Group Blog
All Blog
--- บั น ทึ ก น ก ไ ข ล า น : ฮารุกิ มูราคามิ ---














บั น ทึ ก น ก ไ ข ล า น
THE WIND-UP BIRD CHRONICLE
ฮารุกิ มุราคามิ เขียน
นพดล - จินตนา เวชสวัสดิ์ แปล

::
::

ยิ่งโลกแคบยิ่งห่างไกลจากการหยุดอยู่กับที่
โลกแคบผลิผุดเรื่องประหลาด คนพิลึก
ทั้งเรื่องทั้งผู้คน ...


ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้มาทิ้งไว้น่าจะครบปีพอดี ซื้อเพราะเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า อ่านดี อยากให้อ่าน ปกติก็ไม่มีใครมาชวนอ่านงานของมูราคามิอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ใช่แฟนหนังสือของเขา เพียงแต่ไม่ค่อยจะพลาดถ้าสำนักพิมพ์กำมะหยี่เลือกงานมาแปล อ่านสนุกก็ดี อ่านไม่สนุกก็ไม่เป็นไร

นิยายเจ็ดร้อยหกสิบหน้า มีอะไรนักหนามาเขียนมาเล่า แต่พอมีใจจะอ่านก็กระตือรือร้นขึ้นมาเฉย ๆ เพราะไม่ได้อ่านหนังสือออกใหม่สักเท่าไร

มันคือบันทึกของคนที่สมัครใจว่างงาน อยู่กับบ้านเฉย ๆ จู่ ๆ แมวหาย เขาตามหาแมวผู้ตัวโต น้ำตาลลายเสือ ปลายหางบิดเบี้ยวนิดหน่อย การตามล่าหาแมวตัวหนึ่งที่มีความสำคัญทำให้มีเรื่องเล่าของผู้คนในละแวกบ้าน

เอาล่ะ เรื่องในหนังสือพาเราโบยบินไปสู่โลกใบใหญ่ เป็นดินแดนจินตนาการที่เรื่องราวไม่น่าจะเป็นไปได้แต่กลับมีความสมเหตุสมผลจนดึงเราให้อ่านไปเรื่อย ๆ เพราะความอยากรู้

เรื่องของคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เราไม่รู้ว่าเรื่องของพวกเขาเพี้ยน คนเหล่านัี้ไม่มีจริงหรอก หรือว่าเป็นเราเองที่เพี้ยนกว่าพวกเขา

อย่าง เมย์ คาซาฮาระ สาวน้อยวันสิบหกข้างบ้าน ที่ชวนเขาไปทำงานร้านวิกผม ไม่น่าเชื่อว่า บริษัทวิกผมจะทำกำไรได้มหาศาลเพียงเพราะคนเรามักอับอายกับการหัวล้าน คนหัวล้านจะกอดเกี่ยววิกผมประหนึ่งว่าเป็นชะตากรรมประจำชีวิต บริษัทวิกผมไม่ต่างไปจากพวกขายยาเสพติด ให้ทดลองใช้ เมื่อใดเสพติดก็ถอนตัวไม่ขึ้น บริษัทจะได้ลูกค้าหัวล้านไปตลอดชีวิต มันไม่แค่นั้นนะ เมื่อขายวิกผมก็มีร้านเสริมสวยรับสระวิกผมและตัดและเล็มผมแท้อีก ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเส้นผมเหล่านั้นมาจากที่ไหนบ้าง เราไม่เคยหัวล้าน เราอาจจะเข้าไม่ถึงความรู้สึกนี้

แล้วเด็กสาวคนนี้ทำไมถึงอยู่ที่บ้าน มีกล้องส่องทางไกลคอยส่องความเคลื่อนไหวของมิสเตอร์นกไขลาน (หรือ โทรุ โอกาดะ ชายว่างงานคนนี้แหละ ) เธอแกล้งเดินกะเผลก ๆ เพื่อจะได้ไม่ไปโรงเรียน แกล้งเดินจนกลายเป็นสันดาน ซ้อมเดินกะเผลกด้วยความคิดที่ว่า ต้องหลอกตัวเองให้ได้ก่อนที่จะหลอกคนอื่น ความคิดคำนึงของเธอมีแต่เรื่องหม่น ๆ คิดถึงแต่เรื่องความตาย

แล้วก็มีเรื่องเล่าถึงบ้านร้างหลังหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของสาวเมย์ ถ้าเล่าเรื่องบ้านที่มีครอบครัวเปี่ยมสุขคงไม่น่าสนใจ เราพอนึกออกใช่มั้ยคะว่า เรื่องของเขาต้องชักชวนให้เราฉงนและหยุดมองบ้านหลังนี้บ่อย ๆ ราวกับว่า เรื่องดี ๆ เราสนใจน้อย เหมือนข่าวเช้าที่นำเสนอเรื่องร้าย ๆ ดราม่า ๆ ไม่ว่าจะน่าสะอิดสะเอียดก็เป็นข่าวที่คนสนใจ เราเป็นคนแบบไหนก็คิดเอาเอง

จากนั้นก็เป็นเรื่องราวในบ้านของมิสเตอร์นกไขลาน ซึ่งฉันก็เดาว่านกตัวนั้นคือนกอะไร ร้องแกรกกราก ไขลานโลกยามเช้าและมีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยินมัน

คูมิโกะ โอกาดะ ภรรยาของเขานั้น ดูภาพรวมภายนอกก็เนี้ยบมาก เรื่องราวของเธอก็คงเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ นั่นแหละ บางคนมีปมวันเด็กและมีที่มาที่ไปทั้งนั้น ต่างกันที่รายละเอียดภายในครอบครัว เธอถูกบังคับให้เรียนเปียโนเพราะจะต้องมีใครมาแทนที่พี่สาวของเธอที่ตายไป พี่สาวที่ทั้งสวย เก่ง ฉลาด ยิ่งต้องเป็นเงาของพี่สาวเธอยิ่งไม่ต้องการ เธอไม่อยากแทนที่ใคร และช่วงชีวิตวันเด็กของคูมิโกะ บิดเบี้ยวแสนเข็ญ

แต่เรื่องทีี่เธอสารภาพในจดหมาย นั้น สั่นสะเทือนหัวใจไม่น้อย เป็นเรื่องสามัญของมนุษย์หรือเปล่า ก็ต้องอ่านเอง มันกระเทาะหัวใจใครบ้างแหละ เป็นอารมณ์ละเอียดอ่อนและซับซ้อนในใจมนุษย์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวที่อบอุ่นและมีสามีที่ดี อ่านแล้วนึกถึง แอลิซ มันโร เรื่องที่ไม่น่าให้อภัยและเป็นสิ่งผิด แต่เราก็ทำ อารมณ์กรุ่นขึ้นมาแบบนั้นเลย

เธอมีพี่ชายคือ โนโบรุ วาทายะ (แถมยังเป็นชื่อของแมวที่หายไปและกำลังตามหาไปจนสุดหล้าโลก) เขาผิดเพี้ยนอัปลักษณ์ไปอีกทาง สำหรับฉันนะ เขาเป็นผู้ชายที่ฉลาดและน่ากลัวมาก เป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีในเชิงปัญญา เขาทุ่มเททุกอย่างไปในทางทำลายล้างสถานเดียว และไม่น่าเชื่อ คนแบบนี้จะได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากคนภายนอกเปลือกที่ดูดี เขาฉลาดในการออดอ้อนฝูงชนกลุ่มใหญ่ เขารู้วิธีนำตรรกะที่จะให้ฝูงชนสะเทือนใจมาใช้ ไม่ว่าจะโปรยศัพท์เทคนิคเป็นระยะ ๆ คิดแล้วเหมือนเราเจอคนแบบนี้ใกล้ตัว โทษเขาก็ไม่ได้ เพราะความอ่อนด้อยของเราเองที่ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงในเรื่องพวกนั้น ยิ่งถ้าโปรยสถิติเป็นตัวเลขเข้ามาอีก ยิ่งดูฉลาดและน่าเกรงขาม เราเองก็เหมือนโดนมนต์สะกด กว่าจะตื่น บางทีอะไรก็สายเกินไปเสียแล้ว

ยังมีเรื่องของร่างทรง ฮนดะ กับเรื่องราวของมหาสงครามโนมงฮัง เรื่องเล่าซ้ำนี้เชื่อมโยงไปยังผู้หมวดนามิยะ ผู้ซึ่งพิศวงและในสภาวะสงครามที่ความหวังแทบไม่กล้ำกรายผ่าน สิ่งเดียวที่เขากอดไว้กับตัวคือคำทำนายเดียวที่ฮนดะพูดถึงเขายามวิกฤตินั้น

พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่สะเทือนใจ เขย่าหัวใจฉันมากที่สุด ถึงกับอึ้ง เงียบงันในหัวใจเลยทีเดียว ยิ่งตอนที่นายทหารรัสเซียทรมานเชลยญี่ปุ่นด้วยการแล่เนื้อ คำบรรยายขณะใบมีดคมกรีดลงบนผิวหนังนั้นเป็นจริงเหมือนการปอกเปลือกลูกท้อ เสียงกรีดโหยหวนของมนุษย์ดังไม่ขาดสาย มันไม่ใช่เสียงร้องของมนุษย์ในโลกนี้ ภาพเด่นชัดผ่านตัวหนังสือทุกตัวอักษรและความรู้สึกเมื่อมีดแล่หนังจากหัวไหล่ขวา ไล่ลงล่าง เชื่องช้า ระมัดระวัง แทบจะเรียกได้ว่านุ่มนวล เบามือ เป็นความเจ็บปวดที่สุดจะพรรณนา ฯลฯ สลดหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางสงคราม ชะตากรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่เราย้อนกลับไปมองตอนที่เราผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาแล้ว

เขาเล่าได้ยังไง เขาสื่ออารมณ์เหล่านี้ได้ละเอียดลออชวนอ้างว้างและหดหู่จนใจแทบจะขาดตายไปด้วย และเรื่องราวการรอดชีวิตของผู้หมวดนามิยะใต้ก้นบ่อลึกนั่นก็อีก แม้เคยมีคนซ่อนตัวใต้บ่อน้ำลึกเป็นเวลายี่สิบเอ็ดวันเต็ม ๆ ในระหว่างปฏิวัติรัสเซีย ซึ่งเขาก็รอดชีวิตมาได้นะแต่ผมร่วงฟันร่วง อะไรหลุดได้หลุดหมด แม้จะเหลือชีวิตรอดแต่ชีวิตก็ไม่สุขนัก เราจนต้องถามตัวเองเลยว่า นี่คือชะตากรรมใช่ไหม ไม่มีใครบอกเราว่าเราควรมีชีวิตอยู่หรือควรตายไปตั้งแต่ตอนนั้นหรือตอนไหน ซึ่งมาตรงกับตอนที่โทรุ โอกาดะปีนลงไปใต้ก้นบ่อน้ำลึกเพื่อคำนึงถึงความตายโดยมีสาวน้อยเมย์ คาซาฮาระคอยถามไถ่ความรู้สึกและอารมณ์ระหว่างที่อยู่ใต้ก้นบ่อนั้น แล้วก็ยังครีตา คะโนอีกคนที่ลงไปใต้ก้นบ่อ...

จะว่า คนว่างงานก็มีเรื่องราวเรื่องเล่าของคนนั้นคนนี้อยู่ตลอด ยังมีเรื่องของตัวละครที่น่าสนใจแทบทุกคน ไม่ว่าจะ มอลตา คะโน / ครีตา คะโนที่ครั้งหนึ่งเคยโดนแก๊งค์นักเลงจับไปขายตัวและได้เจอกับพี่เขยของโทรุ โอกาดะ เป็นคนสุดท้าย /เรื่องของสาวเซ็กส์โฟนคนนั้นที่ฉันยังเดาไม่ออกว่าเธอควรเป็นใคร แต่มันจะสำคัญแค่ไหน ไม่รู้อะไรบ้างก็ได้ จริงไหม

หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นสามภาค

ภาคหนึ่งคือ นกแม็กพายขี้ขโมย ภาคสองคือ นกพยากรณ์ ฉันอ่านจบไปแค่สองภาคแรกเท่านั้น เหลืออีกหนึ่ีงภาคคือ คนจับนก เป็นภาคที่ยาวที่สุด ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องรีบร้อนที่จะรู้เรื่องราวว่าจะสัมพันธ์กันหรือไม่ ก็แค่อ่าน ไม่คิดจะตั้งคำถามอะไรมากมายแค่ตามอ่านไปเรื่อย ๆ รับรู้อย่างสงบเงียบและสันโดษ คือหนังสือมันก็มีอะไรของมันนั่นแหละ เรื่องเล่าก็ทรงพลัง ดุดันและบางเรื่องก็เป็นความสามัญของมนุษย์ เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพียงแต่คนว่างงานคนหนึ่งอาจดูไรค่าและแปลกแยกในสายตาของโลกทุนนิยม และไม่ยอมก้มหัวให้กับการเป็นมนุษย์เงินเดือน

ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเชิญชวนหรือเรียกร้องให้ใครต่อใครมาอ่านเล่มนี้ มันก็อ่านอร่อยอยู่นะ ไม่รีบอ่าน รีบไม่ได้ด้วย เป็นความชอบส่วนตัว คงเหมือนที่ชอบ นอร์วีเจี้ยนวู้ด / 1Q84 / การปรากฎตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก ฯลฯ แต่เล่มที่อ่านบ่อยที่สุดคงจะเป็นเกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง เล่มนี้คงจะอ่านง่ายและอ่านบ่อยที่สุดก็ว่าได้

อ่านไปเพียงแท่านี้ก็เหลือเชื่อเหมือนกันว่า เรื่องของคนคนเดียวแต่สอดประสานไปกับเพื่อนร่วมโลกคนอื่น ๆ เจาะลึกและถลำเข้าไปในความเจ็บปวดของคนอื่น ๆ และตัวเอง และยังพาเราเข้าไปร่วมรับรู้ชะตากรรมของประเทศชาติและสงคราม

ภาคสาม คนจับนก
อ่านจบค่อยมาเขียนบันทึกต่อ

ขอบคุณที่อ่านบันทึกนี้ด้วยกันค่ะ
ภูพเยีย
17 กรกฎาคม 2561













Create Date : 17 กรกฎาคม 2561
Last Update : 17 กรกฎาคม 2561 10:55:24 น.
Counter : 490 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณอุ้มสี, คุณRananrin, คุณhaiku, คุณfor a long time

  
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
โหวตหนังสือให้จ้า
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 กรกฎาคม 2561 เวลา:17:08:39 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com