วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
สามก๊กออนไลน์
ร้านหนังสือหมื่นลี้
All Blogs
บทที่ 33 จะจับแสร้งปล่อย พร้อมกลยุทธ์สาวงาม
บทที่ 32 บทเรียนจากห้องสุนัข
บทที่ 31 ห้องปู และบทเรียนจากพิชัยสงคราม
บทที่ 30 บทเรียนจากแมลงวัน กับ เคล็ดลับของยอดยุทธ์
บทที่ 29 เดิมพันชีวิตของสองขุนพล
บทที่ 28 สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน
บทที่ 27 ตอนต่อบุปผา เชื่อมโยงหยก
บทที่ 26 ปล้นค่ายกองพันปีศาจ
บทที่ 25 แผนเหนือเมฆ ช่วงชิงเชลยศึก
บทที่ 24 เปิดศึกครั้งแรก
บทที่ 23 ขวากหนามในทางฝัน
บทที่ 22 ขุนพลปีศาจ จูสือว่าน
บทที่ 21 ปฐมบทแห่งสงครามช่วงชิงเกาะฝึกฝน
บทที่ 20 ข่าวสารของเสี่ยวหมวย และแผนการของตี๋น้อย
บทที่ 19 พลังที่ห้าวหาญ VS แผนการณ์ที่เฉียบคม
บทที่ 18 แผนย่อยในแผนใหญ่
บทที่ 17 เริ่มแผนซ้อนแผน
บทที่ 16 แผนการของอัจฉริยะ
บทที่ 15 ฝึก ฝึก ฝึก และ ฝึก
บทที่ 14 ปล่อยให้สายน้ำเชี่ยวไหลผ่านไป
บทที่ 13 คนป่าแดนเถื่อน กับคนเมืองจอมเก๊ก
บทที่ 12 ภัยร้าย และการเตรียมตัวเข้าสู่สงคราม
บทที่ 11 บุกคุกปล้นนักโทษประหาร
บทที่ 10 แผนการของอุ้ยต่งจิ้น
บทที่ 9 พลิกฟ้าไล่ล่าตี๋น้อย
บทที่ 8 ดิ้นรนสู่จุดอับ
บทที่ 7 เผชิญหน้าโรงเรียนจอมฟ้า
บทที่ 6 เหตุเกิด เพราะคุณหนู
บทที่ 5 ห้องสมุด กับการอ่านหนังสือขั้นเทพ
บทที่ 4 เรียกผมว่า "เจ้าสัว"
บทที่ 3 เหตุผลของพ่อ
บทที่ 2 จุดเปลี่ยนของชีวิต
บทที่ 1 อัจฉริยะบ้านนอก
บทนำ
บทที่ 18 แผนย่อยในแผนใหญ่
ในค่ายทหารแห่งหนึ่ง หน้าดินถูกปรับจนราบเรียบ ค่ายคูประตูเมืองที่ทำจากไม้นั้นก็ดูแข็งแรงทนทานจนเหมือนกับค่ายกองทัพทั่ว ๆ ไป แต่แตกต่างจากค่ายทหารอย่างเดียวคือ ที่นี่ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มในป่าดงดิบ
ในคัมภีร์พิชัยสงครามซุนวู ได้กล่าวถึงความพลิกแพลงทั้ง 9 ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะไว้ดังนี้คือ
1. ต้องได้รับโองการจากผู้ปกครองก่อน จึงรวบรวมไพร่พล
2. ต้องไม่ตั้งค่ายในที่ราบลุ่มอย่างเด็ดขาด
3. ต้องเปิดช่องการติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกับพันธมิตร
4. ต้องไม่รีรอในพื้นที่ถูกตัดขาดที่เปี่ยมด้วยอันตราย
5. เมื่อติดอยู่ในวงล้อม ต้องใช้กลยุทธ์ทุกอย่างเพื่อทะลวงออกมาให้ได้
6. ในพื้นที่ตาย ต้องรบอย่างไม่กลัวตาย
7. มีเส้นทางแห่งที่เดินทัพไม่ได้ มีข้าศึกบางกลุ่มที่ต่อกรด้วยไม่ได้
8. มีเมืองบางเมืองที่โจมตีไม่ได้ มีพื้นที่บางแห่งที่ช่วงชิงมาไม่ได้
9. มีคำสั่งบางอย่างของผู้ปกครอง ที่เชื่อฟังไม่ได้
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า หัวใจของการพลิกแพลงของแม่ทัพ แต่ดูเหมือนว่าแม่ทัพผู้นี้จะไม่ได้ทำตามพิชัยสงครามแม้แต่น้อย อาจจะเนื่องจากว่า เชื่อมั่น และมีการสร้างสรรค์วิธีการใหม่ ๆ ของตัวเองเพื่อหลอกล่อคู่ต่อสู้ เหมือนดังที่ทิ้งคนที่เคยมีเรื่องกับศัตรูไว้กลางป่าถึง 16 คน เพื่อหลอกล่อให้ศัตรูไปติดกับ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ใช้เล่ห์โดยไม่หยั่งรู้ศัตรู ซึ่งในที่สุดก็จะเป็นภัยต่อตัวเอง
ในค่ายแห่งนี้ ภายในแบบออกเป็น 5 ส่วน คือกองหน้า กองหลัง ปีกซ้าย ปีกขวา และกองบัญชาการ
“ท่านครับ สัญญาณส่งมาจากจุดที่วางกับดักไว้ครับ” เสียงรายงานดังจากในกองบัญชาการที่มีอี่เทียนเป็นแม่ทัพในครั้งนี้
“ดีมาก รีบเรียกหยางฟงมาหาข้าที” อี่เทียนที่กำลังดูแผนที่ได้เงยหน้าขึ้นมามองทหารที่มารายงาน พลางสั่งการ
“หยางฟง ขอรายงานตัวกับท่านแม่ทัพ”
ชายร่างสูงใหญ่ ที่กล่าวรายงานตัวต่ออี่เทียนนั้น ดูจากลักษณะเป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไว และน่าจะมีฝีมือในการต่อสู้เป็นอย่างดี โดยสังเกตจากง้าวใหญ่ในมือ ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้งานได้ยาก แต่คนที่ใช้ส่วนใหญ่มักจะเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น เพราะคนที่ไม่ใช่ยอดฝีมือมักจะตายก่อนที่จะได้ออกศึก
“นำกองกำลังล่วงหน้าไปก่อน 100 คนไปยังจุดที่วางเหยื่อล่อไว้โดยเร่งด่วน ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเพราะยังไม่มีรายงานการจับตัวของเป้าหมายส่งมา แล้วข้าจะจัดทัพรวมทั้ง 4 ทัพเพื่อเคลื่อนพลปิดล้อมจุดนั้น” อี่เทียนสั่งการณ์ตามแผนทันที
“แค่กำลัง 30 คนที่วางไว้ น่าจะจัดการกับมันได้นะครับท่าน” หยางฟงกล่าวอย่างคาดคะเน
“ข้าไม่ไว้ใจ เพราะท่านโจโฉกำชับมาว่า คนผู้นี้ฉลาดมาก ต้องระวังไว้”
“จะฉลาดแค่ไหนมันก็แค่เด็กตัวคนเดียวที่มาเล่นเกมนี้ใหม่ ๆ ไม่น่าจะมีพิษสงมากนักหรอก” หยางฟงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
“ป้องกันไว้ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง เจ้าไปได้แล้ว”
อี่เทียนต้องเตือนให้ระวัง เพราะพวกเขายกทัพมาเกือบพันคน ยังไม่พบร่องรอยของบุคคลผู้นี้ ยืนยันให้เห็นถึงความสามารถในการเอาตัวรอดของตี๋น้อยได้เป็นอย่างดี
“ครับท่าน” ร่างสูงใหญ่ของหยางฟงทำความเคารพ จากนั้นจึงออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งทันที
ภายหลังที่ได้รับการช่วยเหลือจากตี๋น้อย และผู้กล้าทั้ง 10 คน เหล่า 16 นงคราญก็ได้รับการรักษา และได้รับอาหารทำให้ได้รับการฟื้นฟูกำลังและเรี่ยวแรงกลับคืนมา กลายเป็นกระทิงถึกเหมือนเดิม
“อืม......แข็งแรงดังเดิมแล้วสินะ เอาละ พวกเจ้ากลับไปหาพรรคพวกของเจ้าได้ เพราะทั้งท่านเจ้าสัว และพวกเราก็ไม่อยากที่จะปล่อยให้คนตายไปโดยขาดอาหารหรอกนะ” เอี้ยฮุ้นที่มีรูปร่างสูงใหญ่พอ ๆ กับเหล่า 16 นงคราญ เพียงแต่ตัวเบากว่า กล่าวขึ้น
“ท่านเจ้าสัวนี่คือ ตี๋น้อย ที่กองทัพพวกเราตามล่าอยู่ใช่ไหม” เจินเจินถามอย่างสงสัย
“ก็คือคนที่พวกเจ้าเห็นนั่นแหละ” เอี้ยฮุ้นกล่าวพลางนำเสบียงอาหารมาให้เพิ่ม และกล่าวอีกว่า
“คงต้องแยกกันแล้วละ เพราะพวกข้าต้องไปปฏิบัติหน้าที่ก่อน พวกเจ้าเดินไปตามทางนี้ไม่นานก็จะถึงค่ายพักของกลุ่มทหารของท่าน” เอี้ยฮุ้นชี้บอกทาง แต่ทว่า ก่อนที่จะเดินจากไป เจินเจินได้กล่าวขึ้นก่อน
“เดี๋ยวก่อน ท่านนายพัน ข้าจำท่านได้ ไม่รู้ว่าทำไมท่านจึงต้องไปอยู่กับคนที่เป็นศัตรูกับท่านโจโฉ และถูกตามล่าจนไม่รู้ว่าจะรอดพ้นหรือเปล่า”
“ลิขิตฟ้าอยู่ที่คน วิถีแห่งตนอยู่ที่การตัดสินใจ ข้าตัดสินใจที่จะติดตามท่านเจ้าสัวเพราะปัญญา ความมีน้ำใจ และอุดมการณ์ของท่าน ซึ่งพวกเจ้าก็น่าจะเห็นแล้ว เช่นเดียวกับที่พวกข้าก็เห็นเจ้านายของเจ้าเหมือนกันว่าเป็นอย่างไร ดังที่พวกเจ้าก็น่าจะรู้ดี” เอี้ยฮุ้นกล่าวอย่างยิ้ม ๆ
“แต่.....เจ้านายใครใครก็รัก ข้ามิบังอาจที่จะวิจารณ์เจ้านายของเจ้าหรอกนะ ถ้าอย่างนั้น พวกข้าจะขอตัวก่อนก็แล้วกัน” เอี้ยฮุ้นกำลังจะไป แต่เจินเจินก็เรียกไว้อีกครั้งหนึ่ง
“ขออภัยที่ข้าจะขอร้องท่านสักอย่างได้ไหม รับรองว่าจะไม่ทำให้งานของพวกท่านเสียหายหรอก”
“อืม...งั้นก็ว่ามา ถ้าช่วยได้พวกข้าก็จะช่วย”
เอี้ยฮุ้นมองหน้าเจินเจินก่อนที่จะกล่าวขึ้น แปลกที่ว่า ในครั้งนี้ บรรดา 16 นงคราญคล้ายกับจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้น ไม่เอะอะมะเทิงเหมือนเดิม ราวกับว่า การเฉียดตายครั้งนี้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอไป
“พวกข้าขอเข้าร่วมกลุ่มของท่านได้ไหม” เจินเจินพูดขึ้น พร้อม ๆ กับคนที่เหลืออีก 15 คนพยักหน้ายืนยัน
“พวกข้ายังไม่อยากตายโดยที่ยังไม่ทันได้ต่อสู้อะไรเลย ถึงจะตายก็ขอให้ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่สักครั้ง สำหรับเจ้านายที่โยนลูกน้องไปตายโดยไม่มีเหตุสมควรแบบนี้พวกข้าไม่ต้องการที่จะกลับไป แต่ข้าอยากได้เจ้านายแบบท่านเจ้าสัวมากกว่า” เจินจิงกล่าวยืนยัน
“อืม.....ท่าจะยากแฮะ ในระหว่างสงคราม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือไส้ศึก ข้าคงช่วยไม่ได้” เอี้ยฮุ้นกล่าวอย่างอับจนปัญญา
“ถ้าอย่างนั้น พอจะมีทางทำให้พวกท่านเชื่อเราได้ไหม ว่าเราต้องการที่จะเขาร่วมกับกองกำลังท่านเจ้าสัวจริง ๆ” เจินเจินกล่าวอย่างขอร้อง
“มี แต่พวกท่านทำได้ไหม” เจี่ยอวี้ ซึ่งเป็นเสนาธิการประจำกลุ่มของอดีตผู้กล้าหาญแห่งเขาไท่ซาน กล่าวอย่างตัดบท ทำให้กลุ่ม 16 นงคราญกล่าวอย่างมีความหวังว่า
“ไม่ว่ายากเย็นแค่ไหน หรือต้องเสี่ยงชีวิตแค่ไหน พวกเราก็พร้อมที่จะทำ ดีกว่ามาตายอย่างมงายเพราะไอ้บ้าอำนาจอย่างอี่เทียน”
“ดี งั้นพวกท่านไปชะลอทัพของกลุ่มมังกร กลุ่มสิงโต กลุ่มจิ้งจอก กลุ่มพยัคฆ์ และกลุ่มกระเรียนอย่าให้มารวมกลุ่มกับทัพจอมฟ้าได้ หลังจากพวกข้าจัดการกับทัพจอมฟ้าเสร็จแล้ว จึงมาพบกับพวกเราที่นี่ แล้วข้าจะรับรองพวกท่านกับท่านเจ้าสัวเอง”
เจี่ยอวี้กล่าวอย่างหนักแน่น พลางชักชวนพรรคพวกทั้ง 10 จากไป ทิ้งให้บรรดา 16 นงคราญหันหน้าไปมองดูกันและกันราวกับจะสอบถามกันว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป
หยางฟงนำกองกำลังทั้ง 100 คนพุ่งมาอย่างรวดเร็วเพื่อจะดูให้เห็นกับตาว่า หน่วยซุ่มที่จัดไว้ทั้ง 30 คนนั้น ทำงานสำเร็จหรือไม่
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ชัยภูมิ.....ตาย” คนที่เอ่ยปากขึ้นนั้นนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ซึ่งด้านหลังเป็นพุ่มไม้ โดยไม่หวั่นเกรงกับกองกำลังทั้งร้อยคนที่ตีโอบเข้ามาหาเขาเพียงคนเดียว
“คงผิดหวังสินะที่ยังเห็นข้ายังอยู่ ไม่ได้ตายอย่างที่พวกเจ้าคิด” บุรุษผู้นั้นยังคงส่งเสียงบอกกล่าวกับร่างสูงใหญ่ของหยางฟงที่ถือง้าวใหญ่ด้วยท่าทางสง่างามราวกับกวนอู
“เป็นอย่างที่ท่านโจโฉบอกจริง ๆ เจ้านี่ไม่ใช่กระจอก ๆ อย่างที่คิด”
“คงไม่ใช่มั๊ง ข้าก็แค่หวาดกลัวจนไม่รู้จะไปไหนเท่านั้นเอง”
ร่างที่นั่งเฉยอยู่บนก้อนหินเอ่ยปากหัวเราะจนกองร้อยที่มุ่งมาเพื่อจะตามสังหารคนตรงหน้าเริ่มมองหน้าเขาราวกับเห็นตัวประหลาดพลันปรากฏตรงหน้า
“ประหลาด ประหลาดจริง ๆ” หยางฟงกล่าวเบา ๆ แต่ตี๋น้อยที่นั่งอยู่บนก้อนหินได้ยินก็ถามขึ้น
“มีอันใดประหลาดหรือ”
“ทหาร 30 คนไปที่ไหนแล้ว” หยางฟงถามขึ้น
“ตายหมดแล้ว” ตี๋น้อยยักไหล่ตอบแบบไม่ในใจ
“เป็นอะไรตาย”
“ถูกฆ่า”
“ใครฆ่า” หยางฟงขมวดคิ้วถามขึ้น
“ข้าเอง” เสียงดุดัน และเข้มแข็งดังขึ้นด้านหลังกองทหารของหยางฟง
“ระวังการโจมตี” หยางฟงร้องขึ้น พร้อม ๆ กับเสียงการโจมตีที่ดังขึ้น
เฟี้ยว...................เฟี้ยว......................
แผงธนูจำนวนมากเด้งขึ้นมารอบทิศ ทำให้ธนูจำนวนมากมายมหาศาลพุ่งเข้าใส่กองร้อยทหารที่หยางฟงนำมา ส่งผลให้เหล่าทหารบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมากเพราะไม่รู้ว่าจะป้องกันอย่างไร เพราะธนูมาทุกทิศทาง
“บุกเข้าไปฆ่าตี๋น้อยข้างหน้า เร็ว”
หยางฟงที่กวัดแกว่งง้าวอย่างคล่องแคล่วว่องไว ทำให้ไม่มีธนูสามารถผ่านอาวุธง้าวของเขาไปได้ ทำให้เขาและกลุ่มทหารประมาณ 30-40 คน บุกตะลุยเข้าไปหาตี๋น้อยอย่างรวดเร็ว
แวบ........................
พุ่มไม้ด้านหลังตี๋น้อยล้มครืนลง และปรากฏกระจกทองเหลืองใบใหญ่สะท้อนแสงอาทิตย์ส่องเข้าหน้าของเหล่าทหารที่บุกตะลุยเข้ามาทันที
เฟี้ยว..................เฟี้ยว...................
ธนูถูกยิงออกมาจากรอบข้าง แต่คราวนี้ไม่ใช่จากแผงกับดัก แต่ยิงออกมาจากยอดฝีมือทั้งสิบ ส่งผลให้เหล่าทหารที่ถูกแสงส่องเข้าตาต้องล้มตายราวกับใบไม้ร่วง เพราะใช้มือบังตาจนไม่ได้ปกป้องตัวเองจากฝนธนู
วูบ.....................วูบ....................
แต่หยางฟงยังคงฉับไวเสมอ เมื่อเห็นแดดส่องเข้าตาเขาก็รู้แล้วว่าต้องกล ทำให้เขาพลิกตัวกลิ้งหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ฝุบ...........................
เสียงเหมือนเป่าลมดังขึ้น แต่หยางฟงยังหน้ามืดไปพักใหญ่ จึงได้ยินแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขายังคงกวัดแกว่งง้าวใหญ่ไปมาเพื่อป้องกันตัว จนกระทั่งมองเห็นอีกครั้งหนึ่ง
“เก่งนี่ นายชื่ออะไรหรือ”
เสียงตี๋น้อยดังขึ้น ทำให้ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองหน้าตี๋น้อยที่ได้เก็บกระจกทองเหลืองแล้ว ทำให้ไม่มีแสงอาทิตย์สะท้อนมาอีก แต่รอบตัวของเขาบัดนี้คือ 10 ยอดฝีมือถืออาวุธรอบล้อมตัวเขา
“หยางฟง”
“ข้าชอบใจฝีมือนาย มาทำงานให้ข้าดีไหม” ตี๋น้อยกล่าวด้วยความจริงใจ
“ทำไมต้องการข้า”
“เพราะข้าเห็นความเป็นทหารอาชีพในตัวนาย”
“ทหารไม่ทรยศต่อเจ้านาย”
“แต่ถ้าเจ้านายของเจ้าตายละ”
“นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“งั้นตกลง ข้าจะเก็บเจ้าไว้จนถึงวันที่เจ้านายของเจ้าตายไป แล้วจึงจะมาขอคำตอบจากเจ้าใหม่”
“ใครจะมาจับข้าได้”
“ทุกคนสามารถจับตัวเจ้าได้หมด เพราะสภาพของเจ้าตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบแล้ว”
สิ้นเสียงของเจ้าสัว หยางฟงก็ค่อย ๆ ทรุดร่างลงกับพื้น และสลบไปในที่สุด มองเห็นลูกดอกปักอยู่ที่คอ และกระบอกเป่าลูกดอกอยู่ในมือของเจ้าสัว
“เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อย”
ตี๋น้อยสั่ง ทำให้สิบผู้กล้าทำการเก็บกวาดของทุกอย่างที่ตกเกลื่อนกราดอยู่ที่พื้นเข้าในกระเป๋ามิติทันที ดังหลักการของการรบที่ว่า ใช้สิ่งของศัตรู เพื่อให้รางวัลกับทหาร และตัดกำลังศัตรู
“หวังซื่อ หม่าชิง หมิงสง” สิ้นเสียงของตี๋น้อย ร่างที่ว่องไวทั้งสามก็ปรากฏกายที่ด้านหน้าของตี๋น้อย
“ครับท่าน”
“ส่งข่าวไปทัพหลักของเราให้มาหาข้าที่นี่” ตี๋น้อยสั่งการพร้อมกับบอกเพิ่มเติมว่า
“อย่าลืมบอกท่านเอี้ยวจิ้งเจิงด้วยว่า ในสมรภูมิป่าดงดิบ อาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ ธนู และหน้าไม้”
“ครับท่าน พวกข้าจะรีบไปรีบกลับ” หวังซื่อกล่าวขึ้นโดยไม่ได้ไถ่ถามถึงแผนการที่เปลี่ยนไป เพราะเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มผู้นี้อย่างเต็มเปี่ยม และพริบตานั้น ร่างของทั้งสามก็หายลับไปจากสายตาของทุกคน
Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 21:21:37 น.
2 comments
Counter : 294 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีอีกครั้งค่ะ
คุณอัพนิยายได้เร็วมากค่ะ วันนี้ตั้ง 3 บท คิดว่าคุณยังไม่ได้อัพเลยไม่ได้เข้า Blog
พอเข้ามาก็เห็นนิยายของคุณ อัพเพิ่ม เลยมาอ่านต่อค่ะ และก็ตามธรรมเนียม (ของเราเอง) อ่านจบทุกตอนแล้วค่อยมาวิจารณ์ทีเดียว
ขอบคุณที่ชอบคำวิจารณ์ของเรานะคะ คุณเป็นนักเขียนที่ดีค่ะ จำได้ว่าเคยอ่านคำนำของคุณทอฟฟี่ เจ้าของนามปากกา "ชญานณ์พิมพ์" (ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ถูกไหมนะคะ นามปากกาเขียนยากมาก) ซึ่งคุณทอฟฟี่เอามาจากคุณวรรณ์วรรธอีกต่อหนึ่ง บอกว่า
"นักเขียนที่ดีไม่ควรมีอีโก้ เพราะถ้ามีอีโก้ก็เหมือนกับถืออีโต้ไว้บั่นคอตัวเอง"
ดังนั้นจึงไม่ควรถืออีโต้ไว้ในมือนะคะ
เอาล่ะมาถึงช่วงการติชมค่ะ
ตอนแรกที่อ่าน (อีกแล้ว) คิดว่าแนวของเรื่องคือ "สามก๊ก" และ "เกมส์ออนไลน์" แต่ดูเหมือนเราจะคิดผิดนะ
คุณได้สอดแทรกแนวคิดการทำธุรกิจเข้ามาในเรื่องได้อย่างแยบยล แบ่งภาคอย่างชัดเจนระหว่างตี๋น้อยกับเพื่อน ๆ (ที่ตอนแรกเราคิดว่าจะไม่มีบทบาทซะแล้ว)
บทที่ 16 ที่ชื่อตอนว่า "แผนการของอัจฉริยะ" ตี๋น้อยสมกับเป็นอัจฉริยะจริง ๆ ค่ะ (แต่ในความเป็นจริงคงหายากนะคะ ที่จะมีอัจฉริยะอย่างนี้) การทำธุรกิจที่สำคัญที่สุดคือการบริหาร "คน" ค่ะ ถ้าเรามีบุคลากรที่ทำงานให้เราจริง ๆ ธุรกิจของเรา องค์กรของเราก็จะก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ
เราคาดว่าอ่านเรื่องนี้จบคงสามารถเปิดธุรกิจได้สักอย่างหนึ่งแน่ เพราะนอกจากจะมีเรืองราวของสามก๊กแล้ว ยังมีทั้งกลยุทธ์การตลาด การบริหารจัดการธุรกิจอยู่ครบถ้วนอยู่ในเรื่องเดียว
และที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นแนวคิดและปรัชญาต่าง ๆ ที่สอดแทรกอยู่ในเรื่อง
อ้อ บทที่ 16 มีคำผิดนะคะ
"หลงละเลิง" ไม่มีความหมายค่ะ
ต้องใช้คำว่า "หลงระเริง" ค่ะ
ใช้ในความเหมาย "หลงในความสนุกสนาน" นะคะ
สามารถค้นหาได้จาก : //www.palungjit.com/dict/search.php?search_sid=&kword=%CB%C5%A7
ส่วนบทอื่น ๆ อ่านแล้วยังไม่เจอนะคะ แต่บทนี้คำมันสะดุดตาน่ะค่ะ เลยหาเจอ
ขออนุญาตแต่งตั้งตัวเองเป็น คนตรวจบรู๊ฟ ให้ก็แล้วกันนะคะ คงไม่ว่าใช่ไหม ถ้าเราอ่านเจอเราจะบอกค่ะ ถ้าอ่านไม่เจอ ก็คือไม่มีนะคะ
โดย:
Fah_T-LEX
วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:17:17:47 น.
ขอบคุณครับที่ตรวจคำผิดให้ มีหาความหมายให้ด้วย ชอบครับ เพราะหลายคำที่ผมไม่แน่ใจก็จะตรวจหาความหมายและการเีขียนที่ถูกต้องตลอด แต่มันจะมีปัญหาตรงคำที่เราคิดว่า "ถูกต้อง" นี่แหละครับ ที่จะเป็นปัญหาของนักเขียน
โดย: หมื่นลี้ (
suvarnachati
) วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:23:56:40 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Muen Li
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
คุณอัพนิยายได้เร็วมากค่ะ วันนี้ตั้ง 3 บท คิดว่าคุณยังไม่ได้อัพเลยไม่ได้เข้า Blog
พอเข้ามาก็เห็นนิยายของคุณ อัพเพิ่ม เลยมาอ่านต่อค่ะ และก็ตามธรรมเนียม (ของเราเอง) อ่านจบทุกตอนแล้วค่อยมาวิจารณ์ทีเดียว
ขอบคุณที่ชอบคำวิจารณ์ของเรานะคะ คุณเป็นนักเขียนที่ดีค่ะ จำได้ว่าเคยอ่านคำนำของคุณทอฟฟี่ เจ้าของนามปากกา "ชญานณ์พิมพ์" (ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ถูกไหมนะคะ นามปากกาเขียนยากมาก) ซึ่งคุณทอฟฟี่เอามาจากคุณวรรณ์วรรธอีกต่อหนึ่ง บอกว่า
"นักเขียนที่ดีไม่ควรมีอีโก้ เพราะถ้ามีอีโก้ก็เหมือนกับถืออีโต้ไว้บั่นคอตัวเอง"
ดังนั้นจึงไม่ควรถืออีโต้ไว้ในมือนะคะ
เอาล่ะมาถึงช่วงการติชมค่ะ
ตอนแรกที่อ่าน (อีกแล้ว) คิดว่าแนวของเรื่องคือ "สามก๊ก" และ "เกมส์ออนไลน์" แต่ดูเหมือนเราจะคิดผิดนะ
คุณได้สอดแทรกแนวคิดการทำธุรกิจเข้ามาในเรื่องได้อย่างแยบยล แบ่งภาคอย่างชัดเจนระหว่างตี๋น้อยกับเพื่อน ๆ (ที่ตอนแรกเราคิดว่าจะไม่มีบทบาทซะแล้ว)
บทที่ 16 ที่ชื่อตอนว่า "แผนการของอัจฉริยะ" ตี๋น้อยสมกับเป็นอัจฉริยะจริง ๆ ค่ะ (แต่ในความเป็นจริงคงหายากนะคะ ที่จะมีอัจฉริยะอย่างนี้) การทำธุรกิจที่สำคัญที่สุดคือการบริหาร "คน" ค่ะ ถ้าเรามีบุคลากรที่ทำงานให้เราจริง ๆ ธุรกิจของเรา องค์กรของเราก็จะก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ
เราคาดว่าอ่านเรื่องนี้จบคงสามารถเปิดธุรกิจได้สักอย่างหนึ่งแน่ เพราะนอกจากจะมีเรืองราวของสามก๊กแล้ว ยังมีทั้งกลยุทธ์การตลาด การบริหารจัดการธุรกิจอยู่ครบถ้วนอยู่ในเรื่องเดียว
และที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นแนวคิดและปรัชญาต่าง ๆ ที่สอดแทรกอยู่ในเรื่อง
อ้อ บทที่ 16 มีคำผิดนะคะ
"หลงละเลิง" ไม่มีความหมายค่ะ
ต้องใช้คำว่า "หลงระเริง" ค่ะ
ใช้ในความเหมาย "หลงในความสนุกสนาน" นะคะ
สามารถค้นหาได้จาก : //www.palungjit.com/dict/search.php?search_sid=&kword=%CB%C5%A7
ส่วนบทอื่น ๆ อ่านแล้วยังไม่เจอนะคะ แต่บทนี้คำมันสะดุดตาน่ะค่ะ เลยหาเจอ
ขออนุญาตแต่งตั้งตัวเองเป็น คนตรวจบรู๊ฟ ให้ก็แล้วกันนะคะ คงไม่ว่าใช่ไหม ถ้าเราอ่านเจอเราจะบอกค่ะ ถ้าอ่านไม่เจอ ก็คือไม่มีนะคะ