การปลูกต้นไม้ใหญ่ตกแต่งบ้าน : ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก (หน้าร้อน 2)
การปลูกต้นไม้ใหญ่ตกแต่งบ้าน : ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก (2) สำหรับตอนที่ 2 เราจะว่าเรื่องของ วงศ์ไม้ตะแบก ล้วนๆ เพราะมีอยู่หลายชนิด ที่มีความคล้ายคลึงกันมาก แม้คนเขียนเอง ก็ยังมึนๆ พอสมควร เวลามาสรุปให้ฟัง เอาเป็นว่า ผมเลือกที่นิยมมากๆ มาจริงๆ แค่ 4 ชนิดนะครับ อ่านแล้ว แยกออกไม่ออก ก็ค่อนว่ากันอีกที่ หรือมีผู้รู้ เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ก็ขอความอนุเคราะห์ เข้ามาช่วย comment ด้วยก็ดีนะครับ 9. วงศ์ไม้ตะแบก : LYTHRACEAE มีปริมาณพืชมากถึง 26 สกุล 552 ชนิดพันธุ์ ในประเทศไทย มีประมาณ 7 สกุล 30 ชนิดพันธุ์ วงศ์ไม้ตะแบก เป็นไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ยืนต้น บางชนิดตามกิ่งก้านอาจมีหนามแข็งใหญ่ โคนต้นมักเป็นพูพอน ผิวเปลือกของลำต้นและกิ่งมักเรียบเป็นแผ่น หรืออาจเป็นสะเก็ดเมื่อลอกเปลือก ใบ เป็นใบเดี่ยว ติดเรียงแบบตรงกันข้าม ขอบใบเรียบ เนื้อเหนียว อาจมีขนนุ่มคลุมผิวใบ กิ่งที่ยังมีใบติดมักมีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ช่อดอก อาจเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อดอกแบบ cyme หรือ panicle ออกที่ซอกกิ่ง ดอกมีกลีบประดับรองรับ 2 อัน เป็นดอกเพศครบ รูปทรงได้สัดส่วนสมดุลย์ กลีบรอง มี 48 กลีบ เชื่อมติดกันรวมเป็น calyx tube มีสภาพคงทน กลีบมีสีชมพูเข้มจนถึงม่วงปนน้ำเงิน มักร่วงง่าย ฤดูออกดอก-ผล เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม หรือตลอดปี ตัวอย่างชนิดพืช วงศ์ไม้ตะแบก เช่น Lagerstroemia calyculata ตะแบกแดง Lagerstroemia cuspidate ตะแบก Lagerstroemia floribunda ตะแบกนา Lagerstroemia indica ยี่เข่ง Lagerstroemia loudonii อินทรชิต Lagerstroemia macrocarpa อินทนินบก Lagerstroemia speciosa อินทนินน้ำ Lagerstroemia tomentosa เสลา Lagerstroemia venusta เสลาเปลือกบาง Lagerstroemia villosa เสลาเปลือกหนา ทั้ง ตะแบก, เสลา, อินทนิลน้ำ และอินทนิลบก ซึ่งดูผิวเผินมีลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงทำให้เกิดความสับสนว่า ต้นใดเป็น ตะแบก เสลา อินทนิล เนื่องจากพรรณไม้จำพวก ตะแบก, เสลา, อินทนิล เป็นไม้ในสกุลเดียวกัน คือ Lagerstroemia วงศ์ Lythraceae คนทั่วไปจึงแยกไม่ออก หรือสับสนกันมาก ชนิดที่เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของไทย นำมาปลูกประดับเรียงลำดับตามความนิยม ได้แก่ อินทนิลน้ำ, เสลา, ตะแบก และอินทนิลบก ตามถนนในกรุงเทพมหานคร มักจะปรากฏพรรณไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งดังกล่าวปลูกแทรกอยู่เสมอ เช่น สองฟากถนนเพชรบุรี มีอินทนิลน้ำ, เสลา และตะแบก ปลูกกันประปรายในเมืองต่าง ๆ ทางภาคเหนือและภาคอีสาน พรรณไม้ทั้ง ๔ ชนิด มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน พอสังเกตได้ดังนี้ 9.1 อินทนิลน้ำ [Lagerstroemia speciosa ] มี เปลือกลำต้นสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างเรียบ อาจจะตกสะเก็ดเป็นแผ่นบาง ๆ บ้างเล็กน้อย ใบเกลี้ยงปลายใบเรียวแหลม ผลิใบอ่อนเต็มต้นพร้อมช่อดอก สังเกตได้ง่ายที่ ตำแหน่งช่อดอกเป็นพุ่มทรงเจดีย์ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอดโดยรอบ ขนาดของดอกบานกว้าง 5-8 เซนติเมตร ออกชิดกันเป็นกลุ่ม สีม่วงสด ม่วงอมชมพูจนถึงชมพู และสีจะซีดจางลงเล็กน้อยเมื่อดอกโรย ผลมีผิวขรุขระ สีคล้ายเนื้อไม้ ออกดอกช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) อินทนิลน้ำ เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ค่อนข้างใหญ่ สูง 15-25 เมตร พบขึ้นตามที่ราบลุ่มทั่วไป และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำลำธาร ในป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดงดิบทุกภาค แต่พบมากในป่าดงดิบชื้นในภาคใต้ ที่มีระดับความสูงไม่เกิน 600 ม. ลำต้นเมื่อเล็กมักคดงอแต่เมื่อต้นใหญ่จะเปลาตรง เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย รูปใบขอบขนาน หรือแกนรูปหอก ใบอ่อนสีน้ำตาลอ่อนเกลี้ยง ใบแก่ก่อนร่วงสีเหลือง-ส้ม-แดง ผลรูปทรงกลมรี เป็นผลแบบแห้งแข็งแล้วแตก ผลแก่จะแตกออก 6 ซีก อินทนิลน้ำ ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิดที่มีความชื้นปานกลาง - มาก ชอบแดด ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด อินทนิลน้ำ ต่างจากอินทนิลที่ ใบจะบาง เรียวยาวกว่า ปลายกิ่งโค้งลง และทรงพุ่มบาง แผ่กว้างไม่เป็นพุ่มแน่น ไม่มีเรือนยอดสูงเพรียว 9.2 อินทนิลบก (Lagerstroemia macrocarpa) ลักษณะคล้ายอินทนิลน้ำมาก แต่ ใบ ดอก และผลมีขนาดใหญ่กว่า ใบป้อมและกว้างกว่าใบอินทนิลน้ำ ปลายใบมนกว้างหรือแหลมเป็นติ่งสั้นๆ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกไม่ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอด ขนาดของดอกบานกว้าง ๑๐-๑๓ เซนติเมตร แต่ละดอกจะชิดกันเป็นกลุ่ม ดอกสีม่วงอมชมพู และสีจะจางซีดลงเป็นสีขาวอมชมพู ออกดอกช่วงฤดูร้อน มีชื่ออื่น ๆ ว่า กาเสลา, จ้อล่อ, จะล่อ , จะล่อหูกวาง ทางอีสานเรียก กากะเลา อินทนิลบก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 10-15 เมตร ลำต้นตรง เปลือกสีดำ ค่อนข้างขรุขระ แตกลึกเป็นร่องยาวๆ ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน เนื้อใบสีเขียวเข้มจัด หนาเป็นมัน ผลรูปไข่เกลี้ยง ฝักแก่แข็ง ไม่ร่วงหล่น แต่จะติดตรึงอยู่บนต้นข้ามปี ออกดอกสะพรั่ง และต่อเนื่องยาวนาน 3 4 เดือน ในช่วงเดือน มีนาคม ถึงมิถุนายน ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด มีถิ่นกำเนิด ในที่ราบลุ่มริมน้ำ ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบทั่วไป 9.3 ตะแบก (Lagerstroemia floribunda ) มี เปลือกลำต้นสีเทา เรียบ ลื่น เป็นมัน มักมีรอยแผลเป็นหลุมตื้น คล้ายเปลือกต้นฝรั่ง ใบอ่อนมีขนปกคลุม ใบแก่เกลี้ยง ช่อดอกออกตามปลายกิ่งโค้งชูเหนือเรือนยอด มีดอกจำนวนมาก ดอกขนาดเล็ก บานเต็มที่กว้าง ๔-๕ เซนติเมตร ดอกในช่อเรียงกันห่าง ๆ ทำให้ช่อดอกโปร่ง ดอกสีม่วงอมชมพู และสีจะจางซีดลงเกือบเป็นสีขาวเมื่อดอกโรย ผลผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลเข้ม มีขนปกคลุมบางๆ ที่ส่วนปลาย ออกดอกในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน-กันยายน) ตะแบก มีชื่อพื้นเมืองว่า กะแบก ตะแบกไข่ ตะแบกแดง เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 -30 เมตร ไม่ผลัดใบ ผลแห้งแตก ทรงรี ผลแห้งแตกเป็น 6 เสี่ยง เมล็ดเล็กๆมีปีก ตะแบกเป็นไม้ต้นที่นิยมใช้ในการจัดสวนมาก ปลูกเพื่อให้ร่มเงา ต้นตะแบกเป็นไม้มงคลนาม คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นตะแบกไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีฐานะสูงขึ้น และมั่นคงแข็งแรง เพราะ แบก คือ การแบกไว้ไม่ให้ตกต่ำ 9.4 เสลา (Lagerstroemia loudonii ) มี เปลือกลำต้นสีน้ำตาลดำหรือสีคล้ำ แตกเป็นร่องตื้นๆ ตามยาว ปลายกิ่งย้อยลู่ลงสู่พื้น ใบมีขนปกคลุมประปราย ช่อดอกออกตามกิ่ง ตามง่ามใบและปลายกิ่ง แต่ ช่อไม่ชูตั้งขึ้น เมื่อดอกในช่อบานจะชิดกัน ดอกสีชมพูอมม่วง ออกดอกช่วงฤดูร้อน ผลผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลไหม้ มีชื่ออื่น ๆ ว่า เสลาใบใหญ่, อินทรชิต ชื่อพื้นเมืองเรียก เกรียบ ตะเกรียบ ตะแบกขน เสลา เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ เป็นพรรณไม้ขนาดกลาง โตช้า สูงได้ถึง 20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลม หรือทรงกระบอก หนาทึบ ใบเดี่ยวรูปไข่ แกนขอบขนาน มีผลกลมรี เปลือกแข็ง ผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลไหม้ นิยมปลูกให้ร่มเงาในบ้านหรือในสวน เพราะเป็นไม้พุ่มใบห้อยย้อยลงสวยงาม การปลูกขยายพันธุ์ ขึ้นได้ดีในดินร่วนซุย ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ชอบแดดจัด เหมาะจะปลูกลงดินกลางแจ้ง ถ้าปลูกในพื้นที่ริมรั้วหรือข้างบ้าน ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 - 5 เมตร หากปลูกเป็นแถวริมถนนไม่ควรน้อยกว่า 8 เมตร หลุมปลูกควรลึกและกว้างไม่น้อยกว่า 80-100 ซม. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด มีคนพยายามแยกแยะให้ง่ายขึ้นว่า ต้นเสลาแตก ตะแบกเรียบ (หมายถึงลักษณะของลำต้น) แต่ลักษณะลำต้น บางครั้งก็ยังสับสนกันได้ระหว่างต้นอินทนิลและต้นเสลา หากไม่สังเกตให้ดีครับ ตอนหน้า ต่อกันเรื่อง ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก ที่ออกดอกในหน้าหนาวครับ TraveLArounD ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1400 กว่าเรื่องแล้ว หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส
Create Date : 10 กันยายน 2552
Last Update : 7 เมษายน 2556 11:54:38 น.
Counter : 18065 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [? ]
ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์ ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email : nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.