ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
One Stop Service ในสิงคโปร์มีแล้ว แต่ One Stop Service ในกรุงเทพยังไม่มี

ถึงเวลากันแล้วหรือยัง ที่ผู้บริหารบ้านเมือง จะทำให้องค์กรบริการต่างๆใน กทม. เช่นไฟฟ้า ประปา ขสมก. เป็น One stop service ไม่ซับซ้อน



เนื่องจากเมื่อวาน ผมได้เข้าไปอ่านโพสต์บน Facebook ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่โพสต์จั่วหัวข้อ

“รถเมล์ควรอยู่กับ ขสมก. หรือ กทม. ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ


ขอขอบพระคุณ ท่าน ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ มา ณ ที่นี้ครับสำหรับข้อคิดที่มีค่ายิ่งครับ

เกริ่นนำ

พอผมอ่านรายละเอียดที่ไม่ยาวนักของ ดร.สามารถ จบ ซึ่งได้ถามเกี่ยวกับรถเมล์ควรขึ้นกับหนว่ยงาน ขสมก. หรือ กทม. ?? ผมก็คิดเลยไปอีกว่ามันเป็นปัญหาจริงๆ เกี่ยวกับไขว่กันไป ไขว่กันมา ในด้านการบริหารงานคือมันน่าจะซับซ้อนเกินไป แล้วผนวกกับ ใน กทม. จะมีทั้งการไฟฟ้านครหลวงการประปานครหลวง ซึ่งถ้าประชาชนอย่างเราไปติดต่อกัน ก็ต้องไปอย่างละที่ไม่สามารถไปที่เดียว วันเดียวกัน ก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งผิดกับในต่างประเทศเช่นสิงคโปร์ เราเดินเข้าไปติดต่อ ไปที่เดียว เป็น One Stop Service ก็เสร็จแล้ว ประหยัดทั้งเวลา ประหยัดทั้งเงิน

นอกจากบ้านเรา จะไม่ได้รับความสะดวกสบายด้วยประการทั้งปวงแล้วการแยกกันบริหาร งานที่ควรจะร่วมมือกัน ก็ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมหาศาล ทั้งระบบไอทีจำนวนพนักงาน เพราะต่างองค์กร ก็ต้องใช้ระบบของตัวเอง มีค่าบำรุงรักษาค่าพนักงานที่สูง ในขณะเดียวกัน ถ้าทำเป็น Pool แบบต่างประเทศทั้งรวดเร็ว และประหยัดอย่างมากมายมหาศาล จึงน่าแปลกใจเป็นอย่างมากสำหรับประเทศไทยครับที่นักบริหารบ้านเมือง มองไม่เห็นปัจจัยลบเหล่านี้ และน่าจะรีบแก้ไข เป็นลำดับต้นเพราะยิ่งช้า ก็เท่ากับผลักภาระให้ประชาชน

ถึงเวลากันแล้วหรือยัง ที่ผู้บริหารบ้านเมือง จะทำให้องค์กรบริการต่างๆใน กทม. เช่นไฟฟ้า ประปา ขสมก. เป็น One stop service ไม่ซับซ้อน

เข้าสู่บทความในโพสต์ของ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ครับลองคิดกันดูครับ ว่าเราอยากจะเป็นเหมือนเดิมไม่มีมิติการแก้ปัญหาแบบถาวรกันเลยหรือครับ และในท้ายบทความจะมีความเห็นจากท่านอื่นๆ ที่มาแสดงความคิดเห็น ผมจะคัดลงเป็นบางความคิดเห็นครับ

อ้างอิง //www.facebook.com/photo.php?fbid=4337286075491&set=a.3728713981569.2140239.1387533272&type=1&theater¬if_t=photo_reply

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์

รถเมล์ควรอยู่กับ ขสมก. หรือ กทม. ?




ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555รถเมล์ภายใต้การบริหารของขสมก. มีหนี้สะสมถึง 73,739 ล้านบาทมีพนักงาน 14,112 คน มีจำนวนรถเมล์ 3,574 คัน แต่ออกวิ่งได้เพียง 2,732 คัน หรือคิดเป็น 76% รถเมล์ส่วนหนึ่งมีสภาพทรุดโทรมเนื่องจากมีอายุใช้งานประมาณ 8 – 17 ปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณผู้โดยสารรถเมล์ลดลงอย่างมาก โดยเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าและรถส่วนตัว

ขอบอกว่า ปัจจุบัน กทม. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารรถเมล์แต่อยากทราบว่า รถเมล์ควรอยู่ภายใต้การบริหารของหน่วยงานใด ขสมก. หรือ กทม. ครับ




ขสมก. มีหนี้สะสมถึง 73,739ล้านบาท มีพนักงาน 14,112 คน มีจำนวนรถเมล์ 3,574 คัน แต่ออกวิ่งได้เพียง 2,732 คัน หรือคิดเป็น 76% รถเมล์ส่วนหนึ่งมีสภาพทรุดโทรมเนื่องจากมีอายุใช้งานประมาณ 8 – 17 ปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาปริมาณผู้โดยสารรถเมล์ลดลงอย่างมาก โดยเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าและรถส่วนตัว

เพิ่มเติมข้อมูลต่อเนื่องที่ผมเห็นว่า เรื่องการบริการจุดเดียวOne Stop Service ในกรุงเทพมหานครควรจะเกิดขึ้นได้แล้ว เพราะการไม่มีบริการที่ดีมันน่าจะเป็นรากหนึ่งที่สำคัญของปัญหาการบริหารประเทศ เพราะไม่ว่าเมืองไหนๆถ้าแยกกันบริหารแบบนี้ ค่าบริหารจัดการค่าใช้จ่ายมันจะสูงเกินความจำเป็นอย่างมหาศาล นั่นย่อมหมายถึงความสูญเสียงบประมาณที่เกินความจำเป็น ในยุคที่เทคโนโลยี่ ก้าวไปไกลแล้ว

ในสิงคโปร์ เค้าก้าวไปไกลแล้วครับ เข้าไปใช้บริการ ที่เดียวก็สามารถทำธุรกรรมหลายๆอย่างพร้อมกันได้เลย



ภาพเล่าเรื่อง การประสานงานที่ดูไม่ลื่นไหล ของหน่วยงานต่างๆจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงาน กทม. ดังคำกล่าวของบางคนที่ว่า “หน่วยนี้มาก็ขุดหน่วยนั้นมาทีหลัง ก็ขุดกันอีก ทำไมไม่ทำอะไรพร้อมๆ กันไปทีเดียวเลย” ข้อความนี้ผมไม่ได้พูดเองน่ะครับ หลายท่านที่ประสบปัญหาดังกล่าว ก็บ่นกันจนเป็นที่รับรู้กันทั้งเมืองครับ....

เจ้าของพื้นที่ คือ กรุงเทพมหานคร ก็จริงอยู่แต่มีหลายหน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ ในการวางโครงข่ายต่างๆเช่นการไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง องค์การโทรศัพท์ ฯลฯ บางท่านบอกว่าต้นไม้ในกรุงเทพมหานคร ตัดได้น่าเกลียดติดอันดับโลก ก็เพราะหน่วยงานที่ตัดต้นไม้บางครั้งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ดูแลต้นไม้โดยตรงของ กทม. แต่เป็นหน่วยงานอื่น นอกสังกัดกทม. เป็นคนตัด เรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเช่นกัน

เพราะต้นไม้ สร้างบรรยากาศ ให้เมืองร่มรื่น สวยงาม น่าชมน่าเดิน

แล้วการประสานงานบ้านเรา มันดี หรือไม่ดีอย่างไรทุกท่านก็โปรดพิจารณากันเองครับ ส่วนผมเห็นว่ามันน่าจะปรับเปลี่ยนเข้ากับยุคสมัยได้แล้ว เพื่อลดขั้นตอนต่างๆรวมทั้งสิ้นเปลืองงบประมาณ ในด้านการซ้ำซ้อนของงาน หลายประเทศอย่างที่กล่าวมาครับเค้า One Stop Service กันหมดแล้ว ไม่ยุ่งยากมากมายอะไรเลย

การจัดการระบบต่างๆ ในเมืองใหญ่ๆ เช่นสิงคโปร์ เค้า One Stop Service ไปที่เดียว งานเรียบร้อย แต่บ้านเรา แยกส่วนกันบริหารทำให้การประสานเกิดปัญหาอย่างมากมาย ดังเช่นในปัจจุบัน และสิ้นเปลืองงบประมาณทรัพยากร ไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่น่าเชื่ออีกแล้ว ที่รู้ปัญหากันทั้งประเทศแต่หาคนมาแก้ไขไม่ได้เลย นับสิบๆ ปีที่ผ่านมา




สิงคโปร์ หน่วยงานให้บริการแบบรวมศูนย์ One Stop Service

เครดิตภาพ //worldbusinesskey.com/wp-content/uploads/2012/11/Image-52.png

คอมเม้นท์เพิ่มเติมบางส่วนจาก Facebook ตามลิ้งก์ดังกล่าวครับ

Prasit Rugsayos มันไม่ควรจะอยู่กับกทม.และกระทรวงคมนาคม เพราะหากยังอยู่กะหน่วยงานของรัฐความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเบ่งกล้ามไปวันๆ ว่าข้ามีอำนาจในการบริหาร คน งบประมาณอุปกรณ์ แต่มันไม่เคยเข้าใจถึงเนื้อแท้ของคำว่า การให้การบริการรัฐไม่สามารถบริหารจัดการเรื่องการให้บริการดีกว่าเอกชนในอดีตเราก็เคยเห็นมาแล้วรถเมล์เมื่อ 40ปีที่แล้วอยู่ในมือของเอกชนไม่ว่าสภาพรถหรือการให้บริการดดีกว่าปัจจุบันหลายเท่าไม่ว่าจะเป็นเครือนายเลิศ(รถเมล์ขาว)หรือไทยประดิษฐ์ เป็นต้น ดูแค่การบริหารงานบุคคลก็คงเข้าจัยรถเมล์วิ่งได้แค่ 2700คัน แต่มีบุคลากรปาเข้าไป 14000 คน นี่ก็ประเด็นหนึ่งหละปัญหาการซื้อหรือเช่ารถแต่ละคันแพงระยับ เช่น รถยูโรทูที่ซื้อมาสิบปีที่แล้วเฉพาะค่าล้างรถต่อวัน (ล้างหรือไม่ไม่รู้ปาเข้าไปวันละเกือบสามร้อยบาท)หนี้มันจึงสะสมบานเบอะ ระบบการเดินรถแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างบางสายทางความยาวกว่า 50 โล

Rattana Kosin นอกจาก ขสมก.แล้ว ผมว่าไฟฟ้า ประปา น่าจะรวมศูนย์ ที่ กทม. เป็น one stop service ไปเลยครับ...บ้านเรายิ่งแยกกันบริหาร ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูง ทั้งๆที่ปัจจุบัน ถ้ารวมศูนย์กันประหยัดเงินได้อีกมหาศาลเลย แต่อย่างว่าครับ ทุกอย่างอยู่ที่"ความจริงใจ" ของผู้บริหารบ้านเมือง ไล่ตั้งแต่รัฐบาลลงมาเรื่อยๆจนถึงเจ้าหน้าที่กันเลยครับ เพราะเท่าที่เห็นแต่ละคน ก็กลัวจะเสียผลประโยชน์ส่วนตนกันทั้งนั้นครับท่าน

John Lee รถเมล์ในกรุงเทพฯควรอยู่ภายใต้การบริหารของกรุงเทพฯครับ และควรลดสายรถเมล์ในกรุงเทพฯลงครึ่งนึงและยกเลิกสัมปทานรถร่วมบริการทั้งหมด โดยโอนย้ายรถร่วมฯ ไปวิ่งตามชานเมืองเพื่อให้เป็นรถเชื่อมต่อกับรถเมล์เพื่อเข้าเมือง แต่ยังคงรถตู้ร่วมบริการไว้เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกนึงของคนกรุงเทพฯ และรถเมล์ทั้งหมดในกรุงเทพฯควรเปลี่ยนเป็นรถเมล์แอร์ให้หมด ยกเลิกรถเมล์ที่ไม่มีแอร์ให้หมด ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรให้คนขับและพนักงานเก็บสตางค์ ได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าตั๋วควรให้เป็นเงินเดือนแทน จะดีกว่า ไม่ยากครับถ้าจะแก้ปัญหาของรถเมล์ มันอยู่ที่ว่าจะทำจริงหรือไม่แค่นั้น

Khun EK ผมคิดว่าไม่เพียง ขสมกยังมีอีกหลายหน่วยงาน มีหลายสิ่ง

หลายอย่างต้องแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา ถึงเวลาแล้วครับ

" ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง "




Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2556 10:42:27 น. 0 comments
Counter : 1921 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.