วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 19 พลังที่ห้าวหาญ VS แผนการณ์ที่เฉียบคม

“การมีทหารมากกว่า ไม่ได้หมายถึงชัยชนะ ถ้าใช้กำลังทหารที่มากกว่าอย่างมืดบอดต่อสถานการณ์ของข้าศึก และปฏิบัติต่อข้าศึกด้วยความประมาท ในที่สุดก็จะลงเอยด้วยการถูกข้าศึกจับกุม ทั้ง ๆ ที่กำลังฝ่ายข้าศึกมีน้อยกว่า”    ซุนวู นักยุทธการทหารในยุคจ้านกั๋ว


อี่เทียน แม่ทัพผู้นำทัพจำนวน 900 คนออกตะลุยไล่ล่าตี๋น้อยที่มีกำลังเพียงคนเดียว แม้ว่าภายหลังจะได้กำลังจากทหารบางกลุ่ม กองโจร และนักโทษแหกคุกมาร่วม แต่ก็มีกำลังเพียงแค่ร้อยกว่าคน

แต่ในทางยุทธการทหารแล้ว จำนวน ฝีมือ และทรัพยากรไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชัยชนะคือ การรู้จักศัตรูอย่างถ่องแท้ รู้จักใช้กำลังของตนเองให้เหมาะสม และยุทธวิธีที่พลิกแพลงแปรเปลี่ยนจนหยั่งคาดไม่ถึง

“รุดหน้าไป จับกุมตี๋น้อยไปส่งท่านมหาอุปราช เพื่อพวกเราจะได้ไต่เต้าขึ้นสู่ความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

เสียงอี่เทียนปลุกระดมเหล่าทหารฝ่ายของตน ทำให้เหล่าทหารเร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำไหลหลั่งถั่งโถมลงจากหน้าผา

ในเกมสามก๊กออนไลน์ จะใช้ภูมิหลังทางภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์จากสมัยสามก๊ก ในช่วงหลังจากพระเจ้าหองจูเปียนสิ้นพระชนม์ และพระเจ้าเหี้ยนเต้ครองราชย์ในเมืองลกเอี๋ยง ซึ่งเป็นช่วงที่มีการก่อร่างสร้างตัวของขุนศึกก๊กต่าง ๆ

โดยทางเกมได้ตัดตั่งโต๊ะออกไปเพื่อความสมดุลของเกม ทำให้ผู้เล่นโจโฉสามารถเข้าพิชิตราชสำนักได้เป็นคนแรก และกลายเป็นมหาอุปราชไปในที่สุด
แต่เหล่าก๊กต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่ต่อไปในดินแดนต่าง ๆ ในแผ่นดิน หาได้อยู่ในบังคับของโจโฉทั้งสิ้นไม่ ส่วนดินแดนทางภาคใต้ และเสฉวนก็ยังคงมีที่ว่างอีกมากรอคอยผู้เล่นใหม่ ๆ ดังนั้น การต่อสู้ช่วงชิงแผ่นดินจึงบังเกิดเป็นรสชาติที่น่าลิ้มลองสำหรับผู้เล่นที่ เข้ามาใหม่เสมอ

“เรียนท่านอี่เทียน ไม่พบใครในที่นี้ครับท่าน”

เมื่อเหล่าทหารมาถึงจุดหมายปลายทาง ทุกอย่างว่างเปล่า จะมีก็เพียงร่องรอยการต่อสู้ มีลูกธนูปักตรึงตามต้นไม้ข้างทาง หยาดเลือดนองเต็มแผ่นดิน

“เป้าหมายไม่ใช่กระจอก ๆ อย่างที่คิดไว้ ขนาดหยางฟงมาเอง ยังไม่อาจที่จะจับกุมมันได้” อี่เทียนเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนให้ทหารทำการให้รัดกุม เพราะคิดว่า หยางฟงกำลังไล่ล่าตี๋น้อย

“มันไม่เท่าไรหรอกท่าน เป้าหมายครั้งนี้ดูเหมือนจะถนัดแค่การวางกับดัก จะมาเทียบกับท่านที่เก่งในการวางแผนได้อย่างไร” ทหารคนสนิทที่ไปสำรวจรอบบริเวณรีบพูดประจบ พลางรายงานต่อว่า

“มันทำกับดักกลไกไว้ ทำให้ทหารของท่านหยางฟงที่ไม่ทันระวังได้บาดเจ็บล้มตายไปจำนวนหนึ่งครับท่าน และส่วนที่เหลือ น่าจะติดตามเป้าหมายไปทางด้านโน้นครับท่าน”

ด้วยการใช้ลิ้นเชลีย หลังจากที่ใช้สายตา และจมูกสูดดมกลิ่นรอบบริเวณจนคาดเดาเหตุการณ์ออกของทหารคนสนิท ทำให้อี่เทียนสั่งการให้ทหารตามร่องรอยไป โดยให้หน่วยแกะรอยนำหน้า และทหารหน่วยพิฆาตตามหลังไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รออยู่สั่งการทหารจากทั้ง 4 กองที่เหลือ เนื่องจาก ต้องการแย่งชิงความดีความชอบให้ปรากฏว่า ตนเองเป็นผู้จับกุมเป้าหมายได้


ในส่วนของกองหน้าทั้งสอง และปีกทั้งสองนั้น เมื่อมุ่งมายังพื้นที่ที่เป็นเป้าหมาย ยังไม่ถึง ก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางทางไว้ ทำให้ต้องเสียเวลา และไม่สามารถตามทันกองทัพของอี่เทียนไปได้ ซึ่งการตามผู้นำทัพไปไม่ทันตามที่ได้รับมอบหมายไว้ อาจจะมีโทษฐานกระทำการละเลย หละหลวมได้ และโทษทัณฑ์นั้นร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิตนายกอง ผู้เป็นหัวหน้าแต่ละทัพ

“เอาอย่างไรดีละพวกเรา ไม่รู้ว่าเจ้าอี่เทียนมันไปทางไหนแล้ว แล้วมันไม่ทิ้งคนไว้บอกเราด้วย หรือว่า มันอาจจะจับเป้าหมายได้แล้ว และนำตัวไปส่งยังท่านผู้ตรวจการณ์ไปแล้วก็ได้” เฉินหนาน ผู้นำกลุ่มมังกรกล่าวขึ้น

“ใช่ เพราะเจ้าทั้ง 16 ตัวนี่แหละ ทำให้พวกเราเสียเวลา” โหวอี่ กลุ่มกระเรียนได้ทีขี่แพะไล่ทันที เพราะกำลังหงุดหงิดหาที่ระบายไม่ได้

“ข้ารับรองว่า ข้าไม่ได้ทำให้พวกท่านเสียเวลาหรอก ตรงกันข้าม ถ้าข้าไม่ได้มาพบพวกท่านนี่สิ จะทำให้พวกท่านเสียเวลามากกว่า”

เจินเจิน หัวหน้ากลุ่ม 16 นงคราญซึ่งผ่านพ้นความเป็นความตาย และพานพบประสบการณ์แห่งการทรยศและน้ำใจไมตรี ทำให้เริ่มเป็นผู้เป็นคนมากยิ่งขึ้น ไม่ทำตัวเป็นกระทิงเถื่อนเหมือนเช่นเดิม

“เจ้าว่า ถ้าพวกเราไม่ได้พบกับพวกเจ้าเหล่ากระทิงทั้งหลาย จะทำให้พวกข้าเสียเวลาหรือ ข้าไม่เข้าใจ อธิบายให้ฟังหน่อยสิ” เฉินหนานกล่าวขึ้นด้วยความอยากรู้ในประเด็นที่เจินเจินเปิดทิ้งไว้

“ก่อนที่จะอธิบายให้พวกท่านเข้าใจ ข้าจะถามพวกท่านคำถามหนึ่งก่อนว่า พวกท่านไว้วางใจในตัวของอี่เทียนได้กี่เปอร์เซ็น” เจินเจินถามตรง ๆ พร้อมกับมองตาของเหล่าหัวหน้ากลุ่มทั้ง 5 อย่างต้องการคำตอบ

“นี่เจ้าเป็นกลุ่มของอี่เทียน แล้วมาหลอกถามแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า”

ลิ่วหยวน หัวหน้ากลุ่มพยัคฆ์ถามอย่างไม่ไว้วางใจ เจินเจินที่มองตาของทุกคนในกลุ่ม จึงรู้ว่า พวกเขาไม่ไว้วางใจ ด้วยสงสัยว่าจะเป็นสายของอี่เทียน จึงตอบออกมาว่า

“เอาละ พวกท่านไม่ต้องตอบหรอก เพราะท่าทางของพวกท่านบ่งบอกว่า พวกท่านไม่ไว้วางใจในอี่เทียนแม้แต่เปอร์เซ็นเดียว”

ขาดคำของเจินเจิน เฉินหนานลอบส่งสัญญาณคนในกลุ่มของตนให้รายล้อมเหล่า 16 นงคราญไว้โดยไม่ให้ผิดสังเกต แต่เจินเจินก็มองออกในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“บัดนี้ข้าไม่ได้เป็นคนในกลุ่มจอมฟ้าอีกแล้ว พวกท่านไม่ต้องกังวลใจไปหรอก ส่วนสาเหตุนั้น ข้าจะเล่าให้ฟังเอง และขอให้พวกท่านตัดสินด้วยว่า สิ่งที่พวกข้าทำนั้นถูกหรือไม่ ถ้าคิดว่าผิด พวกข้าก็พร้อมที่จะยอมตายเพราะคมดาบของพวกท่าน”

เจินเจินกล่าวอย่างหนักแน่น ไร้เสียงสะดีดสะดิ้งเหมือนเช่นปกติ จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทรยศของอี่เทียน ที่ไม่สนใจในความเป็นตายของเหล่า 16 นงคราญ ต้องการแค่สร้างผลงาน และความสำเร็จของตนเองเท่านั้น

ท่ามกลางความเห็นใจ และความหวาดกลัวต่อนิสัยของอี่เทียน ผู้กุมอำนาจการทหารในเมืองฝึกฝน เจินเจินได้กล่าวถึงเรื่องราวของตี๋น้อย ยุทธวิธีการพิชิตศึก และการช่วยเหลือเหยื่อล่อของศัตรูโดยไม่คิดที่จะเข่นฆ่าแม้แต่น้อย

“นี่คือเรื่องราวของพวกข้า รวมทั้งสาเหตุที่พวกข้าจำเป็นต้องเหนี่ยวรั้งพวกท่านไว้ จนพวกท่านมาไม่ทันทัพของอี่เทียน” เจินเจินกล่าวขึ้น พร้อมกับมองตาของทุกคน พลางกล่าวขึ้นว่า

“ทางเลือกของพวกท่านมีแค่ 2 ทางเท่านั้นคือ นำพวกข้าทั้ง 16 คน คุมไปส่งให้กับอี่เทียน เพื่อขออภัยโทษ และยอมอยู่ใต้อำนาจของมันต่อไป”

“ทางเลือกนี้ข้าไม่ทำเด็ดขาด” เฉินหนานกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว ซึ่งทำให้หัวหน้าอีก 4 กลุ่มเห็นด้วย

“ถ้าอย่างนั้น ข้ามีทางเลือกที่สองให้กับพวกท่าน”

ร่างสูงใหญ่ของเจินเจินมองดูเหมือนกับยิ่งสูงใหญ่ และมีอำนาจมากขึ้นไปอีก ไม่เหมือนปกติโดยทั่วไปที่เคยเป็น ทำให้หัวหน้ากลุ่มทั้งห้ามองอย่างแปลกใจ

“ตามพวกข้าไปหาท่านเจ้าสัว และยอมสวามิภักดิ์ต่อท่าน” คำพูดสั้น ๆ ของเจินเจินมีพลังทำให้เหล่าคนทั้งห้าสะดุ้ง เพราะเรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของพวกเขามาก่อน

“ถ้าข้าเลือกทางเลือกที่สามละ” ปาหยงหัวหน้ากลุ่มจิ้งจอกที่มีชื่อทางเจ้าเล่ห์แสนกลกล่าวขึ้น

“ข้ารู้ว่าท่านหมายถึงอะไร แต่ว่า แม้พวกท่านปล่อยข้าไป พวกท่านเองนั่นแหละจะไม่รอด ด้วยกฎอัยการศึก ดังนั้นทางเลือกที่สามไม่น่าเลือกแม้แต่น้อย บัดนี้ พวกท่านต้องเลือกทางที่หนึ่ง หรือทางที่สองเท่านั้น” เจินเจินมองปาหยงซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มจิ้งจอกแน่วนิ่ง ทำให้ปาหยงกระสับกระส่ายเพื่อทางเลือกสองทางนี้

“ลูกผู้ชายกลัวอันใดกับความตาย อย่าว่าแต่นี่เป็นการตายในเกม ถ้ามีเงินก็ค่อยกลับมาเล่นอีกก็ได้” สือจิ๋น หัวหน้ากลุ่มสิงโตกล่าวด้วยความอาจหาญ เจินเจินจึงกล่าวขึ้นว่า

“ถ้าพวกท่านมีเงินเหลือนะ ค่าสมัครครั้งแรก หนึ่งแสนบาท ถ้าพวกท่านตาย ต้องสมัครใหม่ ในราคาสองแสนบาท พวกท่านมีเงินถุงเงินถังเหมือนพวกจอมฟ้าหรือ หรือว่า พวกท่านจะให้พ่อแม่ขายวัวส่งควายเล่นเกม”

เจินเจินกล่าวออกมาค่อนข้างจะรุนแรง เพราะเขารู้นิสัยคนเหล่านี้ดีว่า เป็นคนที่ตรง ๆ และต้องกล่าวรุนแรงจึงจะได้คิดกัน ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็จะเลื่อนการตัดสินใจออกไปจนกระทั่งทุกอย่างสายเกินไป

“ตกลง ข้าเฉินหนาน และกลุ่มมังกรขอติดตามพวกเจ้าไป ข้าก็อยากรู้ว่า คนที่ข้าเคยพบเห็นก่อนออกจากเมืองฝึกฝนมา บัดนี้จะเติบโตไปถึงไหนแล้ว” เฉินหนานตัดสินใจทันที พลางร้องบอกเหล่าผู้ช่วยให้จัดเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

“ลิ่วปา จัดเตรียมขบวนออกเดินทางไปกับกลุ่ม 16 นงคราญ” ลิ่วหยวนร้องสั่งน้องชายทันที ทำให้กลุ่มพยัคฆ์เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางทันที

ในขณะเดียวกัน สือจิ๋น แห่งกลุ่มสิงโต ปาหยง แห่งกลุ่มจิ้งจอก และ โหวอี่ แห่งกลุ่มกระเรียน ได้พากันร้องสั่งการเคลื่อนพลทันที

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจินเจิน และกลุ่ม 16 นงคราญยิ้มอย่างพึงพอใจ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่การยอทัพไว้เท่านั้น แต่เป็นการนำทัพของทั้ง 5 กลุ่มซึ่งมีถึง 500 คน ไปเข้าร่วมกับกลุ่มของตี๋น้อย ทำให้ตี๋น้อยที่เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่อาจที่จะปฏิเสธพวกเขาได้อย่างแน่นอน


ด้านของกลุ่มจอมฟ้าจำนวน 270 คนที่เหลือนำโดยอี่เทียน ได้ออกสืบเสาะร่องรอยที่คิดว่าหยางฟงได้ทิ้งไว้ให้อย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหุบเขาอับ มีทางเข้าทางออกแค่ทางเดียวเท่านั้น และภายในหุบเขามีเพียงหญ้า และพุ่มไม้เตี้ยเล็กขึ้นประปรายเท่านั้น

“อี่เทียน และกลุ่มจอมฟ้าจงฟัง บัดนี้พวกเจ้าได้ถูกล้อมไว้หมดแล้ว ถ้าไม่อยากตาย จงยอมจำนนเดี๋ยวนี้”

เสียงดังก้องจะสะท้อนหุบเขาไปมาได้บังเกิดขึ้น ทำให้กลุ่มทหารจอมฟ้าหันกลับไปมองที่ทางเข้า และเป็นทางออกแห่งเดียวของหุบเขานี้ ปรากฏกลุ่มคนแต่งชุดดำปรากฏขึ้นนับร้อยคน และในมือของพวกเขาคือธนู และหน้าไม้ที่ขึ้นสายไว้แล้ว รอแค่คำสั่งสังหารเท่านั้น

ทหารของจอมฟ้า ส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานของคนมีเงิน ปกติก็จะสุขสบายกัน และที่เข้ามาเล่นเกมนี้ก็เพราะคำสั่งของพ่อแม่ และหลายคนหวังจะพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่ และคนในกิจการของระบบกงสีของตระกูลตนยอมรับ หลังจากที่ได้ผ่านหลักสูตร 1 ปีในเกมนี้โดยไม่ตายก่อน ดังนั้น เสียงล้งเล้ง ๆ จึงเกิดขึ้นในกลุ่มอย่างหนัก จนทำให้อี่เทียนต้องตะโกนออกมาอย่างสุดแรงว่า

“อย่าไปกลัวพวกมัน เข่นฆ่าสังหารพวกมันออกไป”

แต่เสียงของอี่เทียนไร้อำนาจแล้ว เหล่าทหารเหล่านี้ที่ยอมอดทนกับการเดินป่าที่ทรหด อดทนกับการยากลำบากของการฝึกฝน จนบัดนี้ก็มาถึงเส้นทางที่จะต้องเลือกเอาว่า จะตาย หรือจะยอมแพ้ ทุกคนจึงขยับหนีอี่เทียน จากนั้นก็ทิ้งอาวุธในมือลง เอามือวางบนหัวยอมแพ้ทันที

“พวกเจ้าออกไปสู้เดี๋ยวนี้ ใครไม่ออกไป ข้าจะฆ่ามันด้วยตนเอง”

อี่เทียนตะโกนอย่างสิ้นหวัง แต่เหล่าทหารจอมฟ้ายิ่งหลบจากมันไป ทำให้มันคลั่งต้องใช้กระบี่ในมือไล่ฆ่าฟันเหล่าทหารของตนเอง จนทำให้ทหารเหล่านั้นวิ่งหนีจนสับสนอลหม่าน

เฟี้ยว......................ฉึก........................

ธนูดอกหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่ร่างของอี่เทียนที่กำลังจะสังหารทหารคนหนึ่งที่สะดุดล้มลง

“ขอบคุณท่าน ขอบคุณท่านมาก” ทหารคนนั้นเมื่อเห็นธนูปักทะลุร่างของอี่เทียนก็รีบวิ่งออกไปพึ่งพิงเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำทันที

“เจ้า เจ้าคือตี๋น้อยหรือ” อี่เทียนแค่นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เพราะธนูได้พุ่งเข้าใส่กลางอกของเขา

“ใช่ ข้าคือตี๋น้อย แต่ในเกมนี้ชื่อของข้าคือ เจ้าสัว”

มองเห็นร่างที่สูงสง่า และยืนเคียงข้างซ้ายขวาด้วยชายอีก 4 คน เหมือนทำหน้าที่องครักษ์ ได้ก้าวออกมาจากกลุ่มคนชุดดำ

เมื่อทหารของจอมฟ้ามองเห็นก็รู้ทันทีว่าใครคือหัวหน้า จึงได้คารวะตี๋น้อยด้วยความนอบน้อม ท่ามกลางสายตาที่กำลังริบหรี่ของอี่เทียน

“ประเสริฐมาก เจ้าทำให้ข้าพ่ายแพ้ได้ด้วยตัวคนเดียว” อี่เทียนเอ่ยขึ้น และพลันร้องขึ้นอีกว่า

“แล้วหยางฟงละ เจ้าฆ่าเขาแล้วหรือ”

มิตรภาพระหว่างเขากับหยางฟงนั้นเกิดขึ้นภายนอกเกม เพราะหยางฟงเป็นลูกของบอดี้การ์ดของพ่อเขา ทำให้เขากับหยางฟงสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง

“ข้าอยู่นี่แล้วครับ ท่านอี่เทียน” หยางฟงที่ถูกมัดมือไว้ ได้ก้าวออกมา ตี๋น้อยจึงชักกระบี่ออกตัดเชือกที่มัดไว้จนขาด ทำให้หยางฟงเข้าไปประคองอี่เทียนได้

“ดีใจที่เจ้าไม่ได้ทิ้งข้าไป เอาไว้ข้าจะกลับมาเล่นใหม่ แล้วจะขอเข้าร่วมกับกลุ่มตี๋น้อย เจ้าอยู่ที่นี่คอยข้าได้ไหม” อี่เทียนที่รู้ตัวว่าจะตายได้กล่าวขึ้น

“ได้สิ ท่านตี๋น้อยเป็นคนที่เฉลียวฉลาด และมีน้ำใจ ข้าอยากให้พวกท่านได้เป็นเพื่อนกัน” หยางฟงกล่าวออกมา

“ข้าอยากจะเป็นลูกศิษย์เขามากกว่า ข้าอยากเก่งพิชัยสงครามมม”

เสียงของอี่เทียนค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับชีวิตของเขา คุณชายผู้คิดว่าตนเองเก่งที่สุด ผู้ซึ่งอยู่เหนือคนทั้งปวงมาตั้งแต่เล็กจนโต ผู้เคยคิดเสมอว่าตนเองเก่งเหมือนขงเบ้ง แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่....ผู้พ่ายแพ้ !!!


Create Date : 17 ตุลาคม 2554
Last Update : 17 ตุลาคม 2554 11:40:40 น. 0 comments
Counter : 335 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.