วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 5 ห้องสมุด กับการอ่านหนังสือขั้นเทพ

“ว้าว.....บรรยากาศเหมือนกับเป็นโลกสมัยโบราณจริง ๆ อย่างนี้สิที่อยากเจอมานานแล้ว วู้....อากาศบริสุทธ์นี้ทำให้สดชื่นขึ้นมากจริง ๆ”

ตี๋น้อยกล่าวออกมาดัง ๆ ด้วยความดีใจที่ได้เข้าไปอยู่ในทิวทัศน์เมืองโบราณ ในตอนนี้ร่างของเขาปรากฏขึ้นตรงริมชายป่าหน้าประตูเมืองฝึกฝน ซึ่งจากการวัดขนาดคร่าว ๆ กำแพงคงจะกว้างประมาณสักหนึ่งลี้ และยาวสองลี้ ความสูงของกำแพงเมืองประมาณ สิบวา ซึ่งถือว่าสูงใหญ่มากสำหรับสมัยโบราณที่ไม่ได้ใช้ปืนใหญ่ในการตีเมือง

เมืองฝึกฝน หรือที่หลายคนเรียกว่าเมืองเริ่มต้นนั้นตั้งอยู่บนเกาะที่เรียกว่า เกาะฝึกฝน โดยที่ตัวเมืองจะตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลตะวันตก โดยทิ้งให้พื้นที่ส่วนเหนือ ตะวันออก และตะวันตกเป็นเขตป่าและทิวเขาที่สลับซับซ้อน ซึ่งจะเป็นส่วนที่ใช้ฝึกฝนและผจญภัยของผู้เริ่มต้นทั้งหลายด้วย

บัดนี้ ดวงตาของตี๋น้อยได้สอดส่องและสำรวจงสำรวจภูมิประเทศรอบ ๆ เมืองเริ่มต้น ซึ่งภูมิประเทศที่มองเห็นและบันทึกไว้ในสมองนั้นจะเป็นป่าเป็นป่าเบญจพรรณในช่วงที่ติดกับเมือง แต่ลึกเข้าไปจะเป็นป่าดงดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเต็มไปด้วยทรัพยากรที่ซุกซ่อนอยู่ในความสวยงาม และน่าสะพึงกลัวของป่าแห่งนี้
เมื่อสำรวจตรวจสอบคร่าว ๆ แล้วตี๋น้อยหรือชื่อที่ใช้ในเกมนี้ว่าเจ้าสัวก็หันกลับมายังเมืองที่เขาจะต้องอยู่ และศึกษาหาความรู้อยู่ถึงสี่เดือนในเกม เพื่อเตรียมการและเป็นข้อมูลในการวางแผนการ

เมืองหลักในเกาะฝึกฝนแห่งนี้มีลักษณะเหมือนเมืองใหญ่ทั่ว ๆ ไปในโลกสมัยโบราณของจีนเมื่อสองพันปีที่ผ่านมา คือมีกำแพงหนาล้อมรอบ มีบ้านเรือนที่สร้างจากอิฐแดงสวยงามในสไตน์จีนโบราณ

หน้าประตูเมืองตอนนี้มีทหารจีนถือหอก และสะพายดาบยืนรักษาการณ์อยู่ประมาณสิบกว่าคน ทำให้ตี๋น้อยที่เดินเข้าไปในเมืองเริ่มต้นรู้สึกแปลก ๆ เหมือนย้อนยุคเข้าไปในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน เพียงแต่เหล่าทหารนั้นไม่มีการค้นตัวหรือสอบถาม เพียงแต่การตรวจตราด้วยสายตาเพื่อป้องกันเหตุร้ายเท่านั้น

“ขอโทษครับ อาคารข้อมูลสำหรับผู้เริ่มต้นอยู่ทางไหนครับ” ตี๋น้อยเดินเข้าไปถามนายทหาร ซึ่งการแต่งกายเหมือนเป็นหัวหน้าหน่วยเวรยามที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวลานี้

“เดินตรงไปเรื่อย ๆ นับสี่แยกไป 4 แห่ง แยกที่ 4 เลี้ยวขวาตรงไปก็จะเห็นอยู่ด้านซ้ายมือ มีป้ายบอกไว้อยู่ครับ”

นายทหารหน้าตาเคร่งขรึมบอกทางให้ ทำให้เขากล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะเดินไปตามทางเท้า เพราะบนถนนมีรถม้า และม้าวิ่งขวักไขว่เต็มไปหมด

“อืม...มีทั้งร้านค้า ชมรมต่าง ๆ แล้วก็โรงแรมทั้งของระบบ และของผู้เล่น เอ...เมืองเริ่มต้นหรือว่า เมืองเยาวราชกันแน่”

ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะเดินมาถึงแยกที่ 4 จากนั้นก็เลี้ยวขวาตรงไป ซึ่งก็เห็นอาคารข้อมูลสำหรับผู้เริ่มต้นตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ใกล้ ๆ กันนั้นก็จะมีห้องสมุดที่เขาสนใจอยู่ด้วย

“สวัสดีคะ มารับสิ่งของเครื่องใช้ของผู้เริ่มต้นใช่ไหมคะ” พนักงานสาวเอ่ยทักทายทันทีที่เดินเข้ามาที่ประตู

“ครับ ไม่ทราบจะรับได้ที่ไหนครับ”

“ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ว่างพอดี เชิญที่โต๊ะหมายเลย 3 เลยคะ”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มผู้พึ่งจะเข้าสู่โลกออนไลน์เป็นวันแรกโค้งให้นิดหนึ่งก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะหมายเลย 3 ที่มีสาวเสวยอีกคนหนึ่งรอต้อนรับอยู่

“สวัสดีคะท่านเจ้าสัว” เสียงทักทายดังขึ้นคุ้น ๆ ทำให้ตี๋น้อยต้องมองหน้าเจ้าหน้าที่ที่คอยแนะนำผู้เล่นมือใหม่

“อ้าว....คุณเสี่ยวหมวย ทำไมมาอยู่ตรงนี้ละครับ” ตี๋น้อยถามขึ้นเพราะนึกไม่ถึงว่า
เสี่ยวหมวยจะมีอยู่ตรงนี้ เพราะพึ่งแยกจากกันตรงจุดต้อนรับของเชิร์ฟเวอร์ไทยเอง

“พอดีเพื่อนมีธุระ เลยมาประจำหน้าที่แทนให้คะ”

“คุณเสี่ยวหมวยนี่มีน้ำใจจังนะครับ หน้าตาก็สวย นิสัยก็ดี แบบนี้ใครเป็นเพื่อนกับคุณคงโชคดีแน่ ๆ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ ว่าแต่ท่านเจ้าสัวจะไปห้องสมุดหลังจากนี้เลยหรือเปล่าคะ” รอยยิ้ม และดวงตาที่เปล่งประกายสดใสนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังจำเรื่องแผนการของเขาได้

“ไม่ต้องเรียกขนาดนั้นก็ได้ครับ เรียกตี๋น้อยก็ได้ครับ”

“ไม่ได้หรอกคะ เสี่ยวหมวยขอแนะนำเจ้าสัวสักอย่างนะคะ ในเกมนี้อย่าบอกชื่อให้คนอื่นรู้ นอกจากชื่อในเกม เพราะมันจะเกิดความไม่ปลอดภัยได้คะ”

เสี่ยวหมวยพูดขึ้นพลางส่งนาฬิกาที่ทำเป็นแถบรัดมือแบบโบราณ ซึ่งนอกจากจะบันทึกข้อมูลของตัวละครไว้แล้วยังสามารถบอกเวลาทั้งในเกมและนอกเกมได้ด้วย แต่ดีไซด์นั้นทำให้มองดูกลมกลืนกับชาวบ้านทั่ว ๆ ไปที่เป็น AI* ดังนั้น เมื่อมองดูจะไม่รู้ว่าเป็นนาฬิกาของผู้เล่นหรือแถบรัดมือของเอไอ เพื่อความสมจริงของเกม นอกจากนั้น ชุดสำหรับผู้เล่นใหม่ยังมีมีดเดินป่า กล่องบรรจุหมันโถว และบัตรเดบิตที่ทำเหมือนเป็นตั๋วแลกเงินโบราณ

“ขอบคุณครับ”

“นาฬิกาจะบอกเวลาทั้งในโลกจริงและในเกม ซึ่งจะมีอัตรา 1 : 4 คือ 1 วันในโลกจริงจะเท่ากับ 4 วันในเกมนี้”

เสี่ยวหมวยอธิบายให้ฟัง ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ว่า คนอย่างตี๋น้อยนั้นจะต้องศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว แต่เพื่อหาโอกาสอยู่ด้วยกันนาน ๆ จึงเอ่ยขึ้นอีกว่า

“มีดเดินป่าเผื่อจะเข้าไปเที่ยวในป่านอกเมือง ส่วนกล่องหมันโถวนี่มีหมันโถวอยู่ 15 ลูก สำหรับตั๋วแลกเงินนี่คือการ์ดบัตรเดบิต เห็นรูปร่างโบราณ ๆ แบบนี้มันสามารถใช้เก็บเงินที่มีอยู่ได้ทั้งหมด และยังไม่สามารถสูญหายได้ ยกเว้นจะใช้เงินหมด ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้ผู้เล่นใหม่จะได้รับเงินในบัตรจำนวนหนึ่งแสนเหรียญ เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย 4 เดือนที่ยังศึกษาอยู่ในเกาะฝึกฝน แต่อย่าให้เงินติดลบนะคะ ไม่อย่างนั้นต้องพกเงินแบบโบราณจริง ๆ ด้วย”

ตี๋น้อยพยักหน้ารับพร้อมกับจดจำไว้ ด้วยว่าเรื่องทรัพย์สินเงินทองในเกมนี้นับว่ามีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นและการก่อร่างสร้างตัวอย่างแท้จริง แต่ในระหว่างที่เสี่ยวหมวยบรรยายอยู่นั้น เขาก็แลเห็นโต๊ะถัดไปส่งมอบอุปกรณ์ให้กับผู้เล่นใหม่ แต่สิ่งที่เขาเห็นนอกจากนาฬิกาแล้วยังมีกระบี่อย่างดี บัตรรับทานอาหารฟรี 4 เดือนในเหลาชั้น 1 ของเกาะฝึกฝน นอกจากนั้นยังมีงินตำลึงทองซึ่งเป็นบัตรวีไอพี และสุดท้ายก็คือ ชุดจอมยุทธ์ผ้าต่วนเนื้อดีอีก 1 ชุด

“อ๋อ....พวกวีไอพีที่ต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนนะ เงินในตำลึงทองนั้นก็จะมี 1 ล้านเหรียญแค่นั้นเอง ไม่ต้องสนใจมากนักหรอก” เสี่ยวหมวยมองตามสายตาของตี๋น้อยจึงเอ่ยขึ้น ทำให้ตี๋น้อยยิ้มน้อย ๆ

“แต่ผมต้องสนใจ เพื่อที่จะได้เตือนใจตัวเองให้มุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้น ด้วยการเริ่มต้นที่ต่างกัน จะทำให้เราก้าวไปตามพวกเขาไม่ทันด้วย” เขาพูดด้วยความจริงจัง ทำให้เสี่ยวหมวยถือโอกาสเอื้อมมือไปจับมือเขาให้กำลังใจ

“เสี่ยวหมวยเชื่อว่า เจ้าสัวทำได้อยู่แล้ว สู้ ๆ นะคะ”

“ขอบคุณครับ”

เจ้าสัวกล่าวด้วยใบหน้าแดง ก่อนที่จะขอตัวไปยังห้องสมุด ทิ้งให้เสี่ยวหมวยแอบหัวเราะอย่างดีใจที่แกล้งหนุ่มตี๋หน้าซื่อ ๆ คนนี้ได้


ที่ห้องสมุด........

“เล่มนี้ก็อ่านแล้ว เล่มนี้ก็อ่านแล้ว อะไรกันเนี่ย ห้องสมุดที่นี่มันก็มีหนังสือเหมือน
ๆ กับห้องสมุดในโลกจริงนี่นา”

เสียงบ่นพึมพำดังมาจากร่างของชายหนุ่มซึ่งอยู่ในชุดเริ่มต้น หน้าตาที่ดูคมคายราวกับพระเอกหนังฮ่องกงนั้นดูไม่ค่อยจะพึงพอใจเท่าไรนักกับห้องสมุดนี้เท่าไรนัก

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

เขาหันกลับไปดูคนที่เสนอความช่วยเหลือ พบว่าเป็นลุงที่ทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ ซึ่งเห็นเขาค้นหนังสือทุกตู้เหมือนกับจะหาหนังสืออะไรสักอย่าง ทำให้เขาต้องเดินมาดู เผื่อจะช่วยหาให้ได้

“หนังสือที่ห้องสมุดนี้เหมือนกับห้องสมุดในโลกแห่งความเป็นจริงหรอครับ เพราะสิบกว่าตู้ที่ผมค้นมานะ ผมอ่านมาแล้วทุกเล่มเลย” ตี๋น้อยถามขึ้นอย่างสุภาพ เพราะเขาต้องการหนังสือที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขาในเกมนี้ให้มากที่สุด

“คุณอ่านหมดแล้วจริง ๆ หรอครับ ผมทำงานในห้องสมุดมานับเกือบยี่สิบปี ยังอ่านไม่หมดเลย ดูเธอก็อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปี” บรรณารักษ์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ผมเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และมันก็ทำให้ผมติดหนังสือจนงอมแงม วันไหนไมได้อ่านหนังสือเป็นต้องร้องไห้งอแงจนยายผมต้องไปรับไปส่งผมที่ห้องสมุดประชาชนแทนการไปโรงเรียนอนุบาล พอผมเข้าโรงเรียนก็อ่านที่ห้องสมุดโรงเรียน จากโรงเรียนนี้ก็วิ่งไปหาอ่านอีกโรงเรียน จนเมื่อสองสามปีมานี่แหละที่ผมเริ่มเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ เพราะไม่มีหนังสือให้อ่านอีก” คำบอกเล่าของตี๋น้อยทำให้บรรณารักษ์มองหน้าราวกับไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไรนัก

“ถ้าคุณลุงคิดว่าผมโกหกก็ขอให้หยิบหนังสือเล่มไหนก็ได้ในห้องสมุดเอามาทดสอบผมได้ แล้วผมจะบอกถึงเนื้อหาย่อ ๆ ของหนังสือเล่มนั้นให้ฟัง”

คำกล่าวของตี๋น้อยทำให้คุณลุงบรรณารักษ์ตอบรับฉับไวด้วยการหยิบหนังสือจากตู้ต่าง ๆ ออกมาวางไว้กองใหญ่ จากนั้นก็ทะยอยหยิบหนังสือเล่มต่าง ๆ ออกมาให้ตี๋น้อยดู ซึ่งอัจฉริยะหนุ่มแห่งหนองคายก็สามารถอธิบายเนื้อหาสำคัญ ๆ ของหนังสือออกมาได้หมด ทำให้คุณลุงบรรณารักษ์มองหน้าด้วยความทึ่งและชื่นชม จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า

“ถ้าคุณยืนยันว่าได้อ่านหนังสือหมดห้องสมุดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็มาทางนี้ครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูตู้หนังสือที่มีเฉพาะในเกมนี้เท่านั้น และเป็นข้อมูลที่สำคัญในเกมนี้ด้วย”

ลุงบรรณารักษ์เอ่ยขึ้น ทำให้ตี๋น้อยรีบเก็บหนังสือที่ใช้ทดสอบเขากองใหญ่นั้นเข้าในตู้ให้เรียบร้อยตามหมวดหมู่ของหนังสืออย่างถูกต้อง ก่อนที่จะเดินตามบรรณารักษ์ไป ซึ่งบรรณารักษ์ก็พยักหน้าอย่างชื่นชมในนิสัยที่แสดงถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งเขาแสดงออกมา

“ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และวรรณกรรม ทั้งห้าห้องนี่แหละที่เป็นเรื่องเฉพาะในเกม จึงเก็บไว้เป็นห้องพิเศษ ซึ่งผู้ที่จะเข้าอ่านได้ต้องเคยอ่านหนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุดให้หมดก่อน ซึ่งการที่คุณเคยเห็นมาในโลกแห่งความเป็นจริงก็นับว่าใช้ได้ แต่คุณจะอ่านหนังสือทั้ง 5 ห้องนี่หมดหรือเปล่า ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน” ลุงบรรณารักษ์มองหน้าตี๋น้อยอย่างท้าทาย ทำให้ตี๋น้อยมองหน้าตอบแบบยิ้ม ๆ ทำนองว่า คอยดูก็แล้วกัน

ห้องแรกที่ตี๋น้อยเข้าไปก็คือ ห้องภูมิศาสตร์ ภายในห้องนอกจากจะมีตู้หนังสือเรียงรายราว ๆ ยี่สิบกว่าตู้ ซึ่งมีหนังสือประมาณ 4,000 เล่ม และที่พิเศษก็คือ ที่กึ่งกลางห้อง จะมีโต๊ะ และเก้าอี้ให้นั่งอ่านหนังสือ และที่กึ่งกลางโต๊ะขนาดใหญ่นั้นจะมีแผนที่จำลองภูมิประเทศทั้งสามก๊กไว้อย่างละเอียดถี่ยิบ ทำให้ตี๋น้อยยิ้มขึ้นเหมือนเด็กได้พบเจอของเล่นที่คุ้นเคย เขาจึงรีบไปหยิบหนังสือจากตู้แรก เล่มแรก ซึ่งเป็นเรื่องการแนะนำภูมิประเทศแบบคร่าว ๆ มานั่งอ่าน พร้อม ๆ กับมองแผนที่ประกอบ


“นี่มันคนหรือคอมพิวเตอร์วะ”

เสียงพึมพำดังมาจากห้องควบคุมดูแล ซึ่งจะมีโทรทัศน์วงจรปิดที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ติดตั้งอยู่ทั่วไปในห้องสมุด และหน้าจอที่ควบคุมกล้องที่ติดตั้งอยู่ในห้องภูมิศาสตร์ ได้มีเหล่าผู้ควบคุมนับสิบคนมามุงดูโทรทัศน์เครื่องหนึ่ง ที่มีภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่อย่างเพลิดเพลิน

แต่ที่แตกต่างจากการอ่านทั่วไปก็คือ ชายหนุ่มคนนี้กำลังใช้มือสัมผัสหน้าหนังสือเป็นการนำสายตา ทำให้สามารถอ่านแบบกวาดสายตาเพียงไม่กี่ครั้งก็จะอ่านได้หมดทั้งหน้า และในแต่ละหน้านั้น ชายหนุ่มผู้นี้จะใช้มือเคลื่อนเพียง 3-4 จุดเท่านั้น ทำให้แต่ละหน้าเขาใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็อ่านจบ

“คราวนี้พวกคุณจะคิดไหมครับว่า เด็กหนุ่มคนนี้มาหลอกผมว่า ได้อ่านหนังสือข้างนอกหมดแล้ว”

แม้บรรณารักษ์จะตกใจในความเร็วในการอ่านหนังสือของตี๋น้อยเช่นเดียวกัน แต่เขาก็เอ่ยขึ้นกับผู้ควบคุมเกาะฝึกฝนทั้งสิบ ที่เขาได้แจ้งไปถึงเรื่องที่เขาบอกห้องพิเศษทั้งสี่ให้กับผู้เล่นใหม่ ทำให้พวกผู้ควบคุมแจ้งให้เขาเข้ามาดูผลว่าผู้เล่นคนนี้จะหลอกลวงเขาหรือไม่

“น่าสนใจ ชื่ออะไรครับ” ชายร่างสูงใหญ่ ซึ่งใช้ชื่อว่า หลิวปัง และเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมเกาะฝึกฝนเอ่ยขึ้น ทำให้เหล่าลูกน้องคีย์ข้อมูลเพื่อดูข้อมูลตี๋น้อยทันที

“ชื่อ เจ้าสัว เพิ่งเข้ามาเล่นวันนี้วันแรก” ชายร่างเล็ก และดูคล่องแคล่วว่องไวรายงานบอกกับหลิวปัง

“อืม...ด้านการเก็บข้อมูล ถ้าอ่านหมดทั้งห้าห้องนี้ได้ เจ้าสัวคนนี้ก็จะเป็นคนที่มีข้อมูลมากที่สุด แต่ด้านอื่น ๆ ต้องดูกันอีกที ช่วยติดตามผู้เล่นคนนี้ให้ผมด้วยนะ ผมอยากดูพัฒนาการของเขาด้านอื่น ๆ ด้วย”

หัวหน้าผู้ควบคุมพูดขึ้น ก่อนที่จะไปทำธุระต่อ ทำให้บรรณารักษ์เดินออกจากห้องไปด้วย เพื่อที่จะตัดสินใจกระทำเรื่องอย่างหนึ่งที่เขาอยากจะทำมานานแล้ว


“คุณเจ้าสัวครับ ขอรบกวนนิดหนึ่งนะ ช่วยสอนวิธีการอ่านให้หน่อยสิ ลุงก็อยากจะอ่านได้เร็ว ๆ เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่เร็วเท่าคุณก็ตาม” เสียงขอร้องดังขึ้นหลังจากที่ตี๋น้อยวางหนังสือเล่มที่ 100 ลงพอดี

“ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะแนะนำวิธีง่าย ๆ ให้ไปหัดนะครับ แล้วคุณลุงก็ลองไปหัดอ่านให้คล่องแล้วค่อยเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ” เขาบอกกับคุณลุงบรรณารักษ์ ก่อนที่จะหยิบหนังสือให้เพื่อฝึกฝนการอ่านหนังสือ

“ก่อนอื่นผมอยากจะบอกทฤษฏีก่อนนะครับว่า การอ่านหนังสือนั้นคือการสื่อความหมายของสมองผ่านทางสายตา ทำให้สมองเข้าใจถึงสื่อที่หนังสือนั้นต้องการบอก ถ้าหากไม่ได้เก็บข้อมูลอะไรผมก็จะอ่านแบบสบาย ๆ เพื่อกลั่นกรอง และใคร่ครวญสิ่งที่หนังสือเหล่านั้นบอก บางทีก็โต้แย้งหนังสือด้วย ซึ่งมันก็จะเหมือนกับว่า หนังสือนั้นคือคน ๆ หนึ่งที่เราทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับเขา” แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดลุงบรรณารักษ์จึงสนใจการอ่านของเขา แต่เขาก็ตั้งใจบอกกล่าวตามที่เคยบอกกับเพื่อน ๆ ของเขา

“วิธีง่าย ๆ ที่จะอ่านหนังสือเร็วได้ก็คือ อย่าอ่านออกเสียง จากนั้นก็จะต้องฝึกหัดการเพ่งจุดสายตาบนหนังสือ ให้ใช้จุดเพ่งน้อยที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ตาไม่เมื่อยล้า และข้อมูลไหลผ่านสมองได้อย่างรวดเร็วตามความเร็วของสมอง”

“วิธีเริ่มต้นก็คือ ใช้นิ้วชี้นำโดยในแต่ละบรรทัดให้ชี้นิ้วเพียง 2-3 จุดเท่านั้น และต้องบังคับให้สายตาจับตามองแค่จุดที่มือชี้โดยไม่กรอกตาไปมา ซึ่งจะเป็นการฝึกสมาธิในตัวด้วย เพราะคนที่มีตาที่เลื่อนลอยมักจะจำสิ่งที่อ่านไม่ค่อยได้”

หลังจากที่บอกแล้ว คุณลุงบรรณารักษ์ก็พยายามที่จะทำตาม โดยมีตี๋น้อยคอยชี้แนะและแก้ไขจุดต่าง ๆ ให้จนเกิดความสำเร็จในขั้นต้น คุณลุงบรรณารักษ์จึงขอตัวไปฝึกเอง ทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนที่จะล้วงหมั่นโถวมากิน 2 ลูก แล้วตบท้ายด้วยน้ำจากโอ่งน้ำดื่มในห้องสมุด


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 15:52:03 น. 0 comments
Counter : 324 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.