ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
แนะนำราดหน้าเจ้าอร่อย ที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแป๊ะโก๊ะ



ชวนอร่อย โดย อ.เจริญ ตันมหาพราน (วิทยากร และนักประวัติศาสตร์ชุมชนที่ลงพื้นที่ชุมชนประวัติศาสตร์ และได้ลิ้มลองอาหารจากหลายร้าน)

ร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแป๊ะโก๊ะที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ขายอยู่ที่บ้านไม้เก่าแก่ไม่มีเสน่ห์แต่รสชาติของฝีมือแป๊ะโก๊ะจัดจ้าน แสนอร่อย ทำให้มีลูกค้าเข้าไปอุดหนุนตลอดทั้งวันเพราะราดหน้าของที่ร้านนี้แปลกและแตกต่างจากร้านอื่น ตรงที่เส้นจะผัดแบบห่อไข่แล้วใส่จานต่างหาก ส่วนน้ำราดจะแยกใส่อีกจานหนึ่งแถมด้วยเกี๊ยวกรอบไว้เพิ่มเติมความอร่อยลูกค้าที่สามารถเลือกตัดสินใจว่าจะตัดสินใจเลือกอย่างไหนก่อน ราดหน้าเส้นหรือเส้นราดหน้า เติมแต่งด้วยเกี้ยวกรอบทันที หรือใส่ลงไปก่อนเพื่อให้เกี้ยวกรอบนิ่มชวนกิน หรือกินกันแบบกรอบๆนุ่มปากนุ่มลิ้น ลูกค้าที่เข้าไปในร้านนี้จึงมีวิธีปรุงที่ไม่เหมือนกันถนัดใคร ถนัดมัน

แป๊ะโก๊ะขายก๋วยเตี๋ยวมานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว จนต้องพ่ายสังขารตัวเองแต่ก็มิได้ยอมแพ้ โดยจะคอยต้อนรับแขกเข้าร้านพร้อมกับนั่งกำกับบุตรสาวผัดมิให้ผิดพลาดตามขั้นตอนตลอดทั้งวันจะมีลูกค้าเข้ามาเต็มร้าน แต่ทุกคนก็มิได้เบื่อเพราะอาหารแต่ละจานรสชาติถูกใจจริงๆ













ลูกผู้ชายนามกร...แป๊ะโก๊ะ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อภายหลังจากที่ได้ประชาสัมพันธ์ร้านก๊วยเตี๋ยวราดของแป๊ะโก๊ะปรากฏว่ามีคนเดินทางไปพิสูจน์ว่า มันจะจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่? ทำให้จากเดิมมีคนเยอะอยู่แล้ว ก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น

การเดินทางไปตลาดชุมแสงของผมคราวนี้ โอกาสกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าสูตรของแป๊ะโก๊ะเลยต้องใช้เวลามากขึ้นทำให้มีโอกาสนั่งสนทนากับแป๊ะโก๊ะ

“แป๊ะโก๊ะ...ลื้อไปเอาสูตรก๋วยเตี๋ยวราดหน้ามาจากกรุงเทพฯร้านไหนทำไมอร่อยจัง” ผมถาม

“กรุงเทพฯ หน้าตายังไง อั๊วยังไม่เคยเห็น ตลอดชีวิตของอั๊ว ๗๐ปีกว่าอยู่แต่ตลาดชุมแสง จะไปก็จังหวัดใกล้ๆที่ติดกัน ถ้ามีใครบอกลื้อว่าสูตรก๊วยเตี๋ยวราดหน้าร้านแป๊ะโก๊ะมาจากร้านโน้น ร้านนี้ ลื้ออย่าไปเชื่อความจริงมาจากที่นี่” พูดจบแป๊ะโก๊ะเอานิ้วเคาะไปที่กะโหลกของเขาเอง

“แล้วที่บอกว่า ไม่เคยไปกรุงเทพฯ ไปแต่จังหวัดใกล้เคียง ไปทำอาชีพอะไร”

“ไอ๊โก๊ะสู้สิบทิศ ไม่มีถอย เอาทุกอย่างที่ขวางหน้าและได้เงินมาจุนเจือชีวิตตั้งแต่ ตีไก่พนัน ชกมวย ลูกน้องเขา รวมทั้งเป็นกรรมกร”

ชีวิตในวัยเรียน อั๊วเรียนหนังสือเก่งมาก ๒ ปีเรียนจบชั้นประถม ๔เพราะเรียนข้ามชั้นถึงสองปีซ้อน แต่พ่อให้ลาออกมาทำงาน แม้ว่าครูจะมาขอกับพ่อให้เรียนต่อก็ไม่สำเร็จพ่อบอกว่าลูกคนจีนเรียนสูงไปก็แค่นั้น สู้ลาออกมาทำมาหากินดีกว่า

งานแรกในชีวิตไอ้โก๊ะ คือ เด็กล้างจานร้านอาหาร เงินเดือน ๓บาท

แต่ความขยัน อดทน ทำอยู่นาน จนกระทั่งคิดหาทางขยับชั้นเป็นพ่อครัวพอมีโอกาสก็ไปสารภาพกับพ่อครัวประจำร้าน สิ่งที่ให้ก็คือ ถูกด่ากลับมา ไอ้ตี๊ลื้อจำไว้ สุภาษิตจีนสอนว่า“ก่าเจี๊ยะ บ่อก่าเจาะ”(สอนกินไม่สอนทำ) ไอ้โก๊ะเดินคอตกกลับมาอย่างผิดหวัง

ต่อมาพ่อครัวคนเดิมได้ถึงเวลากินข้าวร่วมโต๊ะกับไอ้โก๊ะ จึงได้เอ่ยปากว่า“ไอ้ตี๊ ถ้าลื้ออยากเป็นเถ่าชิ้ว(มือหนึ่ง)จะต้องหมั่นสังเกตไม่ใช่ขยันถามอย่างวันนี้ แล้วก็ใช้วิธีการครูพักลักจำเอามาใช้

นับแต่วันนั้นมาไอ้โก๊ะได้ลองผิดลองถูกทุกครั้งที่มีโอกาสจนกระทั่งขยับหน้าที่จากเด็กล้างจานมาเป็นพ่อครัวเคียงคู่มากับลูกชายเถ้าแก่และกลายเป็นเพื่อนรักกัน

วันหนึ่งทั้งสองเกิดสนใจชะตาชีวิตในอนาคต จึงพากันไปดูหมอที่ตลาดซินแส(หมอดู)ทำลายไอ้โก๊ะ “ชะตาของลื้อนะ ไม่รวย แต่ก็ไม่จนทำเท่าไหร่ก็ไม่มีเหลือ” ส่วนลูกชายเถ้าแก่จะรวยยิ่งๆขึ้นไปอีกเหตุการณ์ก็เป็นจริงดังคำทำนาย แม้ลูกชายเถ้าแก่ฝีมือจะสู้ไอ้โก๊ะไม่ได้ แต่ก็สามารถซื้อตึกแถว๒-๓ ห้องเป็นของตนเอง ทำให้ไอ้โก๊ะเกิดน้อยใจ ลาออกจากพ่อครัวมารับจัดโต๊ะเอง

บ่อยครั้งมีผู้มาว่าจ้างให้ไปจัดโต๊ะจีนจำนวน ๑๐๐ โต๊ะในชุมแสงบ้างตามต่างจังหวัดบ้าง ไอ้โก๊ะสามารถจัดการได้ราบรื่น เพราะฝีมือเชี่ยวชาญของตนเองและพรรคพวกคอยช่วยเป็นลูกมือ เสร็จงานได้รับค่าจ้างมาเป็นเงินก้อนโตแต่ต้องจ่ายค่าแรงพรรคพวกจำนวนมาก เหลือติดตัวมาเพียงนิดหน่อยสมดังคำทำนายของซินแส“ลื้อไม่รวย แต่ก็ไม่จน”

หนักเข้าไอ้โก๊ะเกิดความเบื่อหน่าย หันมายึดอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยความที่เป็นคนมีพรสวรรค์ จับอาชีพผู้คนให้ความสนใจสามารถตัดเย็บกางเกงให้เสร็จภาย ๒.๓๐ ชั่วโมงต่อหนึ่งตัว ตัวหนึ่งค่าแรง ๕๐ บาทสามารถตัดเย็บกางเกงได้วันหนึ่ง ๗ ตัว หลายคนที่มาเที่ยวชุมแสง ตอนเย็นอาบน้ำเสร็จใส่เสื้อกางเกงที่ไอ้โก๊ะตัดให้ใหม่ใส่กลับบ้านได้เลย พอเศรษฐกิจไม่ดีงานก็ลดน้อยลง ได้เดินทางเข้าตัวเมืองเพื่อทำงานเป็นลูกน้องช่างตัดเย็บร้านที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งปรากฏว่าทางร้านตอบปฏิเสธ ทั้งๆที่ยังไม่เคยทดสอบฝีมือโดยบอกมีช่างตัดเย็บหลายสิบคน จนไม่มีตำแหน่งว่าง

ไอ้โก๊ะคอตกเป็นครั้งที่สอง แต่พอท้องก็หิว ข้าวต้องกิน จึงได้ยึดอาชีพเดิมคือ“ล้างจาน”

จากนั้นก็หันมายึดอาชีพ ตีไก่ กัดปลา ชกมวย ผู้คนเรียกว่า“ไอ้โก๊ะสู้สิบทิศ ไม่มีถอย”

ด้านตีไก่ไม่ได้เลี้ยงไก่เอง อาศัยไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ไปพนันไอ้โก๊ะสามารถดูลักษณะของไก่ ตัวไหนจะแพ้หรือชนะได้ อีกทั้งสามารถทำให้ไก่ที่จะแพ้กลับมาชนะ โดยไม่ต้องพึ่งยาชูกำลัง

ฝึกทักษะการปั้นหมัด การยืน การชกต่อย การศอก การเข่า การเตะใช้ผ้าขาวม้าพันหมัดทั้งสองหมัดพาดผ่านคอด้านหลัง ยกหมัดตั้งท่าและเคลื่อนที่ก้าวเท้าพร้อมกับเคลื่อนหมัดขึ้นลงตามท่าที่ครูมวยสอนใช้ผ้าขาวม้าพันมือชกกับคู่ ใช้ลูกมะนาว ๑๐ ลูกผูกกับด้ายแขวนห้อยกับราวไม้รวกให้ต่อยและศอกโดยไม่ให้ลูกมะนาวหลุดไม่ให้ด้ายพันกันและไม่ให้ลูกมะนาวถูกหน้า

ไอ้โก๊ะยืนหยัดอยู่บนเวทีอยู่ แม้จะชนะบ้าง แต่ก็กลับลงมาพร้อมกับความบอบช้ำไม่นานก็หันหลังให้กับเวทีมวย มีเงินอยู่ก้อนหนึ่งเดิมตั้งใจจะเก็บไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่มีแม่ค้าขายล๊อตเตอรี่คนหนึ่งนำเลข ๕๐จำนวน ๓๐ คู่มาขายให้ ไอ้โก๊ะตัดสินใจซื้อด้วยจำนวนเงินที่มีอยู่

ครั้นวันหวยออก กองสลากประเทศทางวิทยุว่า หมายเลขที่ออกได้แก่ ๕๐

ไอ้โก๊ะ ร้องลั่นด้วยความดีใจเพื่อนฝูงที่ทราบข่าวที่ทราบข่าวต่างพากันมาแสดงความดี ไอ้โก๊ะตอบแทนน้ำใจพวกเขาด้วยการเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งชั่วระยะเวลาไม่ถึงเดือนลาภก้อนโตจาการถูกล๊อตเตอรี่ก็หดหายไปพร้อมกับตีจากของพรรคพวก

สมดังคำทำนายของซินแส“ลื้อไม่รวย แต่ก็ไม่จน”

ไอ้โก๊ะหวนคืนกลับชุมแสงถิ่นเดิม แต่นิสัยติดการพนันของเขาทำให้การครองเรือนคนแล้วคนเล่าพังทลายไปสิ้น เวลาจะไปเล่นพนันตามต่างจังหวัดเดิมทีตั้งใจจะไป ๓ วัน เมียคนไหนเอ่ยปากห้าม ไอ้โก๊ะจะไปเพิ่มเป็น ๓๐ วันไม่มีเมียคนไหนเอาเขาอยู่ แล้วไอ้โก๊ะก็อยู่กับเมียคนไหนไม่ได้นาน

ในชีวิตอั๊วชนะมาทุกอย่าง สุดท้ายก็มาแพ้ใจเมียคนนี้ แป๊ะโก๊ะและชี้ไปที่เมียที่อยู่ในร้าน“พูดอะไร อีนิ่งอย่างเดียวและทำงานไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอั๊วอยู่ในโลกนี้อั๊วถึงมานั่งเสียใจ ไม่ควรทำตัวเป็นคนเสเพลอีกต่อไป เพราะมีลูกมาด้วยกันถึง ๖คนแล้ว เดิมทีตั้งใจให้ให้ครบ ตั้งทีมฟุตบอลล์ได้ แป๊ะโก๊ะพร้อมกับหัวเราะชอบใจ

แป๊ะโก๊ะยึดอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าอยู่ตลาดสดเทศบาลชุมแสงในตอนเย็นคำทำนายของซินแส“ลื้อไม่รวย แต่ก็ไม่จน” ทำให้เขามีเงินลงทุนซื้อแค่เครื่องมือทำมาหากิน เช่น ตู้ กระทะ ถ้วยชาม ฯลฯแต่เครื่องมือทำกินมีเยอะ รถเข็นคันเดียวไม่พอจำเป็นต้องขอยืมใช้จากพ่อค้าในตลาดด้วยที่ขายตอนเช้า แป๊ะโก๊ะไม่ได้ขโมยแต่เข็นมาโดยไม่ได้บอกเจ้าของ พอเจ้าของรู้ก็ตามมาทวงคืน พร้อมกับด่าพอเป็นพิธี

แป๊ะโก๊ะขายก๋วยเตี๋ยวจนเป็นที่ติดอกติดใจของชาวชุมแสงจนสามารถซื้อเครื่องมือทำมาหากิน ไม่ต้องไปขโมยเขาอีกต่อไปพร้อมกับได้เช่าบ้านไม้อยู่ในตลาด เปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแต่ไม่มียี่ห้อร้านเหมือนใครทั่วไป แม้ร้านจะเก่าแก่ ไม่มีเสน่ห์ แต่รสชาติของฝีมือแป๊ะโก๊ะจัดจ้านอร่อย ทำให้มีลูกค้าเข้าไปอุดหนุนตลอดทั้งวัน

ทุกวันนี้แป๊ะโก๊ะทำไม่ไหว เพราะความชราภาพแล้วจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกสาวแทน อั๊วคนมีบุญนะ ที่ลูกๆทุกคนเป็นคนดีขยันทำมาหากิน แต่อั๊วไม่กล้าด่าพวกอี กลัวพวกมันไม่ช่วย อั๊วอดตายแน่ พูดจบหัวเราะชอบใจฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

แป๊ะโก๊ะ ลื้อไม่มีชื่อร้าน แล้วตัวลื้อมีชื่อจริงไหม? ผมถาม

“มีสิ พ่ออั๊วตั้งชื่อให้ว่านายบักย้ง แซ่จัง” แต่ไม่มีใครรู้จัก ชอบเรียกแต่ แป๊ะโก๊ะ กันทั่วบ้านทั่วเมือง

.......................................................

หมายเหตุ เกี่ยวกับ ราดหน้า

ราดหน้า เป็นก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่ง ที่ทำโดยการใช้เส้นลงไปผัดกับน้ำมันอ่อนๆก่อนแล้วพักไว้ น้ำที่ใช้ราด เป็นน้ำต้มกระดูกผสมกับแป้งมันมีความข้นเหนียวเนื้อสัตว์นิยมใช้ เนื้อหมู และ กุ้ง หรือเนื้อสัตว์อื่นๆซึ่งถ้าเป็นเนื้อหมูจะนิยมหมักกับกระเทียมก่อน เพื่อให้เหนียวนุ่ม ผักนิยมใช้ผักคะน้า หรือจะใช้ผักอย่างอื่น เช่น ผักกวางตุ้ง หรือ ผักกาดขาว ก็ได้

เส้นที่ใช้ทำราดหน้า มีหลายเส้น โดยมาก หากเป็นเส้นใหญ่จะผัดกับน้ำมันและซีอิ๊วดำก่อน นอกจากนี้ยังมีหมี่ขาว หมี่เหลืองซึ่งโดยมากจะเป็นเส้นทอดกรอบ นอกจากนี้แล้วราดหน้าบางครั้งยังสามารถใส่ไข่ลงไปได้ด้วย อาจจะผสมลงไปในน้ำราดหน้าหรือทอดแยกออกมาโปะหน้าต่างหากแบบไข่เจียวหรือไข่ดาว ก็ได้

ราดหน้าที่เข้ามาแพร่หลายในไทยได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน เริ่มนำเข้ามาขายโดยชาวจีนโดยเฉพาะชาวจีนแต้จิ๋วราดหน้ายุคแรกๆ ห่อใบตองขาย ใส่ผักกวางตุ้งและหน่อไม้ ราดน้ำราดแต่น้อยต่อมาจึงมีการปรับรูปแบบไปต่างๆกัน ราดหน้าที่แพร่หลายในไทยนั้นมีที่มาจากราดหน้าของจีน ๓ แหล่งดังนี้

ราดหน้าแบบฮ่องกง น้ำราดหน้าไม่ใส่เต้าเจี้ยว ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย

ราดหน้าแบบกวางตุ้ง น้ำราดหน้าใส่เต้าเจี้ยว กระเทียม ใช้ผักคะน้าเป็นหลัก

ราดหน้าแบบแต้จิ๋ว น้ำราดสีเข้ม ใส่เต้าเจี้ยวเป็นเม็ด ไม่ใส่น้ำมันหอยและใส่คะน้าผัดไปกับน้ำราดด้วย





Create Date : 30 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2557 8:37:22 น. 0 comments
Counter : 2300 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.