วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
สามก๊กออนไลน์
ร้านหนังสือหมื่นลี้
All Blogs
บทที่ 33 จะจับแสร้งปล่อย พร้อมกลยุทธ์สาวงาม
บทที่ 32 บทเรียนจากห้องสุนัข
บทที่ 31 ห้องปู และบทเรียนจากพิชัยสงคราม
บทที่ 30 บทเรียนจากแมลงวัน กับ เคล็ดลับของยอดยุทธ์
บทที่ 29 เดิมพันชีวิตของสองขุนพล
บทที่ 28 สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน
บทที่ 27 ตอนต่อบุปผา เชื่อมโยงหยก
บทที่ 26 ปล้นค่ายกองพันปีศาจ
บทที่ 25 แผนเหนือเมฆ ช่วงชิงเชลยศึก
บทที่ 24 เปิดศึกครั้งแรก
บทที่ 23 ขวากหนามในทางฝัน
บทที่ 22 ขุนพลปีศาจ จูสือว่าน
บทที่ 21 ปฐมบทแห่งสงครามช่วงชิงเกาะฝึกฝน
บทที่ 20 ข่าวสารของเสี่ยวหมวย และแผนการของตี๋น้อย
บทที่ 19 พลังที่ห้าวหาญ VS แผนการณ์ที่เฉียบคม
บทที่ 18 แผนย่อยในแผนใหญ่
บทที่ 17 เริ่มแผนซ้อนแผน
บทที่ 16 แผนการของอัจฉริยะ
บทที่ 15 ฝึก ฝึก ฝึก และ ฝึก
บทที่ 14 ปล่อยให้สายน้ำเชี่ยวไหลผ่านไป
บทที่ 13 คนป่าแดนเถื่อน กับคนเมืองจอมเก๊ก
บทที่ 12 ภัยร้าย และการเตรียมตัวเข้าสู่สงคราม
บทที่ 11 บุกคุกปล้นนักโทษประหาร
บทที่ 10 แผนการของอุ้ยต่งจิ้น
บทที่ 9 พลิกฟ้าไล่ล่าตี๋น้อย
บทที่ 8 ดิ้นรนสู่จุดอับ
บทที่ 7 เผชิญหน้าโรงเรียนจอมฟ้า
บทที่ 6 เหตุเกิด เพราะคุณหนู
บทที่ 5 ห้องสมุด กับการอ่านหนังสือขั้นเทพ
บทที่ 4 เรียกผมว่า "เจ้าสัว"
บทที่ 3 เหตุผลของพ่อ
บทที่ 2 จุดเปลี่ยนของชีวิต
บทที่ 1 อัจฉริยะบ้านนอก
บทนำ
บทที่ 30 บทเรียนจากแมลงวัน กับ เคล็ดลับของยอดยุทธ์
“ใจที่ไม่ข้องติดคือ ใจที่ไร้ใจ เมื่อนักดาบใช้ดาบในขณะที่ใจของเขาไร้ใจ ในที่สุด ใจของเขาก็จะเป็น ใจที่ไร้ดาบ”
จากคัมภีร์แห่งจิตของพระผู้ไม่หวั่นไหว
ในห้องที่ชื่อว่า ห้องแมลงวัน เป็นห้องที่เจ้าเมืองคนใหม่ให้คนหาแมลงวันมาเพาะพันธุ์เป็นจำนวนมาก เพื่อนำมาไว้ในห้องนี้ ซึ่งในการเปิดใช้ครั้งแรกนั้นบรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก เพราะบรรดาผู้นำทั้ง 29 คน ได้รับเชิญให้เข้ามาใช้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อที่จะพัฒนาฝีมือของตนเองให้พร้อมที่จะรับภาระอันหนักอึ้งที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
วิ๊ง.......................วิ๊ง..........................
เหล่าแมลงวันบินกระจายไปทั่วห้อง กึ่งกลางห้องมีฟูกรองนั่งวางบนพื้น จ้าวเซวียนหยวนส่งถุงมือผ้าให้กับขุนพลทั้งสอง พร้อม ๆ กับที่ตัวเขาได้สวมใส่ถุงมือผ้า และทรุดนั่งลง
“จับแมลงวันมาให้ข้า ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตายก็ได้ แต่ต้องใช้มือ และอวัยวะในร่างกายเท่านั้น”
ตี๋น้อยบอกสองขุนพล ทำให้ทั้งสองมองหน้าอย่างสงสัยนิดหนึ่ง ก่อนที่จะมองหาแมลงวันที่เกาะอยู่เต็มบนพื้น
ป๊าบ.....................ป๊าบ.........................
ทั้งสองฟาดมือลงอย่างรวดเร็ว จนฝูงแมลงวันบินกระจาย แต่เมื่อพลิกฝ่ามือดูแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีแมลงวันตายแม้แต่ตัวเดียว
เฟี้ยว......................พรึบ............................
กวัวจินเทียนโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจ จึงผุดลุกขึ้นทั้งคว้า ทั้งเตะ ทั้งตะปบวุ่นวายไปทั่ว แต่แมลงวันเหล่านั้นก็สามารถหลบรอดพ้นไปได้ทุกครั้ง
ส่วนวังกงลู่ก็ปรากฏผลลัพธ์เช่นเดียวกับกวัวจินเทียนคู่หูของเขา เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีพลิกแพลง หรือตรง ๆ ไม่ว่าจะคอยจ้องหาจังหวะและโอกาส หรือใช้วิธีการอื่น ๆ มากมายที่เคยใช้ในการต่อสู้ ก็ไม่ปรากฏว่า แมลงวันจะหลงกลแม้แต่ตัวเดียว
“แมลงวันพวกนี้มันเป็นสัตว์ที่แปลกมาก ถ้าเราใช้วัตถุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อวัยวะในร่างกายของเราเช่นไม้ ผ้า หรือแส้ ตีพวกมันก็จะโดนตีได้ง่าย แต่ถ้าใช้อวัยวะในร่างกายของเราโจมตีพวกมันเมื่อไร พวกมันจะสามารถหลบหนีไปตั้งแต่ตอนที่เราคิดที่จะโจมตีมันแล้ว”
จ้าวเซวียนหยวนกล่าวเป็นปริศนาให้คิด เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองที่ไม่ยอมย่อท้อ และจะต้องทำให้ได้ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว คำสั่งแรกของจ้าวเซวียนหยวนที่กลายมาเป็นนายของเขา ต้องทำให้สำเร็จให้ได้
“พวกมันจับได้ตั้งแต่คิดที่จะฆ่ามันเลยหรือ อืม...จริงแฮะ แล้วถ้าเราไม่คิดที่จะฆ่ามันละ บ้าชิบ...ถ้าไม่คิดที่จะฆ่ามัน แล้วจะฆ่ามันได้ไงละ”
วังกงลู่ที่ถนัดในการใช้ความคิด และปัญญาได้เริ่มตรึกตรองและทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด จนผ่านไปครึ่งชั่วยาม โดยที่ไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ เกิดขึ้น ทำให้วังกงลู่ที่นั่งอยู่กับพื้นโมโห
ผั๊วะ.............................
เขาฟาดมือไปบนพื้นด้านข้างอย่างขัดเคืองใจ โดยไม่ได้คิดว่าจะฟาดแมลงวันแต่อย่างใด
“โห....พี่กงลู่ พี่ทำสำเร็จแล้ว ดูสิ แมลงวันตั้ง 4-5 ตัวแนะ” กวัวจินเทียนที่บังเอิญหันมาเห็นพอดี รีบปราดเข้ามาหาขุนพล และเพื่อนสนิทของตนเองทันที
“โอ๊ะ......จริงด้วย ว่าแต่ตอนนั้นมันทำอย่างไงหวา”
วังกงลู่เริ่มตรึกตรองดูท่าทาง และวิธีการของตน ส่วนกวัวจินเทียนก็เฝ้ารอให้วังกงลู่คิดวิธีการ เพราะแม้ว่าเขาจะชอบใช้กำลังมากกว่าความคิด แต่เขาไม่ได้โง่ แต่ชอบที่จะไม่คิดมากกว่า ปล่อยให้เพื่อนของตนคิดแทน ยกเว้นในเวลาฉุกระหุกเท่านั้น ที่จะต้องใช้ความคิด คนส่วนใหญ่จึงมักจะมองว่า เขาเป็นคนมุทะลุ ดุดัน และไม่ชอบใช้สมอง
ป๊าบ............................
วังกงลู่ฟาดมือออกไปโดยที่ไม่มองดู แต่ผลที่ได้กลับไม่เหมือนเดิม คือไม่มีแมลงวันสักตัวตายใต้ฝ่ามือนั้น
“ไม่เกี่ยวกับการมอง” วังกงลู่สรุปผลลัพธ์แรก
ป๊าบ.............................
“ไม่เกี่ยวกับท่าทาง” เขาสรุปผลลัพธ์ที่สอง จากนั้นก็มองดูรอบ ๆ บริเวณ ก่อนที่จะสรุปผลลัพธ์ที่สามว่า
“ไม่เกี่ยวกับสถานที่” จากนั้นก็มองดูขุนพลกวัวจินเทียนที่เกาหัวแกรก ๆ อยู่ด้านข้าง
“ไม่เกี่ยวกับบุคคล” และถอดถุงมือออกฟาดอีกครั้ง
ป๊าบ............................
“ไม่เกี่ยวกับถุงมือ” สังเกต ทดลอง สรุป แต่ไม่สามารถได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องได้ ทำให้วังกงลู่อดที่จะตีหัวตัวเองเบา ๆ ไม่ได้
“โอ๊ยยย.....ทำไมโง่อย่างนี้วะ แค่นี้ทำไมคิดไม่ออก”
“พี่กงลู่อย่าทำอย่างนั้นสิ ค่อย ๆ คิดก็ได้ ตอนนั้นที่ทำได้ในใจพี่คิดอะไรหรือเปล่า ทำให้พี่ตีแมลงวันได้” คำพูดของกวัวจินเทียนทำให้วังกงลู่คิดได้ เขาผุดลุกขึ้นยืนทันทีทันใด พร้อมกับร้องขึ้นว่า
“ใช้แล้ว คิด คิด คิด และคิด ตอนนั้นเราคิดโกรธตัวเอง จึงฟาดมือไปยังพื้น” พูดพึมพัมราวกับจะทบทวนความจำ แล้วก็นั่งลง
ผั๊วะ............................
คราวนี้เขาฟาดฝ่ามือออกไปด้านหน้าตัวเขาที่มีฝูงแมลงวันออกอยู่เต็มไปหมด แต่คราวนี้มีแมลงวันที่ตายเพราะฝ่ามือนี้อยู่หลายตัวเหมือนเช่นตอนแรก
“เฮ้.....สำเร็จแล้ว บอกเคล็ดลับหน่อยพี่กงลู่” กวัวจินเทียนปราดเข้ามานั่งข้าง ๆ ขุนพลขวาทันที
“อืม...แม้ว่าจะยังไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง แต่ก็ใกล้เคียงแล้ว หาต่อไป” จ้าวเซวียนหยางที่นั่งดูอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น พลางบอกทั้งสองให้ดูเขา
ผั๊วะ...................ผั๊วะ.......................ผั๊วะ......................
ขณะที่จ้าวเซวียนหยางพูดกับเขา มือทั้งสองก็ตบฟาดไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้แมลงวันที่เกาะอยู่รอบตัวนอนตายเกลื่อน
“ดูตัวที่บินอยู่นี่นะ” จากนั้นเขาก็บอกให้ดูตัวที่บินขึ้นมาตรงหน้าเขา
วูบ.........................วิ๊ง.............................
เขาคว้าจับด้วยท่วงท่าที่คล้ายกับยื่นมือไปอย่างธรรมดา และเมื่อแบมือออก ก็เห็นแมลงวันตัวนั้นบินปร๋อออกจากมือของเขา ท่ามกลางสองสหายที่มองจนอ้าปากค้าง จนแมลงวันทั้งฝูงสามารถเข้าไปในปากได้
“ไร้เจตนา แม้จะสามารถเข่นฆ่าแมลงวันได้ แต่การไร้เจตนาไม่สามารถกำหนดเป้าหมายการจู่โจมได้ แต่คิดได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้ว ดังนั้น ขั้นแรกก็ลองโจมตีแบบไร้เจตนาให้ชำนาญก่อน”
จ้าวเซวียนหยวนบอกกับสองสหาย ทำให้ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่จะฟาดฝ่ามืออย่างไม่ตั้งใจ ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แล้วแต่ว่าจะฟาดมือไปตรงจุดไหนที่มีแมลงวันเกาะอยู่ และถ้ามองดู และกำหนดว่าจะฟาดแมลงวันตรงจุดไหน ก็มักจะพลาดเป้าทุกครั้ง
“สัตว์ทุกประเภทในโลกนี้มีความสามารถที่โดดเด่นเฉพาะตัวของมัน เช่น สุนัขมีจมูกที่ไว เหยี่ยวมีสายตาที่มองได้กว้างไกล และแมลงวันซึ่งเป็นสัตว์ที่สามารถจับรังสีอำมหิตที่เปล่งออกมาจากผู้ที่คิดจะฆ่าฟันมันได้” จ้าวเซวียนหยวนกล่าวขึ้น พลางสอนบทเรียนให้สองขุนพลที่ตั้งใจฟังอย่างใจจดจ่อว่า
“ดังนั้น ถ้าคิดที่จะใช้อวัยวะในร่างกายซึ่งสามารถถ่ายทอดรังสีการฆ่าฟันอย่างอ่อนมาฆ่าแมลงวันนั้น จะต้องรู้จักเก็บงำรังสีการฆ่าฟันไม่ให้ปรากฏออกมาอย่างเด็ดขาด”
“แล้วจะทำได้อย่างไรครับ กรุณาสอนพวกเราด้วย”
วังกงลู่เริ่มรู้สึกว่า ตนเองไม่สามารถที่จะก้าวข้ามการไร้เจตนา มาเป็นการไร้รังสีฆ่าฟัน ทั้ง ๆ ที่คิดจะฆ่าฟันพวกมันได้ จึงได้อ้อนวอนขอต่อเจ้าเมืองที่บัดนี้พวกเขาได้ยอมศิโรราบทั้งกาย และใจ
“นั่งขัดสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ” จ้าวเซวียนหยวนได้เริ่มสอนขุนพลทั้งสองนั่งสมาธิสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ จึงกล่าวเป็นปริศนาธรรมว่า
“ควรที่จะเอาใจไปจดจ่อที่ไหนดี ถ้าใจเกาะติดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ใจก็จะยึดติดอยู่แค่การหายใจ โดยที่ไม่ได้รับรู้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย”
“ถ้าใจยึดติดที่มือ มือก็จะรู้สึกเก้งก้าง เกะกะ”
“ถ้าใจยึดติดที่เท้า เท้าจะเป็นตะคริว และเหน็บชาได้”
“ถ้าใจไปอยู่ที่ร่างกาย จะทำให้ร่างกายเกิดความเชื่องช้า และเมื่อยล้า”
“ถ้าใจติดอยู่ที่ความคิด มีแต่จะนำพาความคิดเตลิดไปไกล”
“ดังนั้น จงอย่าให้จิตใจยึดติดอยู่ที่ไหน จงปล่อยใจให้ลอยคุมทั่วร่าง เมื่อต้องการใช้มือ ใจก็จะอยู่ที่มือ เมื่อต้องการใช้เท้า ใจก็จะอยู่ที่เท้า จึงอาจจะกล่าวได้ว่า ใจอยู่ในทุกที่ และทุกที่นั้นไม่มีใจของเราอยู่ด้วย นี่เป็นหลักวิชาขั้นสูงที่เรียกว่า ไร้ใจ” คำพูดของจ้าวเซวียนหยวนทำให้ทั้งสองตกใจจนหลุดออกจากสมาธิ
“นี่หรือคือ เคล็ดลับของขั้นไร้ใจ ที่บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ต่างเสาะแสวงหามา” วังกงลู่เอ่ยขึ้น
“พวกท่านคิดว่า การโหดเหี้ยมอำมหิตต่อศัตรู และต่อตัวเองนั้น จะนำไปถึงการไร้ใจ เพราะคิดว่า การไร้ใจคือการไร้น้ำใจ ซึ่งข้าจะบอกให้ว่า เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะใจที่อำมหิตก็ไม่สามารถสังหารแมลงวันด้วยมือเปล่าได้ ต้องเป็น ไร้ใจ ในความหมายของสมาธิเท่านั้น จึงจะสังหารแมลงวันได้”
คำพูดของจ้าวเซวียนหยวนทำให้ทั้งสองได้คิด ประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มานั้นได้พรั่งพรูเข้ามาในความคิด ทำให้พวกเขาทั้งสองร้องไห้ด้วยความสำนึกผิดในบาปกรรมที่ได้ก่อไว้ เพราะคิดแต่จะสำเร็จสุดยอดวิชาไร้ใจ
“นับแต่นี้พวกท่านจะต้องอุทิศตนให้เป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน ช่วยข้าในการรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง เพื่อที่จะไม่เกิดการเข่นฆ่าสังหารกันจนวุ่นวาย และไม่ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมากมายมหาศาล พวกท่านจะยอมหรือไม่”
คำพูดของจ้าวเซวียนหยวนนั้นทำให้ทั้งสองคุกเข่า และให้คำสัตย์ปฏิญาณว่า จะจงรักภักดีต่อตี๋น้อย และจะดำเนินตามแผนการที่ได้มอบหมายไว้ให้ทุกประการ จ้าวเซวียนหยวน หรือตี๋น้อย จึงได้ประคองคนทั้งสองให้ลุกขึ้น
“เอาละ ลองใช้วิชาไร้ใจให้ข้าดูหน่อยสิ ขุนพลเอกของข้า” สิ้นคำของจ้าวเซวียนหยวน ขุนพลทั้งสองก็ตวัดมือออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เผี๊ยะ................เผี๊ยะ...........................
ทั้งสองได้ตวัดมือออกฟาดแมลงวันร่วงหล่นราวกับพายุฝนสีดำ ทำให้จ้าวเซวียนหยวนหัวเราะอย่างชอบใจในพัฒนาการของสองขุนพล ซึ่งนับแต่นี้ พวกเขาจะก้าวไปสู่นักรบชั้นแนวหน้าเคียงคู่กับจูสือว่าน ซึ่งเขาจะสร้างให้ทั้งสามกลายเป็นขุนพลเอกแห่งแผ่นดินสามก๊ก
“นี่แหละคือการไร้ใจ เมื่อไร้ใจ พวกท่านก็จะสามารถฝ่าข้าศึกนับพันนับหมื่นได้ราวกับเดินเล่นในสวน สามารถบุกฝ่าไปปลิดชีพแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามได้ราวกับเดินไปหยิบผลส้มที่ในลัง”
จ้าวเซวียนหยวนกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ทั้งสองหยุดมือ และหันมาคารวะขอบคุณตี๋น้อยอย่างจริงใจที่มอบโอกาสให้พวกเขา
“เอาละ เมื่อพวกท่านสำเร็จวิชาไร้ใจแล้ว เราจะไปเรียนบทเรียนที่สองกัน”
จ้าวเซวียนหยวนได้ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องแมลงวัน ทำให้ขนพลทั้งสองรีบตามไปอย่างใกล้ชิด เพราะแค่บทเรียนแรกก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองขึ้นสู่ขั้นสูงสุดของวิชาฝีมือ ในบทเรียนที่สอง เขาจะได้รับบทเรียนอะไรหนอ........
“ห้องปู”
เสียงสองหนุ่มยอดขุนพลอุทานอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ ปู ปู ปู และปู มีแต่ปูเต็มไปหมดทั้งห้อง
“ถอดถุงมือ และช่วยจับปูใส่ในถังให้หมด โดยไม่ให้ทำร้ายปู และต้องไม่ให้ปูหนีบมือได้ และต้องใช้มือแค่มือเดียวในการจับปูด้วย” จ้าวเซวียนหยวนกล่าว ก่อนที่จะเดินฝ่าปูจำนวนมากเข้าไปในห้อง
Create Date : 21 ตุลาคม 2554
Last Update : 21 ตุลาคม 2554 19:30:17 น.
2 comments
Counter : 272 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีค่ะ
ห่างหายจาก "สามก๊กออนไลน์" ไปเสียนาน เนื่องจากเกิดเหตุความไม่สงบในที่ทำงาน
ถ้าได้อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ (23 ตค 54) หน้าหนึ่งของไทยรัฐลงข่าวอยู่ค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเหมือนทุกครั้งที่เข้ามาอ่าน เกือบจะนึกว่าตี๋น้อยแพ้ไปเสียแล้ว
พัฒนาการของตัวละครตี๋น้อยและตัวละครอื่น ๆ มีอย่างต่อเนื่อง ชอบค่ะ
วันนี้ไม่มีอะไรคอมเม้นท์ ยังไม่หายตกใจเลยค่ะ
จะติดตามอ่านนะคะ
โดย:
Fah_T-LEX
วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:16:13:38 น.
ขอบคุณครับที่ติดตามผลงาน ขนาดมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นยังมาให้กำลังใจตี๋น้อย ขอบคุณมาก ๆ ครับ
โดย: หมื่นลี้ (
suvarnachati
) วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:0:14:37 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Muen Li
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ห่างหายจาก "สามก๊กออนไลน์" ไปเสียนาน เนื่องจากเกิดเหตุความไม่สงบในที่ทำงาน
ถ้าได้อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ (23 ตค 54) หน้าหนึ่งของไทยรัฐลงข่าวอยู่ค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเหมือนทุกครั้งที่เข้ามาอ่าน เกือบจะนึกว่าตี๋น้อยแพ้ไปเสียแล้ว
พัฒนาการของตัวละครตี๋น้อยและตัวละครอื่น ๆ มีอย่างต่อเนื่อง ชอบค่ะ
วันนี้ไม่มีอะไรคอมเม้นท์ ยังไม่หายตกใจเลยค่ะ
จะติดตามอ่านนะคะ