Group Blog
All Blog
|
--- แ ท็ ก ซี่ มี แ ม ว --- บันทึกการอ่าน แท็กซี่มีแมว YUJI NAGAMORI เขียน อุภาวรรณ เบ็ญจโภคี แปล สึโตมุ อายุ 48 ภรรยาของเขาสอนหนังสือโรงเรียนมัธยมต้นที่สามแห่งมุคาเดะ เรียนจบจากซานตามอนิก้า ใช้ภาษาอังกฤษดีเยี่ยม มีลูกสาวเรียนอยู่ม.3 เขาเคยมีความมุ่งมั่นจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษแต่ทำไปทำมา มีความรู้สึกว่ามันเกินความสามารถจึงลาออกจากอาชีพครูเมื่อห้าปีที่แล้ว อีกทั้งไม่ชอบกิจการโรงงานผลิตสกรูของครอบครัว จึงหันมาขับแท็กซี่แทน ด้วยความเป็นคนไม่ช่างพูด เขาดูหวาดหวั่นกับผู้คนรอบตัวโดยเฉพาะลูกค้าที่ขึ้นแท็กซี่ของเขา แต่ละคนเรียกร้องความต้องการของตน ข่มขู่ ทำให้เขากลัว แม้จะรู้สึกไม่พอใจหรือหงุดหงิดแต่เขาก็ไม่ตอบโต้ เหตุการณ์การทำงานแต่ละวันมีการบันทึกไว้ หลายครั้งที่เขาถูกรายงานจากลูกค้าว่าขาดประสบการณ์ในการขับรถ ไหนจะไม่รู้ทาง ใช้แต่เนวิเกเตอร์นำทาง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ทำรายได้น้อยกว่าเพื่อนร่วมงาน วันหนึ่ง เขานั่งพักทานอาหารที่สวนสาธารณะ เจอแมวตัวอ้วนปั้ก ขนปุกปุยสีขาวปนน้ำตาลในท่อคอนกรีตนั่น หน้าตาตลกมาก เราเองยังสงสัยเลยว่า เจ้าแมวนี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ความที่ช่างรู้สึกของสึโตมุถ่ายทอดออกมาแม้กระทั่งเสียงนกเล็ก ๆ ในสวนสงบ มันเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร ส่งผลให้เขารู้สึกปั่นป่วนในหัวใจที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงอย่างเดียวดายทั้งในการงานและในบ้าน ใช่เลย...ความสัมพันธ์ของเขากับลูกและภรรยาไม่ค่อยดีนัก เขาอาจจะแคร์คำพูดของคนรอบข้างในเรื่องอาชีพการงานและรายได้ที่รับน้อยกว่าภรรยา สำหรับ รุริ ลูกสาวเขานั้นก็เหมือนจะไม่ค่อยยอมรับในการที่พ่อจะมาสอนการบ้านภาษาอังกฤษให้ ยิ่งทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเองลงไปอีก การขับแท็กซี่นั้น รถหนึ่งคันจะมีคนขับสองคนสลับกัน เรียกว่า คู่กะ คู่กะของเขาชื่อ นุมะจิริ อายุน้อยกว่าเขาสิบปี ทำรายได้สูงลิบ ทิ้งห่างทุกคนในบริษัท จะว่าไปก็น่าเห็นใจที่คู่กะอันดับหนึ่งกับที่โหล่ใช้รถคันเดียวกัน คนยิ่งคิดไปใหญ่ว่าคนขับฝีมือต่างกัน ผู้เขียนทิ้งรอยให้เราพิศวงมากว่าเขาทำได้อย่างไร แล้ววันหนึ่ง สึโตมุรับลูกค้าสองแม่ลูกในวันฝนตก สองแม่ลูกป่วนมาก ไม่มีมารยาท แถมยังไล่ที่เจ้าแมวอ้วนที่เขาเจอมันเป็นครั้งแรกอีก หลังจากสองแม่ลูกลงรถไป เขาเจอมันที่เดิม คราวนี้เห็นปลอกคอเจ้าเหมียวมีชื่อว่า MIKOGAMI เขาจึงเรียกชื่อมันตามนั้นว่า มิโกะงามิซัง แน่ล่ะ แมวนี้มีเจ้าของ แล้วใครเป็นเจ้าของมัน การพบปะลูกค้าในช่วงแรกของเขานั้น เล่าถึงหญิงชราสามคน มีชีวิตแตกต่างกันไป คนที่ดูน่าไว้วางใจเพราะเปลือกภายนอกดูไม่มีพิษมีภัยแต่กลับร้ายกาจ บางทีรู้หน้าไม่รู้ใจ ในมุมของคนขับแท็กซี่ การไม่ค่อยพูดหรือสร้างบทสนทนากับลูกค้านั้น เราคิดเหมือนกันว่ามันคือมารยาท ไม่ควรก้าวก่ายลูกค้าขณะเขามาใช้บริการในแท็กซี่ ลูกค้าบางคนต้องการความสงบ ผ่อนคลาย สำคัญที่สุดคือไว้วางใจในคนขับได้ ต้องรู้สึกปลอดภัยด้วย จะพูดคุยโทรศัพท์ แม้อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียงปลายสายก็ตาม คนขับปะติดปะต่อเรื่องพอได้ระดับหนึ่ง แต่เราต่างต้องรักษามารยาทแม้จะเกิดช่องว่างความสัมพันธ์ฉันเพื่อนมนุษย์บ้างก็ตาม มุมหนึ่ง ผู้โดยสารก็คือมนุษย์ทั่วไปที่มีความหลากหลาย บางคนชอบพูดมาก เรียกร้อง คิดว่าเงินตัวเองคือพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น บางคนไม่ได้มาดี ปล้นจี้แท็กซี่มีถมไป ลูกค้าบางคนกลัวแท็กซี่พูดมากก็มี พูดเข้ากันก็ดีไป พูดกันไปคนละเรื่องก็รู้สึกเหนื่อย การนั่งแท็กซี่ที่จ่ายค่าเดินทางสูงกว่าปกติแล้วแต่ไม่สบายอย่างที่คิดดูเหมือนไม่คุ้มเอาเสียเลย นั่งพักเงียบ ๆ ดีกว่า แท็กซี่บางคนดี มีมนุษยสัมพันธ์ ถ้าคุยเข้ากัน การเดินทางก็ราบรื่น เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันที่เราต้องเจอ สึโตมุเป็นคนที่ไว้วางใจคนอื่นจนบางครั้งใครต่อใครเป็นห่วง 'มนุษย์มีหลายประเภทก็จริง แต่ลองเชื่อใจคนอื่นดูบ้างก็ไม่เสียหายอะไร' เขามีมุมที่ฉันชอบมากก็ตรงนี้ ไม่ต้องเก่งหรือช่างพูดมากมาย แต่การไว้วางใจคนอื่นทำให้เราสบายใจ ไม่ต้องหวาดระแวงเกินเหตุ ฉันเชื่อว่าใครอยู่ใกล้เขาแล้วจะรู้สึกถึงความสบายใจได้ และแล้วเหตุการณ์ก็ทำให้เขารับเจ้ามิโกะงามิซังมาบ้าน เพราะผู้โดยสารคนหนึ่งอยากเจอมันอีกหลังจากที่เขาเอามันขึ้นรถและมันทำหน้าที่รับแขกโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ผู้โดยสารได้พูดคุยกับมันแล้วสบายใจ เขาเองก็รู้สึกได้เช่นกันว่า ตอนที่มิโกะงามิซังอยู่ด้วยช่วยทำให้ผู้คนดูผ่อนคลายและมีเรื่องราวเชื่อมโยงถึงกันได้ เขาอุ้มแมวอ้วนมาแมนชั่นซึ่งที่นี่มีกฎห้ามเลี้ยงสัตว์ ยิ่งกว่านั้นเขายังต้องหลบมันไว้ในห้องของลูกสาวเพื่อไม่ให้ภรรยารู้ โชคดีที่ลูกสาวชอบ เขาเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มของลูกสาวครั้งแรกที่มีแมวมาอยู่ด้วย เธอเป็นธุระให้มันทุกอย่าง ประเด็นที่ฉันชอบมากในเรื่องนี้คือความรู้สึกของมนุษย์ การพบกันในพื้นที่แคบ ๆ นั้น มีตัวสร้างความมหัศจรรย์และละลายความแปลกหน้าของคนมากหน้าหลายตาได้ ดูพื้นที่ตรงนี้มีชีวิตชีวาขึ้น จากที่รู้สึกสงสัยในการทำงานของนุมะจิระว่า เขาทำอย่างไรจึงหาเงินได้มากนั้น สึโตมิขอนั่งรถไปกับเขาเพื่อเรียนรู้วิชาทำรายได้ให้สูงลิบลิ่วบ้าง เราก็เลยทราบว่า นุมะจิริมีสัญชาติญาณที่เรียกว่ามีตาเหยี่ยว จำแนกผู้โดยสารได้แม่นยำ ดูออกว่าคนนี้จะไปใกล้หรือไกล เขาเลือกผู้โดยสาร เขากล้าเสี่ยง ทำนามบัตรแจก มีประโยคโฆษณาเด็ด ๆ เป็นที่พึ่งให้ลูกค้าได้ แต่สิ่งที่เขาทำนั้นคือการแหกกฎ รับคนนอกพื้นที่ แซงคิว วางก้าม สามัญสำนึกที่จะอยู่ร่วมกับคนในสังคมไม่มี ...ฯลฯ ดูแต่ละข้อที่เขาทำแล้วนึกเป็นห่วง หากมีคนแบบนี้ในสังคมเยอะ ๆ นี่น่ากลัวมาก แล้วเราก็สงสัยต่ออีกนั่นแหละว่า คนเราจะฝ่าฝืนกฎ หาเงินมาก ๆ ไปเพื่ออะไร เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผ่อนบ้านราคาสูงเพราะความอยากสูง หรือติดการพนัน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นที่มาของการกระทำการเสี่ยงทั้งหมด พอรู้ความจริง ฉันได้แต่นิ่งเงียบ... ฉันก็เหมือนคนบางจำพวกที่อาจจะตัดสินการกระทำของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ความลับในการเรียนรู้การหาเงินของนุมะจิริก็เผยออกมาแล้ว แต่เขามีข้อแลกเปลี่ยนกับสึโตมุหลังจากที่เขาบอกเคล็ดวิชาการหาเงินไป เขายื่นข้อเสนอให้สึโตมิทำในสิ่งที่เขาไม่มั่นใจว่าจะทำได้ เท่ากับกระตุ้นศักยภาพอีกคนหนึ่งออกมาโดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่รู้ตัว สิ่งหนึ่งที่นุมะจิริไม่มีเหมือนสึโตมุคือ เซอร์วิสมายด์ มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เป็นเรื่องพิเศษและละเอียดอ่อนมากในการทำงานบริการ การบริการคืองานที่ทำด้วยความรักเป็นตัวขับเคลื่อน เรียนรู้ความต้องการ ให้ความไว้วางใจและสบายใจแก่ผู้มาใช้บริการ มีความเป็นมนุษย์สูงมาก เข้าใจและรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่ว่าจะคนตาบอดเมื่อนั่งรถเขา ยังได้กลิ่นความอ่อนโยนบนรถของเขา สาวกรุ๊งกริ๊งที่เป็นสาวประเภทสองกับคุณโตโดที่บังเอิญเหลือเกินที่มาเป็นลูกค้าประจำของเขาทั้งคู่และมีเรื่องอัศจรรย์จนน้ำตาซึม แอบใจหายเล็กน้อยเมื่อรู้ความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ และที่น่ารักมากคือตอนที่เขารีบหาทางลัดเพื่อส่งนักเรียนม.3 ที่ไปไม่ทันงานแสดงวงดุริยางค์ที่งาน เด็กชายลืมของสำคัญ ผิดพลาดบ่อยจนคนรอบข้างเอือมระอา เขารู้ตัวว่าบกพร่องตรงนี้แต่ก็ยังแก้ไขไม่ได้สักที ทำให้เรารู้สึกเห็นใจเพราะมนุษย์ทุกคนมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น บางครั้งเรื่องของเราน่าละอายเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง เขาไม่ได้ต้องการคนเห็นใจแต่อาจต้องการความเข้าใจ สึโตมุทำให้เรารู้ด้วยว่า การเข้าใจความต้องการของตนเองก็จะเข้าใจผู้อื่นได้ดีด้วย ความน่ารักของสึโตมุที่ฉันประทับใจมีหลายบทหลายตอนล้วนเกิดขึ้นระหว่างที่เขาให้บริการผู้โดยสารแต่ละคน ระหว่างที่มีมิโกะงามิซังอยู่ด้วยนั้น มันทำให้เขาได้ยินได้ฟังเรื่องราวลึก ๆ ของคนอื่นโดยไม่คิดว่าจะได้ยิน เป็นความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่เล่าเบื้องลึกบางอย่างให้คนแปลกหน้าอีกคนฟังอย่างคนคุ้นเคย บางเรื่องเรายังนิ่งอึ้งเพราะรู้เรื่องราวของคนในครอบครัวคนอื่น สามีรักแมวเกลียดหมา หมาก็ไม่เป็นมิตรกับเขาเลย แต่ภรรยาเลี้ยงหมาและเกลียดแมว ใครจะคิดว่าเรื่องรักแมวเกลียดหมาจะเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต มันกินลึก กินใจไปถึงความรู้สึกอื่น ๆ สาวความไปถึงก่อนจะมาใช้ชีวิตร่วมกันด้วยซ้ำ มิโกะงามิซังเป็นที่ชื่นชอบของผู้โดยสารที่มาใช้บริการแท็กซี่ มันมีแฟนคลับมากขึ้นตามลำดับ สึโตมุมีลูกค้าขาประจำที่เรียกหามิโกะงามิซัง โลกนี้มันแคบจริง ๆ ผู้คนที่แปลกหน้าวนเวียนมาเจอกัน แท้จริงมิได้เป็นคนแปลกหน้ากันอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจหรือสบายใจในการสนทนาด้วย บางทีเราสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองจึงนิ่งเฉย วิถีชีวิตทำให้ดูเหินห่างแต่เราล้วนมีอะไรเชื่อมโยงถึงกัน อาจจะผ่านตัวกลางอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่มิโกะงามิซังคือความเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งที่เราสัมผัสได้ รู้สึกผ่อนคลาย พลิกอารมณ์ของเราได้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ดูเหมือนอะไร ๆ จะดีขึ้นเมื่อมีแมวเข้ามา ครอบครัวของสึโตมุเปลี่ยนไปมาก มิโกะงามิซังเชื่อมคนทั้งสามได้ดี มีเสียงหัวเราะขึ้นในบ้าน ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวเมื่อมีใบปลิวเรื่องกฎห้ามเลี้ยงสัตว์ในแมนชั่น พวกเขาจำเป็นต้องหาที่อยู่ใหม่เพื่อมิโกะงามิซัง ใช่..พวกเขารักมันหมดใจ แต่ยังไม่มีใครลืมเรื่องแมวนี้เจ้าของ ความรู้สึกจะเป็นอย่างไรเมื่อทุกคนรู้แล้วว่า มิโกะงามิซังมีเจ้าของและจำเป็นต้องส่งคืนมันให้เจ้าของเก่า เราเองก็ใจหาย แต่คนเลี้ยงสัตว์ด้วยกันจะเข้าใจอย่างยิ่งว่าจะต้องทำอย่างไร จากนั้น ในบริษัทเริ่มระแคะระคายว่า มีคนเอาแมวขึ้นแท็กซี่ด้วย กฎหมายห้ามนำสัตว์เลี้ยงไปหารายได้เพราะเป็นการทารุณกรรมสัตว์ การพาแมวออกทำมาหากินบนแท็กซี่ด้วยกันทั้งวันนั้น มันเสียสุขภาพแมว และมิโกะงามิซังก็แก่มากแล้ว เทียบอายุคนก็เกือบ 90 ปีแล้ว ฟังดูแล้วก็ใจหาย แต่ปล่อยไว้ที่บ้านมันก็จะเฉาตาย กินน้อยลง ไม่ร่าเริง ช่วงที่เขาเอาแมวขึ้นรถไปด้วยไม่ได้ ผู้โดยสารถามหากันเกรียว ฝากอาหารและของบำรุงดี ๆ มาให้มิโกะงามิซังมากมาย มันเป็นที่รักของทุกคน ใครจะเอาแมวขึ้นแท็กซี่ทำงานด้วยได้ต้องสอบให้ผ่านการดูแลสัตว์เลี้ยงก่อน ระหว่างที่เขาต้องสอบนั้น มิโกะงามิซังดูจะเฉามากเมื่อไม่ได้นั่งแท็กซี่ไปกับเขา การที่มิโกะงามิซังนั่งแท็กซี่และได้พบปะผู้คนมากมายนั้น คือความหมายของการมีชีวิตอยู่ เราคงนึกสงสัยเหมือนกันว่า สัตว์เลี้ยงที่เรารักและเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัวนั้น ทำไมถึงนำขึ้นรถด้วยไม่ได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีทั้งคนรักสัตว์จริงและคนหาประโยชน์กับสัตว์ หากธุรกิจแท็กซี่มีแมวเป็นขาขึ้น คนก็จะทำตามกันหมด แต่วันไหนที่ตรงกันข้าม แมวเหล่านี้จะถูกปล่อยทิ้ง ๆ ขว้างและต้องถูกกำจัดไปในที่สุด ถึงเวลาที่สึโตมุต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ผู้ชายอย่างเขาที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาตั้งใจที่จะสอบเพื่อเป็นผู้ดูแลสัตว์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ครั้งหนึ่ง เขาเคยถามเพื่อนร่วมงานหญิงของเขาว่า ทำไมถึงอยากมาขับแท็กซี่ เธอให้คำตอบว่า มันคืออาชีพในฝันของเธอ ทำให้สะท้อนกลับมาถามตัวเองว่า จริง ๆ แล้ว เขาเคยมีความฝันบ้างหรือเปล่าว่าอยากทำอะไรหรืออยากเป็นอะไร ความฝันเหล่านั้นทำให้คน ๆ หนึ่งไม่ทิ้งความพยายาม ผลักดันให้คน ๆ หนึ่งทำอะไรได้มากมาย เมื่อเขาทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เขาพยายามทำในสิ่งที่ใครอาจเรียกว่าเพ้อฝันก็ได้ที่จะสอบให้ผ่านครั้งนี้ เขาไม่ได้ทำเพื่อแมวทุกตัวในโลก แต่เขาทำเพื่อมิโกะงามิซังตัวเดียว แมวตัวเดียวที่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งตัวของเขาด้วย มิโกะซังทำให้เขาก้าวข้ามความกลัวหลาย ๆ อย่าง ได้เห็นโลกในมุมมองใหม่ ๆ มันเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้รู้จักคำว่า 'เรา' สร้างรอยยิ้มและความอบอุ่นใจให้คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาพบกัน ความงดงามของเรื่องราวต่าง ๆ ของผู้คนผ่านมิโกะงามิซังนั้น ทำให้เรามองดูตัวเองว่า เราได้ดึงศักยภาพที่เรามีออกมาหรือยัง อย่าเพิ่งมองตัวเองในแง่ลบ อย่ากลัวที่จะทำอะไรจนเกินความจำเป็น อย่ากดดันตัวเองเกินไป บนเส้นทางชีวิต หากเราตั้งใจที่จะทำอะไรก็ต้องฝ่าฟัน หากเราเลือกแล้วว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เราจะทำให้เต็มที่ ไม่ท้อถอยและจะได้พบในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นเสียที ฉันชอบหนังสือเล่มนี้มาก ประทับใจเนื้อหาที่อ่อนโยน ลึกซึ้ง ได้รับกำลังใจในวันที่เราอ่อนล้าให้ลุกขึ้นมาได้อีก มีความสุขในการอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ขอให้มีความสุขทุกท่านนะคะ ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย
ว๊าวววววว เล่มนี้น่าอ่านค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 พฤษภาคม 2560 เวลา:11:49:55 น.
|
ภูเพยีย
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?] Friends Blog
|