Group Blog
All Blog
--- ก ร ะ ท่ อ ม น้ อ ย ข อ ง ลุ ง ท อ ม : แฮเรียต บีชเช่อร์ สโตว์---
























บันทึกการอ่าน กระท่อมน้อยของลุงทอม
UNCLE TOM'S CABIN
แฮเรียต บีชเช่อร์ สโตว์ : เขียน
อ.สนิทวงศ์ : แปล



ไม่ทราบว่าข้าพเจ้าจะเริ่มบันทึกถึงหนังสือเล่มนี้ตรงไหนก่อนหรือจะเริ่มด้วยประโยคไหนดี ยิ่งอ่านก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ น้ำตาคลอเบ้าจนเอ่อล้นไปทุกบททุกตอน แต่ก็วางหนังสือลงไม่ได้ ลุ้นชะตากรรมของตัวละครที่มีเลือดเนื้อและชีวิตเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ ภาวนาอย่าให้เขาทำร้ายจริงอยากปากว่าแต่คำภาวนากลืนหายไปกับพายุความโหดเหี้ยม มีทางไหนที่ทาสผิวดำจะพบอิสระ เสรีภาพและความสุขเหมือนคนอื่นเสียที


'...พวกนิโกรไม่มีความรู้สึกเหมือนพวกผิวขาวในเรื่องที่ต้องพลัดพรากจากผัวเมียหรือลูกหรอกครับ เพราะการพลัดพรากจากกันเป็นของธรรมดาเสียแล้วสำหรับฅนพวกนี้...'


อ่านแค่ประโยคนี้ก็จุกอก เราจะพบกับเหตุการณ์พลัดพรากครั้งแล้วครั้งเล่ากับทาสผิวดำ เศร้าจนร้องไห้ไม่ออก ความทุกข์โศกเหมือนตอกติดตัวทาสนิโกรไปทุกหนทุกแห่งจนกว่าจะไปพบกับพระเจ้า ด้วยความเชื่อในพระคัมภีร์และเชื่อในความรักที่มีต่อพระองค์


เปิดฉากแรก มิสเตอร์เชลบีจำต้องขายลุงทอมและแฮรี(ลูกชายของทาสสาวผิวดำ)ให้มิสเตอร์ฮาเลย์ด้วยปัญหาทางการเงินเสียแล้ว

ครอบครัวเชลบีเป็นครอบครัวที่ดีครอบครัวหนึ่งที่เคนทักกี้ ทุกคนมีเมตตากรุณาและเอาใจใส่ต่อพวกทาสของตนอย่างดี พวกทาสของเขาได้รับความสะดวกสบายใจทุกอย่าง เพราะเหตุนี้เอง มิสเตอร์เชลบีจึงได้จับจ่ายใช้สอยอย่างมากมายเกินตัว จนกระทั่งเป็นหนี้สินแทบสิ้นเนื้อประดาตัว มิสเตอร์เชลบีเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการขายทาสที่ดีที่สุด ซื่อสัตย์ที่สุดให้แก่พ่อค้าทาส ซึ่งนั่นคือลุงทอม ผู้มีรูปร่างใหญ่โต ไหล่กว้าง ล่ำสันแข็งแรง ซื่อสัตย์ สง่าผ่าเผยและอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดก่อนที่มิสซิสเชลบีจะทราบภายหลัง เธอไม่เห็นด้วยและเศร้าเสียใจเพราะเชื่อว่าดวงวิญญาณดวงหนึ่งมีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติ้ทั้งโลก แต่ยามคับขัน ก็ต้องยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาคนส่วนใหญ่ไว้และสัญญาว่าจะรีบหาเงินไปไถ่ลุงทอมคืนให้ได้ คุณยอร์ช ลูกชายของครอบครัวเชลบีก็รักลุงทอมมาก เขาโกรธพ่อแม่ที่ขายลุงทอมไป

ลุงทอมต้องพลัดพรากจากภรรยาและลูก ๆ แต่เมื่อนายตัดสินใจแบบนี้แล้ว ก็จำต้องไปเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณนาย แม้ไม่รู้หนทางข้างหน้าว่าจะได้ไปอยู่กับนายเช่นไร ใครต่อใครเล่าขานว่าการถูกขายไปทางใต้เพื่อไปทำไร่ฝ้ายนั้น ลำบากมากและไม่มีใครได้กลับมาอีกเลย กฎหมายใหม่ก็ห้ามไม่ให้เราให้อาหารและน้ำท่าแก่ทาสนิโกรที่เดินผ่านบ้านเขา ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า กฎหมายเหล่านี้จะออกโดยชาวคริสเตียน

ส่วนเอลิเซียนั้น พอทราบว่านายขายลูกชายของเธอให้แก่พ่อค้าทาสไปพร้อมกับลุงทอม เธอจึงพาลูกชายหนีคืนนั้น แม้จะต้องไปตายเอาดาบหน้าก็ตาม แต่โลกไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด มุมสวยงามดี ๆ ยังมีให้เห็นประปรายตลอดทั้งเรื่อง อย่างเช่น จอน เขาซื้อที่ดินที่รัฐโอไฮโอไว้และเลี้ยงทาสนิโกรมากมายสำหรับทาสจะได้มีที่ทำมาหากิน

สามีของเอลิเซียเองก็เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เอางานเอาการ อ่านหนังสือได้ ทำงานดีและซื่อสัตย์ บุคลิกภาพโดดเด่นกว่านายจ้างจนขัดหูขัดตา ถูกกดไปทำงานหนักและถูกทารุณกรรมจนผลักดันให้เขาอยากหนี โหยหาอิสรภาพ เขาแอบมาบอกลาเอลิเซียครั้งสุดท้ายก่อนหนีไป ความฝันของเขาคือจะไปแคนาดาและจะกลับมารับเธอไปด้วย


เกิดคำถามขึ้นในใจตลอดเวลาว่า
พ่อค้าทาสทำไมถึงใจคอโหดร้ายเหลือเกิน
แล้วใครเล่าทำให้เกิดพ่อค้าทาสเหล่านี้
ใครเล่าควรจะถูกติถูกโทษมากที่สุด
พวกที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ดีหรือพ่อค้าทาสเอง
เพราะตัวพ่อค้าทาสคิดว่านี่คืออาชีพที่สุจริต อาชีพที่เลี้ยงชีพ



แต่จะพูดอะไรออกไปก็เท่านั้น พ่อค้าทาสเลือดเย็น เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ผัวเมียถูกพรากจากกันด้วยจิตใจแตกสลาย ผู้มีกำลังกดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอ สิ่งเหล่านี้เป็นของธรรมดาที่ผู้คนพบเห็นเป็นสามัญ

ใจระโหยไปกับลุงทอมในช่วงที่ฮาเลย์ซื้อตัวไปและเดินทางโดยเรือ ลุงทอมคิดถึงลูกเมียแต่เขียนหนังสือไม่เป็นและไม่รู้จะติดต่ออย่างไร เขาเป็นตัวแทนของทาสอีกหลาย ๆ คนที่เมื่อถูกซื้อแล้ว ชีวิตก็ล่องลอยไปไร้ทิศทาง ไม่รู้จะสิ้นสุดที่ตรงไหน ทุกนายจ้างก็พูดเหมือนกันว่า

จะไปไถ่ตัวกลับ แต่ก็เป็นคำปลอบประโลมใจที่ดีที่สุดในยามนั้น และแทบจะไม่มีใครทำตามที่พูดได้เลย

เราพอจะได้หายใจหายคอได้ก็ช่วงที่ลุงทอมเจออีวา (อีแวนเจอรีน เซนต์แคล) สาวน้อยรูปร่างบางระหง กิริยาท่าทางเป็นผู้ดีมีตระกูล ดวงตาสีฟ้าคล้ายเทพธิดาในความฝัน จิตใจดีราวกับนางฟ้าจากสวรรค์ที่ทำให้คนรอบข้างมีความสุข เธอรักทาสในบ้านของเธอทุกคน และเธอขอให้พ่อซื้อลุงทอมต่อจากฮาเลย์ขณะโดยสารเรือมาลำเดียวกัน

นับเป็นช่วงเวลาที่ดีอีกครั้งหนึ่งที่ลุงทอมได้มีชีวิตในปกครองของออกัสติน เซนต์แคล พ่อของอีวา เขาเลี้ยงทาสไว้มากมายและมีเมตตาต่อทาสที่นี่ เขาปกครองทาสปราศจากการเฆี่ยนตี เขาปรารถนาจะให้ทุกหนทุกแห่งเลิกทาส แต่ก็ไม่ได้ผลักดันมันอย่างเต็มแรงเสียที

ระหว่างที่ลุงทอมอยู่ที่บ้านของเซนต์แคลนั้น มิตรภาพระหว่างลุงทอมกับอีวาแน่นแฟ้นและมั่นคงมากขึ้นทุกวัน อีวาช่างงดงาม ละเอียดอ่อน เธอเป็นสิ่งประเสริฐจากสรวงสวรรค์ เธอเป็นที่รักของทุกคน ช่างคิดและมองอะไรลึกซึ้ง เธอมีความคิดที่อยากจะสอนหนังสือให้ทาส เพราะอยากให้พวกเขาสามารถอ่านพระคัมภีร์เองได้ เธอเชื่อว่า พวกเขาก็ต้องการคัมภีร์ เธอพยายามบอกพ่อเธอเสมอว่า ทำไมพ่อไม่ชักชวนให้ใครต่อใครเลิกทาส นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระเจ้าใช้เด็กเล็ก ๆ เป็นผู้สอนผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ให้คิดและรู้สึก

ตัวเซนต์แคลเองเป็นคนที่มีธรรมชาติละเอียดอ่อนและสามารถเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาได้ดียิ่งกว่าพวกที่เป็นคริสเตียนแต่เพียงในนาม แต่เขาไม่เชื่อศาสนาอย่างจริงจัง เขาเพียงยึดอุดมคติที่ว่า การที่เราจะไม่ทำสิ่งหนึ่งเสียเลยดีกว่าทำสิ่งนั้นอย่างบกพร่อง

เซนต์แคลพยายามจัดเตรียมร่างเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อจะปลดปล่อยลุงทอมให้เป็นอิสระ ลุงทอมดีใจมากจนเซนต์แคลร์ใจหายว่า ทำไมลุงทอมจึงดีใจขนาดนี้ อยู่บ้านเขาไม่มีความสุขหรือไร ทำไมถึงอยากกลับบ้านนักหนา

'คุณเป็นนายที่แสนใจดี แต่ผมชอบมีเสื้อผ้าถูก ๆ มีบ้านที่ยากจนและทุกสิ่งทุกอย่างเลว ๆ แต่เป็นของ ๆ ผม เองมากยิ่งกว่าจะมีสิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งนั้นเป็นของฅนอื่น ๆ ...'

เซนต์แคลร์มักจะซื้อทาสเด็กผิวดำมาเลี้ยงดูที่บ้าน ท็อบสีเป็นตัวอย่างหนึ่งของเด็กผิวดำที่มาเขย่าหัวใจโอฟีเลีย(ญาติหญิงของเซนต์แคล)ที่มาช่วยดูแลอีวาเพราะแม่ของอีวานั้นเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา จากที่เธอเกือบหมดใจในการสอนเด็กผิวดำคนนี้ในคราวแรก เธอได้เร่งขอเอกสารจากเซนต์แคลให้มอบเด็กคนนี้ให้เธอดูแลเองและทำเอกสารให้ลุงทอมได้เป็นอิสระ

แต่ทุกอย่างก็ไม่ทันการ เซนต์แคลเสียชีวิตกะทันหัน ลุงทอมถูกเลหลังอีกครั้ง ถูกเก็บไปโรงเก็บสินค้าทาสเพื่อขายทอดตลาดทาส ฉันต่อมน้ำตาแตกอีกครั้งเพราะเขาต้องเจอกับนายจ้างที่ชั่วร้ายและโหดร้ายสุดจะบรรยาย

มีคำกล่าวว่า วิธีลงโทษมนุษย์อย่างร้ายแรงที่สุดคือการแขวนคอ
แต่ชีวิตแห่งการเป็นทาสนี้สิยิ่งกว่าถูกแขวนคอหลายพันเท่า


แม้จะสะเทือนใจ น้ำตาตื้นอยู่เกือบตลอดเวลา แต่คำบรรยาย ความงาม ความหวังของลุงทอมที่มีต่อพระเจ้าทำให้จิตใจที่ศรัทธาต่อความรัก ความดีงามทั้งหลายหนักแน่นขึ้นมา

นี่เป็นเพียงบทเรียนบทหนึ่งในประวัติการณ์ของมนุษยชาติที่น่าศึกษาและจดจำ ทำให้คนตื่นตัวในเรื่องมนุษยธรรม หลั่งน้ำตาด้วยเวทนาปรานีทาสผิวดำ เป็นหนังสือที่เชิญชวนให้มนุษย์มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันและมีความเห็นไม่ต่างกันคือเลิกทาสเสียเถอะ มันเป็นความอัปยศอดสูที่สุดในโลก

นอกเหนือจากความขัดแย้งเรื่องทาสผิวดำในอเมริกาแล้ว เรื่องนี้ยังบันดาลผลให้มีการเลิกทาสหลายแห่งในโลกอีกด้วย รวมไปถึงการกดขี่ ข่มเหง ทุก ๆ เชื้อชาติและทุก ๆ สัญชาติ ไม่ใช่แต่เพียงนิโกรในอเมริกาเท่านั้น

ขอเพียงแต่ระลึกไว้เสมอว่า พวกเขามีชีวิต มีความรู้สึกและมีเลือดเนื้อเหมือนเราโดยสมบูรณ์


ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
9 พฤษภาคม 2560














Create Date : 09 พฤษภาคม 2560
Last Update : 10 พฤษภาคม 2560 12:38:39 น.
Counter : 922 Pageviews.

2 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณjackfruit_k, คุณfor a long time, คุณServerlus

  
อืมมม T T
แค่รีวิว ยังเศร้าตามเลย
โดย: Serverlus วันที่: 10 พฤษภาคม 2560 เวลา:15:23:34 น.
  
เล่มนึัเพิ่งซื้อมายังไม่ฤกษ์หยิบมาอ่านเลยครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 27 พฤษภาคม 2560 เวลา:19:22:17 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com