Group Blog
All Blog
--- ถ้ า โ ล ก นี้ ไ ม่ มี แ ม ว ---






















ฉันไม่ค่อยพลาดหนังสือที่เกี่ยวกับแมว ซื้อแบบแทบไม่ต้องคิด เพียงแต่เล่มนี้ดองไว้ก่อนเพราะแอบเดาทางว่า น่าจะเป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับทาสแมว มีดราม่าและความน่ารัก ๆ แบบคนรักแมวอะไรทำนองนั้น

อย่างที่เกริ่นไว้ ฉันชอบซื้อหนังสือเกี่ยวกับแมวมาทุกครั้งที่เห็น จะเป็นแค่หนังสือภาพที่ไม่ค่อยมีตัวหนังสือหรือเกือบทุกเล่มที่มีภาพแมวน่ารัก ๆ เพราะแค่ชอบแมวในหนังสือสักอิริยาบถหนึ่งก็ถือว่าคุ้ม แค่ดูภาพก็มีความสุขแล้ว หรือแค่เจอวรรคทองสักวรรคจากหนังสือก็พอใจ แถมยังเคยชอบเรื่อง แท๊กซี่มีแมว มาก ๆ เสียด้วย

แต่พออ่านแล้วไม่ใช่ เริ่มแรกดูจะเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ค่อยชอบ(ทั้งที่รู้ว่านี่คือนวนิยาย)นั่นคือการตั้งสมมติฐานเช่นว่า ถ้าย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตได้ คุณอยากจะลบช่วงชีวิตของตัวเองตอนไหนออกไป หรือ ถ้าเลือกได้ คุณอยากเป็นอะไร หรือ ถ้าพรุ่งนี้จะตายแล้ว คุณอยากจะทำอะไรมากที่สุด คิดออกมาสักสิบอย่าง

คุ้น ๆ มั้ยคะว่าเคยเจอคำถามที่อยากตอบและไม่อยากตอบแบบนี้อยู่ แต่เราก็ไม่จริงจังหรือใส่ใจมากพอที่จะหาคำตอบ

หนังสือเล่มนี้ก็เริ่มเหมือนกันตรงที่ว่า บุรุษไปรษณีย์หนุ่มอายุ 30 ปีที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรหวือหวา จู่ ๆ ก็ทราบว่าตัวเองเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย หมอวินิจฉัยว่าน่าจะอยู่ได้อย่างมากแค่ครึ่งปี หรืออาจไม่ถึงครึ่งสัปดาห์ หรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้ เอาล่ะสิ...ยังไม่ทันไร ก็สุดแสนจะเหลือเชื่อเมื่อมีปีศาจตนหนึ่งปรากฏขึ้นมาต่อหน้า หน้าตาก็เหมือนตัวเขา ใส่เสื้ออะโลฮ่า ดูจะน่ารักและก็ถูกเรียกว่าอะโลฮ่า แต่บังเอิญนั่นน่ะปีศาจไม่ใช่เทวดา มายื่นข้อเสนอให้เขาว่า ถ้าลบอะไรสักอย่างไปจากโลกอย่างหนึ่ง เขาจะมีชีวิตต่อไปได้อีกหนึ่งวัน ช่างเป็นข้อตกลงที่ไม่มีปีมีขลุ่ยและบ้าบอคอแตก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเพราะพรุ่งนี้ก็จะตายแล้ว โลกนี้มีเรื่องไร้สาระมากมายพอที่จะลบออกไป พอ ๆ กับบุรุษไปรษณีย์ที่สักวันก็คงจะหายไปเพราะวันนึงจดหมายหรือไปรษณียบัตรก็คงไม่มีแล้ว
มันสุดจะแฟนตาซี แต่ฉันก็ยังนิ่ง ๆ อ่านสิ่งที่เขาอยากทำ 10 ข้อที่ลิสต์ขึ้นมาตามลำดับ ทำไปแล้วก็ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา
พอถึงตรงนี้ ฉันก็เริ่มปล่อยตัวตามสบาย จะว่าติดกับ หลงกลจนเผลอคิดตามราวกับตัวเองกำลังเผชิญสถานการณ์เหล่านั้นด้วยตัวเองก็ยอมล่ะ และพร้อมที่จะอ่านอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ว่านักเขียนญี่ปุ่นคนนี้ต้องการนำเสนอเรื่องอะไร และจะไปเชื่อมโยงกับแมวแบบชื่อเรื่องนั้นได้อย่างไร

พอตัวเอกผ่านเรื่องความอยากในสิบข้อนี้ไปแล้ว เขาต้องเริ่มลบอะไรสักอย่างเพื่อจะมีชีวิตอยู่ซึ่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับปีศาจ ก็เริ่มเจอประโยคง่าย ๆ แฝงปรัชญาชีวิตในแนวที่ชอบ เช่น ครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่เรา 'มี' เป็นสิ่งที่เราต้อง 'สร้าง' ขึ้นมาต่างหาก -- มันใช่เลย หนังสือค่อย ๆ คลายปูมหลังตัวเอกของเรื่อง ระหว่างเขากับพ่อ พ่อผู้ซึ่งดูห่างเหิน และไม่ยอมพูดจากันเลย เขายังไม่เข้าใจในความรักที่พ่อมีให้ผ่านของบางสิ่งบางอย่าง ผ่านการสื่อสารที่เขายังเข้าไม่ถึง เป็นความละเอียดออ่อนที่ทำให้หัวใจเรายอบลง ซาบซึ้ง ความอบอุ่นมาแตะที่หัวใจ... แอบคิดถึงจดหมายลายมือที่ฉันกับพ่อใช้เป็นตัวเชื่อมความผูกพันตั้งแต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ใช่...ของบางสิ่งมีค่าสำหรับคนบางคนที่เห็นค่าเท่านั้น

ยิ่งอ่านไป ๆ ยิ่งเห็นวรรคทองมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นนิยายที่มีคุณค่าต่อชีวิตมาก มีสาระสำคัญ อธิบายนามธรรมของคำว่า เวลามีค่าได้ละมุนว่ามันมีค่าแค่ไหน อะไรที่ต้องทำและควรทำ ถ้อยประโยคเรียบง่ายแต่แทงใจ มีอะไรให้คิดถึงแบบคิดไม่ถึง

ยิ่งอ่านก็ยิ่งเริ่มตั้งคำถามให้กับตัวเอง เป็นคำถามที่นุ่มนวล แยบยลและอดทึ่งไม่ได้ว่าเขาคิดได้ยังไง นิยายสะกิดความทรงจำหลายอย่างที่หายไป หลังจากนี้ตัวเอกเริ่มลบเรื่องสามัญสุดแลกกับการมีลมหายใจต่ออีกหนึ่งวัน เริ่มจากช็อคโกแล็ต โทรศัพท์ ภาพยนตร์ นาฬิกา ฯลฯ

โดยเฉพาะเมื่อยกตัวอย่างสิ่งที่เขากำลังจะลบออกไปจากโลกอย่างหนึ่งคือภาพยนตร์

เขายกภาพยนตร์เรื่อง E.T. ฉากสุดประทับใจของหนังเรื่องนี้ ฉากที่เจ้าหนูเอเลียตให้ E.T.ขึ้นจักรยานขี่ไปบนท้องฟ้าด้วยกัน ความรู้สึกที่เราอยากจะตะโกนด้วยความดีใจสุดขีด (หรือควรจะหลั่งน้ำตาดีนะ) เหมือนถูกจู่โจมด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นจนกลายเป็นความทรงจำที่ฝังรากลึก

มันคล้ายกับเราเคยอ่านหนังสือที่เรารักเล่มหนึ่ง พอเราไม่ได้อ่านเล่มนั้นนาน ๆ เข้า เราอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิม แน่นอนที่ว่า ตัวหนังสือไม่ได้เปลี่ยนไป เราต่างหากที่เปลี่ยนไป สิ่งที่เราเสียไปพร้อมกับความเป็นผู้ใหญ่ ความรู้สึกและความประทับใจที่เราเอากลับคืนมาไม่ได้ อ่านถึงตอนนี้แล้วรู้สึกเศร้าลึก ๆ เศร้าแบบไม่มีน้ำตา

หรือแม้แต่เรื่องราวของแชปปลิน ที่เขาบอกว่า 'ผมไม่มีงานระดับขึ้นหิ้ง แต่ผมทำให้คนหัวเราะได้ก็ไม่เลวนัก' ใช่นะ เขาทำให้เราหัวร่องอหาย ให้ทั้งความฝันและความทรงจำ แล้วเราก็หันมามองตัวเอง ชีวิตเรียบ ๆ ของเราไม่น่าจะเป็นหนังเรื่องใดได้ เหมือนกับการเขียนหนังสือ ตัวหนังสือของฉันก็เหมือนซีนหนังหรือเพลงไม่ดัง เนื้อหาซ้ำ ๆ ที่เห็นอยู่ดาษดื่นเพราะชีวิตจริงเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก แม้แต่บทพูดในหนังสือก็แสนจะตื้นเขิน ซ้ำไปซ้ำมา ฉันเป็นได้เท่าที่ฉันเป็น ฉันคิดได้เท่าที่ตัวเองคิดและรู้สึก เขลา ขลาดและจริงแบบที่ตัวเองเป็น หาความหมายหรือคุณค่าในชีวิตแบบใดก็ไม่เจอ เอาไปเขียนอย่างไรก็ขาดสีสัน จะพึ่งพาการตัดต่อแบบหนังอย่างไรก็น่าเบื่อ อาจต้องเพิ่มเมโลดี้มาประกอบ หรือจะเป็นกีตาร์โปร่งเบา ๆ คลอไป แล้วหน้าสุดท้ายของหนังสือก็จบลง งานเล็ก ๆ เรียบ ๆ เงียบ ๆ ก็ละลายหายไป ได้แต่หวังลึก ๆ ว่า ฉากเล็ก ๆ เงียบ ๆ จะดำเนินต่อไปในความทรงจำของใครสักคน

เอาล่ะ... เมื่อลบของแต่ละสิ่งไปแล้วก็มาถึงความจำเป็นที่จะต้องลบแมว

หลังจากแมวตัวแรกของแม่ที่ชื่อผักกาดตาย ก็เป็นแมวที่ชื่อกะหล่ำ

กะหล่ำเป็นแมวที่แม่รักและอยู่กับแม่ตลอดเวลาจนกระทั่งแม่จากไป มันทำให้เขาเห็นภาพแม่กระจ่างชัดผ่านเรื่องราวของมัน

แมวเป็นสิ่งที่วิเศษจริง ๆ โลกของแมวไม่มีคำว่าเหงา มีแต่เวลาที่อยู่คนเดียวกับเวลาที่อยู่กับคนอื่นเท่านั้น ความเหงาที่รู้จักอาจเป็นสมบัติของมนุษย์เท่านั้น

กะหล่ำรู้จักความรักไหมหรือความรักเป็นสมบัติเฉพาะของมนุษย์อีกเช่นกัน ทำให้ยุ่งยากได้แต่ก็ให้พลังแก่เราเหมือนกัน คล้ายกับเวลา สี อุณหภูมิ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีแค่ในโลกของมนุษย์เท่านั้น มันควบคุมเราแต่ก็ทำให้เรามีอิสระได้เช่นกัน เพราะสิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้เราเป็นมนุษย์

กะหล่ำทำให้ตัวเอกของเรื่องเชื่อมโยงความเป็นไปในเรื่องของความตาย ครอบครัวและความรัก ระหว่างเขากับแม่และเขากับพ่อที่ไม่ยอมพูดจากัน

ใช่...โลกนี้มีเรื่องโหดร้ายมากมายแต่ก็มีสิ่งสวยงามเยอะพอ ๆ กัน

ความทรงจำของเขากับพ่อผ่านสิ่งของบางอย่าง มันลบออกไปไม่ได้ แต่สิ่งของเหล่านั้นล้วนหล่อเลี้ยงโลกภายในของเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว พ่อของเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด พ่อของฉันก็ไม่ค่อยพูดเช่นกัน ความเชื่อมโยงของตัวเอกที่ดึงฉันเข้าไปร่วมรับรู้ความรู้สึกนี้อย่างง่ายดาย ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามา ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ สิ่งของต่าง ๆ หรือของขวัญเหล่านั้นคือบทสนทนาระหว่างเรา

มันทำให้เราคิดถึงทุกอย่างขึ้นมาเรื่อย ๆ ช่างเป็นความสุขที่ไร้ขีดจำกัด มันทำให้เราแอบยิ้มได้เพียงลำพัง

ความงามของแต่ละบทในหนังสือเล่มนี้มีให้ระลึกถึงไม่หยุด เป็นนิยายที่เล่าเรื่องการสูญหาย ความว่างเปล่าและการหายไปของแต่ละอย่างได้อย่างนึกไม่ถึง อธิบายคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ได้ไม่หมด ไม่รู้สิ ความสำคัญในการสูญเสียแต่ละสิ่งหรือความสำคัญของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เราจะระลึกถึงอะไรบ้างในห้วงเวลาแห่งความตายคืบคลานเข้ามา

'จะได้อะไรมาสักอย่าง ก็ต้องเสียอะไรไปสักอย่าง '

และตอนที่ได้ใจฉันไปหมดก็คือตอนนี้ล่ะ จดหมายของแม่

'ชีวิตของแม่น่าจะเหลืออีกไม่นานแล้วล่ะ
เลยลองคิดว่าสิ่งที่อยากทำก่อนตายคืออะไร
อยากไปเที่ยว อยากกินของอร่อย ๆ อยากแต่งตัวสวย ๆ ...
เขียนไปเรื่อย ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมาว่า สิ่งที่แม่อยากทำก่อนตายมันคือเรื่องพวกนี้จริง ๆ หรือ
เลยลองมาคิดดี ๆ อีกครั้งถึงได้รู้ว่า
สิ่งที่แม่อยากทำก่อนตาย
ทั้งหมดมีแต่สิ่งที่แม่อยากทำเพื่อลูกนะ
ชีวิตลูกคงอยู่ต่อไปอีกนานหลายปี
คงมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเกิดขึ้นมากมาย
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเสียใจ ทรมานแค่ไหน
แม่อยากให้ลูกเดินหน้าต่อไปให้ได้
แม่เลยอยากบอกสิ่งที่ยอดเยี่ยมของลูกไว้ 10 อย่างนะ
ขอเขียนสิ่งนี้แทน '10 อย่างที่อยากทำก่อนตาย 'ของแม่ก็แล้วกัน
สิ่งที่ยอดเยี่ยมของลูก
............
............'
ขอละไว้ไม่เขียนทั้งหมดในสิ่งที่แม่ของเขาเขียนถึงเขา
ฉันร้องไห้ คิดถึงแม่
คิดถึงความเป็นแม่ที่มีแต่คำพรให้ลูกทุกวัน
เมื่อลูกสบาย
แม่ก็สบาย
มันมีเรื่องให้เราไม่ลืมเช่นกันว่า
วันหนึ่ง แม่เองก็จะหายไปจากโลกนี้เหมือนกัน
เวลาที่เรามีอยู่ มีอะไรบ้างที่ควรทำและยังไม่ได้ทำ

เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องลบสิ่งหนึ่งออกไปเพื่อต่อลมหายใจไปอีกหนึ่งวัน เขาจะทำอย่างไร มีอะไรที่เขาอยากลบเพื่อต่อชีวิตอีก แล้วชีวิตของเขาล่ะ มีค่าพอที่จะได้รับข้อแลกเปลี่ยนเหล่านั้นหรือเปล่า
เพื่อน ๆ อาจจะสงสัยบ้างแล้วว่า 'ถ้าโลกนี้ไม่มี... ' เราจะเป็นอย่างไร
และหากต้องลบอะไรสักอย่างออกไปจากโลกนี้จริง
ขอเหลือสิ่งหนึ่งไว้ให้โลกตลอดไปคือ ความรัก
::
::



บันทึกการอ่าน
ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว
Genki Kawamura เขียน
ดนัย คงสุวรรณ์ แปล
::
ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
15 สิงหาคม 2560















Create Date : 15 สิงหาคม 2560
Last Update : 15 สิงหาคม 2560 10:30:18 น.
Counter : 1332 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**

  
ไม่กล้าอ่านเรื่องนี้ค่ะ >___<
โดย: kunaom วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:17:29:09 น.
  
แวะมาเยี่ยม สวัสดีครับ
โดย: **mp5** วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:20:13:12 น.
  
เรื่องนี้ไม่ได้อ่านแต่ไปดูในโรงภาพยนตร์มาค่ะ คนมาดูเยอะเลย แต่เราผิเหวังในหนังไม่ค่อยเกี่ยวกับแมวเลยแค่มีอมวป้วนเปี้ยนใกล้ๆเท่านั้นเอง เรื่องพ่ออยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ แต่พออ่านรีวิวนี้แล้วถ้าเราอ่านหนังสือคงจะเข้าใจมากขึ้นและดูหนังได้อินมากขึ้นมั้ง
โดย: Kisshoneyz วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:23:32:57 น.
  
ได้มาอ่านรีวิวแล้ว คงต้องหามาอ่านบ้าง บางสิ่งบางอย่างมันเรียบๆง่ายๆ แต่ก็อยู่ในความทรงจำนานแสนนาน ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
โดย: ruennara วันที่: 16 สิงหาคม 2560 เวลา:2:53:45 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com