ตุลาคม 2548

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
31
 
 
All Blog
เดาะโลกดี ดี แล้วตีลังกา
...ไม่แปลกที่มีคนบอกว่า เพราะมี "ปัญหา" จึงมีความสำเร็จ เพราะถ้าไม่มีปัญหา คำว่าความสำเร็จก็จะเป็นคำที่ปราศจากความหมาย...โลกนี้จะสวยหรือมืดดำ นอกเหนือจากความเป็นจริงของโลกใบนี้แล้ว แว่นตาที่เราใส่ มุมมองที่เรามองเห็นก็จะเป็นตัวกำหนดว่าโลกในสายตาเราเป็นอย่างไร...

เวลาคนเรามีปัญหา มันมักจะยุ่งเหยิง พัวพันกันจนทำให้ขนาดของปัญหาบวมขึ้น ยิ่งคิดมาก ยิ่งคิดเองยิ่งขยายตัว ถ้าเราจับประเด็นตั้งคำถาม ปัญหาวุ่นวายก็จะง่ายนิดเดียวและมันก็จะ "สเลนเดอร์" ลง

เวลาทุกข์คนเรามักมองปัญหาในมุมเดียว มุมที่ทุกข์ที่สุดกังวลที่สุด แต่ถ้าเราเปลี่ยนองศาในการมองใหม่ บางปัญหาอาจจะไม่ใช่ปัญหา...อารมณ์ขัน จะช่วยได้เยอะ มองให้ฮามองให้ "เล็ก" เข้าไว้..สบายใจดี

จากคำนำของหนังสือชื่อ "เดาะโลกดีๆ แล้วตีลังกา" หนังสือเล่มนี้เป็นรวมบทความ "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" ในมติชนสุดสัปดาห์ เล่มที่ 2 ซึ่งเพิ่งจะได้มาอ่าน...หลังจากที่อ่านเล่ม 1 และข้ามไปเล่ม 3 เลย แต่การอ่านเล่ม 2 ทีหลังก็ไม่ได้ทำให้เสียถ้อยกระบวนความไปสักเท่าใดนัก เพราะเรื่องในเล่มนั้นจบในตอน เป็นตอนๆ ไป และจากที่อ่านมา 2 เล่ม คือ 1 กับ 3 ทำให้เกิดความสงสัยอีกแล้วว่า...อาชีพหลักของ"หนุ่มเมืองจันท์" คือนักสัมภาษณ์ หรืออย่างไร? เขาถึงได้เที่ยวไปมีโอกาสได้ "สนทนา" กับคนโน้นคนนี้อยู่ได้ไม่ว่างเว้น และมากกว่านั้น เขาสามารถ ร่าย...ถ้อยคำจากการสนทนาให้เป็นตัวหนังสือ..."ขายได้" อีก..

ชอบตัวหนังสือของหนุ่มเมืองจันท์... มันทำให้นึกถึงเฉลียง... การเป็นคนมองโลกในแง่ดี และมีมุมมองในเรื่องต่างๆ ที่สวยงาม ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่แย่แค่ไหนก็ตาม...การมองโลกในแง่ดี เป็นความสามารถของคนที่ชนะตัวเองไปแล้วครึ่งหนึ่ง...

"มองโลกในแง่ดี ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นเลย" อันนี้...มาจากคำคมของฝรั่ง จำได้ว่าเจอใน รีดเดอร์ไดเจทส์.. เล่มไหนก็ลืมไปแล้ว แต่มันทำให้รู้สึกดี... เมื่อเรามองเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ครั้งแรกรู้สึก "แย่จัง" แต่หันหลังกลับไปมองใหม่อีกครั้งหลังจากที่ตั้งตัวได้ มันก็ "ไม่ได้แย่เท่าไหร่นี่" และสำคัญ...เราหันกลับมามองคน การที่เราจะเข้าใจ "คน" ได้ อย่างหนึ่งคือ เราไม่ควรมองในความบกพร่องของเขา ไม่ควรมองเรื่องแย่ของเขาที่เราเห็นเต็มสองลูกกะตาว่ามันแย่จัง-แต่เปลี่ยนการมองใหม่ว่าเป็นเรื่อง ธรรมดา มองให้เป็นสิ่งปกติ ถึงแม้มันจะไม่ปกติก็ตาม แล้วมันจะทำให้เราไม่รู้สึกเป็นทุกข์กับความแย่นั้น...เพราะคนเราต่างกัน...ความต่างไม่ใช่ความ "ดี" หรือ "แย่" แน่นอน.. เราไม่ใช่ไม้บรรทัด-วัดดีเลวใครไม่ได้หรอก...มองให้เป็นปกติเข้าไว้...มันอยากว่าฉันดำ ฉันไม่สวย ฉันอ้วน ฉันเตี้ย ฉันงี่เง่า..ก็ช่างหัวมันปะไร..มั่นใจ.. ฉันเป็นตัวเอง ก็พอแล้ว

การเป็นตัวของตัวเองก็อีกเช่นกัน... มันทำให้เรา "มีชัยไปกว่าครึ่ง" ในการเดินทางของชีวิต... อย่าเขวไปกับสังคม เมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่ากำลังเอียงซ้ายไปกับรอบๆ ข้าง ก็ส่องกระจก... "อ๊า..เราก็หนึ่งในตองอูเหมือนกันนี่หว่า" แล้วเราจะ "รอด" จากความทุกข์ที่กำลังกระโดดกอดคอเรา...

ตายล่ะ....ไถลมาไกล...ว่าจะพูดถึงหนังสือของหนุ่มเมืองจันท์...ดันทะลึ่งไหลไปโน่น... แต่จะว่าไปแล้ว หลายๆ คำพูด หลายๆ แนวความคิด ถ้าอ่านดีๆ แล้วจะรู้เลยว่ามันมาจากพุทธธรรม คำสอนในพุทธศาสนา... เพียงแต่ใช้ภาษาให้มันโพสท์โมเดิร์น เข้าไว้เท่านั้นเอง - ก็ลองให้หลวงปู่วัดป่า ท่านมานั่งพูดเรื่องเดียวกันกับพี่ตุ้ม (หนุ่มเมืองจันท์) สิ...จะได้โงกเงกกันหมด...แต่ถ้าให้พี่ตุ้มทอล์คโชว์-เรื่องเดียวกันนี่แหละ ฮากันครืน อันนี้ไม่ได้หมายความว่าหลวงปู่ท่านเทศน์ไม่มันส์หรอกนะ...แต่เพราะท่านไม่มีแอคเซ่น...ทุกประโยค พยัญชนะ มีคีย์เดียว ผิดกับหลวงพ่อตุ้ม...จะโด่ เร มี ได้เมามันส์ คนอ่าน คนฟังเลยหลับไม่ลง... เป็นเหตุผลทางธุรกิจ... ถ้าหลวงพ่อท่าน "เอามั่ง" อย่างหลวงพี่ตุ้ม รับรองได้...แม่ยก ตรึม... (ซ่าธุ...ตกนรกแล้วเรา)

"เวลาที่แย่ที่สุดเป็นอย่างไร เตรียมใจไว้เผชิญ แล้วคิดหาทางแก้ปัญหาไว้ เมื่อตั้งเป้าหมายไว้ต่ำชนิดแย่สุดขีดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไรก็มีแต่ได้...สูงกว่าเป้าหมาย นั่นคือ กำไร" เป็นการมองในมุมของนักการตลาด และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ถึงจะไม่เคยขายอะไรก็ตามเถอะ...

"ไม่เป็นไร..." คำเนี้ย...ให้ติดปากไว้ มันช่วยได้จริงๆ นะ... ช่วยให้มองเรื่องที่ "แย่จัง" ให้ "แค่นี้เอง" ได้เพราะคำว่า "ไม่เป็นไร" นั่นเองแหละ... เพราะอะไรรู้ไหม?.. เพราะเรายังหายใจอยู่ ยังเดินได้ ยังหัวเราะเป็น...เมื่อวันหนึ่งผ่านไปมันก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา...และกับเรื่องธรรมดาแล้วเราจะมานั่งกุมกบาลให้ปวดกะโหลกทำไม? แค่นี้เอง..."ไม่เป็นไร" วันนี้เราจึงหัวเราะจนเจ็บพุงได้อย่างเต็มที่เพราะเรื่องที่ผ่านมาทุกอย่างนั้น "ไม่เป็นไร" สำหรับเรา...

"เดาะโลกดีดี แล้วตีลังกา" ทำให้เราอ่านแล้วขำได้เสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้ที่เราเขียนมาตั้งแต่ต้นจนจบนั้นดึงเอาแค่ "คำนำ" จากหนังสือมาก็ตาม... แค่มาเกริ่นนำเอาไว้เท่านั้นเอง เผื่อมันจะสะกิดต่อมความอยากอ่านของใครๆ ขึ้นมาได้บ้าง อิอิ..../



Create Date : 30 ตุลาคม 2548
Last Update : 30 ตุลาคม 2548 15:18:48 น.
Counter : 1002 Pageviews.

3 comments
  
ชอบหนุ่มเมืองจันท์ เหมือนกันเลย ทั้งฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ แล้วก็เดาะโลกดีๆ แล้วตีลังกา

มองโลกในแง่ดี ส่วนแง่ไหนของโลกที่ไม่ดี ก็ยังอ่านแล้วอารมณ์ดีได้ เนื่องด้วยว่าชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง

โดย: นางสาวอาร์ต IP: 58.9.8.53 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:07:56 น.
  
ชอบคำว่า "ไม่เป็นไร" จัง ต่อไปมีปัญหาอะไรก็จะคิดถึงคำนี้นะคะ ไม่เป็นไร
โดย: รักบังใบ วันที่: 6 มกราคม 2549 เวลา:19:23:15 น.
  
ไม่เป็นไร... พูดบ่อยมาก
จนรู้สึกว่า... ทำไมเราถึงต้องเป็นคนพูดเองทุกที
จะมีใครพูดคำนี้กับเราบ้างมั๊ย???
โดย: รัก...เพราะอะไร IP: 203.144.252.236 วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:11:14:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ