Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

เที่ยว "ตลิ่งชัน" อิ่มสุขสันต์ที่ตลาดน้ำ


วิธีซื้อของจากเรือในตลาดน้ำตลิ่งชัน

ในย่านชายขอบกรุงเทพฯอันเป็นเมืองหลวง ทันสมัย หลายๆพื้นที่ยังคงมีพื้นที่สีเขียวร่มรื่นให้ได้เห็นกัน
ความเจริญที่เข้าถึงไปทั่วทุกหย่อมหญ้าของเมืองหลวง
ก็ไม่ได้ทำให้วิถีเกษตรที่สืบทอดกันมาจากอดีตจนมาถึงปัจจุบัน สูญหายไปหมด
แม้จะลดเหลือน้อยลงไปมากก็ตาม

อย่างเช่นในย่าน "ตลิ่งชัน" ที่ฉันได้มาเยี่ยมเยือนในวันนี้ ก็ยังคงเป็นเขตหนึ่งของกรุงเทพฯ
ที่เราสามารถสูดอากาศสดชื่น ยังมองเห็นสวนผัก สวนผลไม้ สวนกล้วยไม้ ยังมีท้องร่องให้กระโดดข้ามเล่น
และหากพูดถึงการท่องเที่ยวในเขตตลิ่งชัน ที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดก็เห็นจะเป็น การมาเที่ยว "ตลาดน้ำ"
ซึ่งในเขตตลิ่งชันนี้ก็มีตลาดน้ำให้เที่ยวกันได้ถึง 3 แห่งเลยทีเดียว


นั่งเรือจากตลาดน้ำตลิ่งชันมาชมสวนกล้วยไม้

ตลาดน้ำแห่งแรกที่เรารู้จักกันดีและมีชื่อเสียงมานานก็คือ "ตลาดน้ำตลิ่งชัน"
ที่มีสารพัดอาหารของกินให้เลือกชิมกันได้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผาปลาเผา ส้มตำ สารพัดยำ ก๋วยเตี๋ยวเรือ
ขนมไทยๆ และผลไม้จากสวน ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าจะพายเรือออกมา และนั่งปรุงนั่งขายกันอยู่บนเรือบางลำ
อยู่ไกลจากฝั่งหน่อยแต่ก็ไม่เป็นปัญหาเวลาจะซื้อจะขาย
เพราะเขาจะใช้ไม้ยาวๆ ที่มีตะกร้าตรงปลายไว้ส่งสินค้าและรับสตางค์

และที่พลาดไม่ได้หากมาที่ตลาดน้ำตลิ่งชันก็คือการนั่งเรือนำชมคลอง ชมสวน ชมชีวิตริมน้ำของชาวตลิ่งชัน
ที่เขาจะมีบริการเรือเป็นรอบๆ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงในการนั่งเรือเที่ยวในคลองชักพระ
หรือคลองบางขุนศรี ซึ่งเป็นคลองที่มีความยาวถึง 8 กิโลเมตร และเป็นคลองที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้
และระหว่างทางเราก็จะได้ชมบรรยากาศบ้านริมคลองที่ดูน่าอยู่ ได้เห็นตลาดลอยน้ำ
หรือเรือขายขนมหรืออาหารที่ออกให้บริการเฉพาะคนที่อยู่ริมน้ำ
และได้แวะชมสวนกล้วยไม้ที่มีกล้วยไม้สวยๆหลายพันธุ์ สามารถซื้อกลับบ้านกันได้ด้วย


บรรยากาศของตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีทั้งเรือขายอาหารและเรือพายของนักท่องเที่ยว

ตลาดน้ำแห่งต่อมาของตลิ่งชัน ก็เป็นตลาดน้ำที่กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แม้จะเพิ่งเปิดมาได้ไม่นานนัก
นั่นก็คือ "ตลาดน้ำคลองลัดมะยม" ซึ่งแม้จะเป็นตลาดน้ำที่ขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ก็เต็มไปด้วยอาหารการกินต่างๆ
ไม่ให้เสียชื่อว่าเป็นตลาดน้ำ ไม่ว่าจะเป็นหมูสะเต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ขนมจีน ขนมนมเนยอย่างไอศกรีม ขนมถ้วย
ขนมลูกชุบ น้ำผลไม้ ฯลฯ ที่มีให้เลือกซื้อหาทั้งจากในเรือที่มาลอยลำ และจากตลาดบนบก
ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนในคลองลัดมะยมนี่เอง
โดยในวันธรรมดาเขาก็จะทำสวนหรือทำอาชีพปกติไป ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็จะเอาผลผลิตจากบ้านจากสวนมาขาย
หรือทำขนมทำกับข้าวเตรียมออกมาขายกัน ตามฝีมือให้ลูกค้าที่มาเที่ยวได้ชิมกัน

ใครที่อิ่มอร่อยจากสารพัดอาหารแล้ว ก็อย่าลืมแวะเข้ามาเดินเที่ยวชมใน "สวนเจียมตน"
ซึ่งเป็นสวนไม้ยืนต้นและไม้จำพวกสมุนไพร คนที่สนใจต้นไม้ใบหญ้าก็สามารถเข้าไปเดินดูกันได้
เพราะภายในสวนจะมีป้ายอธิบายต้นไม้หลายๆ ต้น อีกทั้งในสวนนี้ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆของตลาดน้ำ
และมีมุมห้องสมุดเล็กๆ ให้เด็กๆ มานั่งอ่านหนังสือกันด้วย และที่ไม่อยากให้พลาดหากได้เข้าไปในสวนเจียมตน
ก็คือการพายเรือเล่นในคลอง ที่หากใครพายเป็นก็สามารถพายไปเที่ยวใกล้ได้
หรือใครไม่ค่อยถนัดก็จะมีเด็กๆ รอให้บริการเป็นฝีพายอยู่ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
แต่จะให้เงินเป็นสินน้ำใจแก่เด็กๆเพื่อเป็นกำลังใจก็ได้


ตลาดน้ำวัดสะพาน มีอาหารอร่อยเป็นเอกลักษณ์

มาถึงตลาดน้ำแห่งสุดท้ายของเขตตลิ่งชัน ซึ่งเป็นตลาดน้ำน้องใหม่ล่าสุด หรือ "ตลาดน้ำวัดสะพาน"
ที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความอร่อยของอาหา รจากรสมือของแม่ค้าพ่อค้าที่นี่
ซึ่งก็มีอาหารหลากชนิดให้เลือกชิมกัน ทั้งขนมจีนน้ำพริก น้ำยา แกงไก่ แกงลูกชิ้น ผัดไทย หอยทอด หมูสะเต๊ะ
และขนมของกินเล่นไทยๆ อย่างเมี่ยงคำ ข้าวเหนียวหน้ากุ้งหน้ากลอย ข้าวเกรียบว่าว ข้าวหลาม
ซึ่งบางร้านฉันได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วยอมรับว่าอร่อยจริง
แต่พูดไปก็ไม่ได้รสชาติ คงต้องมาสัมผัสด้วยลิ้นตัวเองจึงจะดีที่สุด

คนที่มาเที่ยวตลาดน้ำวัดสะพานยังจะได้มาทำบุญไหว้พระที่ "วัดสะพาน" อันเป็นที่ตั้งของตลาดน้ำ
ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยปลายอยุธยาต่อมาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
มีพระพุทธรูปหินทรายเก่าแก่สมัยอยุธยาอยู่หลายองค์ด้วยกัน แต่ถูกทำลายจนหักพังลงไปมาก
บางองค์ก็นำมาพอกปูนซ่อมใหม่ แต่บางองค์ก็เสียหายมากเกินจะปฏิสังขรณ์ได้
โดยพระพุทธรูปองค์สำคัญของวัดนั้นมีสามองค์ด้วยกัน ประดิษฐานอยู่ในวิหารโถง ซึ่งเป็นวิหารโล่งไม่มีฝาผนัง
พระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นก็คือ "หลวงพ่อโต" "หลวงพ่อกลาง" และ "หลวงพ่อดำ"
ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในแถบนั้นเป็นจำนวนมาก


ไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสะพาน

สำหรับใครที่มีเวลาน้อยแต่อยากชมบรรยากาศของตลาดน้ำทั้งสามแห่ง ก็สามารถทำได้
เพราะเขามีการเชื่อมโนงตลาดน้ำ ทั้งสามเข้าด้วยกันเป็นเส้นทางท่องเที่ยวตลาด น้ำย่านตลิ่งชันทางน้ำ
เพราะคลองในแถบนี้สามารถเชื่อมถึงกันได้หมด โดยไปเริ่มต้นที่ตลาดน้ำตลิ่งชัน
แล้วเหมาเรือมาที่ตลาดน้ำท่ามะยม แล้วมาจบที่ตลาดน้ำวัดสะพาน
ในหนึ่งวันก็สามารถเที่ยวและหาของกินอร่อยๆ ได้ถึงสามตลาดน้ำเลยทีเดียว

ในย่านตลิ่งชันนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอย่าง "บ้านจักรยาน" บนถนนสวนผัก
ที่ถือเป็นสวรรค์ของคนรักจักรยาน เพราะที่นี่มีจักรยานยี่ห้อต่างๆ ประเภทต่างๆ ให้ชมกันเป็นพันๆคัน
ด้วยการสะสมของเจ้าของบ้าน หรืออาจารย์ทวีไทย บริบูรณ์ บุคคลผู้หลงเสน่ห์ของจักรยาน
และได้เริ่มลงมือเสาะหาและสะสมจักรยานมา 5 ปีด้วยกัน
โดยจักรยานคันสำคัญที่คนรักจักรยานต้องอยากเห็นก็คือ จักรยานยี่ห้อ "เดตัล"
ซึ่งเป็นจักรยานยี่ห้อแรก ที่เข้ามาขายในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5
และจักรยานยี่ห้อดังอย่างราเล่ห์ ฮัมเบอร์ ฟิลลิปส์ เฮอคิวลิส รัดจ์ และบีเอสเอ เป็นต้น
ซึ่งจักรยานนับพันคันเหล่านี้ก็มีทั้งวางโชว์อยู่บนพื้น และแขวนโชว์อยู่ด้านบน ละลานตาไปด้วยจักรยาน


ชมจักรยานนับพันคันในบ้านจักรยาน

แต่นอกจากจักรยานสวยๆแล้ว เจ้าของบ้านก็ยังสะสมของเก่าอย่างขวดน้ำอัดลม ขวดเหล้าเก่าๆ
แบบที่หาไม่ได้ในปัจจุบันแล้ว และเฟอร์นิเจอร์เก่าดูคลาสสิคอย่างพัดลมตั้งโต๊ะ พัดลมแขวน รวมถึงหนังสือเก่า
โปสเตอร์เก่าต่างๆ อีกทั้งยังมีเครื่องปั้นดินเผาเป็นรูปคนและสัตว์ ซึ่งเป็นผลงานของเจ้าของบ้านเองอีกด้วย

ไม่ไกลจากบ้านจักรยาน มีสิ่งที่น่าสนใจไม่ควรพลาดอย่าง "วัดชัยพฤกษ์มาลา" วัดเก่าแก่ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา
และได้รับการบูรณะมาตลอดในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ซึ่งยังคงมีวิหารและอุโบสถเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยาให้เราได้ชมกัน
วิหารเก่าแห่งนี้ดูแปลก เพราะมีประตูเล็กอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง แถมยังมีตั้งห้าหกบาน
ต่างจากวัดอื่นที่ฉันเคยไปเยือนอย่างเห็นได้ชัด มารู้ทีหลังว่าที่แท้แล้วประตูข้างนั้นก็คือหน้าต่างของวิหาร
แต่เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับคลองมหาสวัสดิ์ จึงเกิดน้ำท่วมบ่อยๆ และต้องถมที่ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหนีน้ำ
ถมไปถมมาจนพื้นสูงขึ้นมาถึงหน้าต่าง จนกลายเป็นทางเข้าทางออกอย่างที่เห็น


ไหว้พระในวิหารหลังเก่าของวัดชัยพฤกษ์

อีกทั้งภายในวัดยังมีพระเจดีย์ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่ต่อมาใน พ.ศ.2478
หม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ เมื่อเสร็จแล้วก็ได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 3
และอัฐิของเจ้านายหลายพระองค์มาบรรจุไว้ในเจดีย์องค์นี้ด้วย

มาปิดท้ายแหล่งท่องเที่ยวของเขตตลิ่งชันกันที่ "ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร" ศูนย์ ข้อมูลทางด้านมานุษยวิทยา
ประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ โบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมหาวิทยาลัยศิลปากร
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 3 รอบ
โดยภายในศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรนี้มีห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรอยู่ 4 ห้องด้วยกัน คือ
"ห้องพระราชประวัติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ"
ที่จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ตั้งแต่ในวัยเยาว์ของสมเด็จพระเทพรัตนฯ
และพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อพระองค์เสด็จไปประกอบพระราชกรณียกิจในจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย
และหนังสือที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น จากการเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ ต่างๆ ทั่วโลก
รวมถึงภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์เป็นภาพสีน้ำมัน และเครื่องเคลือบดินเผาหลายสิบชิ้น


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร แหล่งความรู้ในเขตตลิ่งชัน

"ห้องเครื่องปั้นดินเผา" ซึ่งจัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา ในประเทศไทยทุกยุคสมัย
ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ มีตัวอย่างของเครื่องปั้นดินเผาในยุคทวารวดี สมัยสุโขทัย
สมัยล้านนาให้ชมกัน "ห้องแสดงพัฒนาการทางสังคมวัฒนธรรมในประเทศไทย"
สำหรับคนที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับที่มา และชาติพันธุ์ในประเทศไทยและแถบเอเชียอาคเนย์
และ "ห้องชาติพันธุ์วิทยาทางโบราณคดี" ซึ่ง จัดแสดงแหล่งโบราณคดีในภาคอีสาน
การสืบเรื่องราววิถีชีวิตในยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยเปรียบเทียบกับสภาพ ปัจจุบัน เช่น การทำเกลือ
การใช้ภาชนะดินเผา การถลุงเหล็ก อีกทั้งภายในศูนย์มานุษยวิทยาฯยังมีห้องสมุดที่มีหนังสือกว่า 40,000 รายการ
ทั้งภาษาไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส ภาษาจีน

นี่ยังเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวบางส่วนของเขตตลิ่งชันเท่านั้น
หากอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจอีกก็คงต้องมาชมกันเองเสียแล้วล่ะ


โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ที่มา //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000093938




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552
1 comments
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2552 14:39:50 น.
Counter : 1807 Pageviews.

 

สวัสดีครับ
ตลิ่งชัน มีของดีให้ชิม ให้ชมเยอะเลยนะครับ
ต้นเดือนก่อนก็แวะไปกินอาหารกลางวัล
คนแน่นจัง

 

โดย: the mynas 29 พฤศจิกายน 2552 14:53:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.