วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 24 เปิดศึกครั้งแรก

“ขุนศึกผู้เชี่ยวชาญในโบราณจะแสวงหาสถานภาพที่ไม่แพ้เป็นอันดับแรก เพื่อที่จะรอคอยโอกาสในการโจมตีจุดอ่อนอันเปราะบางของศัตรู ซึ่งสถานภาพที่ไม่พ่ายแพ้นั้นขึ้นอยู่กับเรา แต่ความเปราะบางของศัตรูนั้น จะขึ้นอยู่กับการกระทำของศัตรูเอง” ซุนวู


เคว้ง..................เคว้ง..........................

เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นอย่างถี่ยิบ และเป็นจำนวนมากภายในค่ายฮกหลง ทำให้หน่วยซุ่มของจูสือว่าน กลับมารายงานแต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า เกิดจากสาเหตุอะไร

“สงสัยว่า จะเกิดการขัดแย้งกันเรื่องช่วยตัวประกัน จนนำไปสู่การเข่นฆ่ากันเองก็ได้ เพราะคน ๆ นี้ทำการรวมเอากลุ่มต่าง ๆ เข้าไปไว้เป็นกำลังของตนเอง โดยที่ไม่มีกองกำลังที่เป็นฐานกำลังของตนเองเลยแม้แต่น้อย” ขุนพลขวาวังกงลู่คาดคะเน

“ไม่น่าจะใช่นะ เพราะถ้าเป็นการเข่นฆ่ากัน ทำไมไม่ได้ยินเสียงร้อง เพลิงไหม้ และการหนีออกจากค่าย”

ขุนพลซ้ายกวัวจินเทียนตั้งข้อสังเกต แต่ไม่ได้สรุปอะไร ทำให้จูสือว่านครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุการณ์ในค่ายฮกหลงได้

“เฮ้อ....คงต้องดูกันต่อไปว่า คนผู้นี้กำลังทำอะไร แต่ตอนนี้เราจะต้องบุกแล้ว บอกทหารให้เตรียมตัวภายในครึ่งชั่วโมงนี้ และให้ทำตามแผนอย่างเคร่งครัด” จูสือว่านสั่งการอย่างเด็ดขาด

“ครับท่าน” ขุนพลทั้งสองน้อมรับคำสั่ง

ครืด...............ครืด......................

เส้นทางเดินสู่ค่ายฮกหลงเป็นเส้นทางเล็ก ๆ แคบ ๆ และเดินขึ้นสู่ที่สูง ดังนั้น กองทัพปีศาจของจูสือว่าน จึงเดินทางอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะเมื่อมีม้า และเครื่องยิงก้อนหินขนาดย่อมเป็นภาระ แต่แม้กระนั้นก็ดี เหล่าทหารของกองพันปีศาจก็ยังอุตส่าห์นำไม้ที่มัดหม่าชิง และหมิงสงเดินนำหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าทหารของค่ายฮกหลงจะไม่สามารถโจมตีพวกเขาได้

“เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ พวกมันนำหม่าชิง และหมิงสงมาเป็นกันชน ป้องกันไม่ให้พวกเราโจมตีมัน ขณะเดียวกัน พวกมันพากันขนย้ายเครื่องยิงหินเพื่อจะยิงหินที่เผาไฟจนร้อนจัดเพื่อให้มาเผาค่ายเรา”

ตี๋น้อยที่คำนวณเรื่องราวการโจมตีล่วงหน้าไว้ได้ จึงกล่าวกับเอี้ยวจิ้งเจิง เอี้ยฮุ้น และอุ้ยต่งจิน โดยมีหยางฟงยืนอารักขาอยู่ใกล้ ๆ

“แบบนี้มันก็เท่ากับว่า มันไม่ต้องการให้พวกเราโจมตีมัน แต่ต้องการที่จะโจมตีเราฝ่ายเดียว” เอี้ยฮุ้นกล่าวขึ้น ซึ่งเอี้ยวจิ้งเจิงก็กล่าวเสริมขึ้นว่า

“ในครั้งที่มันยกไปตีเขาไท่ซานของข้า มันก็เริ่มการจับกุมเชลยมาเป็นโล่ป้องกันแบบนี้เหมือนกัน และในครั้งนั้นข้าต้องการให้จู่โจมพวกมันโดยไม่สนใจเชลยซึ่งเป็นพี่น้องร่วมศึกของพวกเรา แต่มีรองหัวหน้าอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ต้องการให้เราโจมตีศัตรูเพื่อที่จะพลาดถูกคนที่เป็นโล่ ทำให้เกิดการต่อสู้กันเอง จึงพ่ายแพ้ต่อกองกำลังของพวกมันในที่สุด”

“แต่ที่นี่ จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น เพราะเราจะไม่โจมตีให้โดนพวกเดียวกัน แต่จะโจมตีพวกศัตรูเท่านั้น และข้ามีแผนการที่จะช่วยพี่น้องเราทั้งสองคนนั้น” ตี๋น้อยยืนยัน ทำให้คนทั้งสามรับคำด้วยความมั่นใจในตัวตี๋น้อย

วิ้ว.....................วิ้ว.................

เสียงเครื่องยิงก้อนหินเริ่มทำงาน ทำให้ก้อนหินที่เผาไฟร้อน ๆ ลอยข้ามหัวกองพันปีศาจ และลอยอยู่เหนือกำแพง

ฝุบ..................ผึง..............................

ฉับพลันนั้นเอง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อปรากฏแหเหล็กผสมเอ็นในกรอบเหล็กสี่เหลี่ยมได้ดีดตัวขึ้นจากเหนือกำแพง ทำให้ฟาดก้อนหินลอยกลับไปราวกับเป็นลูกเทนนิส เมื่อดีดก้อนหินกลับไปได้แล้ว กลไกก็พับแหใหญ่อันนั้นเก็บทันที

ตูม.............................ตูม...........................

ก้อนหินที่ลอยกลับไปนั้นได้ตกลงท่ามกลางเหล่าทหารกองพันปีศาจ ทำให้เหล่าทหารบาดเจ็บล้มตายไป 4-5 คนทันที

“เล็งยิงอย่าให้กลไกมันทำงานได้ทัน”

จูสือว่านสั่งการ ทำให้บรรดาเคลื่องยิงหินยิงระรัวถี่ยิบ แต่คราวนี้ไม้เทนนิสยักษ์กลับเป็นเหมือนวงล้อยักษ์ที่หมุนฟาดราวกับเป็นกังหันวิดน้ำขนาดใหญ่ เพียงแต่สิ่งที่มันวิดไม่ใช่น้ำ แต่เป็นก้อนหินที่ถูกเผาจนร้อน ทำให้เหล่าทหารของกองพันปีศาจเสียหายไปจำนวนหนึ่ง

“หยุดยิง” จูสือว่านเรีบสั่งหยุดยิงทันที เพราะสิ่งประดิษฐ์ที่เคยเอาชนะมาได้ในทุกการรบ บัดนี้ได้ถูกกำราบด้วยเครื่องมือประหลาดนี้

“อืม.....กลุ่มจอมฟ้านี่บังคับเครื่องเกมเทสนิสยักษ์นี่ได้จริง ๆ แฮะ ขอบใจเจ้ามาก หยางฟง ที่สรรหาผู้มีฝีมือบังคับเกมระดับเทพมารับหน้าที่” ตี๋น้อยที่ยืนมองการต่อสู้อยู่ได้เอ่ยขึ้น ทำให้หยางฟงกล่าวขึ้นว่า

“คนพวกนี้ถนัดเล่นเกมอยู่แล้ว แต่ท่านเจ้าสัวที่คิดเครื่องมือเลียนแบบเกมเทนนิสได้นี่สิ จึงจะเรียกว่าเทพตัวจริง”

“ก็แค่ใช้สปริง และกลไกง่าย ๆ ไม่มีอะไรยากหรอก เพราะถ้าเราไม่ยึดติดอยู่กับกฎเดิม ๆ ที่ผูกมัดเราไว้ เราก็จะสามารถแก้ทางคู่ต่อสู้ได้หมด ถ้าเราคำนวณได้ว่า พวกมันจะมีวิธีการโจมตีเราอย่างไร” ตี๋น้อยกล่าวถึงหัวใจของการเป็นนักยุทธศาสตร์ ทำให้คนทั้งหมดลอบจดจำไว้ในใจ


“โจมตีด้วยธนูไฟ”

เสียงตะโกนสั่งการของจูสือว่าน ทำให้ทหารที่เรียงแถวตอนเรียงสี่ (เพราะทางแคบแค่นั้น) ได้ใช้ธนูไฟระดมยิงทันที ทำให้ทางป้อมต้องใช้แหยักษ์กั้นอย่างถาวร ทำให้ธนูไฟไม่สามารถเข้าไปถึงในค่ายได้ แต่เนื่องจากกำแพง และป้อมทำจากไม้ ทำให้ธนูที่ปักอยู่ในไม้เริ่มจะติดไฟ

ซ่า................ซ่า........................

เสียงน้ำจำนวนมากที่ตี๋น้อยได้ให้คนต่อผ่านท่อไม้ไผ่จนเรียงรายทั่วกำแพง และทำกลไกปิดเปิดไว้ ทำให้สามารถเปิดน้ำได้ทันเวลา จึงไม่เสียหายตามที่ศัตรูต้องการ

“ป้อมรอบนอก ปล่อยธนู” ตี๋น้อยสั่งการโต้ตอบทันที

เนื่องจากการสร้างกำแพงของค่ายฮกหลงนั้นสร้างผิดกว่าค่ายทั่ว ๆ ไปที่จะสร้างกำแพงเป็นแถวแนวระนาบ แต่ตี๋น้อยได้สั่งให้ค่ายฮกหลงสร้างกำแพงด้านหน้าเป็นรูปคันธนูโค้งออกนอก แล้วจึงตีโค้งกลับมา จากนั้นจึงสร้างป้อมไว้เหนือประตูหนึ่งป้อม เคียงคู่กับประตูอีก 2 ป้อม และสร้างป้อมให้อยู่ในแนวโค้งอีกด้านละป้อม ซึ่งเป็นป้อมที่ตี๋น้อยเรียกว่า ป้อมรอบนอก

เฟี้ยว....................เฟี้ยว....................

เมื่อป้อมรอบนอกทั้งสองระดมยิง ทำให้กลายเป็นการยิงแบบขนาบ โดยไม่ผ่านหม่าชิง และหมิงสง ทำให้เหล่าทหารกองพันปีศาจรีบควงหอกป้องกันตัวบนหลังม้า

“ยิงขาม้า” ตี๋น้อยที่เห็นดังนั้น จึงสั่งการทันที

เฟี้ยว................ฉึก................โอ๊ย....................

กลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญใน 36 กลยุทธ์ก็คือ ยิงคนให้ยิงม้า จับโจรให้จับหัวหน้า ดังนั้น เมื่อม้าล้ม คนบนหลังม้าก็หมดทางป้องกันตัว จึงถูกยิงล้มตายลงไปอีกนับสิบ จนกระทั่ง แนวหน้าของข้าศึกนำหม่าชิง และหมิงสงกลับเข้ามาในกลุ่ม ตี๋น้อยจึงสั่งหยุดยิง เพื่อไม่ให้ถูกหม่าชิง และหมิงสง

“ฮ่า ๆ ๆ แบบนี้สิ ถึงจะสะใจ ไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอก ยิงพวกมันต่อเลย”

หม่าชิงตะโกนลั่นอย่างถูกใจที่ฝ่ายจูสือว่านทำอะไรค่ายฮกหลงไม่ได้ มิหนำซ้ำยังถูกสวนกลับจนบาดเจ็บล้มตายกันระนาว

“ถอย”

จูสือว่านจำใจต้องสั่งถอย เพราะการถอยในช่วงเวลาที่ถูกต้อง ย่อมทำให้ป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น มิฉะนั้น อาจจะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้ ถ้าแก้กลยุทธธนูโจมตีของป้อมรอบนอกไม่ได้

“เสียดาย ถ้าฝ่ายเราไม่ได้ถูกจับตัวไว้ เป็นได้ไล่ตีไม่ให้ถอยไปอย่างง่ายดายแบบนี้แน่ ๆ” เอี้ยวจิ้งเจินที่ยังแค้นกองพันปีศาจไม่หาย กล่าวอย่างเสียดาย ทำให้เอี้ยฮุ้นยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีข่าวหม่าชิง กับหมิงสงถูกจับ

“โชคดีที่หม่าชิง กับหมิงสงยังไม่เป็นอะไรมาก”

“ไปดูการฝึกของหน่วยกู้ภัยกันดีกว่า ว่าไปถึงไหนแล้ว” ตี๋น้อยต้องการให้เปลี่ยนบรรยากาศ จึงชักชวนทั้งหมดลงไปตรวจดูการฝึกซ้อมตามแผนการช่วยเหลือตัวประกัน


“สุดยอดเลยวะ แผนตาข่ายฟ้าของท่านเจ้าสัว เล่นเอาลูกหินไฟตีย้อนกลับมา จนพวกที่ยิงตายเป็นแถบ ๆ”

เสียงตะโกนคุยกันลั่นป่าของเชลยทั้งสอง ทำเอาบรรดาทหารหนุ่ม ๆ ที่ไปพ่ายแพ้กลับมาเป็นครั้งแรก แทบจะเอาหอกยัดปากคนพูดให้ทะลุออกท้ายทอย แต่เพราะคำสั่งห้ามแตะต้องเชลยของจูสือว่าน ซึ่งเป็นเหมือนประกาศิตปีศาจ จึงทำให้ไม่มีใครทำอะไรสองคน นอกจากจะมองหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“เสียดาย โดนจับมัดเป็นดักแด้ ทำให้หันกลับไปมองพวกคนที่ถูกธนูเสียบจนพรุนเป็นรังผึ้งไม่ได้อะ ไม่อย่างนั้นคงจะสนุกกว่านี้”

หมิงสงกล่าวอย่างร่าเริง ทำให้เสียงกัดฟันกรอด ๆ ดังขึ้นรอบตัว โดยเฉพาะพวกคนที่ได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูในครั้งนั้น

“เจ้าสองคนนี่ สงสัยจะต้องให้ถูกเฆี่ยนหลังซะแล้วมั๊ง” ขุนพลขวาวังกงลู่กล่าวอย่างหงุดหงิด

“ปล่อยมันไปกงลู่ ปล่อยให้มันพล่ามต่อไป เพื่อให้ความเคียดแค้นนี้เกาะกินใจของเหล่าทหาร เพื่อที่จะแปรความโกรธแค้นนั้นให้เป็นพลังแห่งการทำลาย”

จูสือว่านกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ ทำให้ขุนพลทั้งสองรู้สึกหนาวเย็นกับความคิดราวกับปีศาจของผู้เป็นหัวหน้า ความลับอย่างหนึ่งของจูสือว่านคือ การใช้ความคิดด้านลบ เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังทำลาย ซึ่งจะนำไปสู่ชัยชนะที่เคยเกิดขึ้นทุกครั้งที่ทำสงคราม


แคว้ง..........................แคว้ง.............................

เสียงอาวุธปะทะกับโล่ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อเหล่าทหารจำนวนมากพากันกลุ้มรุมผู้คนรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งอยู่ในชุดเกราะ มือซ้ายถือโล่ใหญ่ มือขวาถือหอกสั้นมือเดียว แม้จะมีแค่ 16 คนแต่ก็สามารถต้านทานการจู่โจมของคนเป็นร้อยได้

แปะ............แปะ...............แปะ....................

“ยอดเยี่ยมมาก เห็นแบบนี้แล้วแตกต่างจากภาพที่เห็นในตอนแรกราวฟ้ากับเหวเลยจริง ๆ” เสียงตี๋น้อยดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่ฝึกอยู่หันมาทำความเคารพ ซึ่งตี๋น้อยก็เคารพตอบ

“ท่านเจ้าสัวอย่าแซวกันดิ เขี้ยวเล็บพวกเราที่มีในตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่ท่านชี้แนะทั้งนั้น” เจินเจิน หัวหน้ากลุ่ม 16 นงคราญเก็บหอกสั้นไว้กับโล่ด้านใน ก่อนที่จะกล่าวขึ้น

“อืม...อย่างที่คิดไว้เลย ร่างกายของพวกคุณนี่ถูกฝึกมาอย่างดีในโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้ในเกมนี้ มันสามารถที่จะพัฒนาได้อีก จนทะลุขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดาไปแล้ว” ตี๋น้อยพูดทีเล่นทีจริง ทำให้เจินจิงต้องหัวเราะออกมา

“นี่ถ้าไม่มีคุณ พวกเราก็คงจะไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้หรอกนะ”

“แต่ผมสร้างพวกคุณให้เป็นหน่วยกล้าตาย พวกคุณไม่กลัวหรือ ถ้าพลาดหมายถึงความตายเชียวนะ” ตี่น้อยอดที่จะถามคู่อริเก่าของเขาไม่ได้ ทำให้เจินเจินหัวเราะขึ้นมา ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่นว่า

“ทุกอย่างมันมีเดิมพัน แม้ว่าถ้าพลาดหมายถึงความตาย แต่นายเป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้พวกเรา เป็นชีวิตที่ดีกว่าเดิม ตื่นเต้น เร้าใจ และเต็มเปี่ยมด้วยมิตรภาพ”

“ใช่ อีกอย่าง หมิงสง และหม่าชิง เป็นวีระบุรุษของพวกเราทุกคนแล้วในตอนนี้ แม้พวกเราจะตาย พวกเราก็ยังมาเล่นใหม่ได้ แต่ AI อย่างหมิงสง และหม่าชิง ถ้าตาย ก็จะสูญหายไปจากโลกนี้อย่างถาวร ซึ่งพวกเราจะยอมไม่ได้เป็นอันขาด” เจินเจิงกล่าวบ้าง

“ใช่ พวกเราไม่ยอมให้พวกเขาตายหรอก” เสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสาว ๆ (เทียม) ทั้ง 16 เสียงเป็นเอกฉันท์ งานนี้ไม่สำเร็จไม่เลิกรา......



Create Date : 18 ตุลาคม 2554
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 21:04:26 น. 0 comments
Counter : 271 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.