วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 17 เริ่มแผนซ้อนแผน

แผนที่หยาบ ๆ ที่ตี๋น้อยได้ใช้ไม้ถ่านขีดเขียนขึ้นบนแผ่นหินนั้นเป็นแผนที่ของป่าดงดิบ ซึ่งทำให้เหล่าทหารที่มาสวามิภักที่ยืนห้อมล้อมอยู่นั้นฮือฮาในความรอบรู้ของผู้นำของพวกเขา

“นี่คือแผนที่ในป่าดงดิบนี้ ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ ส่วนค่ายลับของเราน่าจะอยู่ที่นี่ ใช่ไหม ท่านเอี้ยฮุ้น”

“อืม...ใช่ เพราะเมืองอยู่ตรงนี้ เราพากันรวมพลที่นี่ และท่านเอี้ยวจิ้งเจิงน่าจะพากันตั้งค่ายที่นี่” เอี้ยฮุ้นที่ทึ่งกับแผนที่ที่วาดอย่างคร่าว ๆ แต่ก็มีส่วนที่สำคัญครบถ้วนของตี๋น้อยกล่าวตอบ

“งานนี้เราต้องประสานกันทั้งในส่วนของเรา และส่วนของค่ายเรา เริ่มแผนตัดกำลัง ซึ่งจะนำไปสู่แผนรวบหัวรวบหาง”

ตี๋น้อยอธิบายยิ้ม ๆ เพราะชื่อแผนที่สองของเขานี่มันทะแม่ง ๆ แต่พอดีไม่มีผู้เล่นอยู่ด้วย ทำให้คนเหล่านี้ไม่คิดมากกับชื่อแผน

“ตอนนี้เราก็รอแค่คนที่ไปสืบข่าวกลับมา ก็จะวางแผนการต่อไปได้แล้ว”

“รู้สึกว่า หน่วยหาข่าวจะมาแล้ว”

อุ้ยต่งจิ้นที่ยืนมองทางขึ้นเขาได้กล่าวขึ้น
ร่างของหวังซื่อ หม่าชิง และหมิงสง ซึ่งเคยเป็นทหารในหน่วยของเอี้ยฮุ้น และเคยร่วมปฏิบัติการแหกคุกมากับอุ้ยต่งจิ้น ได้ปรากฏตัวขึ้นจากการไปลาดหาข่าว และเข้ามารายงานตี๋น้อย

“ในจุดนี้ที่เป็นแอ่งกระทะเป็นที่ตั้งค่ายของทัพกลางของมันทั้ง 400 คน”

หมิงสงได้ใช้ไม้ถ่านในมือขีดวาดเป็นวงกลุ่มเพื่อกำหนดที่ตั้งทัพของกลุ่มโรงเรียนจอมฟ้า ซึ่งอยู่ห่างจากภูเขาลูกนี้ออกไปอีกประมาณสองลี้

“ส่วนปีกซ้ายขวาของมันจะอยู่ตรงนี้ และกองหน้าทั้งซ้ายทั้งขวาจะอยู่ตรงนี้ แยกกันเป็น 5 กลุ่มด้วยกัน”

หมิงสงขีดวาดวงกลมอีก 4 วง ใกล้ ๆ กัน ทำให้ตี๋น้อยมองดูจุดที่หมิงสงขีดไว้ พลางนึกเปรียบเทียบกับภูมิประเทศจริง ๆ

“อืม......หน้าตาเจ้าคนที่เป็นแม่ทัพมาคราวนี้ก็ดูหน้าตาดี มีสง่าราศีอยู่หรอก ทำไมมันจึงไร้ปัญญาเช่นนี้นะ” ตำราพิชัยสงครามนั้นห้ามการตั้งทัพในที่ลุ่มอย่างเด็ดขาด ทำให้เอี้ยฮุ้นสรุปออกมาอย่างนั้น

“มันไม่ใช่แค่ไร้ปัญญาอย่างเดียวนะ แต่มันบ้าไปแล้ว มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้ลูกน้องกลุ่มหนึ่งถูกทิ้งไว้ในป่าเพื่อรอวันตาย” หม่าชิงเสริมขึ้น ทำให้ตี๋น้อยตาเป็นประกายก่อนที่จะถามขึ้นว่า

“กลุ่มคนที่ถูกทิ้งไว้มีกี่คน”

“16 คนครับ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย มันเป็นแบบแปลก ๆ ครับท่าน” หม่าชิงรายงาน ทำให้ตี๋น้อยนึกรู้ทันทีว่าเป็นโจทย์เก่า

“ทั้ง 16 คนอยู่ตรงจุดไหน แล้วมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง” ตี๋น้อยสอบถามข้อมูล ซึ่งหม่าชิงก็บอกให้รู้

“อยู่ตรงนี้ครับ ดูเหมือนจะพยายามตามกองทัพให้ทัน แต่เพราะความอ่อนแรง และบาดเจ็บจากทาก และพวกขวากหนามต่าง ๆ ทำให้หมดแรง นอนรอความตายอยู่ตรงนี้”

ขณะที่หม่าชิงรายงาน ในหัวของตี๋น้อยก็วาดแผนการต่าง ๆ ออกมาได้ทันที ทำให้เขาเรียกคนทั้งหมดมา และมอบหมายงานให้ทำ

“อุ้ยต่งจิ้น กับ เลี่ยงเซิน ขอให้กลับไปส่งข่าวที่ค่ายของเรา เพื่อดำเนินการตัดเสบียงของกองทัพเหล่านี้ เพื่อให้อ่อนล้า แล้วข้าจะหาคนเข้าไปปั่นป่วนในกองทัพเอง” ตี๋น้อยสั่งการ

“ส่วนหวังซื่อ หม่าชิง และหมิงสง หลังพักผ่อนให้มีแรงแล้ว ให้กลับไปหาข่าวกองทัพเหมือนเดิม จำไว้ว่า แม้พวกมันจะตั้งค่ายที่ผิดจากพิชัยสงคราม แต่นั่นให้สงสัยไว้ก่อนว่า พวกมันจะทำให้พวกเราประมาท และดูถูกพวกมัน ทำให้เราเลินเล่อจนอาจจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ได้ ดังนั้น จงไปสืบให้รู้ลึกถึงแผนการพวกมัน จะได้ตลบหลังพวกมันได้” เมื่อเห็นตี๋น้อยกำชับอย่างนั้น ทำให้ทุกคนระมัดระวังตนเองทันที

“ส่วนคนที่เหลือให้ตามข้ามา เราจะไปยังที่ที่ 16 คนอยู่ ให้ทุกคนเตรียมพร้อม และทำตามแผนการที่ข้าวางไว้ให้อย่างเคร่งครัด เพราะข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะทำอย่างนั้นอย่างไร้ประโยชน์”

“ครับ ท่านเจ้าสัว”

เหล่าทหารทั้ง 15 คนรับคำ และแยกย้ายกันออกปฏิบัติตามทันที ท่ามกลางความพอใจของตี๋น้อยที่ได้ทหารชั้นเลิศมาอยู่ในความดูแล ทำให้งานของเขาง่ายขึ้นมาก


“นี่ ๆ ตัวเอง เคยดูโฆษณาทีวีชุดหนึ่งไหม จิงช๊อบชอบ” เจินจิงสาวน้อยเทียม ๆ ร่างเล็กกว่าช้างนิดหน่อยนอนหมดสภาพอยู่กับพื้นเนื่องจากใช้แรงในการวิ่งตามกองทัพจอมฟ้าจนหมด

“มันมีตั้งหลายโฆษณา แล้วจะรู้ไหมละ ว่าโฆษณาไหน” นังหมีน้อยตอบกลับมาอย่างคนอารมณ์ไม่จอย เพราะหมดสภาพกันทั้งสิบหกคน

“เดี๋ยว ๆ ๆ อย่าพึ่งเฉลยนะ นังจิน ขอเจ๊เดาก่อน” เจินเจินพี่ใหญ่ในสิบหกนงคราญยังอุตส่าห์ประคับประคองร่างยักษ์ขึ้นมาชะลอการเฉลยกิจกรรมของเจินจิง

“เจ๊ก็รีบตอบสิ ไม่ตอบคนอื่นมันจะขาดใจตายเพราะอยากรู้” เจินจินที่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่อยู่รีบพูดขึ้น

“โฆษณาที่เจ้านายพาลูกสุนัขไปเที่ยวใช่ไหมอะ” เจ๊เจินเดาปุ๊บ เจินจิงก็ตอบปั๊บทันทีว่า

“ถะ...ถะ....ถูกต้องแล้วคร๊าบบบ ว่าแต่เจ๊ช่วยเล่าให้มันได้อารมณ์ของเรื่องหน่อยสิ มันเข้ากับบรรยากาศตอนนี้จังเลย”

“ได้สิ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะ”

เจ๊เจินก็ยุขึ้น เพราะคนทั้ง 16 คนนี้ไม่มีอะไรจะทำแล้ว ได้แต่รอวันตาย แต่ด้วยนิสัยที่ร่าเริงสนุกสนาน จึงทำให้ไม่ยอมร้องไห้ฟูมฟายก่อนตาย

“ครั้งหนึ่ง มีลูกสุนัข 16 ตัว เกิดมาในบ้านของมหาเศรษฐีคนหนึ่ง” เออ....เจ๊ครับ มันจะเข้าบรรยากาศไปไหมเนี่ย……

“ช่วงแรก ๆ มหาเศรษฐีคนนั้นก็ดูจะรู้สึกชอบลูกสุนัขเหล่านั้นมาก แต่พอนานไปก็เริ่มรู้สึกว่า เอ.....มันก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เรา เลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่า ๆ สงสัยต้องเอามันไปเที่ยวได้แล้วละมั๊ง” เรื่องราวเริ่มเข้มข้น ทำให้เหล่า 16 นงคราญที่รอวันตายได้เอาใจจดจ่อกับเรื่องราวของสุนัขน้อยเหล่านั้น

“ดังนั้น มหาเศรษฐีจึงให้คนใช้นำลูกสุนัขทั้ง 16 ตัวนี้ขึ้นรถเบนซ์ไปเที่ยว พวกมันดีใจมาก ต่างพากันชูหน้าชูตาอยู่ในรถเบนซ์ราวกับลูกสุนัขของพระราชา”
พูดถึงตอนนี้เสียงสะอื้นดังมาจากเหล่าคนที่ฟัง เพราะมันเข้ากับชีวิตของพวกเขาที่คิดว่ามีเกียรติที่ได้เรียนในโรงเรียนจอมฟ้า จึงพากันชูคอเย่อหยิ่ง

“เมื่อมาถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง คนขับรถก็พาเหล่าลูกสุนัขทั้ง 16 ตัวออกมาเดินเล่น และเที่ยวชมวัด ลูกสุนัขทั้ง 16 ตัวพากันเพลิดเพลินกับความสวยงามที่พบเห็น จนมันมองไม่เห็นรถเบนซ์ที่เคลื่อนตัวออกไป จนกระทั่งเมื่อมันพบกับสุนัขขี้เรื้อนที่อาศัยอยู่ในวัด สุนัขขี้เรื้อนตัวนั้นก็บอกกับมันว่า.....”

“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย.....เอ็งรู้ไหมว่า เอ็งถูกทิ้ง......” สิ้นเสียงสรุปปิดเรื่อง สาวเทียมร่างยักษ์ทั้ง 16 คนก็ปล่อยโฮออกมาพร้อม ๆ กัน


“มันไม่ใช่การทิ้งหรอก แต่เป็นกับดักมากกว่า” เสียงนุ่ม ๆ และแฝงแววรู้ทันผู้คนดังขึ้น ทำให้เหล่า 16 นงคราญพยายามผงกหัวขึ้นมาดู

“ตี๋น้อย ตี๋น้อยที่พวกนั้นต้องการตัวนี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” เจินเจินพยายามยันร่างเพื่อลุกขึ้น

“แม้จะรู้ว่าเป็นกับดัก แต่ผมไม่อาจปล่อยให้พวกคุณตายหรอก เพราะถ้าผมไม่ออกมา พวกคุณต้องตายแน่ ๆ” ตี๋น้อยพูดขึ้นพลางโยนถุงขนาดใหญ่ ลงตรงหน้าของเจินเจิน เสียงดังโครมบอกให้รู้ถึงน้ำหนักของถุงนั้น

ทันใดนั้นเอง ทหารราว ๆ สัก 30 คนก็ได้โผล่ขึ้นมาจากแนวซุ่มในป่ารอบด้าน ทำให้ตี๋น้อยหัวเราะเบา ๆ ออกมา

“กินซะ จะได้รอดตาย เนื้อวัวย่างร้อน ๆ พร้อมกับน้ำเย็น ๆ แล้วในถุงนั่นยังมีสมุนไพรที่จะช่วยรักษาแผล และขจัดพิษของแมลงต่าง ๆ ด้วย”

ตี๋น้อยยังคงหันไปบอกกล่าวกับเจินเจินราวกับไม่เห็นทหารที่อยู่รอบตัว ทำให้ทหารที่เป็นหัวหน้าหมู่เริ่มไม่พอใจ

“นี่เจ้ายังไม่สำนึกอีกหรือว่า เจ้าถูกกลศึกของพวกเราแล้ว และถึงเวลาตายของเจ้าด้วย”

หัวหน้าหมู่ผู้ถือดาบใหญ่ยักษ์ได้กล่าวขึ้น พลางสั่งให้ทหารที่อยู่ล้อมรอบกระชับวงล้อมเข้ามา ทำให้เหล่า 16 นงคราญตกอยู่ในวงล้อมด้วย

“นี่ ปล่อยพวกเราออกไปก่อนได้ไหม แล้วค่อยล้อมมาใหม่” เจินจิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขอร้อง

“คำสั่งของท่านอี่เทียนคือ ไม่ต้องสนใจเหยื่อล่อ แค่สามารถกำจัดเป้าหมายได้ก็เป็นพอ” คำตอบของหัวหน้าหมู่นั้นทำให้เหล่า 16 นงคราญเทียมต้องสะอึก

“ฆ่ามัน”

สิ้นเสียงสั่ง เหล่าทหารทั้ง 30 คนก็โห่ร้องพลางเข้าวิ่งเข้าไปหมายจะฆ่าตี๋น้อยทันที

เฟี้ยว.......................เฟี้ยว......................

พริบตานั้นเอง ลูกศรจำนวนมากก็พุ่งเข้าเสียบร่างของทหารที่โห่ร้องเข้ามา ทำให้ทหารร่วงลงไปนับสิบคน

“ระวัง “

นายหมู่หัวหน้าทีมร้องบอกได้เท่านั้นก็ต้องรีบยกดาบใหญ่รับหอกของตี๋น้อยที่พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว

เฟี้ยว.................เฟี้ยว.....................

ธนูยังคงถูกระดมยิงออกมาจากรอบด้าน ทำให้ทหารทั้ง 30 คนไม่รู้ว่าจะหลบตรงไหน และจะปัดป่ายธนูที่มาจากรอบด้านได้อย่างไร จึงถูกธนูสังหารไปทั้งหมด ยกเว้นนายหมู่ที่กำลังรับมือกับตี๋น้อยอยู่

“พวกคุณทั้ง 16 คน รีบกินเนื้อวัว และใช้สมุนไพรรักษาแผลซะ เพราะไม่
นานพวกของคุณก็จะมาเพิ่ม ทำให้พวกเราช่วยคุณไม่ได้ แล้วจะพากันตายไปอย่างงมงายไม่รู้เรื่องรู้ราว”

ตี๋น้อยร้องบอกเหล่า 16 นงคราญทำให้หอกที่จู่โจมหยุดชะงักไปนิดหนึ่ง ซึ่งก็เพียงพอที่จะให้นายหมู่ได้พลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้

ย๊ากกกกกก....................

มันตะโกนก้องพลางใช้ดาบใหญ่ในมือพลิกออกฟันใส่ตี๋น้อยทันที

ควับ.............ครืน......................

แม้พลังมหาศาลจากดาบจะดูน่าหวาดหวั่น เพราะแค่เหวี่ยงดาบฟันก็ทำให้ใบไม้รอบข้างสั่นไหว และแรงลมทำให้เสื้อผ้าของตี๋น้อยสั่นกระพือขึ้นจนดังพึ่บพั่บ

วูบ................วูบ......................

ท่าเท้าเบญจธาตุทำให้ตี๋น้อยหลบไปมาท่ามกลางพายุดาบได้ โดยที่ตัวของเขาได้แนบหอกไว้หลังข้อศอก โดยไม่ได้ใช้แรงต่อต้านแม้แต่น้อย ทำให้เจ้าของดาบใหญ่ฮึกเหิมยิ่งนัก จนมองไม่เห็นเหล่านักรบที่แต่งชุดดำพากันเคลื่อนไหวออกจากราวป่า และจัดการเก็บทรัพย์สินเงินทองของทหารทั้ง 30 คนจนหมดสิ้น จากนั้นจึงช่วยเหล่า 16 นงคราญจากไป

พรึบ....................

พริบตาที่เหล่า 16 นงคราญถูกช่วยไปแล้ว ดาบใหญ่ของนายหมู่ก็ฟันออกกะจะให้ตี๋น้อยขาดกลางตัว แต่ตี๋น้อยก้มหัวหลบทัน จากนั้นก็พุ่งหอกออกมาจากด้านหลังที่ก้มลงนั้น ทำให้หอกพุ่งเข้าเสียบลำคอของนายหมู่ทหารอย่างเม่นยำ จนมันตาเหลือกค้างอย่างไม่เชื่อสายตา

“ไม่ต้องมองอย่างนั้น เจ้าเอาแต่ใช้แรง ไม่ได้ใช้สมอง อีกสักครู่สินะที่หัวหน้าของเจ้าจะมา แล้วเขาก็จะได้พบกับการซ้อนกลจากข้าแน่นอน”

ไร้เสียงตอบจากนายหมู่ทหาร เนื่องจากร่างนั้นได้กลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณเสียแล้ว เพราะวิญญาณของผู้เล่นก็คือคลื่นสมอง เมื่อผู้ใดตาย คลื่นสมองก็จะสูญหายไปจากเกมนี้ ทำให้ตัวละครถูกลบไป เหลือแต่ทรัพย์สิน และร่างจำลองที่อยู่ในเกมนี้ซึ่งไม่นานก็จะจางหายไปด้วยเช่นกัน



Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 21:15:10 น. 0 comments
Counter : 247 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.