วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 15 ฝึก ฝึก ฝึก และ ฝึก

“ใช้จิตสำนึกภายใน  ไม่ใช่ท่าทางภายนอก”   จาง ซัน เฟิง ปรมาจารย์สำนักบู๊ตึง

“ปรปักษ์ไม่อาจตรวจสอบความตั้งใจของท่าน แต่ท่านล่วงรู้และเข้าร่วมกับความตั้งใจของเขา ผู้ใดสำเร็จหลักการข้อนี้ จะเป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน”    หวัง จง เยว่  ผู้ก่อตั้งไทเก๊กตระกูลหวัง


”อืม.....สามก๊กเกิดปี คศ.220-280 หลังจากนี้ไปอีก 250 ปี เส้าหลินจึงเกิด และถัดมาจากเส้าหลิน 850 ปี วิชาไทเก๊กจึงเกิดขึ้น”

ในเนินเขาที่ลี้ลับแห่งหนึ่ง บนเนินเขาสูงนั้นมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่น บนก้อนหินใหญ่ใต้ต้นไม้ ตี๋น้อยนั่งดูข้อมูลอย่างสบายอารมณ์ ซึ่งข้อมูลที่ดูจะเป็นข้อมูลของวิชาการต่อสู้ต่าง ๆ

“มิยาโมโต้ มุซาชิ กล่าวไว้ในคัมภีร์ห้าห่วงว่า รู้เพียงหนึ่ง รู้ซึ้งถึงหมื่น สงสัยต้องเลือกวิชาการต่อสู้แค่อย่างเดียวให้ชำนาญซะแล้ว”

“มวยไทยโบราณ รุนแรง ฉับไว พลิกแพลง และไร้เทียมทาน”

ตี๋น้อยดูข้อมูลของมวยไทยโบราณ โดยเฉพาะหลักการจับ หัก ทับ ทุ่ม ที่ขาดหายไปจากมวยไทยปัจจุบัน โดยวิชานี้จะเน้นการใช้แรงเสริมจากศัตรูจู่โจมศัตรู และการใช้ประโยชน์จากพลังแห่งวงจร เช่นเดียวกับวิชามวยไทเก๊ก

“ไทเก๊ก ยืดหยุ่น พลิกแพลง และซ่อนเร้นร่องรอย นอกจากนั้นยังเน้นการฝึกกำลังภายในเพื่อให้มีสมาธิที่ดีอีกด้วย”

ในบรรดาวิชาที่มีมากมายในโลกนั้น ตี๋น้อยชอบที่สุดก็คงจะเป็นวิชามวยไทยโบราณ และวิชาไทเก๊ก หรือที่รู้จักกันทั่วโลกว่า ไท่ จี๋ เฉวียน(Tai Chi Chuan)

“เสียดายมวยไทยแฮะ แต่คงต้องฝึกวิชาไทเก๊กที่้เรามีพื้นฐานมาแล้ว เพราะที่นี่เป็นเมืองจีน และวิชาไทเก๊กก็คล้าย ๆ กับวิชาของเซียนผู้วิเศษ เนื่องจากผสมผสานการหายใจแบบเต๋าเอาไว้ด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับวิชามวยไทยที่เป็นวิชาของนักสู้ผู้กร้าวแกร่ง ดังนั้น เมื่อเราจะทำตัวให้ผู้คนยอมรับนับถือ ก็คงจะต้องเลือกวิชาที่พวกเขาเคารพนับถือด้วย”

ตี๋น้อยสรุปวิชาที่ต้องฝึก ซึ่งนับว่าถูกต้อง เพราะมวยไทยต้องใช้สถานที่ฝึกซ้อมแบบเฉพาะ แต่ไทเก๊กนั้นแค่มีพื้นที่นิดหน่อยก็สามารถฝึกได้ โดยเฉพาะตี๋น้อยที่เริ่มจะมีเวลาฝึกฝนน้อยลงไปทุกทีจึงต้องเลือกวิชาที่เขามีพื้นฐานดีอยู่ก่อนแล้ว เพราะข้าศึกเริ่มยกทัพมาตามล่ากระชั้นเข้ามาทุกขณะ

เฮิง..............ฮ่า.................

บนก้อนหินใหญ่ที่ราบเรียบ มองเห็นตี๋น้อยกำลังฝึกฝนวิชา ไท่ จี๋ ชี่ กง ซึ่งเป็นกำลังภายในของวิชาไท่เก๊ก มองเห็นตี๋น้อยกำลังอยู่ในท่ายืน และหายใจแบบไท่เก๊ก เพื่อฝึกลมปราณ หรือพลังชี่ เห็นมือยกขึ้น ขยับลงแบบช้า ๆ จนครบทั้ง 14 ท่า
เมื่อครบทั้ง 14 ท่า มองเห็นร่างที่สูงเพียวราวกับนายแบบกำลังยืนสงบนิ่ง เป็นการทำสมาธิจากท่ายืน ผ่านไปครึ่งชั่วโมง จึงเห็นตี๋น้อยค่อย ๆ นั่งลงแบบท่าดอกบัวเต็มเพื่อเข้าสมาธิในท่านั่ง ซึ่งท่าดอกบัวเต็มนี้ถ้าฝึกฝนจนชำนาญ จะสามารถนั่งท่าขัดสมาธิเพชร ที่เป็นวิชาสมาธิของทางพุทธ

แม้ว่าบัดนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว แต่บนก้อนหินใต้ร่มไม้ใหญ่บนทิวเขาลี้ซานยังคงร่มรื่น และมองเห็นชายหนุ่มรูปงามสมส่วนกำลังร่ายรำมวยไทเก๊กในแบบโบราณ คือมวยไทเก๊ก 13 ท่าที่เป็นแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นหลักวิชาที่เน้นพลังทั้งแปดมากกว่าท่าทาง

พลังทั้งแปดในวิชาไทเก๊กนั้นเรียกว่า ปาเหมิน หรือแปดประตู ประกอบด้วย สี่ทิศตรงคือ ปัดออก ดึงกลับหลัง กดไปข้างหน้า และผลัก สี่ทิศเฉียงคือ การใช้ศอก การแยก ฉุดลงล่าง และใช้ไหล่

ด้วยความสูง187 ซม.ของชายหนุ่มผู้นี้ดูจะเป็นความสูงที่ปกติสำหรับคนในยุคสามก๊กนี้ ยกเว้นนักรบบางคนที่อาจมีความสูงถึง 2 เมตรกว่าเช่น เตียวหุย และกวนอู เป็นต้น

ตี๋น้อยได้ใช้สถานที่นี่เป็นที่ฝึกหัดกำลังภายใน และวิชาไทเก๊กเป็นเวลาถึง 2 อาทิตย์แล้ว เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ และการขึ้นมาที่นี่ต้องลำบากในการปีนป่าย ซึ่งเขาคิดว่า เหล่าทหารที่มาจากกลุ่มต่าง ๆ ในเมืองฝึกฝนคงไม่ตะเกียกตะกายมาที่นี่

แกรก......................

เสียงดังแผ่วเบาดังมาจากด้านเชิงเขา และกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ แต่ตี๋น้อยยังคงร่ายรำมวยไท่เก๊กต่อจนจบรอบ

“ไม่นึกว่าจะมีแขกมาเยี่ยม ยินดีต้องรับเข้าสู่นิวาสสถานของเจ้าสัว” ตี๋น้อยหันไปมองผู้ที่สวมชุดทหารประจำเมืองฝึกฝนทั้ง 15 คน ซึ่งมีอยู่ 4-5 คนที่เขาจำได้ลาง ๆ

“อืม....ดูเยือกเย็น และไม่ลนลาน แต่วันนี้คงต้องขอหัวของท่านไปยื่นให้กับโจโฉซะแล้ว” ร่างของชายผอมสูงใช้ดาบเป็นอาวุธได้กระโดดขึ้นมาบนก้อนหิน พร้อมกับตวัดดาบเข้าใส่ตี๋น้อยทันที

ควับ...................วูบ..........................

ร่างของตี๋น้อยเพียงแค่เอียงตัวออกด้านหลังไปเล็กน้อยก็รอดจากดาบไวไปได้ ทำให้เจ้าของดาบรีบวาดดาบเพื่อหวังจะโจมตีอีกครั้ง แต่ไม่ทันร่างของตี๋น้อยที่ย่างก้าวเข้ามาด้วยท่ารุดหน้าที่ดูเหมือนเชื่องช้า แต่แวบเดียวกับเข้าใกล้กับชายผู้ใช้ดาบไว จนเข้ามาใกล้เกินที่จะใช้ดาบฟาดฟันได้

วูบ....................วูบ.....................

แต่ชายที่ใช้ดาบไวก็ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสามารถที่จะดึงแขนเข้ามา แล้วตวัดดาบด้วยข้อมือ ทำให้วงจรของดาบสั้นลง แต่ตี๋น้อยก็ยังสามารถใช้มือสัมผัสตัวดาบ เพื่อชักนำให้ดาบนั้นสูญเสียทิศทาง ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้ามากึ่งกลางระหว่างขาของชายที่ใช้ดาบ พร้อมกับใช้ไหล่โจมตี และมือข้างที่ใช้ไหล่โจมตีนั้นก็โค้งงอเพื่อจะปล่อยพลังฉันซือจิ้ง หรือพลังรังไหมเข้าใส่ปรปักษ์ด้วยศอก

วูบ....................พรึบ.....................

ชายผู้ใช้ดาบไวก็ร้ายกาจยิ่งนัก รีบปล่อยดาบ พร้อมกับพุ่งตีลังกากลับหลัง พร้อม ๆ กับหอกที่พุ่งเข้าเสียบร่างของตี่น้อย แต่ตี๋น้อยที่ร้ายกาจตั้งแต่ตีความวิชาไทเก๊กที่เคยฝึกแต่เล็กได้นั้นก็ใช้มือที่จะตีศอกนั้นหมุนวนจนหอกเปลี่ยนทิศทาง

พรึบ.....................วูบ......................

เจ้าของหอกสามารถดึงหอกกลับหลัง ทำให้หลุดพ้นจากวงจรพลังของเขาได้ และพุ่งหอกเข้ามาเสียบที่ขาของเขาอย่างรวดเร็ว

ตี๋น้อยจำได้ว่า ผู้ที่ใช้หอกนี้เป็นนายทหารที่ดูแลประตูทิศตะวันออก และเป็นคนที่บอกทางลับให้กับเขา

วูบ.....................วูบ.......................

เมื่อเข้าถึงหลักของความจริง-เท็จ อ่อน-แข็ง ว่าง-เต็ม หนัก-เบา ของวิชาไทเก๊กแล้ว ไม่มีทางที่ศัตรูจะสามารถทิ่มแทงเท้าของเขาได้ เพราะเท้าทั้งสองข้างสามารถเป็นได้ทั้งจริง และเท็จ ซึ่งแค่ขยับเล็กน้อย หอกที่แทงเข้ามานั้นก็พลาดเป้าหมาย และยังถูกตี๋น้อยใช้เท้าสอดหอกหมุนแล้วเตะจนหอกกระดกขึ้น เปิดให้เห็นช่องว่างตรงหน้าอก

“เดี๋ยวก่อนครับ ท่านตี๋น้อย พวกผมมาดี”

เอี้ยฮุ้นที่กำลังจะพลาดท่ารีบพูดออกมาทันที และฝ่ามือของตี๋น้อยจ่ออยู่ที่หน้าท้องของเขา มองเห็นหน้าของตี่น้อยอยู่แทบจะชิดหน้าของเขา และทันใดนั้น ร่างของเขาก็ลอยพ้นจากพื้นพุ่งลงไปเบื้องล่างทันทีด้วยพลังถอนรากปรปักษ์ทันที

ควับ........................อุ๊บ...........................

ผู้ที่อยู่ด้านล่างก้อนหินรีบปล่อยอาวุธ และรับตัวของเอี้ยฮุ้นที่ถูกสยบ และกำลังจะหล่นลงพื้น แม้ว่าจะรับเอี้ยฮุ้นได้ แต่ก็ทำให้เอี้ยฮุ้นจุกจนพูดไม่ออก ด้วยพลังฉันซือจิ้งที่แฝงมากับฝ่ามือนั้น

“พวกเรามาดีครับ เพียงแต่พวกเราอยากเห็นฝีมือของท่านก่อน แต่นั่นไม่ได้เป็นความคิดของผู้พันนะครับ เป็นความคิดของข้าเอง” เลี่ยงเซินที่เก็บดาบเข้าฝัก ได้น้อมกายคารวะ

“ข้ารู้ว่าพวกท่านแค่ทดสอบฝีมือของข้า ไม่อย่างนั้นคงไม่แสร้งเดินเหยียบไม้แห้งก่อนจะเข้ามาที่นี่หรอก” ตี๋น้อยคารวะตอบ พร้อมกับบอกความคิดเห็นของเขาให้ฟัง

“อีกอย่าง ท่วงท่าของดาบ และหอกของท่านแม้ร้ายกาจ แต่ไม่มีรังสีอำมหิตคิดฆ่าฟัน ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่า พวกท่านต้องการมาหาข้าเพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่การจับกุมข้า”

“ข้าเอี้ยฮุ้น อดีตผู้พันเมืองฝึกฝน น้อมคารวะท่านเจ้าสัว พวกเรามีกำลังรบหลัก 132 คน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว อนุญาตให้พวกเราติดตามท่านด้วยนะครับ”
เมื่อพิสูจน์ทราบถึงฝีมือการต่อสู้ ไหวพริบ และสติปัญญาแล้ว ผู้นำกลุ่มอย่างเอี้ยฮุ้นก็ยอมรับใช้ตี๋น้อยอย่างเต็มใจทันที

“ข้าอุ้ยต่งจิ้น อดีตทหารเมืองฝึกฝน ทำหน้าที่เสนาธิการของกลุ่ม ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้าหวังซื่อ อดีตทหารเมืองฝึกฝน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า หม่าชิง อดีตทหารเมืองฝึกฝน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้าหมิงสง อดีตทหารเมืองฝึกฝน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้าเลี่ยงเซิน อดีตมือปราบวังหลวง และรองหัวหน้าผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า ปังอี้เซียง ผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า เจี่ยอวี้ ผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า หูเห่ยหนาน ผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

”ข้า เคอซิน ผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า ซิวเสินจวี้ ผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า ลิ่วมู ผู้กล้าหาญเขาแห่งไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า ไซ่จิว ผู้กล้าหาญเขาแห่งไท่ซาน ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ข้า ยู่ฟ่าน เป็นอดีตนายร้อยกองกำลังรักษาคุกลับ ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“ลูเขียน อดีตกองกำลังรักษาคุกลับ ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าสัว”

“เชิญนั่งบนก้อนหินใหญ่นี่ก่อน เราผู้มีนามว่าเจ้าสัวไม่มีสมบัติติดตัวใด ๆ เหตุใดพวกท่านจึงอยากที่จะมาเข้าร่วมกับข้า” ตี๋น้อยที่คารวะตอบทุกคน และจดจำชื่อ และหน้าตาท่าทางของแต่ละคนไว้อย่างขึ้นใจ จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“เพราะท่านเป็นคนแรกที่โจโฉกลัว จนต้องสั่งทหารพิเศษมาเก็บก่อนที่ท่านจะจบการศึกษาจากที่นี่ไป ย่อมแสดงให้เห็นว่า ท่านจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถมาก และความจริงจากการทดสอบของพวกเราก็ยืนยันให้เห็นว่า พวกเราคิดถูกต้องที่สุด” อุ้ยต่งจินตอบแทนกลุ่ม ทำให้ตี๋น้อยยิ้มแย้มด้วยความดีใจ

“พวกท่านมีทั้งความกล้าหาญ ฝีมือ และความเฉลียวฉลาด นับเป็นบุญของเราที่พวกท่านยอมเข้าร่วมกับเรา ความเป็นจริงแล้ว โจโฉกับเราเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่นิสัยของโจโฉไม่ยอมให้ใครที่จะแย่งชิงสิ่งที่เขาคิดว่าเขาสมควรได้ เขาจึงคิดจะกำจัดเราตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อไม่ให้เราได้รับการยอมรับจากพ่อ และรับมรดกจากทรัพย์สินมหาศาลของพ่อข้า” ตี๋น้อยเปิดอกคุยกับเหล่ายอดฝีมือทั้ง 15 คน

“แต่ต้องพูดอีกว่า ข้าเองก็อยากที่จะกำจัดโจโฉจากโลกใบนี้เหมือนกัน เพราะถ้าปราศจากโจโฉ โลกใบนี้ก็จะสงบสุข และทุกคนก็จะมีความสุขกันมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ดังนั้น ข้าจะต้องปราบโจโฉ และสงบแผ่นดินให้ได้”

ตี๋น้อยประกาศออกมาด้วยสำเนียงที่ทรงอำนาจ ทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้ง 5 คนต่างคุกเข่าลงคำนับด้วยความพึงพอใจในผู้นำที่พวกเขาเลือกที่จะถวายชีวิตให้






Free TextEditor


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 16:04:13 น. 2 comments
Counter : 352 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ คุณ suvarnachati

อ่านสามก๊กออนไลน์จบทั้ง 15 บทแล้ว ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในตอนสุดท้ายนี้เลยนะคะ

ตอนแรกที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ มาจาก "บทนำ" ที่แสดงอยู่หน้าเว็บ Bloggang ค่ะ

เราเข้าBloggang มาเพื่อจะมาหาสูตรทำอาหารน่ะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจมาอ่านนิยายเลย (ปกติจะชอบอ่านนิยายออนไลน์อยู่แล้ว แต่วันนี้จะมาของกิน :) )

อ่านบทนำแล้ว เราเข้าใจว่าจะเป็นนิยายธรรมดา ๆ แต่อ่านไปเรื่อย ๆ แล้ว ไม่สามารถหยุดอ่านได้เลยค่ะ

เหมือนได้อ่านนิยายกำลังภายในเรื่องหนึ่งเลย ถึงแม้จะไม่ได้มีภาษาที่เหมือนในนิยายกำลังภายในก็ตาม

บอกตามตรงว่าเราได้อ่านสามก๊กมาบ้าง อ่านทั้งนิยายและการ์ตูนที่เขียนเกี่ยวกับสามก๊กก็เยอะ แต่ยังไม่เคยอ่านสามก๊กที่เป็นเกมส์ออนไลน์เลย คุณสามารถเขียนเรื่องให้สามารถมองเห็นภาพการเล่นเกมส์ได้ชัดเจน แต่มีแอบสะดุดนิดหนึ่งตอนที่ตี๋น้อยเริ่มทำกลุ่ม OTOP นั่นแหละค่ะ รู้สึกว่าเหตุการณ์มันต่อเนื่องไกลเกินกว่าเรื่องที่ดำเนินอยู่ในบทนั้นไปนะคะ

แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเครืองเล่นเกมส์กับบัตรสมาชิกมันแพงอย่างนั้น (อยากเล่นบ้าง T-T)

เอ่อ.....แล้วเรื่องนี้เป็นนิยายแนวไหนล่ะคะ (คนอ่านไม่รู้ เพราะอ่านที่บรรยายถึงท่านกุนซืออุ่ยแล้ว Y กระจายเหมือนกัน)

เราเขียนวิจารณ์ไม่ค่อยเก่งเท่าไร เขียนจากความรู้สึกนะคะ แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าถ้าคุณรวมเล่ม "สามก๊กออนไลน์" เมื่อไร เราจะซื้อมาอ่านทันทีแน่ ๆ

จะรออ่านต่อไปนะคะ (เดี๋ยวเราจะ "คั่นหน้าเว็บ" คุณไว้นะคะ จะได้มาติดตามอ่าน)





โดย: Fah_T-LEX วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:17:16:51 น.  

 
ขอบคุณครับที่ชอบ แต่ที่คุณบอกว่าวิจารณ์ไม่ค่อยเก่งนี่ขอไม่เชื่อได้ไหมครับ รู้สึกว่าอ่านคำวิจารณ์ของคุณแล้วก็ได้รับข้อคิดและกำลังใจในขณะเดียวกันเลย

ส่วนเรื่องจะเป็นแนวไหนก็ค่อย ๆ อ่านไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกันนะครับ ถ้าหากเคยอ่านสามก๊กมาแล้วเรื่องของผมก็จะเข้าใจได้ดี เพราะยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไปในบทลึก ๆ ยิ่งต้องใช้ความคิดตามไปเรื่อย ๆ และความตื่นเต้นบวกกับสาระก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

ขอบคุณครับที่ติดตาม


โดย: หมื่นลี้ (suvarnachati ) วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:21:30:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.