดกริ่งชี้ค้างอยู่ตรงนั้น

“ปรมิตา” เขาเอ่ยชื่อเธอขึ้นมา ในท่ามกลางความตกตะลึงชั่วขณะ ราวๆ 5 วินาที เพราะจังหวะนั้นเขากำลังเตรียมตัววิ่งหนี เพราะถ้าคนที่เปิดประตูออกมาไม่ใช่ปรมิตา เขาต้องโดนด่าและอาจจะโดนเตะ แต่พอเป็นเธอ เขาก็ทำอะไรไม่ถูก เธอเองก็แปลกใจที่อยู่ๆ ก็มีผู้ชายมายืนเอานิ้วชี้-ชี้หน้า อ้าปากค้าง แต่พอนึกได้ลางๆ ว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน และประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วด้วยมันสมองอันชาญฉลาด

“ฉันเคยเจอคุณแล้วนี่” เธอไม่ได้แปลกใจสักนิดที่เห็นเขามาในชุดเสื้อผ้าเตรียมพร้อมอพยพไปแอตแลนติกเหนือ

“อ้าว คุณก็จำได้นี่” เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายแปลกใจ

“ก็จำได้ซี...ไม่ได้โง่นี่” เธอยักไหล่ เปิดประตูให้เขาเข้ามาด้านใน

“แล้วทำไมถึงยังให้ผมมาที่นี่อีกล่ะ” เขานั่งลงตรงเก้าอี้รับแขก เธอเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำมาให้

“แค่อยากรู้ว่าคุณจะอยากเจอฉันอีกหรือเปล่าเท่านั้นเอง”

“แค่นี้น่ะนะ” เขาวางแก้วน้ำลง แล้วปาดเหงื่อ

“อื้อ แค่นี้ แม่บอกว่าคุณโทฯ ไปที่บ้าน คุณทำที่อยู่ที่ฉันให้หายไปสิท่า”

“เห็นความพยายามผมแล้วหรือยัง”

“ฉันจะไปกินข้าว ไปด้วยกันไหม ร้านป้า”

“ผมเพิ่งบอกแกว่าจะไปสวิสฯ”

“อ้อ งั้นถอดเสื้อโค้ทออกเถอะ เห็นแล้วร้อนแทน” ภาพเขียนถูกวางพิงไว้ข้างฝา เสื้อโค้ทแขวนไว้ข้างประตู ผ้าพันคอ และหมวกวางอยู่ไม่ไกลกันนัก

“คุณไม่แปลกใจเลยเหรอที่ผมใส่ชุดนี้มา”

“ไม่ ทำไมเหรอ”

“ผมไปตัดผมให้สั้นขึ้น เพราะกลัวคุณจำไม่ได้”

“ก็ดูดีนะ หน้าเด็กลงตั้งเยอะ”

“พรุ่งนี้คุณจะไปไหนมั้ย” เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้แล้วว่าทั้งหมดเป็นแผน “หลอกเจอ” ของเธอ

“ไม่ ทำไมเหรอ”

“ไปดูหนังกันไหม” ชวนเธอไปดูหนัง ดีกว่าเล่นปังย่าตั้งเยอะ - เขาคิด

“เรื่อง”

“An Inconvenient”

“ก็ดี...ดีกว่าอยู่บ้านเป็นปลาช่อนหนีแล้ง”

“อะไรนะ”

“เปล่า ไม่มีอะไร” เธอปิดประตูด้านหลัง ควานหากุญแจห้อง รุนหลังเขาให้ออกจากห้อง เขาหันมากวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง

“บ้านคุณพื้นสะอาดจัง”

---------------------------------------------------------


ตอนที่ 6 : โปรดย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 1 อีกครั้ง


© Chelie M. Harn Cooper, //arcturus.bloggang.com, magicdragon95@hotmail.com



Create Date : 28 ตุลาคม 2550
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 20:05:50 น.
Counter : 650 Pageviews.

3 comments
  
แถกไปบนพื้นห้องด้วยท่าปลาช่อนหนีแล้ง--->คนเขียนทำบ่อยล่ะซิท่านี้ ถึงว่าซิที่พี่ถึงไม่ค่อยได้ถูห้อง แต่กวาดอย่างเดียว แล้วก็แถกๆเอา

เขาไปเก็บผ้าจากจากตู้หยอดเหรียญ---> จะจากไปไหนนัก

ตูดใหญ่---> จริงเหรอ?

ปรมิตากำลังอ่านหนังสือเอนไซโคลพีเดียบริทานิกาในท่าเดิมที่แสนโปรด ---> ท่าปลาช่อนหนีแล้งน่ะเหรอ

“บ้านคุณพื้นสะอาดจัง”--->

ตอนที่ 6 : โปรดย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 1 อีกครั้ง---> โคตรจะเล่นง่ายเลยนะเนี่ย แต่งอันเดียว ใช้ได้ถึง 3 ครั้ง
โดย: น้องเก้อ IP: 117.47.152.144 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:22:22:39 น.
  
ต่ออีกนิด อ่านเรื่องนี้แล้วบางตอนทำให้นึกไปถึงหนังสือภาพ และหนังเกาหลีเรื่องนึง
ชื่อเรื่องว่า "ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา"
โดย: น้องเก้อ IP: 117.47.152.144 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:22:24:38 น.
  
"ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา" เป็นหนังไต้หวันจ้ะ
หนังสือภาพเป็นของคุณจิมมี่ เหลียว ภาษาอังกฤษชื่อ A Chance of Sunshine คุณปราย พันแสงเป็นคนแปลจ้า
เป็นหนังและหนังสือที่เราชอบมากเรื่องหนึ่ง คาเนะชิโระ ทาเคะชิหล่อโคตรรร ส่วนนางเอกก็น่ารักมาก ปีนี้แอบคิดอยู่ว่าจะขุดเสื้อไหมพรมกะผ้าพันคอมาเลียนแบบแฟชั่นนางเอกคนนี้ดีไหม

นึกถึงเรื่องนี้เหมือนกันเล้ย
เพียงแต่นางเอกเรื่องของพี่แจ๋วกว่าเยอะ
โดย: The SoVo (http://kangalala.spaces.live.com/) IP: 122.17.116.74 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:19:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ