ชวนเที่ยวทริป “ล่องนาวา ทัศนาชุมชน ยลอาราม สืบตำนานวีรกรรมคนกล้า”ข้าบดินทร์” มาแล้ว...กิจกรรมล่องเรือที่น่าสนใจในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ สืบเนื่องจากละครโทรทัศน์ "ข้าบดินทร์"ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓- รัชกาลที่ ๕ และเกี่ยวพันกับความอยู่รอดของบ้านเมืองในสมัยนั้นหลายเหตุการณ์ ซึ่งพี่ๆเพื่อนๆน้องๆหลายท่านที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้ความสนใจเฝ้าติดตามจากเนื้อหาที่เข้มข้นของละครเรื่องดังกล่าวและใกล้จะจบลงเร็วๆนี้ ผม(อ.จุลภัสสร)จึงจัดทริปล่องเรือท่องแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งนี้เพื่อเชิญชวนทุกท่านเยี่ยมชมวัดวาอาราม ชุมชนและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่สองฟากฝั่งร่วมย้อนรำลึกเหตุการณ์และเรื่องราวน่ารู้ในยุคสมัยดังกล่าวที่ปรากฏใน"ข้าบดินทร์"กับกิจกรรม.... ภัสสรสัญจร ครั้งที่ ๓๓ ล่องนาวา ทัศนาชุมชน ยลอาราม สืบตำนานวีรกรรมคนกล้า”ข้าบดินทร์” วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จุลภัสสร พนมวัน ณอยุธยา ********************************* ๐๗.๓๐ น. พบกัน ณ จุดนัดหมาย บริเวณศาลาเจ้าแม่กวนอิมหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๓) ณ วัดยานนาวาถนนเจริญกรุง(ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานตากสิน) ลงทะเบียนและรับเอกสาร ๐๘.๐๐ น. สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ฟังเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ พระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลในการบริหารบ้านเมืองอาทิ การเก็บเงินถุงแดงเพื่อเป็นทุนสำรอง สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจส่งเสริมการพาณิชย์นาวีในรัชสมัยของพระองค์ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นในการปรับตัวของสยามประเทศ เพื่อรับกับภัยสงครามทั้งกับประเทศเพื่อนบ้านการล่าอาณานิคมของชาติมหาอำนาจตะวันตก พร้อมชม”เรือสำเภาจำลอง” ที่พระองค์มีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ และยลศิลปกรรมแบบไทยประเพณีของพระอุโบสถที่งดงามยิ่ง ๐๙.๐๐ น. ออกเดินทางล่องเรือตามเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา รื่นรมย์กับบรรยากาศแสนสบายชมทัศนียภาพพร้อมฟัง เรื่องราวที่น่าสนใจของ ๒ ราชธานี(กรุงธนบุรี-กรุงรัตนโกสินทร์)รวมถึงการขยายตัวของพระนครในช่วงระยะเวลาต่างๆและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตลอดสองฟากฝั่ง ๐๙.๓๐ น. ยลร่องรอยกำแพงเก่าซึ่งในอดีตเป็นบริเวณพื้นที่ตั้งของวังเจ้าอนุวงศ์ หรือ “วังบางยี่ขัน” ซึ่งเคยมาประทับ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปตีเวียงจันทน์ กวาดต้อนผู้คน ทรัพย์สินอัญเชิญพระแก้วมรกตรวมถึงเชิญเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์ประเทศราชมาเป็น"องค์ประกัน" ที่กรุงธนบุรี ในฐานะโอรสเจ้าประเทศราชต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าล้านช้างและก่อสงครามครั้งใหญ่กับสยาม จนรัชกาลที่ ๓ ต้องส่งเจ้าพระยาบดินทร์เดชายกกองทัพไปปราบได้สำเร็จ พร้อมนมัสการ “พระแซกคำ” ณ วัดคฤหบดีพระพุทธรูปเนื้อทองคำโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๙องค์เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่ซึ่งต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นั้ไปประดิษฐานที่หลวงพระบางและเวียงจันทน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๓๖๙พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา เป็นแม่ทัพไปปราบกบฏเวียงจันทน์ ได้จับกุมเจ้าอนุวงศ์มากรุงเทพฯ พร้อมอัญเชิญพระพุทธแซกคำนำมาทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธแซกคำ แก่พระยาราชมนตรีบริรักษ์(ภู่) ซึ่งเป็นต้นตระกูลภมรมนตรีขุนคลังแก้วแห่งรัชกาลที่ ๓ และตระกูลชุมสาย ผู้สร้างวัดคฤหบดี ให้ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดคฤหบดี เป็นศรีสง่าแห่งพระอารามกระทั่งทุกวันนี้ ๑๐.๓๐ น. ฟังเรื่องราวอันน่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสยามกับเขมรและญวนทั้งด้านการเมืองการปกครอง และการทำศึกสงครามนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา – กรุงรัตนโกสินทร์ ในบริเวณพื้นที่เมื่อครั้งอดีตเรียกว่าย่าน”บ้านเขมร” และ “บ้านญวน” ครั้งต้นรัตนโกสินทร์ และเรื่องราวการทำศึก “อันนัมสยามยุทธ์” อันยาวนาน พร้อมเยี่ยมเยือนคริสตศาสนิกสถานนิกายโรมันคาทอลิคที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯณ วัดคอนเซ็ปชัญ ร่วมเรียนรู้เรื่องราวของบาทหลวงฌอง บัปติสต์ ปัลเลอกัว บาทหลวงชาวฝรั่งเศส กับรัชกาลที่ ๔เมื่อครั้งทรงผนวชที่วัดราชาธิวาสโดยบาทหลวงผู้นี้คือผู้สร้างโบสถ์คอนเซ็ปชัญหลังปัจจุบันและเป็นผู้เรียบเรียง “สัพะ พะจะนะ พาสา ไท” พจนานุกรมสี่ภาษาซึ่ง ตีพิมพ์ขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. ๒๓๙๗ ขณะที่ดำรงตำแหน่งมุขนายกมิสซังสยาม เป็นหนังสือขนาดใหญ่มีจำนวนหน้าทั้งสิ้น ๘๙๗ หน้า ประกอบด้วยคำจำกัดความในศัพท์ภาษาไทยเป็นภาษาละตินภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ จำนวนคำศัพท์ทั้งสิ้น ๓๒,๒๙๒ คำ พร้อมตัวอย่างการใช้ศัพท์พจนานุกรม ๔ ภาษา คือ ฝรั่งเศสอังกฤษ ละติน และภาษาไทย และยังร้อยกรองเรื่องอื่นๆเป็นหนังสือสำคัญไว้อีกหลายเรื่อง พร้อมชมสถาปัตยกรรมอันงดงามแปลกตาและฟังหลากเรื่องน่ารู้ในชุมชนย่านนี้ ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวันหลากรสตามอัธยาศัย ๑๓.๐๐ น. ออกเดินทางล่องตามเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนจะพาเทียบท่าและเดินเท้ามุ่งสู่วัดจักรวรรดิ ราชาวาสวรมหาวิหาร ฟังเรื่องราววีรกรรมอันน่าสนใจของเจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี) ขุนพลแก้วคู่พระทัย ของรัชกาลที่ ๓ผู้นำทัพออกสู้ศึกอย่างกล้าหาญตลอดรัชสมัย ยลพระปรางค์ ที่สูงที่สุดในฝั่งพระนคร และพุทธศิลป์แห่งศรัทธาที่งดงามน่าชมในบริเวณวัด ๑๕.๓๐ น. ฟังประวัติความเป็นมาอันน่าสนใจของสกุล “บุนนาค” ตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายและผูกพันกับราชสำนักตั้งแต่ครั้งกรุงเก่าและมีบทบาทสำคัญทางด้านการเมือง การปกครองและการค้ามายาวนานและได้รับการเล่าขานปรากฏในวรรณกรรมซึ่งเป็นที่รู้จักและกำลังได้รับความนิยมขณะนี้“ข้าบดินทร์” รวมถึงวรรณกรรมอมตะอีกหลายเรื่อง อาทิ สี่แผ่นดิน ทวิภพ ฯลฯสืบค้นที่มาของนามพระอารามหลวงเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชาวบ้านเรียกขานกันมาแต่ครั้งอดีตว่า“วัดรั้วเหล็ก” ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ร่วมเรียนรู้เรื่องราวอันน่าสนใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์และพรินทรปริยัติธรรมศาลาซึ่งได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ ๑จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจากองค์การยูเนสโกประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ สักการะ “พระพุทธนาค” พระพุทธรูปโบราณศิลปะสุโขทัยอันศักดิ์สิทธิ์พร้อมชมสถานที่สำคัญต่างๆในบริเวณวัด อาทิ พระอุโบสถ เขาเต่าอนุสาวรีย์ปืนสามกระบอก ซึ่งเป็นอนุสรณ์ของการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกของประเทศไทย ฯลฯ ๑๗.๐๐ น. ถึงท่าเรือเชิงสะพานตากสิน โดยสวัสดิภาพและเปี่ยมด้วยความประทับใจ ******************************************************** * กำหนดการนี้อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม นำชมโดย : จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา (นัท)วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม อัตราค่าร่วมกิจกรรม ท่านละ๑,๙๐๐บาท (หนึ่งพันเก้าร้อยบาทถ้วน) สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา โทร.๐–๘๑๓๔๓–๔๒๖๑ การสำรองเข้าร่วมสัญจร รับจำนวนจำกัด ๑.โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ (จำกัด) มหาชน สาขา ถนนรัชดาภิเษก ในนาม นายจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา เลขที่บัญชี ๐๖๐-๒๖๓๑๘๘-๓ ภายใน วันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒.เมื่อโอนเงินแล้วกรุณาโทรศัพท์หรือส่ง SMS ยืนยันเข้าร่วมกิจกรรมที่ โทร.๐–๘๑๓๔๓–๔๒๖๑ หรือทางกล่องข้อความ(inbox)ในเฟซบุ๊ค นัท จุลภัสสร https://www.facebook.com/profile.php?id=100009116720395&fref=ts โดยระบุชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อสะดวก อีเมล์แอดเดรส และชื่อในเฟซบุ๊คเพื่อความสะดวกในการแจ้งข่าวสารกิจกรรมให้ท่านทราบต่อไป พร้อมแนบภาพถ่ายสลิปรายการโอนเงินมาด้วย หรือจะนำสลิปรายการโอนเงินมาให้ในวันที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยเขียนชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของท่านรวมถึงของผู้ร่วมคณะท่านในใบสลิปอย่างชัดเจนเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบของผู้จัดกิจกรรม ๓.หากท่านได้โอนเงินมาแล้วแต่ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมตามที่แจ้งไว้ได้ อาจมอบให้ผู้อื่นมาแทนได้ โดยแจ้งให้ผู้จัดทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๕ วันก่อนวันจัดกิจกรรม หากไม่แจ้งตามกำหนดดังกล่าวถือว่าสละสิทธิ์ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์การคืนเงิน ๔.รับเฉพาะผู้สนใจชาวไทย รับจำนวนจำกัด ระเบียบในการเข้าชมสถานที่ ๑.กรุณาแต่งกายสุภาพเพื่อเป็นการเคารพสถานที่ซึ่งไปเข้าเยี่ยมชมเป็นศาสนสถาน(งดกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้นและเสื้อแขนกุด) ๒.กรุณาปฏิบัติตามระเบียบของสถานที่ทุกแห่งที่เข้าไปเยี่ยมชม เช่นไม่ล่วงล้ำและถ่ายภาพบางพื้นที่ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เครดิตภาพ : อินเทอร์เน็ต   Create Date : 27 มิถุนายน 2558     Last Update : 27 มิถุนายน 2558 9:24:01 น. Counter : 1228 Pageviews.   1 comment Share Tweet

รถรางเบา ที่เอธิโอเปีย เคนย่า คองโก อียิปต์ ซิมบับเว เริ่มโครงการกันแล้ว เครดิตภาพ //www.toafrica.net/UploadFiles/yw/2014/9/201409021729064204.jpg เกริ่นนำ ใครจะเชื่อครับ30 ปีก่อน เรายังร้องเพลง We’re TheWorld และ Heal The World ช่วยเหลือบางประเทศในอัฟริกาซึ่งตกทุกข์ได้ยากอย่างแสนสาหัส 30 ปีผ่านไปด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเมืองยุคใหม่ เค้าเลือกความยั่งยืนให้กับเมืองให้กับประชาชน เค้าเรื่อง ระบบขนส่งมวลชนสีเขียว Greeen Transportation รถรางเบา ใช้ไฟฟ้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรกับทัศนียภาพที่พาดผ่าน(ถ้าเป็นการวางรางบนผิวถนน) ส่งเสริมการเดิน การปั่น การเชื่อมต่อกับระบบสัญจรอื่นๆ ส่งเสริมการค้าการพาณิชยกรรม เพราะ คนเดิน (ทุกคนเป็นคนเดิน) คือ ลูกค้า นั่นเองครับ เข้าสู่บทความสั้นๆครับ ผู้บริหารเมืองในทวีปอัฟริกาปัจจุบันเค้าตื่นตัวเรื่องระบบขนส่งมวลชนขนานใหญ่ ในบทความนี้ จะเป็นจีนที่เจาะตลาดส่งออกตัวรถรางเบา(Tram) Light Railให้กับกลุ่มประเทศที่มีโครงการรถรางเบาเชื่อมการเดินทางสัญจรภายในเมือง ในบทความนี้เค้ามี เอธิโอเปีย เคนย่า คองโก อียิปต์ ซิมบับเว เริ่มโครงการกันแล้วในส่วนของเอธิโอเปีย ตอนนี้เค้ากำลัง Test Running กันอยู่ (ใช้งานแล้ว)ตามข่าวเค้าบอกว่าจะเปิดให้บริการจริงในกลางปีนี้ครับ เฉพาะเอธิโอเปียจีนได้ขายตู้รถรางได้ 41 ตู้ ส่งออก รับของกันเรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็น 2 เส้นทางในเมืองAddis Abeba อ่านข่าวเพิ่มเติมวิวัฒนาการของเค้ากันครับ //www.railwaygazette.com/news/urban/single-view/view/first-addis-abeba-tram-rolls-out.html บทความเดิม เกือบ 300 เมืองทั่วโลก ร่วม 400 เส้นทาง ใช้ Tram เป็นระบบขนส่งมวลชนหลัก //www.oknation.net/blog/thaitourismsociety/2015/06/11/entry-1   Create Date : 20 มิถุนายน 2558     Last Update : 20 มิถุนายน 2558 13:01:50 น. Counter : 1523 Pageviews.   1 comment Share Tweet

มาเลเซีย จะเปิดใช้รถไฟความเร็ว 160 กม./ชม. เส้นทาง ปาดังเบซาร์-กัวลาลัมเปอร์ เดือนกันยายนนี้ มาเลเซีย จะเปิดใช้รถไฟความเร็ว 160 กม./ชม. เส้นทาง ปาดังเบซาร์-กัวลาลัมเปอร์ เดือนกันยายนนี้ เกริ่นนำ วันนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับการรถไฟของมาเลเซียเพื่อนบ้านเราครับ บ้านเค้าปัญหาน้อยกว่าบ้านเรา เค้าคิดทำอะไรแล้วส่วนใหญ่เป็นไปตามแผนทั้งนั้น ตอนนี้โครงการรถไฟความเร็ว 160 กม./ชั่วโมงของเค้าเสร็จแล้วจ่อรออยู่ประตูหน้าบ้านเราเรียบร้อยแล้ว หวังว่าทุกโครงการบ้านเรา จะไม่มัวชักช้าต่อให้ชาวบ้านเค้าก้าวกระโดดไปก่อนกันมากมายนะครับ เข้าสู่บทความจากแหล่งข่าวต่างๆดีกว่าครับ เครดิต HelloSongkhla.com ข่าวนี้น่าจะทำให้การเปิด AEC มีความหวังรุ่งโรจน์ชัชวาลย์สำหรับชาวสงขลาเป็นแน่แท้ประตูแห่งอาเชี่ยนกำลังจะเปิดออกแล้ว --------------------------------------- การรถไฟมาเลเซียแจ้งว่ากันยายนนี้ จะมีรถไฟความเร็ว 160 กม./ชม. วิ่งจากเมืองปาดังเบซาร์ไปถึงกัวลาลัมเปอร์ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง15นาที จากทีวิ่งปกติใช้เวลา 12 ชั่วโมง สถานีสำคัญที่จะจอดคือ อลอสตาร์/ บูกิตเบอร์ทาจาม (ใกล้ปีนัง) ต่อไปนักท่องเที่ยวคงข้ามไปมากันสนุกแน่นอนด่านตรวจคนเข้าเมืองก็กำลังทำใหม่ ทุกอย่างส่งสัญญาณไปในทางที่ดีสอดคล้องกัน --------------------------------------- ลิ้งค์ข่าว : //goo.gl/tmJL67 เครดิต เพจ Smart Growth Thailand ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวมาเลเซียที่ได้ใช้รถไฟฟ้าความเร็ว160 กม.ต่อชม.จากภาพเป็นรถที่วิ่งทดสอบซึ่งออกจากสถานีกัวลาลัมเปอร์ถึงสถานีปาดังเบซาร์ของไทยจะเปิดเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ครับ เครดิตภาพ Smart Growth Thailand เครดิตภาพ Smart Growth Thailand เครดิตภาพ Smart Growth Thailand   Create Date : 19 มิถุนายน 2558     Last Update : 19 มิถุนายน 2558 1:08:08 น. Counter : 3583 Pageviews.   1 comment Share Tweet

ทีดีอาร์ไอระบุอีก 10 ปี ไทยเป็นสังคมคนแก่ก่อนรวยชาติแรกในเอเชีย เราจะรับมือกันอย่างไร เราเตรียมรับมือสังคมผู้สูงอายุ(มีเป็นสิบล้านคน)กันแล้วหรือยังทั้งด้านให้ความรู้ และการออกแบบเมือง ก่อนเข้าบทความที่ผมคัดลอกมาจาก Posttoday.com ผมไม่เห็นเนื้อหาในบทความนี้ของ TDRI ที่เกี่ยวกับการออกแบบเมืองการวางผังเมืองเพื่อสังคมผู้สูงอายุเลยทั้งๆที่อีกไม่นานนี้เราจะมีผู้สูงอายุนับสิบๆล้านคนอย่างไรก็แล้วแต่ฝากเป็นข้อคิดสำหรับผู้เกี่ยวข้องเรื่องการวางผัง ออกแบบเมือง และTDRI (ถ้าเข้ามาอ่าน) ด้วยครับ เข้าสู่บทความ ที่มาบทความ Posttoday.com ตามลิ้งก์ //goo.gl/eS8S3I นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวในงานสัมมนา EGAT R & D Forum 2015 ว่าไทยกำลังเผชิญโจทย์ใหญ่คือ การจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ โดยจะมีผู้สูงอายุมากกว่าวัยแรงงานและวัยเด็กนเวลาอีก 10 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2568และหากยังเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางเหมือนตอนนี้ก็จะกลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียที่เข้าสู่สังคมสูงอายุก่อนเป็นประเทศพัฒนาแล้วและมีรายได้สูง  ต่างจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่เข้าสู่สังคมสูงอายุ แต่คนรวยก่อนแก่ ที่มาภาพ //www.uasean.com/kerobow01/1062 ทั้งนี้ ใน 5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโตเฉลี่ยอยู่ 4.3% และหากนับเพียง 2 ปีที่ผ่านมา จะยิ่งต่ำลงไปและปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3% รายได้ต่อหัวเฉลี่ยล่าสุด 5,480เหรียญสหรัฐ/คน/ปี เศรษฐกิจส่วนใหญ่พึ่งพิงอยู่กับการผลิตอุตสาหกรรมแบบรับจ้างผลิตซึ่งอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ลำพังการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไม่เพียงพอแต่จะต้องหาทางออกของประเทศไทย โดยต้องปรับโครงสร้างทั้งเศรษฐกิจและสังคมไปสู่การวิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ประธานทีดีอาร์ไอกล่าวว่า จากการประเมิน 1.หากให้ประเทศดำเนินไปเรื่อยๆเช่นปัจจุบัน จะนำไปสู่ความยากลำบากทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม 2.นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้าเช่น ประเทศเกาหลีใต้ 3.นำไปสู่ฐานเกษตรกรรมที่ทันสมัยและการบริการฐานความรู้ จึงต้อง เตรียมการปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างคนสร้างเงิน ผ่านการจูงใจให้สร้าง นวัตกรรมพัฒนาตลาดให้เป็นเทรดดิ้งเนชั่นเพื่อเชื่อมกับโลก ถ้าไม่ทำอะไรไทยไปไม่รอดแน่และไทยจะกลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียที่แก่ก่อนรวย    Create Date : 17 มิถุนายน 2558     Last Update : 17 มิถุนายน 2558 15:47:34 น. Counter : 1412 Pageviews.   1 comment Share Tweet

ที่ฟิลลิปปินส์ ใช้ “จิตอาสา” เปลี่ยนคลองแสนเน่า เป็นคลองที่สะอาดขึ้น แล้วประเทศไทย ล่ะ??? ที่ฟิลลิปปินส์ ใช้ “จิตอาสา” เปลี่ยนคลองแสนเน่า เป็นคลองที่สะอาดขึ้น แล้วประเทศไทย ล่ะ??? คลอง ESTEROS ในกรุงมนิลาฟิลลิปปินส์ เคยมีสภาพเป็นคลองที่สกปรกมาก ตามภาพประกอบเพราะสมัยก่อนมีแต่คนทิ้งขยะลงคลองอย่างเดียวจนเคยกลายสภาพจากคลองกลายเป็นคลองเน่าเหม็น จนมีกลุ่มจิตอาสาซึ่งเป็นคนในพื้นที่ทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาจัดตั้งกลุ่มช่วยกันทำความสะอาดคลองจนมีสภาพที่ดีขึ้นมากมายในปัจจุบัน เรื่องนี้ที่เขียนไม่มีอะไรมากมายครับอยากให้บ้านเรือน คูคลองสะอาด ต้องช่วยกันทุกฝ่าย จะพึ่งพาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคงเป็นไปไม่ได้ครับ อยากให้ภาคเอกชน เป็น “หัวหอก” ช่วยเหลือภาครัฐสร้างบ้านแปงเมืองกันด้วยครับ เพราะภาคเอกชน มีความคล่องตัวสูง ขั้นตอนน้อยน่าจะจุดประกายความร่วมมือต่างๆได้เร็ว ตลอดจนถ้ามีสื่อมวลชน ช่วยกันกระตุ้นก็น่าจะ win win กันครับ อ้างอิง บทความ //www.rappler.com/nation/11835-bringing-back-the-esteros-to-mitigate-floods-in-manila ชมคลิปวีดีโอ ครับ   Create Date : 15 มิถุนายน 2558     Last Update : 15 มิถุนายน 2558 6:56:42 น. Counter : 1803 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• smartgrowth
• rattanakosin
• thaitourismsociety
• ชุมชนสีเขียว
• เมืองเก่าลพบุรี
• เบ็ดเตล็ด
• ศิลปวัฒนธรรม กับ อ.เจริญ ตันมหาพราน
• ข่าวทริป ศิลปวัฒนธรรม กับ อ.จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา
• smartgrowth2
• อาหารอร่อย

• BlogGang.com
• Webmaster - BlogGang

• เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
• rattanakosin'sphoto
• BlogGang.com