วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 12 ภัยร้าย และการเตรียมตัวเข้าสู่สงคราม

ยามเฉิน (07.00 น.-09.00 น.) เหล่ากองทหารผลัดใหม่มาเปลี่ยนเวรยาม และก็ต้องประหลาดใจที่นายร้อยดูแลหน่วยทหารผลัดกลางคืนไม่ออกมาต้อนรับ พบเห็นแต่ทหารที่ยืนเข้าแถวรออยู่อย่างเรียบร้อย เพื่อมอบเวรยามให้กับผลัดใหม่

“ท่านครับ หัวหน้าของพวกเราพบกับปัญหานิดหน่อย อยากจะขอเชิญท่านไปยังกระโจมกลางเพื่อที่หัวหน้าของเราจะปรึกษาหารือสักครู่ได้ไหมครับท่าน”
หัวหน้ากองซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้า อาจจะพึ่งเข้าประจำการก็ได้ เพราะเขาไม่เคยเห็น แต่พูดจาฉาดฉานดูดี และทะมัดทะแมงสมเป็นหัวหน้ากอง

“ได้สิ...เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล มีอะไรก็บอกกันได้ นำไปสิ หัวหน้ากอง”
นายร้อยผลัดกลางวันเป็นคนวัยกลางคน จึงค่อนข้างจะทำตัวสบาย ๆ สักหน่อย เพราะดูแล้ว อนาคตราชการคงจะอยู่แค่นี้ และถ้าจะเลื่อนลำดับคงไม่ไกลจากนี้เท่าไรนัก

“เชิญครับ ผู้กองรออยู่ในกระโจมครับ”

อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปในกระโจมบัญชาการซึ่งเป็นสองตอน และเมื่อแหวกม่านเข้าไปในห้องที่สอง ขาของผู้กองผลัดกลางวันก็ค้างทันที

“ผู้พันเอี้ยฮุ้น”

“เข้ามาสิ ผู้กองยู่ฟ่าน”

สิ้นเสียงเชิญ ยู่ฟ่านรีบหันหลังกลับเพื่อหลบออกจากกระโจมทันที เพราะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองทหารผลัดกลางคืน

ฉิ้ง..................

ดาบเล่มหนึ่งได้พาดคอของยู่ฟ่านจนมันต้องชะงักท่าที เพราะไม่อย่างนั้น ลูกกระเดือกของมันคงต้องถูกเชือดเพราะแรงของตัวเองแน่ ๆ

“ดาบไวของเลี่ยงเซินมีชื่อเสียงมานานปี นึกไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้เห็น”

เอี้ยฮุ้นกล่าวชมอย่างจริงใจ แต่ก็ทำให้ยู่ฟ่านต้องเสียวแปลบเข้าไปถึงหัวใจ เพราะอดีตมือปราบเลี่ยงเซินมีเพลงดาบวายุ ซึ่งนับเป็นดาบไวอันดับต้น ๆ ของยุทธจักรมานานปี ต่อให้มีอาวุธอยู่ในมือยังไม่กล้าที่จะปะมือด้วย ดังนั้น ยู่ฟ่านจึงต้องทำตามคำสั่งของเอี้ยฮุ้น ทั้ง ๆ ที่ต้องเสี่ยงกับการเอาชีวิตไปทิ้งยิ่งนัก แต่ก็ดีกว่าจะปลิดปลงไปในทันทีทันใดด้วยดาบไวของเลี่ยงเซิน

“เรียกทหารเข้ามาครั้งละ 10 คน เพื่อให้ผู้ตรวจการได้ตรวจความเรียบร้อยของทหาร”

สิ้นคำสั่งของเอี้ยฮุ้น ยู่ฟ่านรับคำ และเดินออกไปยังแถวทหารพร้อม ๆ กับเลี่ยงเซินในชุดหัวหน้ากองซึ่งเดินอย่างน้อมนอบตามไปไม่ห่าง

“หัวหน้ากองทั้งสี่ นำทหารไปรับการตรวจจากท่านผู้ตรวจการในกระโจมกลาง”
สิ้นเสียงสั่ง หัวหน้ากองก็พาทหารกองละ 10 คน เข้าไปในกระโจมกลางทันที เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ทหารประจำหน้ากระโจมกลางก็ส่งสัญญาณบอกกับหัวหน้ากองที่ข้างกายผู้กองยู่ฟ่าน

“เรียบร้อยแล้วครับท่าน”

สิ้นเสียงของหัวหน้ากองซึ่งเป็นเลี่ยงเซินที่สวมรอยอยู่ ทำให้ยู่ฟ่านก็เกิดอาการกระตุกนิดหนึ่งด้วยความเศร้าเสียใจกับทหารของตนเอง ก่อนที่จะให้สัญญาณกับหัวหน้ากองคนต่อไป และเป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ จนกระทั่ง กองทหารในความบังคับบัญชาของเขาทั้ง 44 คนละลายหายไปกับตา

“หมดสิ้นแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวของข้าแล้วสินะ”

ยู่ฟ่านเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันที ทำให้อุ้ยเซินต้องส่งสัญญาณให้ทหารในแถวออกมา 2 คนเพื่อประคองนายร้อยท่านนี้ขึ้นมา

“วางใจเถอะยู่ฟ่าน ลูกน้องของท่านก็เป็นลูกน้องของข้าเหมือนกัน พวกเขาแค่โดนสยบไว้ และข้าจะถามได้ถามความสมัครใจของทุกคนแล้วว่า จะยินดีตามข้า หรือจะยอมทำตามคำสั่งของท่านเจ้าเมืองที่เป็นหุ่นเชิดของโจโฉ ลูกน้องของท่านทุกคนต้องการที่จะตามข้า” เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับทหารทั้ง 44 คนที่เดินตามหลังมาอย่างยินยอมถวายชีวิตให้

“ข้าจะถามท่านเหมือนที่ถามพวกเขาเช่นกันว่า เจ้ายินดีที่จะติดตามข้าหรือไม่”
เอี้ยฮุ้นได้เอ่ยถามยู่ฟ่านสั้น ๆ แต่ทำให้ยู่ฟ่านนิ่งคิดอยู่นาน เพราะถ้าเขาอยู่ที่นี่เขาก็จะพอมีกินมีใช้ แม้ว่าเขาจะมีฝีมือในด้านดาบพอตัว แต่ก็คงจะไม่มีโอกาสได้ใช้ และไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ แต่ถ้าทำพลาดนั่นหมายถึงชีวิตของเขาและครอบครัวทีเดียว

ดังนั้นคำถามของเอี้ยฮุ้นเหมือนกับจะถามเขาว่า ต้องการที่จะเสี่ยงเพื่อที่จะก้าวหน้า หรือต้องการที่จะจมปลักอยู่ในที่เดิน ซึ่งสำหรับเขาแล้ว เขาเชื่อในในเอี้ยฮุ้นว่าจะนำเขาไปสู่ความก้าวหน้าได้ แม้ไม่เป็นอย่างนั้น ชีวิตของเขาก็คงจะต้องสนุกตื่นเต้นในแต่ละวันแน่ ๆ ไม่ใช่เช้าชามเย็นชามแบบในปัจจุบัน

“ข้าขอติดตามผู้พันไปทุกที่ทุกแห่ง แม้แต่ความตายก็ไม่หวั่น”
ยู่ฟ่านคุกเข่าคารวะเอี้ยฮุ้นอย่างยอมมอบถวายชีวิตให้ ทำให้เอี้ยฮุ้นต้องประคองยู่ฟ่านขึ้น ท่ามกลางเสียงพึงพอใจของทหารทั้ง 44 คนของเขา


“แผนครั้งนี้จะชื่อว่า ปิดฟ้าข้ามมหาสมุทร เราจะออกจากเมืองเพื่อไปสมทบกันทียอดเขาลี่ซาน”อุ้ยต่งจิ้นที่เลื่อนขึ้นเป็นกุนซือของกลุ่มได้สรุปแผนการ พลางชี้ให้ดูแผนที่ประกอบ

“ท่านยู่ฟ่านนำทหารทั้ง 44 คนไปทางประตูเมืองด้านทิศเหนือ โดยอ้างคำสั่งของท่านเจ้าเมืองเพื่อให้ไปสืบหาผู้ร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในภูเขาด้านเหนือ โดยบอกว่า จะค้นภูเขาด้านเหนือจนไปสมทบกับกลุ่มต่าง ๆ ในด้านตะวันออก” ยู่ฟ่านรับคำ ซึ่งอุ้ยต่งจิ้นก็นำคำสั่งของท่านเจ้าเมือง(ปลอม) มามอบให้ และให้ไปจัดทัพทหาร(ปลอม)ให้เรียบร้อย

“ส่วนหัวหน้ากองทั้งสี่ ให้นำทหารทั้ง 40 คนไปยังประตูเมืองด้านทิศตะวันออก โดยนำคำสั่งของท่านเจ้าเมืองเพื่อไปตรวจค้นผู้ร้ายยังป่าดงดิบร่วมกับกองกำลังกลุ่มต่าง ๆ จากนั้น ก็แยกตัวเองไปยังเขาลี่ซาน” หัวหน้ากองทั้งสี่รีบมอบคำสั่งท่านเจ้าเมือง(ปลอม) แล้วก็ตรงออกไปตรวจดูความเรียบร้อยของทหาร(ปลอม)ทันที

“ส่วนท่านเลี่ยงเซิน นำทหารทั้ง 44 คนไปยังประตูด้านทิศใต้ โดยนำคำสั่งของท่านเจ้าเมืองไปตรวจค้นป่าเบญพรรณทางทิศใต้ ถ้ามีเหตุการณ์ที่ผิดพลาดก็ให้เข่นฆ่าทหารรักษาเมือง และหลบหนีไปยังส่วนลึกของป่า แล้วจึงหันกลับขึ้นไปสมทบยังเขาลี่ซานในด้านทิศตะวันออก”

จากนั้นก็มอบคำสั่งท่านเจ้าเมือง(ปลอม) ให้กับเลี่ยงเซิน ซึ่งทหารทั้ง 40 คนนั้นเป็นทหารจริง แต่จะมีหัวหน้าคนสำคัญของกองโจรปลอมตัวแอบอยู่ในกองทัพด้วย รวมทั้งเอี้ยฮุ้นที่เป็นนักโทษแผ่นดินด้วย

เมื่อมอบหมายงานทั้งหมดเสร็จสิ้น อุ้ยต่งจิ้นก็หันไปบอกกับเพื่อน ๆ ทั้ง 3 คนที่ร่วมปฏิบัติการปล้นคุกครั้งนี้ว่า

“ส่วนพวกเราทั้งสามคน คงต้องกลับคืนสู่ชุดทหารประจำการของเรา และแยกย้ายกันไปนำครอบครัวเหล่าทหารทั้ง 45 คนที่เข้ามาร่วมกับเรา เพื่ออพยพไปยังเขาไท่ซาน โดยให้เหล่าคนหนุ่มมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อไปตามล่าคนร้าย และให้เหล่าสตรี เด็ก และคนชรา เดินตามไปส่ง แต่ส่งจนถึงเขาลี่ซานจึงหยุด”

และแล้ว แผนการปิดบังฟ้าเพื่อข้ามทะเลก็ถูกนำมาใช้ ซึ่งเงื่อนไขของกลนี้อยู่ที่ความสมจริงของเหตุการณ์ ลีลาการแสดงของผู้ร่วมงาน และเวลาที่เหมาะสม


ขอกล่าวถึงการเตรียมการของกองกำลังของขงหยง ที่ได้สั่งการให้กองกำลังทั้งหมดในเมืองมารายงานตัวในตอนเช้า ดังนั้น กองกำลังทั้งหมดจึงจำใจมารายงานตัว แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะถูกล้มล้างทั้งกลุ่มก็เป็นได้

“ทุกหน่วยมาพร้อมกันทุกคนหรือยัง”

ขงหยง ผู้ตรวจการใหญ่ประจำเมืองหลวง ได้กล่าวต่อหน้ากลุ่มต่าง ๆ ซึ่งได้มารายงานตัวเพื่อขึ้นทะเบียนในการไล่ล่าตี๋น้อย เนื่องจากโจโฉไม่รู้จักชื่อที่ใช้ในเกมของตี๋น้อย จึงใช้ชื่อว่า ตี๋น้อย ในการออกประกาศตามจับ
กำลังพลกลุ่มต่าง ๆ มีดังนี้คือ

กลุ่มจอมฟ้า 1,000 คน ผู้นำคือ อี่เทียน
กลุ่มมังกร 150 คน ผู้นำคือ เฉินหนาน
กลุ่มพยัคฆ์ 80 คน ผู้นำคือ ลิ่วหยวน
กลุ่มสิงโต 110 คน ผู้นำคือ สือจิ๋น
กลุ่มจิ้งจอก 90 คน ผู้นำคือ ปาหยง
กลุ่มกระเรียน 70 คน ผู้นำคือ โหวอี่

ซึ่งกำลังพลครั้งนี้จะมีถึง 1,500 คน เพื่อออกตามล่าคนเพียงคนเดียว นอกจากนี้แล้ว ยังจะมีกองกำลังพิเศษของโจโฉที่จะตามมาอีก 1 พันคน

“อี่เทียนก้าวออกมาข้างหน้า”

ขงหยงกล่าวขึ้นด้วยเสียงของท่านผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทำให้อี่เทียน ซึ่งก็คือประธานนักเรียนโรงเรียนจอมฟ้า คู่กรณีของตี๋น้อย ได้ก้าวออกมาตรงหน้าของขงหยง

“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าคือผู้ควบคุมกองกำลังพิเศษ ซึ่งขึ้นตรงต่อท่านโจโฉ มีจำนวน 1,500 คน ถือเป็น 1 กองพัน ดังนั้น เจ้าจะมีตำแหน่งเป็นนายพัน คุมกองพันพิเศษแห่งเกาะฝึกฝน” สิ้นเสียง อี่เทียนได้คุกเข่าลงรับสัญลักษณ์แห่งกองทัพจากมือของขงหยง

“เฉินหนาน ลิ่วหยวน สือจิ๋น ปาหยง โหวอี่ ชางมินก้าวออกมาด้านหน้า”

เฉินหนาน ที่มีร่างกายสูงเพียว ส่วนลิ่วหยวน ร่างกายสูงใหญ่ สือจิ๋น ร่างกายกำยำล่ำสัน ปาหยง หนุ่มน้อยหน้ามน และ โหวอี่ รูปร่างธรรมดา หน้าตาสมถะ และชางมิน รองประธานโรงเรียนจอมฟ้า ทั้ง 6 ได้ก้าวออกมาด้านหน้าของขงหยง

“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือผู้ช่วยของอี่เทียน มีตำแหน่งเป็นนายกอง ดูแลกองกำลังอาสา ขึ้นตรงกับกองพันพิเศษแห่งเกาะฝึกฝน”

“น้อมรับคำสั่ง”

ทั้งหกได้คุกเข่าลงรับสัญลักษณ์แห่งนายกองจากมือของขงหยง จากนั้นได้ทำการยืนอยู่หน้ากองกำลังของตนเอง ในขณะที่อี่เทียน ได้ยืนอยู่หน้าคนทั้งห้า

“กองกำลังพยัคฆ์ กองกำลังมังกร กองกำลังสิงโต กองกำลังจิ้งจอก และกองกำลังกระเรียน นำกำลังสมทบกับกองกำลังจอมฟ้า 400 คน ไปตามล่าตี๋น้อยในป่าดงดิบ โดยการนำทัพของอี่เทียน และข้าอนุญาตให้เบิกอาวุธ เสบียง และยุทธภัณฑ์ที่จำเป็นจากกองคลังประจำเมืองได้” ขงหยงสั่งการ

“ส่วนกองกำลังจอมฟ้าที่เหลืออีก 600 คน ให้ชางมินดูแล ในการรักษาการณ์ในเมือง โดยแยกไปเฝ้าประจำประตูทั้ง 4 ทิศ เพื่อเสริมกำลังกองทหารประจำเมือง”
เมื่อจัดวางกำลังต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขงหยงก็เรียกทั้ง 7 คนเพื่อเข้ามาดูแผนการต่าง ๆ ที่เขาได้วางไว้ เพื่อที่จะประสานงานกันได้อย่างราบรื่น


อีกด้านหนึ่งของเกาะเริ่มต้น รุ่งอรุณของวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้นจากบนต้นไม้สูงใหญ่

“ฮ้าว......ได้เวลาฝึกฝนแล้วสินะ แต่ก็ดีไปอย่างนะที่ออฟไลน์บนที่สูงขนาดนี้ ตอนออนไลน์มาจะได้ไม่ต้องตกใจถ้าเผื่อจะเอ๋กับพวกสิงสาราสัตว์ทั้งหลาย”

ใบหน้าที่คมคายนั้นมีรักยิ้มขึ้นบนใบหน้า เมื่อนึกถึงความตื่นเต้นที่จะได้ผจญภัยในป่าใหญ่ โดยไม่ได้ล่วงรู้ถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นมาแม้แต่น้อย

“อืม.....หมวดแรกต้องฝึกเรื่องการเอาตัวรอดในป่าดงดิบ ต้องเรียนรู้จักทุกซอกทุกมุมของป่า และการใช้ประโยชน์จากป่า ถ้าหากว่า เกิดการต่อสู้ในป่าดงดิบ”
ภาพเหมือนจอคอมพิวเตอร์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทันทีที่กดที่หัวเข็มขัด ทำให้เห็นตารางการฝึกที่ถี่ยิบ และเป็นขั้นเป็นตอน จากนั้น ร่างที่เริ่มดูคมเข้มขึ้นได้เปิดดูแผนที่ในป่าดงดิบอย่างละเอียด ซึ่งจะมีในเฉพาะห้องสมุดลับเท่านั้น

“ซุนวูบอกว่า ชัยภูมิมี 6 อย่างคือ ชัยภูมิเปิด ชัยภูมิติดพัน ชัยภูมิไม่แน่นอน ชัยภูมิแคบ ชัยภูมิเร่งรีบ และชัยภูมิห่างไกล เราต้องทำความเข้าใจกับชัยภูมิทั้ง 6 นี่ก่อนที่จะสามารถเข้าใจถึงการรบทัพจับศึก”

ทบทวนความรู้เสร็จ ร่างที่สูงโปร่งนั้นก็ลื่นไถลลงไปจากต้นไม้ชนิดที่ลิงยังอาย จากนั้น ร่างนั้นก็ตรงเข้าไปสำรวจในป่าต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเขาย่อมมีเครื่องป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเองได้

“รองเท้าหนัง กางเกง และเสื้อแขนยาว ชุบน้ำยาพิเศษเพื่อป้องกันทาก งูพิษ และยุง ส่วนมือก็ใส่ถุงมือหนัง พร้อมกับใส่หมวกหนัง และเตรียมมีดเดินป่าให้พร้อม”
ตี๋น้อยดูข้อมูลแผนที่ในคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในเข็มขัดจอมปราชญ์ เทียบกับสถานที่จริง พร้อม ๆ กับการเปรียบเทียบว่าควรจะเป็นชัยภูมิชนิดใดในทั้ง 6 ชนิด เมื่อสรุปได้ เขาก็จะทำเครื่องหมายไว้ในแผนที่

“อืม...สำรวจได้แค่ไม่เท่าไรเลย ป่าแห่งนี้มันกว้างมากจริง ๆ มีทั้งอันตรายจากพวกงูพิษ ทาก สมุนไพรที่เป็นพิษต่าง ๆ รวมทั้งยุงป่าด้วย แต่ทรัพยากรก็มีมากด้วยเช่นกัน รวมทั้งสัตว์ป่าที่อุดมสมบูรณ์” ตี๋น้อยสรุปการฝึกออกมา ก่อนที่จะนั่งพักเหนื่อย

ในขณะนั้น ฝูงนกป่าได้บินขึ้นเป็นกลุ่มในพื้นที่ที่เห็นไกล ๆ จากนั้น ส่วนฝูงสัตว์ที่อยู่บนดินได้วิ่งหนีจนฝุ่นตลบ ทำให้เขานึกถึงตำราพิชัยสงครามที่กล่าวว่า ถ้าในป่าเห็นฝูงสัตว์ตื่นตกใจและหนีภัยจำนวนมาก ถ้าไม่ใช่ไฟป่า ก็ต้องเป็นกองทัพข้าศึก

ร่างของตี๋น้อยจึงได้วิ่งไปยังจุดที่เหมาะสม และได้ปีนต้นไม้เพื่อมองลงไปให้ได้ไกลขึ้น สิ่งที่เขาพบเห็นก็คือ กองทัพประมาณพันคน กำลังก้าวเข้ามาสู่ป่าดงดิบแห่งนี้ มีการจัดทัพในแบบที่ใช้ในพื้นที่ปกติ ทำให้เขารู้สึกหัวเราะ

“คนเป็นพัน อาวุธเต็มอัตราศึก เพื่อมาจับคน ๆ เดียว แต่การจัดทัพในป่าดงดิบ ซึ่งนับเป็นชัยภูมิติดพัน คือเป็นชัยภูมิที่เข้าง่ายออกยาก และผู้ที่เดินทัพในแบบแผน ย่อมจะเป็นจุดเด่น และเป็นภัยแก่ตัวเอง”

“คอยดูก็แล้วกัน ว่าคนเป็นพันแต่เดินทัพไม่เป็น เมื่อกลับไปจะเหลือรอดสักกี่คน”
ตี๋น้อยกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนที่จะลื่นไถลร่างลงจากต้นไม้เพื่อเตรียมการต้อนรับเหล่านักรบนับพันที่มาใช้บริการป่าดงดิบแห่งนี้


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 15:59:57 น. 0 comments
Counter : 266 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.