Group Blog
All Blog
--- เ ข้ า ค ลุ ก แ ม ว : จำลอง ฝั่งชลจิตร ---














' เ ข้ า ค ลุ ก แ ม ว ' ของ จำลอง ฝั่งชลจิตร พิมพ์ตั้งแต่ปี 2552 แต่ฉันเพิ่งเห็นหนังสือเล่มนี้และเพิ่งอ่านจบไปเมื่อวาน เนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความผูกพันของคนในครอบครัวนักเขียนและแมวจร ก็เลยอยากรู้เรื่องแมวในสายตาของคนที่เลี้ยงแมวเหมือนกัน
.
เข้าคลุกแมว เป็นเรื่องราวภายในครอบครัวของคนึงซึ่งเป็นนักเขียน ภรรยาของเขาเเคยทำงานออกแบบหนังสือ แต่ตอนนี้เป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูกสองคนคือ ปัน กับปาน
เรื่องนี้เล่าผ่านสายตาเด็กหญิงปาน อายุ 12 ปี ช่างพูด ช่างคิด ช่างถาม ช่างรู้สึก ละเอียดอ่อน เข้าอกเข้าใจและรักสัตว์ แมวจรตัวแรกชื่อตาหวานมาขออาศัยอยู่ด้วย แม่ซึ่งไม่มีรายได้อะไรรู้สึกเกรงใจสามี เพราะการเลี้ยงแมวสักตัวนั่นคือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องอาหาร กระบะทราย และค่ารักษายามสัตว์เลี้ยงป่วย เพราะก่อนหน้านี้ บ้านนี้เคยเลี้ยงแมวชื่อทัคกี้ แต่ป่วยตายแม้จะได้รับการรักษาอย่างดีจากสัตวแพทย์แล้วก็ตาม

ที่มาของการเลี้ยงแมวของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน แม่ฉันเลี้ยงแมวมากถึง 17-19 ตัว ทุกตัวเป็นแมวจร หอบลูกมาขออาศัยอยู่ด้วย ไม่มีตัวไหนที่แม่ซื้อมาเลี้ยงหรือเป็นแมวพันธุ์ดีหรือมีคุณลักษณะดี แต่ทุกตัวก็เพียรมาหา มาฝากผีฝากไข้เพียงแต่แมวแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยตายจากโรคหัวใจ โรคไต โรคลำไส้ บ้างก็มาคลอดลูกให้แม่เป็นหมอตำแย เช็ดรกหลังจากเตรียมกล่องหรือลังเล็ก ๆ ปูผ้ารอทำคลอดให้ บางตัวถึงกับคลอดคามือแม่ บางตัวแม่ยังต้องช่วยดึงออกมา ประสบการณ์แม่เกี่ยวกับแมวและการคลอดของแมวทำเอาฉันทึ่งมานักต่อนักแล้ว นอกจากนี้ แม่ยังรู้นิสัยใจคอของแมวแต่ละตัวอีก ฉันฟังแม่เล่าเรื่องเฝ้าพยาบาลแมวป่วย ช่วงแมวจีบกัน แมวสาว แมวหนุ่มหนีเที่ยว บ้างก็สะบักสะบอมเพราะโดนคนอื่นตีจนขาหักกลับมา รับรู้ว่าแม่เสียใจแต่เอาโทษกับใครไม่ได้ ใครไม่ได้รักแมวแม่ทุกคนและแม่เลี้ยงแบบปล่อย ให้อิสระ เทอาหารให้ ใครอยากมากินก็กิน โตแล้วอยากไปไหนก็ไป คิดถึงหรือไม่มีที่ไปก็กลับมา บ้านแม่รอต้อนรับเสมอ

แมวบ้านแม่มีชื่อทุกตัว ตั้งแต่เลี้ยงแมว แม่แทบจะไม่มีเวลาไปไหนได้นานเกินสองวัน เพราะมัวแต่ห่วงแมว เทอาหารทิ้งไว้ก็คงไม่ถึงอาทิตย์ แม่ไม่อยู่ แมวก็ออกเที่ยวไปตามประสา หากไม่อยู่นาน ๆ เขาก็ไปหาที่อยู่ใหม่ แมวจึงมีชีวิตอิสระมาก ใคร่ไปไหนก็ไป ใคร่จะมาหาก็มา เรามีหน้าที่เมตตาและแบ่งปันกับแต่ละชีวิต เราและแมวต่างมีชีวิตเดียวเหมือนกัน

ในหนังสือเล่มนี้ เราจะรู้จักแมวของครอบครัวนายคนึงชื่อ ตาหวาน ที่ออกลูกถึงสามครอก แมวบ้านนี้จึงมีถึง 10 ตัว ชื่อน่ารัก ๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะแม่ตาหวาน มิเกะ แพนด้า ศรีปาน(ชื่อคล้องจองกับลูกชายของนักเขียนในเรื่อง) แฟร้งกี้ สีส้ม สีเข้ม หมวย เก้าและหางงอ

แมวฉันชื่อสีส้ม ซึ่งมาเหมือนแมวของนักเขียนในเรื่องอย่างบังเอิญ เขาคงจะมีขนสีส้มเหมือนสีส้มของฉัน การเล่าเรื่องก็เรียบ ๆ เรื่อย ๆ แต่อ่านไม่เบื่อ อาจเป็นเพราะฉันชอบความเรียบง่ายธรรมดาของชีวิตเล็ก ๆ และความผูกพันกันในครอบครัว เนื้อหาเข้มข้นและดูมีน้ำหนักในการเลี้ยงแมวของนายคนึงนั้นมีที่มา เขาเคยทำร้ายแมวและทรมานมัน จึงชดใช้กรรมเมื่อแมวมาหา เป็นการใช้ชาติหรือเลี้ยงชดใช้กรรมพวกเขาในชาตินี้ แต่โดยรวมแล้ว ชดใช้กรรมแบบนี้ก็ดีนะเพราะได้คลุกคลีและผูกพันกับความน่ารักของบรรดาแมว

การเลี้ยงแมวจรนั้น นอกจากมีโอกาสได้เมตตาสัตว์แล้ว ยังดูแลเขาไม่ต่างจากการเลี้ยงลูก เมื่อสร้างปัญหาให้เพื่อนบ้านรำคาญใจ จนถูกตีถูกไล่มา นอกจากจะไม่ไปด่าทอเพื่อนบ้านให้เกิดเรื่องราวแล้ว เรานั่นแหละต้องสงบใจและพาสัตว์เลี้ยงของเราไปหาหมอ หากเป็นหมาไปทำร้ายเขาก็ต้องรับผิดชอบ เลี้ยงหมาเรายังขังไว้ได้ แต่แมวนั้น เราขังไม่ได้ ยิ่งถ้าบ้านไหนเลี้ยงนกก็ต้องคอยดูแลแมวซึ่งไม่รู้จะห้ามยังไงเหมือนกันนะ ดีไม่ดี คนที่ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงของเราอาจวางยาเบื่อ สัตว์เลี้ยงอาจจะนำความสุขมาให้เรา แต่กับคนอื่นอาจจะไม่ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการรับผิดชอบชีวิตที่เพิ่มเข้ามา

ฉันชอบการให้เหตุผลของการเรียกสัตว์เลี้ยงว่า 'ลูก' ของนายคนึงในเรื่องนี้มาก

'... คนอายุรุ่นราวคราวพ่อหรือแม่ บางทีอาจต้องฝึกเรียกสัตว์เลี้ยงว่า ลูก ไว้ให้ชินปากเสียแต่เนิ่น ๆ ...พ่อคิดว่า คนรุ่นปู่ย่าตาทวดคงรู้จักความเหงา ความอ้างว้าง คุ้นเคยกับมันดี ก็เลยยกชั้นหมาแมวขึ้นมาเป็น 'ลูก' เพราะว่า เมื่อลูก ๆ ต่างคนต่างเติบโตขึ้น ลูก ๆ ก็ต้องจากไปมีเหย้าเรือน ...บางทีออกจากบ้านไปแล้ว ไม่ได้กลับมาอยู่บ้านอีก ลูกต้องไปมีครอบครัวของตัวเอง หนูจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ พ่ออยากให้หนูจำเอาไว้ แม้ว่าลูก ๆ จะย้ายออกไปจากบ้านไปแล้วก็จริง แต่ลูกทุกคนไม่ได้ย้ายออกไปจากหัวใจของพ่อแม่ พ่อแม่ยังต้องเฝ้าเรียกเฝ้าถามหาลูกอยู่ตลอดเวลา ถึงตอนนั้นลูก ๆ ก็ไม่อยู่ให้พ่อแม่เรียกเสียแล้ว ...พ่อแม่จึงต้องเรียกแมวว่า 'ลูก' ให้คุ้นปากคุ้นหูไว้ก่อน ...'

ฉันอาจจะเรียกหมาแมวว่าลูก โดยไม่มีเหตุผลเหล่านี้มารองรับโดยตรงนัก แต่ก็เพราะรักและผูกพันจึงเรียก ส่วนแม่ฉันนั้น ไม่เคยเรียกแมวว่าลูกหรือหลาน แต่แมวแม่มีชื่อทุกตัว แม่เรียกชื่อแมวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและใจดีเหมือนพูดกับลูก นั่นก็เพียงพอแล้วที่ฉันรู้ว่า แม่รักแมวมากแค่ไหน

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย




















Create Date : 12 มิถุนายน 2560
Last Update : 12 มิถุนายน 2560 10:32:17 น.
Counter : 1595 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com