วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 9 พลิกฟ้าไล่ล่าตี๋น้อย

เมื่อตี๋น้อยมุดออกจากช่องหมาลอดก็พบว่า มีกลุ่มผู้เล่นกลุ่มหนึ่ง มีคนประมาณ 20-30 คน มายืนดักทาง และคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าก็เดินเข้ามาคุยกับเขา ทำให้เขาต้องคอยระวัง เพราะไม่รู้ว่าคราวนี้เขาไปทำอะไรผิดใจคนกลุ่มนี้หรือเปล่า แต่ดูท่าทีน่าจะมาดี

“สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินหนาน พวกผมอยากรู้จักกับคุณ”

“ผมชื่อเจ้าสัว มีอะไรครับ เชิญว่ามาเลย” ตี๋น้อยตอบกลับอย่างมีมารยาท

“คือพวกผมจะมาเชิญคุณมาเข้ากลุ่มกับพวกเรา” คราวนี้ตี๋น้อยเป็นฝ่ายงงบ้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาเชิญแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาพึ่งวิ่งหนีตายมาหมาด ๆ

“พวกคุณรู้จักผมหรอ ถึงจะมาชวน” เขาถามอย่างดูเชิง

“พวกเราเห็นคุณต่อสู้กับพวก 16 นงคราญ และตอนที่คุณใช้กลยุทธ์หลบหนีการไล่ล่าของพวกโรงเรียนจอมฟ้า” พอพูดถึงถึงคู่ต่อสู้ของตี๋น้อย เฉิงซานกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเครียดแค้น และพอรู้สึกตัวเขาก็ทำสีหน้าปกติ ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า

“พวกเราต้องขออภัยที่ไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ เพราะว่า พวกมันยังจับตาพวกเราอยู่ และพวกเรายังไม่มีกำลังเพียงพอที่จะต่อต้านพวกมันได้” พอพูดขึ้นมาแล้วเขาก็นิ่งคิดสักครู่ ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกว่า

“พวกผมปรึกษากันไว้ว่า ถ้าคุณเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเรา พวกเราก็จะสามารถให้ที่ซ่อนตัวแก่คุณได้” เฉินหนานกล่าว

“ขอโทษนะครับที่ผมไม่สามารถจะเข้ากลุ่มกับพวกคุณได้ เพราะผมมีความตั้งใจที่จะตั้งกลุ่มของผมเอง เพื่อกำหนดแนวทางของตัวเอง ซึ่งถ้าพวกคุณสนใจในแนวทางของผม อยากจะร่วมงานกับผม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตร หรือจะมารวมกลุ่มกับผมก็ได้”

ตี๋น้อยบอกกับคนกลุ่มนั้นอย่างตรง ๆ ทำให้คนเหล่านั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ และได้นำกระดาษที่เขียนที่อยู่ไว้นำมามอบให้กับตี๋น้อย

“ผมเข้าใจครับ เด็กหนุ่มไฟแรง แต่ถ้าคุณเปลี่ยนใจ สามารถไปที่ตรอกมังกร แล้วบอกว่ามาหาเฉินหนาน คนในตรอกนั้นจะนำไปพบผมเอง ผมลากลับก่อนนะครับ และคิดว่าจะได้รับข่าวดีจากคุณในเร็ววันนี้”

“เช่นกันครับ”

เขาตอบกลับทันควันเช่นกัน ทำให้บางคนที่ติดตามเฉินหนานมาทำหน้าไม่พอใจ แต่เขากลับส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะหลบเข้าซอยทันทีที่คนกลุ่มนี้ลับตา


ที่ประตูเมือง มีคนเข้าออกเป็นระยะ ๆ เนื่องจากผู้เล่นใหม่จะต้องมาเกิดตรงนอกเมือง แต่คนที่จะออกจากเมืองนั้นมีน้อย เพราะนอกจากชาวบ้านซึ่งเป็น AI จะออกไปหาของป่าแล้ว ผู้เล่นที่ออกไปหาของป่านั้นแทบจะนับคนได้ เพราะการออกหาของป่านั้นต้องชำนาญป่า และต้องรู้จักแหล่งของป่า นอกจากนั้น ยังต้องรู้จักหลบหลีกอันตรายจากบรรดาสัตว์ป่าอีกด้วย จึงเป็นเรื่องยากลำบากของผู้เล่น แต่ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นจะสูงมากเป็นพิเศษ ถ้าหาของดี ๆ ที่ร้านค้าต่าง ๆ ต้องการได้

ปกติหน้าประตูเมืองนั้นจะมีทหารยืนประจำอยู่ 5 คน และนายทหารอีกคนหนึ่ง แต่ในเวลานี้ มีเหล่าผู้เล่นมายืนจับกลุ่มอยู่ด้านนอกเมืองประมาณ 30-40 คน ทำให้ตี๋น้อยที่เปลี่ยนเป็นชุดชาวบ้านที่ออกหาของป่าต้องขมวดคิ้วนิดหนึ่ง พร้อมกับสมองที่คำนวณอย่างรวดเร็วว่าจะหาทางหนีทีไล่อย่างไร จึงจะหลบหนีเข้าป่าได้

“สวัสดีครับ ไม่ทราบจะออกไปไหนหรอครับ”

นายทหารที่ตี๋น้อยเห็นในวันแรกที่เข้ามา ได้เดินออกมาสอบถามตี๋น้อย เนื่องจากนายทหารผู้นี้มีความจำที่ดี เพียงมองเห็นก็จดจำได้ว่า เป็นผู้เล่นที่เคยเดินเข้าเมืองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

“ออกไปหาของป่ามาขายครับ” ตี๋น้อยตอบแบบประหยัดถ้อยประหยัดคำ ทำให้นายทหารยิ้มเล็กน้อย

“อืม.....ระวังตัวด้วยนะครับ เพราะว่าในป่าดงดิบจะมีสัตว์ร้ายชุกชุม โดยเฉพาะในแหล่งโสมคน จะมีพวกอสรพิษชุกชุมคอยปกป้องพวกโสมเหล่านี้ด้วย” นายทหารที่แต่งกายเต็มยศกล่าวด้วยความหวังดี

“สัตว์ร้ายไม่อันตรายเท่ากับคนหรอกครับ จริงไหมผู้พัน” ตี๋น้อยตอบขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงความปรารถนาดีของนายทหารผู้นี้

“ถ้าอย่างนั้น คุณคงเป็นผู้เล่นที่ถูกตามล่าใช่ไหมครับ" นายทหารที่มองหน้าเขาจนเห็นรูปโฉมของเขา จึงเอ่ยขึ้น

“ใช่ แค่โดนรังแก และตอบโต้คนที่มารังแก ทำให้พวกนั้นโกรธแค้นราวกับผึ้งแตกรัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน” ตี๋น้อยบอกความจริง เพราะเขารู้สึกว่า เขาไว้วางใจนายทหารที่เป็นระบบ AI ผู้นี้ได้

“สักครู่นะ เดี๋ยวผมจะเอาอะไรให้ดู แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะผิดสังเกตหรอกนะ เพราะชาวบ้านบางคนก็จะพูดคุยกับผมมากเป็นพิเศษ ซึ่งตรงกันข้ามกับเหล่าผู้เล่น ที่จะรีบตรงไปยังป่าทันที”

นายพันประจำกองกำลังปกป้องเมืองหลักในเกาะฝึกฝน ได้หายไปในป้อมบัญชาการ ก่อนที่จะเรียกให้ตี๋น้อยเดินเข้าไปหา

“นี่คือสาเหตุหลักที่คุณต้องถูกไล่ล่าอย่างที่ไม่เคยมีผู้เล่นคนใดถูกไล่ล่าอย่างนี้มาก่อน”

ในมือของนายพันมีกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งบรรจุอยู่ในม้วนลวดลายวิจิตรงดงาม แสดงให้เห็นถึงแหล่งที่มาของกระดาษม้วนนั้น ซึ่งนายทหารได้ยื่นให้ตี๋น้อยดู

“นี่มันรูปผมนี่ครับ รูปที่ถ่ายตอนจบการศึกษา แสดงว่า คนที่ประกาศค่าหัวผมต้องเป็นคนที่ผมรู้จักในโลกของผม”

ในกระดาษแผ่นนั้นคือ ภาพวาดเป็นรูปครึ่งตัวของตี๋น้อยในชุดนักเรียน พร้อมทั้งรางวัลนำจับ 10 ล้าน พร้อมกับโอกาสที่จะได้เข้ารับราชการในกองทหารเมืองหลวง จากนั้นก็ประทับตรามหาอุปราช ซึ่งมีอำนาจรองจากองค์ฮ่องเต้ และลงชื่อโจโฉ

“โจโฉ....ก๊กโจโฉ โจโฉนี่เป็นถึงมหาอุปราชเลยหรอครับ”

ตี๋น้อยอุทานขึ้น เพราะในประวัติศาสตร์ก๊กโจโฉก็ยึดกุมจักรพรรดิไว้คอยสั่งการเหล่าขุนนางและประชาชนในแผ่นดิน และบังเอิญที่ผู้เล่นที่ชื่อโจโฉในเกมนี้ก็สามารถใช้ยุทธวิธีของโจโฉในประวัติศาสตร์ นับว่าน่ากลัวเกินไปแล้ว

“นี่คือก๊กที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน และกำลังจะทำลายการถ่วงดุลของก๊กต่าง ๆ ในแผ่นดิน โดยการวางแผนที่จะกลืนกินเหล่าก๊กเล็ก ๆ อยู่ ไม่มีใครสามารถต้านทานกำลังของก๊กนี้ได้หรอก แต่ข้าไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้เล่นใหม่อย่างเจ้าจึงถูกหมายหัวจากผู้เป็นใหญ่ในก๊กนี้ได้”

นายทหารทอดถอนใจ เพราะเขายังมีคุณธรรม และไม่อยากเห็นผู้เล่นใหม่ที่พึ่งจะเล่นต้องจบชีวิตลงตั้งแต่พึ่งเริ่มเล่น

“ถ้าอย่างนั้น ผมค่อยหาทางออกจากเมืองในตอนกลางคืนได้ไหมครับ”

ตี๋น้อยไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพราะดูท่าแล้ว การไล่ล่าของเขาคงจะไม่ใช่แค่การทะเลาะวิวาท และการอาฆาตพยาบาทกันธรรมดา แต่มันคือประกาศิตของโจโฉ ซึ่งจะทำให้การไล่ล่านั้นไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าเขาจะตาย หรือไม่ก็ต้องสามารถทำลายก๊กของโจโฉลงให้ได้ ซึ่งไม่มีโอกาสเลยที่จะทำเช่นนั้น จึงสอบถามถึงวิธีการที่จะเอาตัวรอดก่อนอื่นใด เพราะรักษาชีวิตไว้ให้ได้ ก่อนที่จะทำการใหญ่ให้สำเร็จ

“กลางคืนประตูเมืองจะปิดเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย และข้าศึกรุกราน”

นายทหารเริ่มคิดหนัก คล้าย ๆ กับจะไม่อาจตัดสินใจได้ แต่เมื่อมองดูตี๋น้อยที่หน้าตาดูเป็นผู้มีคุณธรรม และปัญญา ดูน่าเคารพนับถือ ทำให้เขาตัดสินใจในทันที

“มีทางเดียวคือ การหลบไปทางลับ ตามข้ามาสิ” ตี๋น้อยที่เดินตามนายทหารมากล่าวขึ้นเมื่อเห็นนายทหารกดปุ่มกลไกข้างผนังในห้องทำงานของเขา ซึ่งอยู่ด้านในของป้อมบัญชาการ

“ทางลับนี้จะออกไปสู่ป่าดงดิบ ทำให้สามารถเล็ดลอดหูตาของผู้ที่อยู่ข้างนอกได้” นายทหารกล่าวก่อนที่จะบอกเล่าอีกว่า

“ทางสายนี้มีไว้เพื่อให้ทหารเล็ดลอดออกไปส่งข่าวการศึก ในกรณีที่ถูกโจมตีโดยกะทันหัน ปลายทางจะมีสัญญาณไฟที่จะจุดเพื่อบอกให้ทหารในแผ่นดินได้เห็น เพื่อจะส่งกำลังเสริมมาช่วยเหลือได้ แต่ตอนนี้เจ้าจงใช้เส้นทางนี้หนีออกไปอาศัยอยู่ในป่าจนกว่าผมเผ้า และหนวดเคราเจ้าจะงอกขึ้น เพื่อปิดบังใบหน้าของเจ้าไม่ให้คล้ายคลึงกับรูปใบนี้” นายทหารชี้แนะ ทำให้ตี๋น้อยต้องคารวะขอบคุณจนนายทหารห้ามไว้ และส่งคบไฟให้กับเขา

“รีบไปเถอะ อย่าช้าอยู่เลย เพราะไม่นานพวกมันจะรื้อค้นทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ เพื่อค้นหาเจ้า” ตี๋น้อยจึงลงไปยังเส้นทางลับ ที่มีความกว้างเท่ากับคนประมาณ 2-3 คนเดิน เมื่อตี๋น้อยลงไปแล้ว เส้นทางลับก็ถูกปิดลง

บัดนี้ การค้นหาตี๋น้อยก็ยังดำเนินการอยู่ในเกาะฝึกฝน ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากที่ไม่รู้จักเบื้องหลังเหตุการณ์นี้แปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนรู้แต่เพียงว่า คนที่ถูกตามล่าได้ทะเลาะวิวาทกับโรงเรียนจอมฟ้า แต่ในเวลาไม่นาน ทุกคนในเมืองฝึกฝนก็ต้องตกตะลึงกับกองกำลังส่วนหนึ่งของก๊กใหญ่ ที่ถูกส่งมาไล่ล่าผู้เล่นใหม่คนหนึ่ง ทำให้ทุกคนมีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกับการเห็นคนขี่ช้างจับตั๊กแตน โดยเฉพาะผู้ที่รู้ว่าบุคคลสำคัญที่สุดในก๊กใหญ่นี้กำลังมาเยือนเกาะนี้ด้วยตัวเอง


ภายในป้อมบัญชาการทหารรักษาประตูเมือง ในค่ำคืนที่สงบเงียบแต่ภายในป้อมกลับมาเสียงเฆี่ยนตี และการประทุษร้ายทางกายเกิดขึ้น โดยที่ทหารที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกยังยืนยามกันอยู่อย่างปกติ แม้คิ้วจะกระตุก แต่พวกเขาเลือกที่จะยืนเฉย ในใจนั้นกลับบังเกิดความเคารพต่อผู้ที่ถูกประทุษร้ายนั้น เพราะพวกเขาไม่ได้ยินเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว

“คนที่เจ้าพามาไว้ในป้อมเมื่อตอนบ่ายตอนนี้อยู่ที่ไหน”

เสียงที่ทรงอำนาจ ดังมาจากร่างที่งามสง่า และทรงอำนาจ แต่ดวงตาปรากฏแววของความเจ้าเล่ห์ และเลือดเย็นซ่อนเร้นอยู่ จนผู้ที่ถูกมัดไว้กับเสาหลักในป้อมต้องตอบเสียงสั่นสะท้าน

“อะ..อะ....ออกไปแล้ว เจ้าฉีง้วนไท มันเคยเอาของฝากมาให้ข้าน้อยทุกวัน วันนี้มันบอกว่าเมียมันไม่สบาย เลยมายืมเงินข้าน้อยไปรักษาเมีย เมื่อได้เงินมามันก็จากไปแล้ว” ผู้ที่ถูกทรมานที่แท้เป็นนายพันที่เปิดช่องลับให้กับตี๋น้อยนั่นเอง

“นายท่าน เจ้าฉีง้วนไทเช้านี้มันพึ่งจะเอานอแรด และโสมคนไปขายยังเมืองบนแผ่นดิน มันออกไปทางประตูด้านตะวันตกที่ข้ารักษาการอยู่”

นายทหารยศนายพันและแต่งตัวคล้ายคลึงกับผู้ที่ถูกมัดไว้ได้กล่าวรายงานชายผู้มีอำนาจนั้น ทำให้ตาของชายผู้นั้นทอประกายโหดร้ายขึ้นขึ้นวูบหนึ่ง ทำให้ผู้ที่ถูกมัดซึ่งเผอิญไปสบตาเข้าช่วงนั้นต้องสะดุ้งตกใจจนร่างเย็นเฉียบไปทันที

“มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม”

ชายนั้นพูดน้อย แต่ได้ใจความ สุ้มเสียงกังวานน่าฟัง แต่เมื่อเข้าไปสู่โสตของผู้ที่ถูกทรมานแล้วกลับกลายเป็นความเย็นเฉียบของปีศาจในคราบนักบุญ

“ไม่มี” นายพันได้ตัดใจพูด เพราะเมื่อนายพันที่รับราชการคู่กับเขาเป็นฝ่ายทางโน้น เขาก็ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะพูดได้

“มันหนีไปไหน”

สั้น ๆ กระชับ แต่ได้ใจความจากชายที่มีเค้าหน้าคล้ายคลึงกับผู้ที่นายพันพึ่งปล่อยให้หนีไป แต่แววตา และกริยาท่าทางนั้นคุกคามผู้คน และทรงอำนาจยิ่งนัก ทำให้นายพันตอบออกมาทันที เพราะรู้ว่าปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์ว่า

“ป่าดงดิบ” ชายผู้มีอำนาจคุกคามคนนั้นได้หันไปมองนายพันอีกคนหนึ่งที่ยืนนบนอบอยู่ด้านข้าง

“มันคงหนีไปทางลับ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับป้อมสัญญาณไฟฉุกเฉินบนยอดเขาด้านเหนือ ใกล้กับป่าดงดิบ”

นายพันผู้นั้นได้เดินไปเปิดปุ่มข้างกำแพง ทำให้พื้นด้านหนึ่งเปิดออกจนเห็นเป็นบันไดลงไปในเส้นทางลับที่กว้างพอที่จะให้คนเดินเคียงข้างกันได้สัก 2-3 คน

“ขงหยง ประสานงานกลุ่มต่าง ๆ ในเมืองนี้ออกไล่ล่าเจ้าตี๋น้อย อย่าให้มันรอดไปได้ ส่วนเจ้า ผู้พันเจาเอี๋ยน จงสั่งคนของเจ้าที่ไว้วางใจได้ให้ลงไปทางลับเพื่อควานหาตัวผู้ที่หลบหนีมาให้ได้ และให้นำคำสั่งของข้าไปสั่งการให้ศาลเปิดคดีไต่สวนนายพันเอี้ยฮุ้น และให้ศาลสั่งประหาร ตัดหัวเสียบประจานหน้าประตูเมือง บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า”

“ขอรับ นายท่าน”

ขงหยงซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าตาทรงภูมิปัญญา และนายพันเจาเอี๋ยนที่ยืนนบนอบอยู่ด้านข้าง ต่างเปล่งเสียงขานรับชายผู้นั้นทันที

“นายท่านจะอยู่รอฟังผลที่นี่หรือจะกลับไปสะสางงานในลกเอี๋ยงขอรับ” ชายในชุดที่ปรึกษาได้กล่าวขึ้นเมื่อผู้มีอำนาจผู้นั้นได้ถอยออกมาจากในป้อม และกำลังจะเดินทางต่อไป

“กลับลกเอี๋ยง จากนั้น ข้าจะจัดส่งหน่วยไล่ล่าที่เชี่ยวชาญที่สุดในกองทัพมาที่นี่ 1 กองพัน”

นายพันเอี้ยฮุ้นถูกควบคุมตัวออกมาได้ยินแผนการของชายผู้มีอำนาจผู้นั้นพอดี ทำให้หน้าตาที่ยับเยินเพราะถูกทรมานต้องขมวดคิ้วแนบแน่นด้วยเป็นกังวลใจกับผู้ที่ถูกไล่ล่าที่ถูกเรียกขานว่า ตี๋น้อย


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 15:55:46 น. 0 comments
Counter : 291 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.