"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

สวนญี่ปุ่น : การจัดองค์ประกอบแบบธรรมชาติ


ภาพสวนชุดนี้ ไม่ได้เน้นสีสัน เหมือนภาพชุดก่อน
แต่รวมภาพที่แสดงองค์ประกอบของสวน ประเภทต่างๆ
(นอกจากต้นไม้) ทั้งที่เป็นธรรมชาติ
เช่นน้ำ ทราย หิน ฯลฯ
และไม่เป็นธรรมชาติ (ที่มนุษย์ทำขึ้น)
เช่นศาลา ซุ้ม sculpture ฯลฯ













































การจัดองค์ประกอบ เขาพยายามเลียนแบบธรรมชาติ
จนกลมกลืน หรือดูไม่ออก
ว่าคนจัด หรือมันเป็นธรรมชาติกันแน่
(ตั้งใจทำให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจ)
บางอย่าง เช่นสวนจำลอง อาจดูง่ายหน่อย
เพราะทำแบบพิถีพิถัน ทุกซอกทุกมุม
แต่สวนที่มีขนาดใหญ่ๆ มักจะทำเลียนธรรมชาติได้ดีและกลมกลืน
ผิดกับแนวคิดทางตะวันตก ที่จัดสวนแบบมีแบบแผนเป็น pattern















































จะว่าแบบของใครสวยกว่ากัน ก็คงวัดกันไม่ได้
(และไม่น่าไปวัด)
เพราะมันเป็นความชอบ ความนิยมของสังคม แต่ละสังคม
ทำให้เกิดความแตกต่าง หลากหลาย















































แต่เป็นความหลากหลายของการสร้างสรรค์
ที่จรรโลงสภาพแวดล้อม และที่อยู่อาศัย
ที่ยิ่งมีมาก ก็ยิ่งดี
ต่างกับความหลากหลายทางความคิด
การเมือง และเรื่องผลประโยชน์
ที่ไม่ควรจะมีมาก ให้วุ่นวาย กลุ้มใจ ปวดหัว
ไปทั่วทุกหัวระแหง


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1200 กว่าเรื่องแล้ว

ส่วนท่านที่ชอบเพลง background ผมได้รวบรวมเพลงไพเราะ เพลงรัก romantic และเพลงซึ้งๆ ที่หาฟังได้ยากในสมัยนี้ ไว้หลายชุด สนใจ email ติดต่อมาได้ครับที่ nana_sara1000@ymail.com

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 25 กันยายน 2553 20:57:10 น.
Counter : 8306 Pageviews.  

สีสัน ในสวนญี่ปุ่น

สีสัน ในสวนญี่ปุ่น














































ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่อยู่ในเขตเหนือเส้นศูนย์สูตร ที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น จึงมีต้นไม้ที่ผลัดใบหลายชนิด โดยเฉพาะที่มีใบเป็นแฉก แบบพวกเมเปิ้ล ที่เวลาผลัดใบ มันจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆจนกว่าจะร่วง (ประเทศไทยก็พอมีบ้าง เช่นแถวภูกระดึง ภูเรือ แต่ก็ไม่มาก)































































สีสันของมัน เวลาร่วงพร้อมๆกันจำนวนมาก ก็จะสวยไปแบบหนึ่ง หรือเวลาที่มันอยู่ผสมปนเปกับต้นไม้อื่นๆ ก็จะมีสีสันตัดกัน ให้ความสวยงามไปอีกอย่างหนึ่ง










































สวนญี่ปุ่น ก็จะมีความงามที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลได้ ให้อารมณ์ความรู้สึก ที่แตกต่าง ไปตามฤดูกาลเช่นกัน เป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นของสวนญี่ปุ่น แบบธรรมชาติประทานให้ทีเดียว


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1200 กว่าเรื่องแล้ว

ส่วนท่านที่ชอบเพลง background ผมได้รวบรวมเพลงไพเราะ เพลงรัก romantic และเพลงซึ้งๆ ที่หาฟังได้ยากในสมัยนี้ ไว้หลายชุด สนใจ email ติดต่อมาได้ครับที่ nana_sara1000@ymail.com

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส




 

Create Date : 29 กันยายน 2552    
Last Update : 2 กันยายน 2553 22:05:20 น.
Counter : 3955 Pageviews.  

การปลูกต้นไม้ใหญ่ตกแต่งบ้าน : ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก (หน้าหนาว)

การปลูกต้นไม้ใหญ่ตกแต่งบ้าน : ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก (3)


การที่ผมแบ่งไม้ดอกออกเป็นหมวดตามฤดูนั้น ก็เพื่อช่วยในการตัดสินใจคัดเลือกไม้ที่จะปลูก ได้ง่ายขึ้น เพราะเรื่องแบบนี้ ไม่มีตำราไหนเขาแนะนำ เป็นเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญเขารู้กันเอง การแบ่งแบบนี้ จะเป็นประโยชน์กับทั้งคนที่มีที่เล็กๆ และที่ใหญ่ๆ ทั้ง 2 กลุ่ม

คนที่มีที่เล็กๆ แม้จะชอบไม้หลายอย่างแต่ทางเลือกน้อย ก็ต้องตัดสินใจเอาที่ชอบจริงๆ มาปลูกสักต้น 2 ต้น เมื่อปลูกไปแล้ว ก็เปลี่ยนใจไม่ได้ ส่วนคนที่มีที่มากๆ ก็จะเลือกได้หลายพันธุ์ และวางผังการปลูกให้ดี เช่นเลือกไม้ที่ออกดอกแต่ละฤดูมาผสมกัน จะได้มีดอกสลับกันออกให้ชื่นชมได้ทั้งปี หรือวางผังแยกเป็นแถวเป็นแนว หน้าบ้านสีหนึ่ง ข้างบ้านสีหนึ่ง หรือปลูกขนาบถนนเป็นซุ้มสองข้างทาง ก็ได้ อย่างนี้เป็นต้น


ไม้ดอกหน้าหนาวจริงๆ ก็มีไม่กี่ชนิด แต่จะแยกเป็นพันธุ์ต่างๆหลายพันธุ์ ได้แก่

1.สุพรรณิการ์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ในวงศ์ COCHLOSPERMACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Cochlospermum regium ชื่อสามัญ Yellow Silk Cotton มีจุดเด่นที่ดอกใหญ่มีกลีบซ้อนแน่น แต่คนมักจะเรียกรวมกับฝ้ายคำ ที่มีกลีบดอกชั้นเดียว ซึ่งยังมีหลายพันธุ์ ผมจึงแยกออกมา เฉพาะพันธุ์นี้ ส่วนฝ้ายคำ ก็จะรวมกันไปหลายๆพันธุ์









สุพรรณิการ์ เป็นไม้ยืนต้น สูงเต็มที่ไม่เกิน 15 เมตร แตกกิ่งก้านพุ่มโปร่ง เปลือกต้นเรียบสีน้ำตาลเข้ม เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ เปลือกต้นสีน้ำตาลเทา ใบ เป็นเดี่ยว ขอบใบเป็นคลื่น ออกเวียนสลับกัน เป็นรูปฝ่ามือ มี 5 แฉก ปลายแฉกแหลม โคนเว้า ดอกสีเหลือง ทั้งกลีบดอกและเกสรดอกสีเหลืองสด มีกลีบดอกซ้อนหลายชั้น ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ยาวราว 20-30 ซม. ทยอยบาน เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8 ซม. ออกดอกราวเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์ ก่อนจะออกดอกทิ้งใบก่อน ดอกแห้งทำเป็นยาบำรุงกำลัง ผลรูปไข่กลับ กว้าง 2.5-3 ซม. ยาว 5-7 ซม. แตกเป็น 3-5 ซีก ผลแก่เปลือกสีดำ และแตก 3-5 พูเมื่อแห้งมีเมล็ด สีน้ำตาล มีปุยคล้ายฝ้ายหุ้ม ด้านในมีเมล็ดสีดำ แต่ไม่คอยติดผล ดอกมักจะร่วงเร็ว เพราะกลีบซ้อนหนาหนัก













สุพรรณิการ์ เป็นพรรณไม้เก่าแก่ยุคพุทธกาล นักเล่นต้นไม้มีความเชื่อว่า เป็นไม้มงคล หากปลูกไว้หน้าบ้าน จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยคุมครองให้คนในบ้านอยู่ดีมีความสุข และเป็นไม้ประจำคนเกิดปีระกา เวลาปลูกให้ปลูกในวันพุธ หันหน้าไปทางทิศใต้ ปัจจุบันเป็นพันธุ์พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคล ประจำจังหวัดนครนายก เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอุทัยธานี สระบุรี สุพรรณบุรี บุรีรัมย์ และเป็นไม้ประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย












สุพรรณิการ์ มีถิ่นกำเนิด ในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด หรือโดยการปักชำ ตอนกิ่งก็ได้ สภาพที่เหมาะสม ชอบดินร่วนซุย แสงแดดจัด ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้เพราะมีดอกสวยงาม








2. ฝ้ายคำ มีดอกคล้าย สุพรรณิการ์ แต่กลีบดอกชั้นเดียว เป็นไม้ในวงศ์ Cochlospermaceae-Bixaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cochlospermum religiosum (Yellow Cotton Tree) หรือ Cochlospermum vitifolium และอีกหลายสายพันธุ์เช่น Cochlospermum fraseri , Cochlospermum gossypium (Silk Cotton tree) นำเข้ามาปลูกในประเทศไทยนานมากแล้ว ต้นจะสูงชะลูดมาก ฝ้ายคำเป็นไม้ยืนต้น สูง 5-15 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลเรียบ กิ่งก้านมักคดงอ ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ แผ่นใบรูปฝ่ามือ ปลายแฉกแหลม โคนใบเว้า ขอบหยักเป็นคลื่น ผิวใบมีขนสั้นนุ่ม สีเขียวสด เมื่อแก่ใกล้ร่วงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ดอกสีเหลือง ออกเป็นแขนงตามปลายกิ่ง กลีบดอกชั้นเดียว แต่ลักษณะกลีบดอก แต่ละพันธุ์จะมีต่างกัน เหมือนกันแต่สีเหลืองเท่านั้น (ดูจากรูป) ฝ้ายคำ ออกดอกเกือบตลอดปี ดอกดกมาก ราวกุมภาพันธ์-เมษายน มีถิ่นกำเนิดในอินเดียทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหิมาลัย และเป็นไม้พื้นเมือง ของพม่าด้วย ในศรีลังกามักปลูกบริเวณพระอุโบสถ เป็นดอกไม้บูชาพระ นำเข้ามาประเทศไทยกว่า 50 ปีมาแล้ว



Cochlospermum fraseri kapok








Cochlospermum fraseri









Cochlospermum gossypium









Cochlospermum religiosum










ฝ้ายคำ เป็นทั้งดอกไม้ประจำจังหวัดนครนายก และเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครนายก ปลูกเป็นไม้ประดับ ทั่วทุกภาคของไทย ขึ้นได้ดีในดินที่ร่วนซุย ก่อนออกดอกจะทิ้งใบหมด ผลรูปไข่กลับ ผลแก่ระหว่างเดือนมีนาคม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ทาบกิ่ง ตอนกิ่ง ปักชำ








3. ศรีตรัง (Jacaranda) หรือ แคฝอย เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ปลูกเป็นไม้ประดับ สูง 4-10 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดโปร่ง เปลือกสีน้ำตาลอมขาว แตกล่อนเป็นแผ่นบางตามยาวคล้ายกระดาษ ใบเล็กๆคล้ายมะขาม ใบเป็นใบ
ศรีตรังมีอยู่ 2 ชนิด ด้วยกันคือ
1.ชนิดที่มีช่อดอกเกิดที่ปลายยอด มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Jacaranda minosifolia
2.ชนิดที่มีช่อดอกเกิดที่ซอกใบตามกิ่งและปลายยอด มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Jacaranda filicifolia ชนิดที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปในประเทศไทยได้แก่ชนิดนี้











ต้นศรีตรัง มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Jacaranda filicifolia เป็นไม้ต้นขนาดเล็กในวงศ์ BIGNONIACEAE ผลัดใบ เรือนยอดโปร่ง เปลือกสีน้ำตาลอมขาว แตกล่อนเป็นแผ่นบางตามยาวคล้ายกระดาษ ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น เรียงตรงกันข้าม ใบย่อย 12-21 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปขอบขนานแกมรูปเหลี่ยมข้าวหลามตัด มีขนาดเล็ก กว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-1.5 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว ดอก สีม่วงอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อแบบกระจุก แยกแขนงตามกิ่งและซอกใบ ใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 5-9 ซม. กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีม่วงเข้ม ปลายแยก 5 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2.5 ซม. ผลแห้งแตกเป็นฝักสีน้ำตาลอ่อน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 2.2-2.5 ซม. เมล็ดมีปีกจำนวนมาก











ศรีตรัง มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ จะออกดอกประมาณเดือน มกราคม-มีนาคม เป็นผลประมาณเดือน เมษายน-พฤษภาคม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ








4. แคฝรั่ง เป็นไม้สกุล LEGUMINOSAE (PAPILIONOIDEAE) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gliricidia sepium ชื่อสามัญมีหลายชื่อเช่น Mother-of-cocao, Nicaraguan Cocao-shade หรือ Quick Stick เป็นไม้ยืนต้น ขนาดเล็กถึงกลาง สูง 5-15 เมตร เป็นไม้ผลัดใบ รูปทรงไม่แน่นอน กิ่งก้าน เจริญเติบโตไม่เป็นระเบียบ นิยมปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงา หรือเป็นแนว ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบบางสีเขียวเข้ม ใต้ใบสีเขียวนวล ยอดอ่อนสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ดอกออกเป็นช่อ ตามกิ่ง รูปดอกถั่ว ขนาดเล็ก มีทั้งสีขาว ม่วงอ่อน และชมพู มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักแบน สีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม ปลายฝักแหลม

























































แคฝรั่ง มีถิ่นกำเนิด แถบอเมริกาเขตร้อน เม็กซิโก โคลัมเบีย เวเนซุเอลา และแถบทะเลแคริเบียน ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด หรือปักชำกิ่ง ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงา หรือไม้ประดับ การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด หรือปักชำกิ่ง








ต้นทองหลาง (ปาริชาต) เป็นไม้ที่อยู่ในสกุล Erythrina มีด้วยกันหลายพันธุ์ เช่น ทองหลางน้ำ ทองหลางใบมน ทองหลางใบมนด่าง ทองหลางฮ่องกง ทองหลางดอกแดง ทองหลางดอกสีชมพู ทองหลางดอกขาว ไม้ในสกุลนี้มีทั้งเป็นไม้ป่าบ้านเรา และไม้นำเขามาจากต่างประเทศ เช่น

Erythrina caffra--Coral Tree เรียกชื่อว่า ทองโหลง ,ทองหลางน้ำ ,ทองหลางใบมน ,ทองหลางบ้าน
Erythrina crista-galli--Cockspur Coral Tree ทองหลางฮ่องกง/สราญรมย์ ทองหลางต้นนี้มาจากอเมริกาใต้ เค้าเป็นดอกไม้ประจำชาติของอาเจนตินาและอุรุกวัย
Erythrina --corallodendrum ทองหลางมโนรมย์/ มโนรมย์ การขยายพันธุ์ไม้สกุลทองหลาง โดยการเพาะเมล็ด ปักชำ หรือตอนกิ่ง
Erythrina --variegata (Indian coral tree/Variegated tiger's claw) ทองหลางลาย/ทองหลางใบมนด่าง/ทองเผือก/ทองบ้าน ทองหลางใบมนด่างมีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดีย

จะเห็นว่ามีความหลากหลายเช่นกัน ผมจึงเลือกมาเฉพาะที่มีแพร่หลายหน่อย และมีความแตกต่างกัน ค่อนข้างชัดเจน เพื่อการเลือกหามาปลูก



5. ทองหลางลาย หรือ ทองหลางด่าง เป็นพืชในวงศ์ LEGUMINOSAE มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Erythrina variegata ชื่อสามัญ lndian Coral Tree, Variegated Tiger’s claw หรือชื่อไทยอื่นๆ ปาริชาติ ปาริฉัตร ทองบ้าน ทองเผือก ทองหลางด่าง มังการา
































ทองหลางด่างเป็นไม้ต้นผลัดใบ สูง 5 - 10 เมตร ลำต้นสีเทาอ่อน เปลือกลำต้นเป็นลายคล้ายเปลือกแตกตื้น ตามกิ่งต้นอ่อนมีหนาม เรือนยอดเป็นพุ่มกลมโปร่ง ใบประกอบรูปขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางจะโตกว่า 2 ใบข้าง ใบย่อยเป็นรูปไข่ หรือรูปไข่กึ่งขนมเปียกปูน สีเขียวและ มีลายเหลือง มีดอกรูปดอกถั่วสีแดงเข้ม ออกรวมกันเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง ยาวประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร ผลเป็นฝักยาว 15 - 30 เซนติเมตร ออกดอกราวเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ มักสลัดใบหมดต้นก่อนออกดอก ปลูกขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งและการตอนกิ่ง










6. ทองหลางใบมน เป็นต้นไม้วงศ์ LEGUMINOSAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Erythrina suberosa มีชื่อเรียกอื่นๆอีก เช่น ทอง ทองกี ทองแค ทองบก เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงประมาณ ๑๕ เมตร ลำต้นตรง เปลือกต้นหนาเป็นร่องลึก เป็นไม้ผลัดใบ ลำต้นสีเทาอ่อน เปลือกเป็นลายคล้ายเปลือกแตกตื้นๆ เรือนยอดกลม ตามกิ่งและก้านมีหนามแหลมคมเล็กๆกระจายทั่วไป ใบเป็นประเภทใบประกอบชนิดที่มี ๓ ใบย่อย ใบย่อยทรงมนป้อม ขนาดใบกว้าง 9 ซม. ยาว 5 ซม. (คล้ายใบถั่วพู) ขอบเรียบ สีเขียว ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง ดอกสีแดงเลือดนก และแดงแสด ยาวประมาณ 6 เซนติเมตร ผล เป็นฝักกลมยาว ประมาณ 25 เซนติเมตร เป็นข้อ ๆสีน้ำตาลเข้ม เมล็ดสีแสด ออกดอกระหว่างเดือนธันวาคม ถึงกุมภาพันธ์






















พบทั่วไปในย่านเอเซียเขตร้อนและอบอุ่น และพบทั่วไปทางภาคเหนือของไทย สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พบตามป่าโปร่ง ป่าผลัดใบและปลูกไว้ตามบ้าน หัวไร่ปลายนา ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด และปักชำ หรือการตอน นิยม ปลูกเป็นไม้ประดับ









7. ทองหลางใบมนด่าง อยู่ในวงศ์ LEGUMINOSAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Erythrina orientalis ชื่อสามัญ Erythrina indica มีชื่อเรียกอีกคือ ทองหลางด่าง (กทม.) และทองเผือก (พายัพ) ทองหลางลาย ทองหลางดอกแดง
เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-18 เมตร ลักษณะเหมือนทองหลางใบมนทุกอย่าง ต้นมีหนามแหลมสั้น ผิวเปลือกลำต้นบาง เป็นสีเทา หรือสีเหลืองอ่อนๆ ใบจะแตกต่างคือ มีเส้นกระดูกใบและเส้นแขนงใบเป็นสีเหลืองทอง จึงเรียก ทองหลางใบมนด่าง ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ ออกเรียงสลับ เป็นรูปไข่กว้าง เวลามีใบดกจะสวยงามน่าชมยิ่ง หลังใบเป็นสีด่างเหลือง ๆ เขียวๆ ดอก เป็นสีแดงหรือสีส้มอมแดง ออกเป็นช่อกระจะหรือแยกแขนงช่อ ออกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ลักษณะดอกเป็นรูปดอกถั่ว เวลามีดอกดกเต็มต้น จะสร้างสีสันสวยงามมาก















ทองหลางใบมนด่าง มีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดีย เป็นไม้พุ่มใหญ่ทรงกว้างใบเป็นประเภทใบรวม คือ ก้านใบหนึ่งมี ๓ ใบ ใบคล้ายใบสามเหลี่ยม แต่ใบด่างเขียวเหลือง ดอกสีแดงสด และขาว เวลาออกดอกใบจะร่วงหมด ออกดอกในเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ปักชำ หรือตอนกิ่ง











ในต่างจังหวัดนิยมปลูกแพร่หลายมานานแล้ว เพราะถือเป็นไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี ผล เป็นฝักรูปทรงกระบอกยาว โค้งเล็กน้อย สีน้ำตาล มีเมล็ดจำนวนมาก ดอกออกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายนทุกปี

เรื่องไม้ดอกยืนต้น คงยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังเหลืออีก 1 ตอน ประเภท ไม้ที่ออกดอกตลอดปี คอยติดตามต่อไปนะครับ


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1400 กว่าเรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส





 

Create Date : 25 กันยายน 2552    
Last Update : 7 เมษายน 2556 11:57:11 น.
Counter : 39029 Pageviews.  

ต้นตะเบขาว : Tabebuia roseo alba

ต้นตะเบขาว : Tabebuia roseo alba


พาชมไม้พันธุ์ตะเบ (Tabebuia) และตะแบก (Lagerstroemia) มาแล้วหลายตอน ก็จะมีดอกสีชมพูม่วง มากที่สุด แล้วก็เป็นเหลือง แต่ที่จะพาชมต่อไปนี้ เป็นพันธุ์สีขาว (อมชมพู) ที่ประเทศเรายังไม่มีใครนำเข้ามา ลองดูความสวยงามกันครับ













ดอกไม้พันธุ์นี้ มีสีหลักๆ อยู่ 4 สี คือ ขาว ม่วง ชมพู และเหลือง มีความหลากหลายคล้ายๆกัน แยกแยะกันได้ยาก สำหรับผู้ปลูกแล้ว ไม่ต้องไปศึกษาให้ลึกซึ้งครับ เลือกสีที่ชอบก็พอ และปลูกให้ถูกวิธี ที่สำคัญ ในด้านความสวยงาม ก็ต้องเลือกที่ตั้งและตำแหน่งให้ดี เพื่อให้สวยงามโดดเด่น





































ดอกตะเบขาว จะมีกลีบไม่ขาวโพลน แต่โคนกลีบจะออกสีชมพู จึงเป็นขาวอมชมพู และชื่อเขาก็ใช้ roseo ซึ่งจะแทนว่าสีชมพู (Tabebuia roseo alba) แต่ผมขอเรียกสีขาวไปก่อนครับ เพราะมันขาวกว่าชมพูพันธุ์ทิพย์เยอะ จะได้แตกต่างกัน ไม่สับสน (เอาไว้มีคนนำเข้ามาขยายพันธุ์กันแล้ว ค่อยมาสรุปกันใหม่ครับ) ผมว่า มีความสวยงามไม่แพ้สีอื่นๆ ยิ่งคนที่ชอบบ้านสีขาวๆด้วยแล้ว เวลาออกดอก มันจะขาวโพลนไปหมด คล้ายหิมะตกเลยที่เดียว ทำไมยังไม่มีใครเอาพันธุ์เข้ามาเพาะขาย น่าจะขายดีกว่าสีอื่นเสียอีก














ไม้พันธุ์นี้ เป็นไม้พื้นถิ่นของประเทศทางอเมริกาใต้ ไล่ตั้งแต่ทางเหนือของเม็กซิโก ลงมาจนถึงแถบทางเหนือของอาเจนตินา และที่พบสายพันธุ์มากที่สุด ก็จะเป็นที่โดมินิกัน และคิวบา นอกจากจะปลูกเป็นไม้ตกแต่งแล้ว เขายังนิยมเอามาทำเป็นวัสดุก่อสร้างอีกด้วย เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่ติดไฟง่าย และแมลงไม่รบกวน (แต่พวกตะเบเมืองไทยทำไมกิ่งมันเปราะนะ)


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1200 กว่าเรื่องแล้ว

ส่วนท่านที่ชอบเพลง background ผมได้รวบรวมเพลงไพเราะ เพลงรัก romantic และเพลงซึ้งๆ ที่หาฟังได้ยากในสมัยนี้ ไว้หลายชุด สนใจ email ติดต่อมาได้ครับที่ nana_sara1000@ymail.com

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส




 

Create Date : 16 กันยายน 2552    
Last Update : 2 กันยายน 2553 22:07:32 น.
Counter : 5235 Pageviews.  

การปลูกต้นไม้ใหญ่ตกแต่งบ้าน : ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก (หน้าร้อน 2)

การปลูกต้นไม้ใหญ่ตกแต่งบ้าน : ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก (2)


สำหรับตอนที่ 2 เราจะว่าเรื่องของ วงศ์ไม้ตะแบก ล้วนๆ เพราะมีอยู่หลายชนิด ที่มีความคล้ายคลึงกันมาก แม้คนเขียนเอง ก็ยังมึนๆ พอสมควร เวลามาสรุปให้ฟัง เอาเป็นว่า ผมเลือกที่นิยมมากๆ มาจริงๆ แค่ 4 ชนิดนะครับ อ่านแล้ว แยกออกไม่ออก ก็ค่อนว่ากันอีกที่ หรือมีผู้รู้ เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ก็ขอความอนุเคราะห์ เข้ามาช่วย comment ด้วยก็ดีนะครับ


9. วงศ์ไม้ตะแบก : LYTHRACEAE มีปริมาณพืชมากถึง 26 สกุล 552 ชนิดพันธุ์ ในประเทศไทย มีประมาณ 7 สกุล 30 ชนิดพันธุ์

วงศ์ไม้ตะแบก เป็นไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ยืนต้น บางชนิดตามกิ่งก้านอาจมีหนามแข็งใหญ่ โคนต้นมักเป็นพูพอน ผิวเปลือกของลำต้นและกิ่งมักเรียบเป็นแผ่น หรืออาจเป็นสะเก็ดเมื่อลอกเปลือก ใบ เป็นใบเดี่ยว ติดเรียงแบบตรงกันข้าม ขอบใบเรียบ เนื้อเหนียว อาจมีขนนุ่มคลุมผิวใบ กิ่งที่ยังมีใบติดมักมีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ช่อดอก อาจเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อดอกแบบ cyme หรือ panicle ออกที่ซอกกิ่ง ดอกมีกลีบประดับรองรับ 2 อัน เป็นดอกเพศครบ รูปทรงได้สัดส่วนสมดุลย์ กลีบรอง มี 4–8 กลีบ เชื่อมติดกันรวมเป็น calyx tube มีสภาพคงทน กลีบมีสีชมพูเข้มจนถึงม่วงปนน้ำเงิน มักร่วงง่าย ฤดูออกดอก-ผล เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม หรือตลอดปี

ตัวอย่างชนิดพืช วงศ์ไม้ตะแบก เช่น
Lagerstroemia calyculata ตะแบกแดง
Lagerstroemia cuspidate ตะแบก
Lagerstroemia floribunda ตะแบกนา
Lagerstroemia indica ยี่เข่ง
Lagerstroemia loudonii อินทรชิต
Lagerstroemia macrocarpa อินทนินบก
Lagerstroemia speciosa อินทนินน้ำ
Lagerstroemia tomentosa เสลา
Lagerstroemia venusta เสลาเปลือกบาง
Lagerstroemia villosa เสลาเปลือกหนา

ทั้ง ตะแบก, เสลา, อินทนิลน้ำ และอินทนิลบก ซึ่งดูผิวเผินมีลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงทำให้เกิดความสับสนว่า ต้นใดเป็น ตะแบก เสลา อินทนิล เนื่องจากพรรณไม้จำพวก ตะแบก, เสลา, อินทนิล เป็นไม้ในสกุลเดียวกัน คือ Lagerstroemia วงศ์ Lythraceae คนทั่วไปจึงแยกไม่ออก หรือสับสนกันมาก ชนิดที่เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของไทย นำมาปลูกประดับเรียงลำดับตามความนิยม ได้แก่ อินทนิลน้ำ, เสลา, ตะแบก และอินทนิลบก ตามถนนในกรุงเทพมหานคร มักจะปรากฏพรรณไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งดังกล่าวปลูกแทรกอยู่เสมอ เช่น สองฟากถนนเพชรบุรี มีอินทนิลน้ำ, เสลา และตะแบก ปลูกกันประปรายในเมืองต่าง ๆ ทางภาคเหนือและภาคอีสาน พรรณไม้ทั้ง ๔ ชนิด มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน พอสังเกตได้ดังนี้


9.1 อินทนิลน้ำ [Lagerstroemia speciosa ] มี “เปลือกลำต้นสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างเรียบ” อาจจะตกสะเก็ดเป็นแผ่นบาง ๆ บ้างเล็กน้อย ใบเกลี้ยงปลายใบเรียวแหลม ผลิใบอ่อนเต็มต้นพร้อมช่อดอก สังเกตได้ง่ายที่ “ตำแหน่งช่อดอกเป็นพุ่มทรงเจดีย์ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอดโดยรอบ” ขนาดของดอกบานกว้าง 5-8 เซนติเมตร ออกชิดกันเป็นกลุ่ม สีม่วงสด ม่วงอมชมพูจนถึงชมพู และสีจะซีดจางลงเล็กน้อยเมื่อดอกโรย ผลมีผิวขรุขระ สีคล้ายเนื้อไม้ ออกดอกช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม)






















อินทนิลน้ำ เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ค่อนข้างใหญ่ สูง 15-25 เมตร พบขึ้นตามที่ราบลุ่มทั่วไป และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำลำธาร ในป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดงดิบทุกภาค แต่พบมากในป่าดงดิบชื้นในภาคใต้ ที่มีระดับความสูงไม่เกิน 600 ม. ลำต้นเมื่อเล็กมักคดงอแต่เมื่อต้นใหญ่จะเปลาตรง เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย รูปใบขอบขนาน หรือแกนรูปหอก ใบอ่อนสีน้ำตาลอ่อนเกลี้ยง ใบแก่ก่อนร่วงสีเหลือง-ส้ม-แดง ผลรูปทรงกลมรี เป็นผลแบบแห้งแข็งแล้วแตก ผลแก่จะแตกออก 6 ซีก

อินทนิลน้ำ ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิดที่มีความชื้นปานกลาง - มาก ชอบแดด ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด อินทนิลน้ำ ต่างจากอินทนิลที่ “ใบจะบาง เรียวยาวกว่า ปลายกิ่งโค้งลง และทรงพุ่มบาง แผ่กว้างไม่เป็นพุ่มแน่น ไม่มีเรือนยอดสูงเพรียว”



9.2 อินทนิลบก (Lagerstroemia macrocarpa) ลักษณะคล้ายอินทนิลน้ำมาก แต่ “ใบ ดอก และผลมีขนาดใหญ่กว่า ใบป้อมและกว้างกว่าใบอินทนิลน้ำ” ปลายใบมนกว้างหรือแหลมเป็นติ่งสั้นๆ “ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกไม่ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอด” ขนาดของดอกบานกว้าง ๑๐-๑๓ เซนติเมตร แต่ละดอกจะชิดกันเป็นกลุ่ม ดอกสีม่วงอมชมพู และสีจะจางซีดลงเป็นสีขาวอมชมพู ออกดอกช่วงฤดูร้อน มีชื่ออื่น ๆ ว่า กาเสลา, จ้อล่อ, จะล่อ , จะล่อหูกวาง ทางอีสานเรียก กากะเลา































อินทนิลบก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 10-15 เมตร “ลำต้นตรง เปลือกสีดำ ค่อนข้างขรุขระ แตกลึกเป็นร่องยาวๆ” ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน เนื้อใบสีเขียวเข้มจัด หนาเป็นมัน ผลรูปไข่เกลี้ยง ฝักแก่แข็ง ไม่ร่วงหล่น แต่จะติดตรึงอยู่บนต้นข้ามปี ออกดอกสะพรั่ง และต่อเนื่องยาวนาน 3 – 4 เดือน ในช่วงเดือน มีนาคม ถึงมิถุนายน ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด มีถิ่นกำเนิด ในที่ราบลุ่มริมน้ำ ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบทั่วไป




9.3 ตะแบก (Lagerstroemia floribunda ) มี “เปลือกลำต้นสีเทา เรียบ ลื่น เป็นมัน” มักมีรอยแผลเป็นหลุมตื้น คล้ายเปลือกต้นฝรั่ง ใบอ่อนมีขนปกคลุม ใบแก่เกลี้ยง “ช่อดอกออกตามปลายกิ่งโค้งชูเหนือเรือนยอด” มีดอกจำนวนมาก ดอกขนาดเล็ก บานเต็มที่กว้าง ๔-๕ เซนติเมตร ดอกในช่อเรียงกันห่าง ๆ ทำให้ช่อดอกโปร่ง ดอกสีม่วงอมชมพู และสีจะจางซีดลงเกือบเป็นสีขาวเมื่อดอกโรย ผลผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลเข้ม มีขนปกคลุมบางๆ ที่ส่วนปลาย “ออกดอกในช่วงฤดูฝน” (มิถุนายน-กันยายน)


































ตะแบก มีชื่อพื้นเมืองว่า กะแบก ตะแบกไข่ ตะแบกแดง เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 -30 เมตร ไม่ผลัดใบ ผลแห้งแตก ทรงรี ผลแห้งแตกเป็น 6 เสี่ยง เมล็ดเล็กๆมีปีก ตะแบกเป็นไม้ต้นที่นิยมใช้ในการจัดสวนมาก ปลูกเพื่อให้ร่มเงา ต้นตะแบกเป็นไม้มงคลนาม คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นตะแบกไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีฐานะสูงขึ้น และมั่นคงแข็งแรง เพราะ แบก คือ การแบกไว้ไม่ให้ตกต่ำ




9.4 เสลา (Lagerstroemia loudonii ) มี “เปลือกลำต้นสีน้ำตาลดำหรือสีคล้ำ แตกเป็นร่องตื้นๆ ตามยาว” ปลายกิ่งย้อยลู่ลงสู่พื้น ใบมีขนปกคลุมประปราย ช่อดอกออกตามกิ่ง ตามง่ามใบและปลายกิ่ง แต่ “ช่อไม่ชูตั้งขึ้น” เมื่อดอกในช่อบานจะชิดกัน ดอกสีชมพูอมม่วง ออกดอกช่วงฤดูร้อน ผลผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลไหม้ มีชื่ออื่น ๆ ว่า เสลาใบใหญ่, อินทรชิต ชื่อพื้นเมืองเรียก เกรียบ ตะเกรียบ ตะแบกขน


























เสลา เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ เป็นพรรณไม้ขนาดกลาง โตช้า สูงได้ถึง 20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลม หรือทรงกระบอก หนาทึบ ใบเดี่ยวรูปไข่ แกนขอบขนาน มีผลกลมรี เปลือกแข็ง ผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลไหม้ นิยมปลูกให้ร่มเงาในบ้านหรือในสวน เพราะเป็นไม้พุ่มใบห้อยย้อยลงสวยงาม การปลูกขยายพันธุ์ ขึ้นได้ดีในดินร่วนซุย ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ชอบแดดจัด เหมาะจะปลูกลงดินกลางแจ้ง ถ้าปลูกในพื้นที่ริมรั้วหรือข้างบ้าน ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 - 5 เมตร หากปลูกเป็นแถวริมถนนไม่ควรน้อยกว่า 8 เมตร หลุมปลูกควรลึกและกว้างไม่น้อยกว่า 80-100 ซม. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

มีคนพยายามแยกแยะให้ง่ายขึ้นว่า ต้นเสลาแตก ตะแบกเรียบ (หมายถึงลักษณะของลำต้น) แต่ลักษณะลำต้น บางครั้งก็ยังสับสนกันได้ระหว่างต้นอินทนิลและต้นเสลา หากไม่สังเกตให้ดีครับ


ตอนหน้า ต่อกันเรื่อง ไม้ยืนต้นที่ให้ดอก ที่ออกดอกในหน้าหนาวครับ


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1400 กว่าเรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส





 

Create Date : 10 กันยายน 2552    
Last Update : 7 เมษายน 2556 11:54:38 น.
Counter : 18065 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.