ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรรื้อระบบผังเมือง ให้มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงกฎหมายควบคุมผังเมืองใช้ที่ดินให้ทันสมัย
เกริ่นนำ
ด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งได้รับข้อมูลจากสื่อออนไลน์ และสื่อออฟไลน์เรื่อง การจัดการผังเมืองของไทย ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พออ่านดูหลายๆบทความที่ไม่เข้าใจก็คือ ความชัดเจนของหน่วยงาน ในการแก้ไขปัญหาและการใช้งบประมาณมหาศาลไปทำอะไร ซึ่งในบทความนี้ เราจะมองเห็นได้เลยว่า ใช้เงิน ใช้งบประมาณกันเป็นอย่างไร ซึ่งตามที่อ่านจากข่าวเดลินิวส์ และบน Facebookของท่านผู้รู้จริง จะเห็นได้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยยังไม่มีมาตรการจัดการผังเมือง ซึ่งก็น่าเป็นห่วง ...เราลองมาช่วยกันคิดครับ จะ กระตุ้นหน่วยงานเหล่านี้กันอย่างไร -จากผู้เขียนบล็อกเผยแพร่ ...(เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์)
เข้าสู่บทความครับ
อ้างอิงบทความสั้นๆบนโพสต์ใน Facebook ของสมาคมการผังเมืองไทย(ตามลิ้งก์) ที่
อ้างอิงมาจากเดลินิวส์ เมื่อวันที่26 มีนาคม 2556
//www.facebook.com/photo.php?fbid=528808143825232&set=a.525664784139568.1073741832.524047510967962&type=1&theater
Copy//นักวิจัยจุฬาชี้รัฐใช้งบแก้ปัญหาน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำไปแล้วกว่า 8 แสนล้านบาท แต่กลับไม่มีมาตรการจัดการผังเมือง อนาคตเผยหากเกิดภัยพิบัติอีกครั้งจะเสียหายมากกว่าเดิมถึง30 เท่าตัว !!!
และอ้างอิงมาจากเดลินิวส์ตามลิ้งก์ ขอขอบคุณข้อมูลทุกฝ่ายที่ผมนำมาอ้างอิงด้วยครับ
//www.dailynews.co.th/technology/193240
copy//วันนี้(26 มีนาคม) ที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดเสวนาวิชาการเรื่องรื้อผังเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแบบยั่งยืน โดยศาสตราจารย์ ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าตนได้ร่วมมือกับทางคณะอนุกรรมาธิการศึกษางบประมาณที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการน้ำวุฒิสภา ทำการศึกษากรณีมหาอุทกภัยปี 2554กับการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่ามหาอุทกภัยครั้งดังกล่าวเป็นเหตุการณ์พิบัติภัยครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และได้สร้างความเสียหายประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท และมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทย ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในปี2554ของประเทศลดลงถึง 3.1%และหากเปรียบเทียบกับพิบัติภัยที่ทำความเสียหายมากที่สุดกับประเทศต่างๆของโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 เป็นต้นมาพบว่า มหาอุทกภัยของไทยปี2554 จัดอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลกที่ทำความเสียหายมากที่สุด ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยได้ความเสียหายมากจากน้ำท่วมครั้งนี้ เพราะในอดีต 50 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทย ไม่ได้มีการเตรียมระบบการป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่ไว้ อีกทั้งมีการขยายตัวของชุมชนเมืองในลุ่มน้ำท่วมถึง อย่างมากมาย
ศาสตราจารย์ดร.ธนวัฒน์ กล่าวว่า จากผลการศึกษางบประมาณที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งก่อนและหลังเกิดวิกฤติการณ์มหาอุทกภัยปี 2554 พบว่าประเทศไทยได้ใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา รวมทั้งสิ้นกว่า 8 แสนล้านบาท(รวมงบประมาณ พ.ร.ก. เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท )ซึ่งเป็นงบประมาณลงทุนการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่พบว่าไม่มีมาตรการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำผังเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดินในอนาคต รวมถึงไม่มีการบังคับใช้กฎหมายใด ๆที่จะสามารถควบคุมการใช้ที่ดินเพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของประเทศได้
ทั้งนี้หากสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกทำให้มีแนวโน้มก่อให้เกิดพิบัติภัยขนาดใหญ่ของประเทศมีมากขึ้นปัญหาผังเมืองของประเทศ ไม่สามารถแก้ไขได้และระบบบริหารจัดการเพื่อการลดความเสี่ยงภัยของน้ำท่วมที่ไม่เหมาะสมแล้ว จะส่งให้มหาอุทกภัยในอนาคตมีผลกระทบต่อประชาชนและเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมากกว่าน้ำท่วมในปี2554 ถึง 30 เท่าตัวหรือประมาณมูลค่าความเสียหายมากถึง 30ล้านล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2613
ศาสตราจารย์ ดร.ธนวัฒน์ ได้ตั้งข้อสังเกตต่างๆ ไว้ 5 ข้อดังนี้ คือ
1. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งก่อนและหลังเกิดวิกฤติการณ์มหาอุทกภัยปี 2554 ประเทศไทยได้ใช้งบประมาณแก้ไขปัญหา ไปแล้ว กว่า 8 แสนล้านบาท การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมส่วนใหญ่เน้นมาตรการที่ใช้สิ่งก่อสร้างเป็นหลักแต่พบว่าไม่มีมาตรการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำผังเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดินในอนาคตเพื่อการแก้ไขป้องกันและลดความเสียหายของประชาชนอันเกิดจากน้ำท่วมในระยะยั่งยืน
2. ปัญหาผังเมืองของประเทศไทยที่ผ่านมาพบว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำท่วมมีความรุนแรงและเสียหายมากขึ้นทั้งนี้มาตรการควบคุมการใช้ที่ดินและผังเมืองของประเทศ มักเน้นการใช้เฉพาะปัจจัยศักยภาพด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นหลัก แต่ปัจจัยศักยภาพด้านกายภาพและมาตรฐานความเสี่ยงของพิบัติภัยภัยแทบไม่ได้ใช้เลยเช่น แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเป็นต้น
3. ประเทศไทยควรจะมีแผนแม่บทการพัฒนาเมือง(Regional Urban Planning) ในลุ่มน้ำท่วมถึงทั่วประเทศเพื่อลดความเสียหายของน้ำท่วมต่อชุมชนและเมืองในอนาคต
4. ขนาดพิบัติภัยน้ำท่วมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา(Dynamic) ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์ประเทศไทยต้องเพิ่มระดับมาตรฐานการลดความเสี่ยงภัยน้ำท่วมของประเทศให้มีขนาดที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับโอกาสความเสี่ยงการเกิดพิบัติภัยซึ่งมีแนวโน้มจะมีขนาดใหญ่ขึ้น(ผลจากความแปรปรวนของภูมิอากาศในอนาคต)โดยเฉพาะควรเน้นการใช้มาตรการผังเมืองและการใช้ที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นหลักในระยะยั่งยืนและ
5. ควรมีการรื้อระบบผังเมืองของประเทศให้มีประสิทธิภาพควรปรับปรุงกฎหมายควบคุมผังเมืองและการใช้ที่ดินให้ทันสมัยควรปรับปรุงหน่วยงานที่ดูแลกำกับและบังคับใช้กฎหมายด้านผังเมืองและการใช้ที่ดินของประเทศใหม่ เช่นแยกผังเมืองออกจากโยธาธิการ หรือ ตั้งเป็นกระทรวงใหม่ที่ดูแลทั้งระบบ เป็นต้น
สนใจข้อมูลเรื่องการผังเมืองเข้าไปกด like กันได้ตามลิ้งก์
https://www.facebook.com/pages/สมาคมการผังเมืองไทย/524047510967962?fref=ts