Group Blog
 
All Blogs
 
เธอคือทาสหัวใจของฉัน: Chapter 37 ทางแยก

***Chapter 37 ทางแยก: Dilemma***
               
Like hate and love
Worlds apart
This fatal love
Was like poison
Right from the start
Like light and dark
Worlds apart
This fatal love
Was like poison
Right from the start
 
October and April – The Rasmus
 
              ขณะที่เดรโก มัลฟอยกำลังสับสนอยู่กับโอกาสและทางเลือกเพิ่งถูกหยิบยื่นให้เขาอยู่นั้น เด็กหนุ่มซึ่งไม่แน่ใจว่าเขานิ่งเงียบไปเป็นเวลานานเท่าไหร่หลังจากที่เฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์อธิบายถึงวิธีเดียวที่สามารถรักษาเขาให้หายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้ก็ได้ยินเสียงที่แผ่วเบาของอีกฝ่ายหนึ่งพูดขึ้น
               “ฉันรู้ว่ามันยากมากที่เธอจะตัดสินใจเรื่องนี้” เสียงที่เป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านดังขึ้น มันฟังดูระมัดระวังหากแต่หนักแน่น “เธอสามารถใช้เวลาตัดสินใจได้นานตราบเท่าที่เธอต้องการ หลังจากที่เธอตัดสินใจได้แล้วเธอค่อยบอกฉัน....”
              ยังไม่ทันที่เฟรย่าจะได้พูดจนจบ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ขัดขึ้น เขาเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดหากแต่มันแฝงแววสงสัยเอาไว้
               “ถ้าผมตกลงจะใช้วิธีที่คุณบอกผม” ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเมื่อเขาพูดถึงวิธีการรักษาดังกล่าว ราวกับเขามองว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมากกว่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เขาหลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์หมาป่าไปได้
               “คุณจะทำพิธีกรรมนี้ให้ผมอย่างนั้นหรือ” เขาถาม ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินราวกับทะเลสาบที่เคยมองเขาอย่างทิ่มแทงมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เขาได้พบกับหล่อนมา หากแต่ในครั้งนี้คนที่เป็นคนส่งสายตาที่ทิ่มแทงไปยังอีกฝ่ายนั้นกลับไม่ใช่หญิงสาวผมดำ หากแต่เป็นเด็กหนุ่มผมบลอนด์ต่างหาก เดรโกมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เหมือนกับเขาต้องการจ้องมองไปถึงจิตวิญญาณของอีกฝ่าย ราวกับเขาต้องการค้นหาคำตอบจากดวงตาสีน้ำเงินอันลึกลับคู่นั้นว่าถ้าหากเขาตกลงเข้ารับการรักษาดังกล่าวแล้ว เฟรย่าจะยอมลงมือทำพิธีกรรมซึ่งเป็นการช่วงชิงเวทมนตร์ของแม่มดอีกคนหนึ่งมาเพื่อรักษาเขาหรือไม่
              นี่ยังไม่รวมความจริงที่ว่า แม่มดที่ว่าคนนั้นก็คือเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวผู้อยู่ในฐานะทาสของเด็กหนุ่ม แถมเธอยังเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักอีกด้วย!
              และดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจถึงถ้อยคำและสายตาที่มัลฟอยพยายามจะสื่อออกมา เพราะเฟรย่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยปากตอบเขาออกมา
               “ถูกต้อง คุณมัลฟอย” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
              เดรโกนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งกับคำพูดนั้นก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามออกมาอีกครั้ง ในครานี้สายตาของเด็กหนุ่มที่ใช้มองหญิงสาวตรงหน้ากลับส่อแววคาดคั้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
               “แล้วถ้าเกรนเจอร์ไม่ตกลงล่ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นหากแต่ฟังดูสั่นเครือเมื่อเขาพูดชื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าเขาไม่ยอม คุณก็จะบังคับเขาอย่างนั้นหรือ” เด็กหนุ่มถาม หากแต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือสายตาของเฟรย่าที่มองมาที่เขาด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความเห็นใจจนเกือบจะเรียกได้ว่าสงสาร ก่อนที่หล่อนจะตอบคำถามนั้นของเขาออกมา
               “ฉันว่าคนที่ตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือตัวเธอเองนะ ว่าเธอจะใช้ความเป็นเจ้านายของเด็กคนนั้นบังคับให้เขายอมทำตามหรือเปล่า” หญิงสาวผมดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หากแต่คำพูดนั้นราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงที่ร่างของเดรโก มัลฟอย มันเปรียบเสมือนความจริงที่ทิ่มแทงเขาราวกับมีดเป็นพัน ๆ เล่ม เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามปฏิเสธมันเท่าไหร่ในตอนที่เขาได้ล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาด้วยวิธีนี้ในตอนแรกก็ตาม แต่ในตอนนี้เด็กหนุ่มก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเขา มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น! ว่าเขาจะตัดสินใจช่วงชิงพลังเวทมนตร์ของเฮอร์ไมโอนี่มาเพื่อรักษาตัวเขาเองให้หายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่!
              เพราะเดรโกรู้ดีว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เด็กสาวก็คงไม่มีวันจะยอมสละสิ่งที่สำคัญยิ่งสำหรับเธอให้เขาด้วยความเต็มใจเป็นแน่ และเขาก็คงไม่มีวันยอมขอให้เธอทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
              ดังนั้นหนทางเดียวที่เป็นคำตอบสำหรับการรอดพ้นจากคำสาปของมนุษย์หมาป่าของเขาก็คือการที่เขาใช้ความเป็นเจ้านายบังคับให้เฮอร์ไมโอนี่ยอมเสียสละพลังเวทมนตร์ของเธอให้กับเขา หากแต่ถ้าเขาทำเช่นนั้นลงไปมันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เขาบังคับฝืนใจและทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสดังเช่นที่เขาเคยทำลงไปก่อนหน้านี้เลย! และเมื่อถึงตอนนั้น หลังจากที่เขาบังคับให้เฮอร์ไมโอนี่ยอมเสียสละพลังเวทมนตร์ของเธอเพื่อให้เขารอดพ้นจากการเป็นมนุษย์หมาป่าไปแล้ว แม้ว่าเขาจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้หลังจากนั้น เขาก็คงจะสูญเสียหัวใจของเด็กสาวที่เขาเฝ้าปรารถนาจะได้มาครอบครองไปตลอดกาลเสียแล้ว! เพราะหากว่าเดรโกได้ทำเช่นนั้นลงไปจริง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ที่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถให้อภัยกับเรื่องเลวร้ายที่เขาทำลงไปกับเธอก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ คงจะไม่มีวันให้อภัยเขาหากเขาช่วงชิงสิ่งที่สำคัญยิ่งเฉกเช่นเวทมนตร์ของเธอไป และเมื่อถึงตอนนั้นสายตาอ่อนโยนของเด็กสาวที่เคยมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วงเป็นใยก็คงจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่แสดงออกถึงความเกลียดชังมากกว่าอะไรทั้งหมดยามจ้องมองเด็กหนุ่มที่เป็นผู้ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธออย่างแท้จริง!
              เดรโกหลับตาลงอย่างปวดร้าวกับความจริงที่ว่าเขาไม่อาจจะเป็นสิ่งอื่นใดให้เฮอร์ไมโอนี่ได้นอกจากคนที่ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ และถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะรู้ว่าเขาไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น เขาก็ไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ของเฟรย่าและยอมรับชะตากรรมที่ต้องสาปของเขาแต่โดยดี เพราะในก้นบึ้งหัวใจของเด็กหนุ่มนั้นรู้ดีว่า เขาต้องการคนที่จะมาปลดปล่อยเขาออกจากคำสาปร้ายของการเป็นมนุษย์หมาป่านี้มากกว่าอะไรทั้งหมด และความปรารถนาในข้อนี้อาจจะมากเสียจนใจหนึ่งเขาต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่เสียสละเวทมนตร์ของเธอเพื่อเขา! แต่เมื่อเดรโกรู้ถึงความคิดนี้ของเขา เขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองมากกว่าอะไรทั้งหมด เขารังเกียจตัวเองในตอนนี้มากกว่าในตอนที่เขาจินตนาการว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในฐานะมนุษย์หมาป่าไปตลอดเสียอีก!!!
              เพราะเดรโกรู้ดีว่า เมื่อมีทางเลือกที่สามารถทำให้เขาหลีกเลี่ยงจากการต้องเดินไปในเส้นทางที่ต้องคำสาปนี้ปรากฏขึ้นมา เขาก็ปรารถนาที่จะเลือกมัน แม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยราคามันมีค่ามหาศาลสำหรับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถปล่อยวางความจริงที่ว่าเขาสามารถหายเป็นปกติไปได้ เพราะลึก ๆ ในสมองของเขามีเพียงความคิดเดียววนเวียนซ้ำไปซ้ำมาหลังจากที่เขาได้ล่วงรู้ถึงหนทางที่เขาจะรอดพ้นจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้ และความคิดที่ว่านั้นก็คือ ถ้าเพียงแค่เขาสั่งให้เฮอร์ไมโอนี่ยอมเสียสละเพื่อเขา เขาก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติที่มีเธอเคียงข้างต่อไปได้ และเมื่อความคิดชั่วร้ายนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเขา มันก็เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเขาเป็นปีศาจร้ายที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเด็กสาวตั้งแต่ก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเสียอีก!
              ไม่เพียงเท่านั้น เดรโกยังต้องยอมรับว่า ตั้งแต่วินาทีที่เฟรย่าอธิบายเงื่อนไขทุกอย่างให้เขาฟังนั้น เขาก็อดคิดไม่ได้ว่านอกจากเฮอร์ไมโอนี่แล้ว จะมีใครที่ทำการเสียสละทางเวทมนตร์นี้ให้เขาได้บ้าง และคนที่เข้าข่ายนั้นก็มีเพียงพ่อหรือแม่ของเขาเท่านั้น แต่เมื่อความคิดของเขาดำเนินมาจนถึงตรงนี้ เดรโกที่เหมือนเพิ่งรู้ว่าความคิดที่อันตรายนี้กำลังครอบงำเขาอยู่ก็รีบลบความเป็นไปได้นั้นออกไปจากหัวในทันที! หากแต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าความคิดที่น่ารังเกียจนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองเขาอย่างยากที่จะกำจัดไปให้พ้น ความคิดที่ว่าเขาต้องการให้ใครสักคนมาเสียสละเพื่อให้เขาพ้นจากคำสาปร้ายที่เขาจะต้องเผชิญ!
               หากแต่ความปรารถนาของเขานั้นมันช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้หากการรักษาที่ว่านี้สำเร็จ มันก็เท่ากับเขาส่งผ่านคำสาปในการใช้ชีวิตที่ไร้ซึ่งเวทมนตร์ให้กับพ่อมดหรือแม่มดที่ต้องเสียสละเพื่อเขา ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม และเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะสามารถรอดพ้นจากการต้องเป็นสัตว์ร้ายที่ผู้คนรังเกียจได้แล้ว ในใจลึก ๆ เดรโกไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้สิงสู่อยู่ในจิตใจเขาตั้งแต่เขาตกลงยอมรับการรักษาครั้งนี้แล้ว!
              หรือเขาอาจจะกลายเป็นสัตว์ร้ายตั้งแต่ค่ำคืนนั้นที่เขาข่มเหงเฮอร์ไมโอนี่และทำสัญญาทาสเพื่อกักขังเธอไว้กับเขาแล้วก็เป็นได้!
              เด็กหนุ่มลดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้าหลังจากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา ยังไม่นับอารมณ์หลากหลายที่เขาต้องเผชิญหน้าก่อนหน้านี้อีกด้วย เดรโกซบใบหน้าซีดเซียวลงกับมือใหญ่ของเขา ราวกับเขาต้องการปิดกั้นตัวเขาเองจากความจริงอันโหดร้ายที่เขาต้องเผชิญ เขารู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ผุดขึ้นตามไรผมและไหลอาบแผ่นหลังของเขาพร้อม ๆ กับน้ำหนักของความจริงที่เขาเพิ่งจะเผชิญซึ่งกดทับร่างของเขาจนมันแทบจะแตกสลาย!
              เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ในสภาพนี้นานเท่าไหร่แล้ว เพราะมันดูราวกับผ่านไปชั่วนิรันดร์เมื่อเขารู้สึกว่าร่างสูงของเฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์เคลื่อนกายเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเขา หากแต่ร่างสูงนั้นไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาราวกับหล่อนกลัวว่าคำพูดเพียงเล็กน้อยของหล่อนจะไปกระทบจิตใจที่บอบบางจนแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ของร่างตรงหน้าเข้า
              เดรโกรู้สึกราวกับเวลาหยุดนิ่งในวินาทีที่เขารู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้าร่างสูงตรงหน้ารวมทั้งเรื่องราวอันแสนสาหัสทั้งหมดนี้แล้ว และเมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า แววตาสีเงินที่เคยดูสับสนเปลี่ยนมาเป็นเข้มแข็งเท่าที่เขาจะทำได้ เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น
               “ผมตัดสินใจได้แล้ว”
 
              ……………………………………………………………
                             
              เฮอร์ไมโอนี่วางหนังสือที่เธอกำลังอ่านอยู่ลงเมื่อเธอได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูเหล็กซึ่งทำหน้าที่กั้นห้องใต้หลังคาที่เธอต้องมาอาศัยอยู่ชั่วคราวกับส่วนที่เหลือของบ้านดังขึ้น เด็กสาวปิดหนังสือที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เธอสนใจมันอย่างที่ควรจะเป็นก่อนจะหันไปทางต้นทางของเสียงนั้น และอีกไม่กี่อึดใจ ประตูเหล็กบานใหญ่นั้นก็เปิดขึ้นราวกับมีเวทมนตร์ เผยให้เธอเห็นร่างสูงของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังมุ่งตรงมายังเฮอร์ไมโอนี่
              ในวินาทีต่อมา ใบหน้าซีดเซียวของเด็กหนุ่มผู้อยู่ในฐานะเจ้านายของเธอก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของเด็กสาว แม้ว่าปกติมัลฟอยจะมีผิวที่ขาวซีดอยู่แล้ว หากแต่ในตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กลับคิดว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มดูขาวซีดมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น อีกทั้งเมื่อดวงตาสีเงินที่คุ้นเคยคู่นั้นเงยขึ้นมาสบตาเธอ เด็กสาวก็พบว่ามันดูเศร้าหมองกว่าครั้งไหนก็ตามที่เธอเคยมองสบมัน รวมถึงในยามที่เขาเล่าเรื่องแม่ของเขาและความจริงที่เขาถูกมนุษย์หมาป่าทำร้ายให้เธอฟังด้วย
              และเมื่อเห็นเช่นนั้น อาจจะด้วยสัญชาติญาณหรืออะไรก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกขึ้นและก้าวไปหาเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่บัดนี้ได้ก้าวขึ้นมาอยู่บนห้องใต้หลังคาแห่งนี้เรียบร้อยและกำลังร่ายคาถาให้ประตูเหล็กเบื้องหลังปิดลง ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาเด็กสาวที่บัดนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว
               “เธอเป็นยังไงบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก หากแต่น้ำเสียงของเด็กสาวนั้นแสดงถึงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน
              เดรโกฝืนยิ้มอย่างสุดความสามารถก่อนที่เขาจะตอบเธอออกมา
               “ฉันไม่เป็นไร” เขาพยายามอย่างมากที่จะทำให้เสียงที่พูดออกมานั้นฟังดูแปลกแปร่งหรือแม้กระทั่งสั่นเทาน้อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าถึงแม้เขาจะแสร้งทำท่าทีปกติมากกว่านี้ มันก็ไม่อาจจะหลุดรอดสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ไปได้
              และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ เมื่อเด็กสาวตรงหน้าของเขาถามขึ้น
               “เธอแน่ใจนะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูกังวลและห่วงใยมากกว่าอะไรทั้งหมด และเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้มองเขาแล้วนั้น เดรโกก็ไม่อาจจะตอบอะไรออกมาได้ เด็กหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ เท่านั้น
              หากแต่ อาจจะเป็นเพราะคำถามของเด็กสาว หรือสายตาบวกกับท่าทีที่แสดงออกถึงความห่วงใยของเธอ หรือมือของเธอที่เอื้อมมาแตะแขนของเขาอย่างแผ่วเบาก็ตาม มันทำให้เดรโกไม่สามารถจะแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอีกต่อไปได้ ใบหน้าเรียบเฉยที่เขาพยายามสวมราวกับหน้ากากที่ใช้ปกปิดอารมณ์ต่าง ๆ ของเขานั้นหลุดรุ่ยอย่างไม่ชิ้นดีเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายสื่อออกมาอย่างชัดเจน และในวินาทีนั้นเอง โดยไม่มีคำเตือนใด ๆ ร่างสูงของเดรโกก็คว้าร่างบางของเด็กสาวมาสวมกอด หากแต่การกระทำในครั้งนี้ของเขาไม่ได้เป็นเพราะเขาต้องการซ่อนความเศร้าหมองจากการผิดหวังในสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดซึ่งก็คือความรักของเด็กสาวจากการรับรู้ของร่างตรงหน้าเพียงเท่านั้น ในครั้งนี้เดรโกเลือกที่จะใช้อ้อมกอดนั้นบดบังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองและความกดดันรวมถึงน้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาสีเงินของเขาซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการที่มัลฟอยต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ยากยิ่งในชีวิตของเขาเลยทีเดียว!
              แต่ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างยิ่งเพื่อซ่อนความรู้สึกที่ท่วมท้นจนแทบจะครอบงำเขาจากสายตาของผู้หญิงที่เขารักอย่างสุดความสามารถก็ตาม หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังถูกร่างสูงของเด็กหนุ่มกอดรัดอยู่นั้นสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านที่แผ่นหลังของมัลฟอยเมื่อเขาสะอื้นออกมาอย่างไร้เสียง! และเมื่อเห็นเช่นนั้นแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในฐานะทาสของเด็กหนุ่มรวมถึงรู้ดีว่าเขาเคยทำเรื่องที่เลวร้ายจนเกินจะให้อภัยลงไปกับเธอก็ตาม ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือเล็กของเธอขึ้นลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านของเด็กหนุ่มผมบลอนด์อย่างปลอบโยน ราวกับว่าเธอต้องการจะบอกเขาว่า เธอจะอยู่ข้าง ๆ เขาตรงนี้และเธอพร้อมจะเผชิญทุกอย่างที่เขาต้องเผชิญไปด้วยกัน
 
              ……………………………………………………………
 
              เดรโกไม่แน่ใจว่าเขาโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่อยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ แต่เท่าที่เด็กหนุ่มรู้ มันอาจจะเนิ่นนานจนความเปียกชื้นที่ดวงตาของเขาเหือดแห้งไปเมื่อสติสัมปชัญญะของเขาเริ่มกลับคืนมา และเมื่อเขาแน่ใจว่าเขาสามารถควบคุมสติรวมถึงสีหน้าของเขาได้แล้ว เด็กหนุ่มก็คลายอ้อมกอดออกจากร่างบางของผู้หญิงที่เขารักมากกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้ และเมื่อเขาทำเช่นนั้นเขาก็พบว่าดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายกำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาที่แสดงความห่วงใยระคนสงสัย
              หากแต่เด็กสาวกลับไม่ถามอะไรออกมาแต่อย่างใด เธอเพียงมองเขาอย่างห่วงใยเท่านั้น และเมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าเขาควรจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังได้อย่างไรก็ละจากร่างบางนั้นไป เดรโกเลือกที่จะเดินไปนั่งลงบนเตียงราวกับว่าการยืนอยู่ขณะที่พูดคุยเรื่องที่เขากำลังจะเล่าให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ และในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากบอกให้เด็กสาวมานั่งข้าง ๆ เขาอยู่นั้น เธอก็เดินตามเขามาเสียก่อน
              เฮอร์ไมโอนี่เดินตามเดรโกมานั่งลงบนเตียงข้าง ๆ เขาในระยะที่บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ต้องการรักษาระยะห่างจากเด็กหนุ่มอีกต่อไป ราวกับว่าเธอไม่ได้คิดว่าการนั่งอยู่บนเตียงกับเด็กหนุ่มผู้เคยทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสมาก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับเธอ ราวกับว่าในตอนนี้ความรู้สึกของร่างตรงหน้าและการปลอบใจร่างเขาเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมดสำหรับเด็กสาว และเมื่อเด็กหนุ่มผมบลอนด์เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีน้ำตาลที่อีกฝ่ายใช้มองมาทางเขา เขาก็พบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง เพราะดวงตาอันแสนจะอ่อนโยนของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังมองมาทางเขานั้นไม่ได้แสดงสิ่งใดออกมานอกจากความเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อเขา แต่เมื่อเห็นเช่นนั้นมัลฟอยก็กลับรู้สึกขึ้นมา เด็กหนุ่มกลัวว่าแววตาอันแสนอ่อนโยนที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้มองเขาในยามนี้จะแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่แสดงออกถึงความรังเกียจแม้กระทั่งหวาดกลัวเมื่อเธอได้รู้ความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา
              แต่ถึงกระนั้นเดรโกก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากบอกเล่าสิ่งที่เขาได้ล่วงรู้จากเฟรย่าให้เธอฟัง รวมถึงการตัดสินใจของเขาก่อนหน้านี้ เพราะเด็กหนุ่มรู้ดีกว่า ถึงเขาจะไม่บอกเธอในตอนนี้ ไม่ช้าก็เร็วเด็กสาวก็ต้องรู้ความลับที่เขาเก็บงำไว้รวมถึงการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้อยู่ดี
              เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้นแล้ว และหลังจากที่มองสบดวงตาสีน้ำตาลอันแสนจะอ่อนโยนของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังนิ่งเงียบเพื่อรอฟังเขาอยู่นั้น เดรโกก็เอ่ยปากพูดสิ่งที่เขาจำเป็นต้องบอกเธอออกมาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวและริมฝีปากที่แห้งผาก
               “เฟรย่าอยากคุยกับฉันเรื่องการรักษาของฉัน” เขาเริ่มเล่า ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ฟังอย่างตั้งใจ
               “เฟรย่าให้ฉันทำการทดสอบบางอย่างเพื่อทดสอบว่าเชื้อหมาป่าได้กระจายไปทั่วร่างของฉันหรือยัง” ใบหน้าของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยวเมื่อเขาต้องเอ่ยถึงการทดสอบที่ว่า ซึ่งมันเปรียบเสมือนการจำลองการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่ารวมถึงความจริงอันไม่รื่นรมย์ที่ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเช่นนั้นทุกคืนวันเพ็ญหากเขาไม่ได้รับการรักษาให้หายจากคำสาปร้ายนี้
              ทางด้านเด็กสาวที่กำลังฟังสิ่งที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์เล่าอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากที่เธอเคยเห็นในตัวของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของเธอ มันอาจจะเป็นเพราะเธอเห็นถึงสีหน้าอันซีดเซียวของเขาหรือการที่เขาไม่สามารถพูดประโยคต่อไปออกมาได้ในทันทีนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่เท่าที่เด็กสาวรู้ก็คือ ในวินาทีต่อมา มือเล็กของเธอก็เลื่อนเข้าไปกุมมือใหญ่ที่สั่นเทาของเดรโกไว้พร้อมกับที่เธอส่งสายตาที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างไม่มีร่องรอยของความคาดคั้นไปให้เขา
              และอาจจะเป็นเพราะว่าความอบอุ่นจากมือเล็กนั้นเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการมากกว่าอะไรทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาต่อก็เป็นไปได้ เพราะหลังจากที่เดรโกรู้สึกถึงแรงบีบที่มือใหญ่ของเขารวมถึงความห่วงใยที่แสดงออกมาจากฝ่ายตรงข้ามแล้วนั้น เขาก็รู้สึกว่าเขาสามารถเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังต่อไปได้
               “ถ้าเชื้อยังไม่กระจายไปทั่วร่างของฉัน มันก็คงจะมีหนทางที่พอจะรักษาฉันได้” เขาพูดออกมา และเด็กหนุ่มต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับน้ำเสียงของเขาไม่ให้ฟังดูสั่นเครือเมื่อเขาพูดประโยคต่อไปที่เด็กสาวข้างกายเขารอฟังอย่างใจจดใจจ่อออกมา
               “แต่มันสายไปเสียแล้ว เชื้อหมาป่าแพร่ไปทั่วร่างของฉันแล้ว และมันก็ไม่มีหนทางใดที่จะรักษาฉันได้แล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความปวดร้าวอย่างแสนสาหัส
               “ฉันต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าหลังจากนี้” เขาพูดประโยคที่ราวกับเป็นคำสาปร้ายในชีวิตของเขาออกมาด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะไม่ให้จิตใจของเขาแตกสลายไปเพราะคำพูดนั้น เดรโกได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่กลั้นหายใจหลังจากที่เขาพูดจบ หากแต่เด็กหนุ่มกลับไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นสบตาร่างที่บัดนี้อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น และนั่นเป็นเพราะเด็กหนุ่มกลัวที่จะค้นพบว่าแววตาที่แสนจะอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความห่วงใยของเฮอร์ไมโอนี่จะแปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่แสดงออกถึงความรังเกียจเดียดฉันท์เมื่อเธอรู้ว่าเขาจะต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ผู้คนหวาดกลัวหลังจากนี้!
              หากแต่ขณะที่กำลังรอดูท่าทีรังเกียจที่อีกฝ่ายอาจจะแสดงออกมาด้วยหัวใจที่เต้นรัวอยู่นั้น เขากลับต้องแปลกใจเมื่อเขาสัมผัสถึงมือเล็กที่ยกขึ้นมาแนบใบหน้าที่แทบจะแตกสลายไปเพราะความเศร้าของเขา พร้อมกับเสียงของเฮอร์ไมโอนี่ที่พูดขึ้นว่า
               “ฉันเสียใจด้วยนะ เดรโก” น้ำเสียงนั้นช่างแผ่วเบา หากแต่แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าและความห่วงใยเกินกว่าที่เด็กหนุ่มคาดฝันว่าเขาสมควรจะได้รับจากทาสสาวของเขาซึ่งเขาเคยทำร้ายอย่างแสนสาหัสมาก่อนหน้านี้
              อันที่จริงเฮอร์ไมโอนี่มีสิทธิ์ทุกประการที่จะเกลียดชังเขา รวมถึงรังเกียจสิ่งที่เขากำลังจะกลายเป็นเฉกเช่นที่เขาเคยแสดงท่าทีรังเกียจสายเลือดของเธอมาก่อน! หากแต่เดรโกเพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้เอง หรืออันที่จริงเขาอาจจะรู้ความจริงข้อนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะมันถูกแสดงให้เขาเห็นหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า จิตใจของเฮอร์ไมโอนี่นั้นงดงามและสูงส่งเกินกว่าที่จะยอมตกเป็นทาสของความเกลียดชัง ตรงกันข้ามเด็กสาวกลับเลือกที่ห่วงใยและเห็นใจแม้กระทั่งเด็กหนุ่มที่เคยทำเรื่องที่ไม่อาจจะให้อภัยได้ลงไปกับเธอ
              ตรงกันข้ามในยามที่เขาตกต่ำถึงเพียงนี้ เด็กสาวตรงหน้ากลับไม่เลือกที่จะใช้โอกาสนี้ในการแก้แค้นให้เขาต้องเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำลงไปกับเธอ แต่เธอกลับเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาและแสดงออกให้เขาเห็นว่าเธอห่วงใยและเห็นใจกับเรื่องที่เขาต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้! และอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็เป็นได้ที่ทำให้เด็กหนุ่มหลงรักเธออย่างที่เขาไม่เคยรักใครมาก่อน เพราะเธอเปรียบเสมือนแสงสว่างในโลกที่แสนจะมืดมนของเขา ความอบอุ่นของเธอช่วยหล่อเลี้ยงให้เขาก้าวผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิตของเขาไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งในตอนที่เขากำลังเผชิญสถานการณ์ที่มืดมนที่สุดในชีวิตของเขาในยามนี้ก็ตาม!
              ความห่วงใยของเฮอร์ไมโอนี่หล่อเลี้ยงให้เขามีกำลังใจพอที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายครั้งนี้ไปได้ หากแต่เด็กหนุ่มก็สงสัยเหลือเกินว่าถ้าปราศจากความอบอุ่นและความห่วงใยจากร่างเล็กนี้แล้ว เขาจะใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาโหดร้ายที่เขาต้องเผชิญต่อไปได้อย่างไร ถ้าหากไม่มีเฮอร์ไมโอนี่อยู่ข้างกายเขาแล้วเขาจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปได้อย่างไร!
              และเมื่อคิดได้เช่นนั้น ว่าเขาคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยปราศจากเด็กสาวผู้เป็นที่รักของเขา เดรโกก็เอ่ยปากถามเธอออกมาราวกับว่าเขายังคงไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ถูกแสดงออกให้เขาเห็นอย่างชัดเจนเท่าไหร่นัก
               “เธอไม่รังเกียจฉันอย่างนั้นหรือ” เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับเด็กหนุ่มคิดว่าเขาไม่สมควรได้รับแม้กระทั่งความห่วงใยจากร่างตรงหน้า โดยเฉพาะหลังจากสิ่งที่เขาพูดคุยกับเฟรย่าไปก่อนหน้านี้นั้นทำให้เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าเขาไม่คู่ควรกับความรักหรือแม้กระทั่งความห่วงใยของเฮอร์ไมโอนี่เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นใครกันที่จะไปคาดหวังความรักจากเด็กสาวคนนี้ เด็กสาวที่มีจิตใจงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ เด็กสาวที่ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจแม้กระทั่งในตอนที่เขาบอกเธอว่าเขาจะต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ผู้คนหวาดกลัวหลังจากนี้!!!
              ในขณะที่เดรโกกำลังกลั้นใจรอฟังคำตอบจากผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักอยู่นั้น เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ที่ดังมาจากร่างบางตรงหน้า หากแต่มันไม่ใช่เสียงถอนหายใจด้วยความรำคาญหรือหนักอกหนักใจแต่อย่างใด อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่แน่ใจนักว่ามันบ่งบอกถึงอะไร เพราะสิ่งต่อไปที่เด็กหนุ่มรู้สึกก็คือวงแขนของร่างเล็กที่เข้ามาโอบกอดเขา
              ความอบอุ่นเป็นสิ่งแรกที่เดรโกสัมผัสเมื่อร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่โอบกอดร่างสูงของเขาเอาไว้แนบอก แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังการกระทำนี้จากเด็กสาวหลังจากที่เขาบอกเธอว่าเขาจะต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าหลังจากนี้ออกไป ถึงกระนั้นมันก็ใช้เวลาไม่นานที่เด็กหนุ่มจะโอบกอดร่างบางตรงหน้าตอบอย่างหนาแน่น วงแขนแข็งแรงของเขาโอบรัดร่างของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักไว้ราวกับมันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวของเขาบนโลกใบนี้ และราวกับว่าความอบอุ่นที่เธอมอบให้นั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะนำทางให้เขาก้าวผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่เขาจำต้องเผชิญต่อจากนี้ไปได้!
 
              ……………………………………………………………
 
              เดรโกไม่แน่ใจว่ามันผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วหลังจากที่ทั้งเขาและเฮอร์ไมโอนี่ต่างโอบกอดกันอยู่ แต่สิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มรู้ก็คือเขาปรารถนาที่จะใช้เวลาชั่วนิรันดร์อยู่ในอ้อมกอดของเด็กสาวที่เขารักมากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะในตอนนี้ถึงแม้ว่าร่างบางตรงหน้าจะไม่ได้พูดอะไรเพื่อเป็นการปลอบใจเขาจากเรื่องเลวร้ายที่เขาเพิ่งเผชิญหรือจะต้องเผชิญในอนาคตออกมา ก็ตาม แต่แค่อ้อมกอดและความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากร่างเล็กของเธอนั้นก็พูดทุกอย่างออกมาชัดเจนแล้ว เพราะอ้อมกอดของเฮอร์ไมโอนี่ในครั้งนี้นั้นแทบจะไม่ต่างกับตอนที่เธอเข้ามากอดเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เธอได้ล่วงรู้อดีตอันขมขื่นเรื่องแม่ของเขาเลย และถึงแม้ว่าเด็กสาวจะไม่ได้พูดอะไรออกมา เดรโกก็รู้ดีว่าสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องการจะบอกเขาก็คงไม่ต่างจากที่เธอเคยบอกเขาในวันนั้นสักเท่าไหร่นัก
 
               “ฉันแค่อยากให้นายรู้ว่านายไม่ได้อยู่คนเดียว”
 
              ถ้อยคำที่เฮอร์ไมโอนี่เคยพูดกับเขาในครานั้นดังขึ้นในใจของเด็กหนุ่มขณะที่เขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวในตอนที่เขาเปิดใจให้เด็กสาวเป็นครั้งแรก และจากจุดเริ่มต้นตรงนั้นเองที่ทำให้เขาเริ่มรู้จักเด็กสาวที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์มากขึ้น จนกระทั่งเขาตกหลุมรักเธออย่างที่เขาไม่เคยรักใครมาก่อน
              แต่ในตอนนั้นถ้าเพียงแค่เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่บอกเขามากกว่านี้ ถ้าเขากับเธอหันมาเปิดอกคุยกันดี ๆ หรือถ้าเด็กสาวเชื่อในความรักที่เขามีต่อเธอซึ่งเขาก็ได้สารภาพกับเธอออกไปอย่างตรงไปตรงมาแล้วนั้น เรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ หากพวกเขารักษาสัญญาที่พวกเขาต่างให้กับอีกฝ่ายไว้ พวกเขาทั้งสองก็อาจจะไม่ต้องมาเจ็บปวดเฉกเช่นนี้ก็เป็นได้!
              ถึงจะรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะต้องการมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกอย่างได้ พอ ๆ กับที่เขาไม่สามารถหายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้หากไม่มีผู้เสียสละพลังเวทมนตร์เพื่อเขา แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เดรโกก็ปรารถนาเหลือเกินว่าเขาจะสามารถเริ่มต้นกับเฮอร์ไมโอนี่ใหม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเป็นคู่รักธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอุปสรรคมากมายขวางกั้นได้ก็ตาม แต่ถ้าหากเด็กหนุ่มสามารถเลือกได้ อย่างน้อย ๆ เขาก็ขอเลือกที่จะไปเริ่มต้นกับเด็กสาวคนนี้ใหม่อีกสักครั้ง
              และเมื่อคิดได้เช่นนั้น โดยไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เดรโกก็ทำตามสิ่งที่หัวใจของเขาเรียกร้องโดยการคลายวงแขนของเขาออกจากร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ และในขณะที่อีกฝ่ายมองเขาอย่างสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไรออกมาเด็กหนุ่มก็ก้มลงไปจูบเธอที่ริมฝีปาก
              มันเป็นจูบที่อ่อนโยนมากในความคิดของเด็กสาวที่ก่อนหน้านี้ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา มันช่างอ่อนโยนและหอมหวานเสียจนมันเกือบจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่ลืมสัมผัสรุนแรงที่เด็กหนุ่มเคยมอบให้เธอก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น และแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าร่างสูงที่กำลังจูบเธออยู่นั้นเป็นคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่เคยทำเรื่องเลวร้ายอย่างไม่น่าอภัยลงไปกับเธอ หากแต่ด้วยเหตุผลบางประการที่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ว่ามันคืออะไร เธอกลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความจริงข้อนั้น ตรงกันข้ามหลังจากที่ได้รับรู้ถึงสัมผัสที่หอมหวานจากร่างตรงหน้าแล้ว เธอก็ไม่ลังเลที่จูบเขาตอบอย่างกระตือรือร้น
              เฮอร์ไมโอนี่จูบเดรโกตอบอย่างแผ่วเบาหากแต่หนักแน่นพร้อมกับที่ร่างเล็กของเธอเบียดชิดเข้ามาใกล้ร่างใหญ่ของเด็กหนุ่ม มือเล็กของเธอประคองใบหน้าของอีกฝ่ายไว้ขณะที่ร่างสูงของเดรโกก็ตวัดแขนมาโอบกอดร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่อีกรอบ ก่อนที่เด็กสาวจะตัดสินใจยกแขนขึ้นโอบรอบคอร่างตรงหน้าไว้ซึ่งส่งผลให้ร่างของทั้งสองแนบชิดกันยิ่งขึ้นไปอีก
              เดรโกไม่แน่ใจว่าเขาพวกเขาแลกจูบที่หอมหวานซึ่งค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นหนักแน่นกันนี้อยู่นานเท่าไหร่ แต่เมื่อเด็กหนุ่มรู้สึกถึงร่างเล็กที่เบียดตัวเข้ามาชิดใกล้ร่างสูงของเขามากขึ้นจนเนินอกของเธอสัมผัสกับแผ่นอกของเขา เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจถอนริมฝีปากของเขาออกมาในทันที และเมื่อเขาทำเช่นนั้นดวงตาสีเงินของมัลฟอยก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่แลดูสับสนกับใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่าย และหลังจากทั้งคู่ได้สูดลมหายใจที่ติดขัดไปจากการแลกจูบอันแสนจะยาวนานของพวกแล้วนั้น เดรโกที่รู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่เริ่มก่อตัวขึ้นในร่างกายของเขาก็พูดตัดสินใจขึ้น
               “ฉันต้องหยุดแค่นี้ ไม่อย่างนั้น…….” เขาพูดเพียงเท่านั้นขณะสบตาร่างตรงหน้า และเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเด็กหนุ่มก็รู้ดีกว่าเฮอร์ไมโอนี่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ ซึ่งก็คือ แม้ว่าจูบครั้งนี้ระหว่างพวกเขาจะหอมหวานมากแค่ไหนก็ตาม หรืออาจจะเพราะมันหอมหวานยิ่งนักเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาจูบเธอ เขาจำเป็นต้องถอนริมฝีปากออกมาเสียก่อนเพราะถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาอาจจะไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าการจูบได้
              เป็นเพราะเดรโกเคยให้สัญญากับเฮอร์ไมโอนี่ไว้ว่าเขาจะไม่ล่วงเกินเธออีกหากเธอไม่เต็มใจ และเขาก็ตั้งใจที่จะรักษาสัญญาของเขา แต่เมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงเลือกที่จะพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไป
               “ฉันตั้งใจจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ” เดรโกพูดพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขาหมายความตามที่พูดจริง ๆ แต่ถึงเด็กหนุ่มจะมีท่าทีที่จริงจังกับคำพูดของเขาแค่ไหนก็ตาม เด็กสาวตรงหน้าของเขาก็ยังคงไม่ตอบอะไรออกมา แม้ว่าใบหน้าที่แดงก่ำของเฮอร์ไมโอนี่จะแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอก็รู้สึกดีกับจูบในครั้งนี้อยู่ไม่น้อย แต่เด็กสาวก็เลือกที่จะเก็บงำคำพูดของเธอเอาไว้และปล่อยให้อีกฝ่ายสับสนกับสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้
 
              และสาเหตุที่เธอเลือกที่จะทำเช่นนั้นเพราะเฮอร์ไมโอนี่เองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับจูบของพวกเขาในครั้งนี้รวมถึงการที่เดรโกตั้งใจที่จะรักษาสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธอด้วย แน่นอนว่าเด็กสาวรู้สึกดีใจไม่น้อยที่เด็กหนุ่มตั้งใจจะทำตามสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับเธอ และเลือกที่จะหยุดเสียก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านี้ หากแต่ในใจลึก ๆ แล้วนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องยอมรับว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เดรโกหยุดการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเด็กสาวจะรู้ว่าความใกล้ชิดของเขาและเธอในครั้งนี้อาจจะนำไปสู่สิ่งใดก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่าบัดนี้ร่างกายของเธอต้องการสัมผัสของเด็กหนุ่มตรงหน้ามากแค่ไหน
              ใช่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่ต้องการสัมผัสของเดรโก มัลฟอยแม้ว่าเขาจะเป็นคน ๆ เดียวกับเด็กหนุ่มที่เคยล่วงเกินและขืนใจเธอมาก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าความรุ่มร้อนที่ก่อตัวขึ้นในอกของเธอนั้นมีสาเหตุมาจากการที่เธอปรารถนาสัมผัสจากร่างตรงหน้าเช่นเดียวกัน! และความรุ่มร้อนนี้ก็ดูไม่มีทีท่าจะจางหายไปไหนแม้กระทั่งตอนที่พวกเขาแลกจูบอันแสนจะหอมหวานกันจนเดรโกถอนริมฝีปากของเขาออกไปแล้วก็ตาม ราวกับว่ายิ่งเธอได้สัมผัสร่างตรงหน้ามากเท่าไหร่ เธอกลับต้องการสัมผัสจากเขามากขึ้นเท่านั้น!
              แม้ใจหนึ่งจะรู้ดีว่าเธอไม่ควรจะมีความคิดเช่นนั้นกับเด็กหนุ่มที่เคยล่วงเกินและทำเรื่องเลวร้ายกับเธอมาก่อนก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เธอรู้สึกได้ แท้ที่จริงแล้วเด็กสาวรู้สึกดีกับสัมผัสของเด็กหนุ่มตรงหน้ามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะนอกจากคืนที่มัลฟอยได้ทำรุนแรงลงไปกับเธอแล้ว สัมผัสของเด็กหนุ่มผู้อยู่ในฐานะเจ้านายของเธอก็มอบความรัญจวนใจให้กับเฮอร์ไมโอนี่ไม่น้อย แม้กระทั่งหลังจากคืนที่เขาได้ใช้กำลังบังคับให้เธอตกเป็นของเขาก็ตาม!
              แต่เพราะในตอนนั้นเด็กสาวไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเดรโก ในตอนนั้นเธอเข้าใจว่าเขาทำเช่นนั้นกับเธอเพื่อลงโทษหรือไม่ก็แก้แค้นเธอแค่เพียงเท่านั้น แต่หลังจากที่เธอล่วงรู้ความจริงที่ว่าเด็กหนุ่มรักเธออย่างแท้จริง เฮอร์ไมโอนี่ที่ยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของเขารวมถึงของตัวเธอเองก็เลือกที่จะป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเกินเลยด้วยการขอให้เขาไม่แตะต้องเธอหากเธอไม่ยินยอมพร้อมใจอีก และดูเหมือนว่าเดรโกก็สามารถรักษาสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับเธอได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยเขาก็แสดงออกมาว่าเขาพยายามที่จะถนอมน้ำใจเธอมากกว่าเมื่อก่อนมากนักดังเช่นที่เขากำลังพยายามทำอยู่ในตอนนี้
              หากแต่หลังจากที่เขาทั้งสองแลกเปลี่ยนคำสัญญาและพยายามที่จะรักษาสัญญาซึ่งกันและกันอยู่นั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า สัมผัสของเด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งการใช้อำนาจบังคับนั้นจะเป็นเช่นไรนะ มันจะรู้สึกอย่างไรนะหากเดรโกมอบสัมผัสที่มากกว่าการจูบให้เธอด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนดังที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
              สัมผัสของเด็กหนุ่มจะเป็นเช่นไรนะถ้าเขามอบมันให้กับผู้หญิงที่เขารักโดยไม่มีความแค้นเคืองหรือการลงโทษแฝงอยู่ด้วย นี่เป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะหาคำตอบได้เลยเมื่อร่างตรงหน้าหยุดการกระทำของเขาเพียงเท่านี้ หากแต่ถึงจะยังไม่ได้ลองค้นหาคำตอบนั้นต่อไปก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ก็พอจะเดาออกว่าสัมผัสของเดรโกยามที่เขามอบบทรักให้ผู้หญิงที่เขารักนั้นคงต้องหอมหวานและรัญจวนใจไม่แพ้จูบระหว่างเขาและเธอที่เพิ่งจะจบลงไปเมื่อครู่เป็นแน่
 
              ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบไปเพื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นรวมถึงพยายามจะทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอยู่นั้น ทางด้านเดรโกก็มองร่างเล็กของเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความกังวลใจ เขาทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ เขาล่วงเกินเธอเกินไปหรือเปล่าเธอถึงได้นิ่งเงียบเช่นนี้ เด็กหนุ่มคิดอย่างร้อนใจ และเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทีท่าจะพูดอะไรออกมาเสียที เขาจึงตัดสินใจพูดขึ้น
               “เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ หากแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านี้ มือเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ก็เลื่อนมาแตะริมฝีปากของเขาเอาไว้ราวกับเธอจะต้องการสำรวจริมฝีปากบางที่เคยใช้จูบเธอก่อนหน้านี้ ก่อนที่มันจะเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าเรียวที่เคยซีดเซียวของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา
              ดวงตาสีเงินที่แลดูสับสนของมัลฟอยสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่มองสำรวจใบหน้าของเขาอย่างค้นหา และในวินาทีต่อมา หลังจากที่แววตาซึ่งปกติเคยมองเขาอย่างอ่อนโยนนั้นมีท่าทีราวกับมันเจอสิ่งที่มันกำลังตามหาแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงและจูบเขาที่ริมฝีปาก
              มันเป็นจูบที่อ่อนโยนและแสนจะบริสุทธิ์มากกว่าทุกครั้งที่เขาเคยจูบเธอมา มันเป็นจูบที่เตือนให้เขานึกถึงจูบที่เฮอร์ไมโอนี่มอบให้เขาในค่ำคืนนั้นก่อนที่เธอจะหนีไป หากแต่ในครั้งนี้มันต่างจากครานั้นมาก เพราะเด็กหนุ่มรู้ดีกว่าเด็กสาวไม่ได้ต้องการใช้สัมผัสของเธอมาล่อลวงเขาอย่างเช่นในวันนั้น ตรงกันข้ามนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาจูบเขาก่อนด้วยความต้องการของเธอเอง
              ถึงแม้ว่าจะรู้สึกพอใจกับการกระทำของเด็กสาวตรงหน้าเพียงใดก็ตาม แต่เดรโกกลับเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมาก่อน แววตาสีเงินที่แลดูสับสนมากกว่าก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่แสดงออกถึงความแปลกใจของร่างเล็กตรงหน้า
               “เธอ......” เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก “เธอเคยบอกฉันเองว่าเธอไม่อยากให้ฉันล่วงเกินเธอโดยที่เธอไม่เต็มใจไม่ใช่เหรอ” เดรโกถามออกไป หากแต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็คือแววตาสีน้ำตาลที่แลดูหนักแน่นของฝ่ายตรงข้ามราวกับว่าเธอได้ตัดสินใจในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไปนี้มาดีแล้วก่อนที่จะพูดมันออกมา
               “ฉันไม่ได้ไม่เต็มใจ” เด็กสาวเอ่ยถ้อยคำนั้นออกมาท่ามกลางสีหน้าที่งุนงงของฝ่ายตรงข้าม ราวกับเขาไม่แน่ใจว่าเขาฟังคำพูดนั้นผิดเพี้ยนไปจากที่มันควรจะเป็นหรือเปล่า หากแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้สึกแปลกใจในท่าทีของเดรโกเสียเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้วเด็กสาวเองก็ยอมรับว่าเธอแปลกใจกับการกระทำของตัวเองในครั้งนี้ไม่น้อยทีเดียว
              เพราะที่จริงแล้วเธอไม่ควรที่จะเรียกร้องหรือแม้กระทั่งต้องการสัมผัสที่มาจากเด็กหนุ่มตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นคนเดียวกับคนที่เคยลงมือข่มเหงและช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ แต่ถึงแม้สมองส่วนเหตุผลจะบอกเธอเช่นนั้นก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถละเลยความปรารถนาที่ก่อตัวอยู่ในอกของเธอได้ อีกทั้งสิ่งที่เด็กสาวรู้สึกไม่ใช่ความร้อนรุมของไฟปรารถนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่มันคือความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปจนแม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยากที่บอกได้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงเลือกที่จะพูดถ้อยคำเช่นนั้นออกไป
 
              มันเป็นเพราะเธอสงสารเขาอย่างนั้นหรือ ความคิดแรกผุดขึ้นมาในหัวเมื่อเธอพยายามจะหาคำตอบให้กับการกระทำที่แปลกประหลาดของตัวเอง แน่นอนว่าเธอเห็นใจเด็กหนุ่มเป็นอย่างมากที่เขาจะต้องมาเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นนี้หากแต่การตัดสินใจในครั้งนี้ของเธอมันไม่ได้มาจากความสงสารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเป็นแน่ เพราะถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะสงสารเดรโกมากเพียงใดก็ตาม เธอก็คงจะไม่ยอมมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเด็กหนุ่มเพียงเพราะเธอสงสารเขาเพียงอย่างเดียวแน่
              หรือเป็นเพราะเธอรักเขาอย่างนั้นหรือ ความคิดต่อมานั้นผุดขึ้นมาในหัว แต่เธอก็รีบปฏิเสธมันอย่างรวดเร็วเสียกว่าตอนที่เธอปฏิเสธว่าเธอต้องการสัมผัสจากเด็กหนุ่มเสียอีก เพราะมันไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้ เธอไม่มีทางตกหลุมรักเด็กหนุ่มที่ชื่อเดรโก มัลฟอยได้พอ ๆ กับที่เธอไม่สามารถลืมเรื่องราวที่เขาเคยทำลงไปกับเธอได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เธอรู้สึกในตอนนี้นั้นไม่มีทางเป็นความรักไปได้ เพราะเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอคงไม่สามารถรักผู้ชายที่กักขังเธอไว้เพื่อเป็นทาสของเขาได้แม้ว่าเขาจะทำลงไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม
               ‘ หรือจะเป็นเพราะเธออยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หากเธอหรือเดรโกไม่เป็นฝ่ายหยุดมันเสียก่อน ’
              การไตร่ตรองของเฮอร์ไมโอนี่วนเวียนอยู่ที่เหตุผลประการที่สามนานกว่าข้ออื่น ๆ ที่เธอเลือกจะลบมันไปตั้งแต่มันเริ่มปรากฎขึ้นมาในหัวสมองของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่ได้ต้องการจะจูบมัลฟอยต่อเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นอย่างเดียวเท่านั้น แถมความอยากรู้นั้นอาจจะไม่จำเป็นเสียด้วยซ้ำเพราะเด็กสาวรู้อยู่แล้วว่าถ้าหากทั้งสองแลกจูบที่หอมหวานกันต่อไป เรื่องราวของพวกเขาจะไปลงเอยที่ใดเพราะเธอเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาแล้ว แม้ว่าประสบการณ์ดังกล่าวจะไม่น่าจดจำและปราศจากความอ่อนโยนหอมหวานดังที่เธอได้สัมผัสเมื่อครู่นี้มากก็ตาม
              และด้วยเหตุนี้เองที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเหตุผลประการนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ต้องการจะให้เดรโกรวมถึงตัวเธอเองหยุดการกระทำเมื่อครู่ลง เพราะถึงแม้เธอจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเด็กหนุ่มตรงหน้ามาแล้วก็ตาม แต่บทรักของเขาก่อนหน้านี้นั้นมันช่างเต็มไปด้วยความรุนแรง การครอบครอง และการลงโทษอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่หวังว่าเธอจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์เช่นนั้นอีกในชีวิตของเธอ หากแต่ในครั้งนี้มันช่างต่างจากทุกครั้งที่เธอเคยประสบมา อีกทั้งเดรโกก็ยังดูห่วงใยความรู้สึกของเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด เขาเลือกที่จะหยุดเพราะกลัวว่าการทำอะไรที่เกินเลยจะเป็นการผิดสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธอลงไป และเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าหากเธอรักษาสัญญาที่เธอเคยให้กับเขาไว้ก่อนที่เธอจะหนีเขาไปแล้วล่ะก็ สัมผัสของเดรโกที่มีให้เธอนั้นก็จะหอมหวานและรัญจวนใจไม่ต่างจากที่เขามอบให้เธอก่อนหน้านี้หรือไม่ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าสัมผัสที่เด็กหนุ่มมอบให้เธอในฐานะคนรักนั้นจะให้ความรู้สึกอย่างไรกันนะ และอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้เด็กสาวจึงไม่อยากให้เขาหยุดการกระทำก่อนหน้า เพราะเธอเองก็ต้องการที่จะล่วงรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วเรื่องราวของพวกเขาจะดำเนินไปอย่างไรกัน
 
              และอาจเพราะด้วยเหตุนี้ เฮอร์ไมโอนี่จึงเลือกที่จะตอบเด็กหนุ่มตรงหน้าออกไปเช่นนั้น แต่เธอก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความแปลกใจจนแทบจะเรียกได้ว่าสับสนของอีกฝ่ายยามที่เธอพูดถ้อยคำนั้นของเธอออกมา และอาจจะเป็นเพราะว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของเด็กสาวเป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจพูดถ้อยคำต่อไปออกมา
               “เธอแน่ใจเหรอ” คำพูดนั้นดังออกมาจากริมฝีปากบางของเดรโกอย่างแผ่วเบาราวกับเด็กหนุ่มเองก็ยังไม่แน่ใจในสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกมา
              แน่นอนว่าเดรโก มัลฟอยแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มปรารถนาที่จะให้เด็กสาวเป็นของเขาด้วยความเต็มใจของเธอเอง หากแต่เมื่อความปรารถนาที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจของเขากลายเป็นจริงขึ้นมาหลังจากที่เขาต้องเผชิญความผิดหวังนานัปประการมาก่อนแล้วนั้น มันเลยทำให้เดรโกรู้สึกประหลาดใจกับโชคของเขาในครั้งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
              จริง ๆ แล้วเด็กหนุ่มไม่คิดว่ามันเป็นแค่โชคดีด้วยซ้ำ เพราะการที่เฮอร์ไมโอนี่ยอมเปิดใจให้เขา หรืออย่างน้อย ๆ การที่เธอแสดงออกมาว่าเธอไม่รังเกียจสัมผัสของเขาเหมือนอย่างที่เคยแล้วนั้นเปรียบเสมือนเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่แสนจะมืดมนของเดรโกก็ไม่ปาน เพราะเด็กหนุ่มรู้ดีอยู่เต็มอกว่า นอกจากความปรารถนาที่จะหายจากการเป็นมนุษย์หมาป่า และการได้หัวใจของเด็กสาวตรงหน้ามาครอบครองแล้วนั้น ยังมีอีกความปรารถนาหนึ่งที่เขาต้องการอย่างสุดหัวใจ นั่นก็คือการได้กลับไปเริ่มต้นใหม่กับเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง และการที่พวกเขาสามารถเป็นแค่คู่รักธรรมดา ๆ แทนที่จะต้องอยู่ในสถานะเจ้านายและทาสเฉกเช่นทุกวันนี้
              ถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อกลับไปเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ รวมถึงไม่สามารถลบล้างสัญญาทาสที่เขาได้ทำไว้กับเฮอร์ไมโอนี่ได้ก็ตาม แต่เมื่อเดรโกได้รับการหยิบยื่นโอกาสที่จะแสดงความรักที่เขามีต่อผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดออกมา เด็กหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะไขว่คว้ามันเอาไว้
              และเมื่อเขาเห็นว่าร่างตรงหน้าพยักหน้าในเชิงตอบคำถามที่เขาเพิ่งถามออกไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวแล้วนั้น เดรโกก็รู้ทันทีว่าเขาได้รับโอกาสดังกล่าวแล้ว!
 
              หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าตอบรับคำถามของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ได้ไม่นานนัก มือใหญ่ของเดรโกก็เลื่อนมาสัมผัสแก้มเนียนของเด็กสาวเอาไว้ เขาประคองใบหน้าเรียวของเธอไว้ในมือใหญ่ของเขาอย่างทะนุถนอมราวกับว่าเธอเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา ก่อนที่เขาจะก้มลงจูบริมฝีปากสีกุหลาบนั้นอย่างแผ่วเบาราวกับเรากลัวว่ามันจะช้ำเพราะสัมผัสของเขาเอง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็จูบตอบเขาอย่างอ่อนโยนเช่นกัน
              หลังจากรับรู้ถึงการตอบสนองของอีกฝ่ายแล้ว เดรโกก็เปลี่ยนจูบที่แสนจะอ่อนโยนของเขาให้หนักแน่นมากขึ้นหากแต่ยังคงความอ่อนโยนเอาไว้ เด็กหนุ่มค่อย ๆ สำรวจริมฝีปากสีกุหลาบของร่างตรงหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนที่เขาจะสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานในปากของเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิดกับร่างสูงของเขามากขึ้น
              ทั้งสองแลกจูบอันแสนจะล้ำลึกกันอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งรู้สึกต้องการอากาศหายใจ ทั้งสองจึงละใบหน้าออกจากอีกฝ่ายไปชั่วครู่ พร้อมกับหอบหายถี่ราวกับพวกเขาต้องการระบายความร้อนรุ่มที่อยู่ในอกออกมา เดรโกพินิจใบหน้าขึ้นสีของเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่แสดงความรักที่มีต่อร่างตรงหน้าออกมาอย่างชัดเจนก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้น
               “ถ้าเธอต้องการให้ฉันหยุด เธอแค่บอกฉันนะ” เขาเอ่ยเพื่อความแน่ใจ ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถยับยั้งตัวเองได้หรือไม่หากเฮอร์ไมโอนี่ต้องการให้เขาหยุดกลางคันหลังจากที่ทุกอย่างเลยเถิดไปมากกว่านี้แล้วก็ตาม แต่อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็จะพยายามทำเช่นนั้น และการที่เขาตัดสินใจพูดออกมานี้เป็นเพราะเขาต้องการให้ความมั่นใจกับร่างตรงหน้า รวมถึงย้ำเตือนกับตัวเองด้วยว่า เขาต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าอะไรทั้งหมด และแน่นอนว่าต้องมากกว่าความต้องการของเขาเอง เพราะตอนนี้เดรโก มัลฟอยได้เรียนรู้แล้วว่า เขาไม่สามารถเป็นเจ้าของเด็กสาวตรงหน้าอย่างแท้จริงด้วยการใช้กำลังบังคับแต่อย่างใด ตรงกันข้ามสิ่งที่จะทำให้เขาได้หัวใจหรืออย่างน้อยก็ได้รับความไว้วางใจจากเฮอร์ไมโอนี่มาคือการรับฟังและให้ความสำคัญต่อความต้องการของอีกฝ่ายมากกว่าความต้องการของตัวเขาเอง
และสิ่งที่เดรโกได้รับกลับมาจากการกระทำของเขาในครั้งนี้ก็คือรอยยิ้มน้อย ๆ จากร่างตรงหน้าพร้อมกับการพยักหน้าในเชิงที่บ่งบอกว่าเธอพอใจกับสิ่งที่เขาพูดเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเขาเห็นว่าร่างตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรออกมามากกว่านั้น เดรโกจึงก้มลงไปจูบริมฝีปากอิ่มของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิดร่างสูงของเขาอีกครั้งพร้อมกับที่เขาร่ายคาถากันรบกวนและร่ายมนตร์เพื่อให้ไฟในห้องดับลง
 
 
              ……………………………………………………………
 
 
              หลังจากที่ไฟในห้องดับลงพร้อมกับที่เขาจูบร่างบางที่บัดนี้เข้ามาแนบชิดกับร่างสูงของเขาจนพอใจแล้วนั้น เด็กหนุ่มก็ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะลงมือถอดเสื้อคลุมของเขาออกและโยนมันลงบนพื้น ก่อนที่เขาจะจัดแจงวางไม้กายสิทธิ์ที่เขาเพิ่งใช้มันร่ายคาถาเมื่อครู่ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงให้เรียบร้อยแล้วจึงหันมาสนใจร่างบางของเด็กสาวตรงหน้าอีกครั้ง
              แม้ว่าแสงจันทร์ในคืนนี้จะมืดสลัวจนแสงของมันแทบจะไม่เล็ดลอดเข้ามาในห้องใต้หลังคาที่ทั้งสองกำลังอาศัยอยู่แห่งนี้เลยก็ตาม แต่เค้าหน้างามของเฮอร์ไมโอนี่ที่ปรากฏขึ้นภายใต้แสงสลัวในห้องก็เพียงพอแล้วสำหรับเดรโก แม้ว่าเขาปรารถนาจะเห็นใบหน้าที่บัดนี้น่าจะขึ้นสีด้วยความเขินอายของเด็กสาวมากเพียงใดก็ตาม เด็กหนุ่มก็คิดว่าการปิดไฟนั้นน่าจะเหมาะสมและคงจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่สบายใจมากกว่า เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเคยร่วมรักกับเด็กสาวผู้อยู่ในฐานะทาสของเขามาแล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาแต่อย่างใด เขาต้องการให้มันพิเศษและต้องการให้เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจน้อยที่สุด ราวกับว่าเขาต้องการจะกลับไปแก้ไขทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบทรักในครั้งแรกของพวกเขาด้วยเรื่องราวในค่ำคืนนี้ และเหตุผลอีกประการที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ก็คือ เขาไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นผ้าพันแผลของเขาหรือสิ่งใดที่ตามซึ่งมันจะทำให้เธอนึกถึงความจริงที่ว่าเขาจะต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าต่อจากนี้
              แม้ว่ามันจะฟังดูเป็นความคิดที่โง่เง่ามากก็ตาม เพราะเด็กสาวเองก็เคยทำแผลมาให้เขามาหลายต่อหลายครั้งรวมถึงเธอเองก็รู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาต่อจากนี้เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เด็กหนุ่มผู้อยากจะให้ทุกอย่างในค่ำคืนนี้เป็นสิ่งที่พิเศษสมกับที่เฮอร์ไมโอนี่ยอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาด้วยความเต็มใจจึงเลือกที่จะตัดความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ความกระอักกระอ่วนของบทรักที่กำลังจะเกิดขึ้นของพวกเขาออกไปเสีย
              และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นใบหน้างามที่เขาหลงรักได้เต็มตาหลังจากที่เด็กหนุ่มตัดสินใจดับไฟในห้องลงก็ตาม แต่เดรโกก็คิดว่าการได้สัมผัสผิวเนียนนุ่มของร่างตรงหน้านั้นสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด และในค่ำคืนนี้ หากทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ เขาก็ตัดสินใจจะสัมผัสรวมถึงจูบทุกตารางนิ้วบนร่างเนียนของเฮอร์ไมโอนี่อีกด้วย!
              เบื้องหลังการตัดสินใจนั้นของเด็กหนุ่มมีเหตุผลแฝงอยู่มากไปกว่าความต้องการที่จะสัมผัสผิวเนียนนุ่มของเฮอร์ไมโอนี่แต่เพียงเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วที่มัลฟอยตั้งใจจะทำเช่นนั้นเป็นเพราะเขาต้องการที่จะใช้โอกาสที่ถูกหยิบยื่นให้อย่างไม่คาดฝันในครั้งนี้แก้ไขเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนแรกที่พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตได้ แต่อย่างน้อยที่สุดเด็กหนุ่มได้แต่คาดหวังว่าถ้าเขามอบความสุขให้เฮอร์ไมโอนี่ได้มากพอ มันอาจจะทำให้ความทรงจำที่เลวร้ายซึ่งเขาเคยทำไว้กับเธอลบเลือนไปสักนิดก็เป็นได้
              เมื่อคิดได้เช่นนั้นเดรโกจึงก้มลงไปจูบร่างบางตรงหน้าอีกครั้งหลังจากที่เขาถอดเสื้อนอกของตัวเองออก และเฮอร์ไมโอนี่เองก็ตอบรับการจูบของเขาด้วยการตวัดแขนเข้าโอบรอบคอเขาเพื่อรั้งใบหน้าของเด็กหนุ่มให้เข้ามาใกล้มากขึ้นราวกับว่าเธอเองก็โหยหาความหอมหวานจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของเธอด้วยเช่นกัน หากแต่เดรโกเลือกที่จะไม่ประทับรอยจูบของเขาแค่ที่ริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบคู่นั้นเพียงเท่านั้น ตรงกันข้ามหลังจากที่เขาจูบเฮอร์ไมโอนี่ที่ริมฝีปากจนพอใจแล้ว เขาจึงเลื่อนริมฝีปากของเขาไปที่แก้มเนียนของเด็กสาวก่อนจะไล้มันไปตามขากรรไกรเรื่อยมาจนถึงลำคอระหงของเธอ
              เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหายใจเมื่อเดรโกสัมผัสซอกคอขาวผ่องของเธอด้วยริมฝีปากของเขา มือเล็กที่เคยโอบรอบคอเด็กหนุ่มบัดนี้กลับไล้ไปตามเส้นผมสีบลอนด์ราวกับเธอต้องการระบายความรัญจวนใจที่ได้รับขณะที่เด็กหนุ่มสำรวจทุกซอกมุมของลำคอระหงนั้นด้วยริมฝีปากของเขา แต่เมื่อเด็กหนุ่มพยายามจะพรมจูบลงมาต่ำกว่านั้นเขาก็พบว่าเสื้อผ้าของเด็กสาวเป็นอุปสรรคขวางกั้นเขาอยู่
              เมื่อเห็นเช่นนั้นเดรโกจึงเลื่อนมือไปยังกระดุมเสื้อเชิ้ตของเฮอร์ไมโอนี่แทน แต่ก่อนที่เขาจะลงมือปลดกระดุมเม็ดแรกออกนั้น เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอท่ามกลางแสงสลัวในเชิงขออนุญาต และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีทักท้วงอะไรออกมา เขาจึงค่อย ๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของเด็กสาวรวมถึงของตัวเขาเองออกพร้อมกับพรมจูบไปที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา
              ในไม่ช้าเสื้อเชิ้ตของเฮอร์ไมโอนี่ก็ถูกปลดออก ตามมาด้วยกางเกงของเธอรวมถึงของเขาด้วย และในไม่ช้า หลังจากที่พวกเขาต่างกำจัดอาภรณ์ที่ปิดกั้นผิวเนื้อของอีกฝ่ายออกจนพอใจแล้ว ร่างสูงของเดรโกก็รั้งร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียง ดวงตาสีเงินของเด็กหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่เขาหลงรักเมื่อเขารั้งร่างบางนั้นลงบนที่นอนด้วยหัวใจที่เต้นรัวแรงราวกับว่าเขากลัวว่าเด็กสาวจะเอ่ยปากปฏิเสธหรือบอกให้เขาหยุดการกระทำของเขาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง หากแต่สิ่งที่เดรโกกลัวว่าจะได้ยินนั้นกลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา แม้ยามที่ร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่เอนลงบนเตียงนอนเบื้องหน้าเขาพร้อมกับที่ผมสีน้ำตาลของเธอแผ่สยายไปทั่วหมอน
              เดรโกมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล ซึ่งมันเป็นภาพดวงหน้างามของเฮอร์ไมโอนี่ที่ลอยเด่นอยู่ท่ามกลางเรือนผมดกหนาสีน้ำตาลของเธอ หากแต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนเครื่องหน้านั้นซึ่งมันได้เกาะกุมหัวใจของเขาเอาไว้ในค่ำคืนนี้ก็คือดวงตาสีน้ำตาลที่ปรกติจะมองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน แต่บัดนี้มันกลับลุกโชนด้วยไฟปรารถนา และในยามที่เด็กหนุ่มสบดวงตาคู่สวยที่บัดนี้แสดงถึงสิ่งที่เธอต้องการออกมาอย่างไม่มีการปิดบังแล้วนั้น เดรโก มัลฟอยก็แน่ใจทันทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปแล้วว่าร่างตรงหน้าจะปฏิเสธสัมผัสจากเขาดังที่เคย เพราะในตอนนี้ ณ บัดนี้ เขารู้แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องการสัมผัสจากเขาไม่ต่างจากที่เขาต้องการสัมผัสร่างเนียนของเธอเช่นกัน
              และเมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจโน้มร่างลงมาหาร่างบางตรงหน้า เดรโกจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่เขาหลงรักราวกับเขาต้องการเก็บภาพใบหน้าและแววตาของเฮอร์ไมโอนี่ในค่ำคืนนี้ไว้ในความทรงจำของเขาตราบนานเท่านาน ก่อนที่เขาจะก้มลงไปจูบเธอที่ริมฝีปาก ซึ่งเด็กสาวก็จูบเขาตอบอย่างไม่ลังเล วงแขนของเธอยกขึ้นโอบรัดรอบคอเขาขณะที่มือใหญ่ของเขาก็สัมผัสร่างบางของเธอ เดรโกดำเนินบทรักของเขาต่อไปอย่างนุ่มนวลหากแต่หนักแน่นโดยที่เด็กหนุ่มมีสิ่งที่เขายึดมั่นอยู่ในใจของเขาเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็คือ ความจริงที่ว่าเขาต้องการจะมอบความสุขให้เฮอร์ไมโอนี่มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ในค่ำคืนนี้!
 
              ……………………………………………………………
 
              หลังจากจูบริมฝีปากอิ่มของร่างตรงหน้าจนพอใจแล้ว เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะเลื่อนจูบของเขาลงมาที่ซอกคอของเธออีกครั้ง และเมื่อไม่มีอาภรณ์ขวางกั้น มัลฟอยก็สามารถพรมจูบของเขาลงบนซอกคอขาวผ่องเรื่อยไปจนถึงอกอิ่มของเด็กสาวที่มีเพียงบราเซียปกปิดอยู่เท่านั้น
              เดรโกจูบเนินเนื้อที่โผล่พ้นจากบราเซียอย่างแผ่วเบา และเด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาพรมจูบของเขาลงไปนั้นร่างเล็กในอ้อมแขนก็ครางเสียงต่ำในลำคออย่างรัญจวนใจ และเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจเลื่อนมือไปด้านหลังร่างบางเพื่อปลดตะขอบราเซียของเธอออก
              เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นเมื่อเธอรู้สึกตัวว่าอาภรณ์ที่ใช้ปิดบังทรวงอกอิ่มของเธอถูกถอดออกจากร่างของเธอ หากแต่เด็กสาวก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกมา แต่เมื่อเด็กหนุ่มผมบลอนด์เลื่อนริมฝีปากของเขามาสัมผัสทรวงอกอิ่มของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจห้ามเสียงครางเพราะความรัญจวนใจไม่ให้หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของเธอได้เลย
               “......” เด็กสาวครางก่อนจะหลับตาลงขณะที่เธอกำลังรับสัมผัสจากเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่ มัลฟอยใช้มือของเขาสัมผัสทรวงอกคู่สวยของเธออย่างแผ่วเบาก่อนที่จะพรมจูบลงบนเนินอกอิ่มและหยอกล้อยอดถันของเธอด้วยริมฝีปากของเขา หากแต่การกระทำเช่นนั้นกลับไม่ได้สร้างความหวาดกลัวหรือแม้กระทั่งอึดอัดใจให้กับเฮอร์ไมโอนี่เหมือนกับในครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับสร้างความรัญจวนใจให้เธออย่างที่เธอไม่คาดฝันมาก่อนจนกระทั่งเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงครางออกมา มือน้อยของเธอขยำผ้าปูที่นอนแน่นราวกับต้องการระบายเสียวซ่านที่เธอได้รับออกมา
              เดรโกหยอกล้อทรวงอกของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะละริมฝีปากของเขาออกไปจากมัน แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะถอนหายใจอย่างรู้สึกเสียดายที่ความอบอุ่นนั้นถูกพรากจากเธอไป หากแต่ในไม่ช้าเด็กสาวก็รับรู้ถึงสัมผัสครั้งใหม่ที่เด็กหนุ่มมอบให้เธอ เพราะว่าเขากำลังพรมจูบของเขาไล่จากหน้าท้องแบนราบของเด็กสาวไปจนถึงขาเรียวของเธอ!
              เดรโกจูบทุกตารางนิ้วบนร่างเนียนของเฮอร์ไมโอนี่อย่างที่เขาได้ตั้งใจไว้จริง ๆ เมื่อเด็กหนุ่มไล่จูบตามขาเรียวบางไปจนถึงข้อเท้าเล็กของเธอ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับกัดริมฝีปากเพื่อกั้นเสียงครางของเธอไม่ให้เล็ดลอดออกมาราวกับเธอหลงลืมไปว่าเด็กหนุ่มผู้กำลังมอบความรัญจวนใจให้เธออยู่นั้นได้ร่ายคาถากันรบกวนเพื่อไม่ให้เสียงใด ๆ หลุดลอดออกไปได้ รวมถึงไม่ให้ใครก็ตามมารบกวนบทรักของพวกเขาในค่ำคืนนี้ไว้แล้ว
              หลังจากที่เขาไล่พรมจูบมาจนถึงข้อเท้าเล็กของเฮอร์ไมโอนี่แล้ว มัลฟอยก็หยุดการกระทำของเขา ร่างเล็กที่เคยบิดตัวด้วยความเสียวซ่านเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจเมื่อความรัญจวนใจนั้นถูกพรากไปจากเธอ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำเช่นนั้นเธอก็พบว่าเธอกำลังจ้องมองดวงตาสีเงินที่ลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนาท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในค่ำคืนนี้ของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเดรโก มัลฟอยอยู่ และก่อนที่เธอจะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไปนั้น มือใหญ่ของเดรโกก็เลื่อนมายังอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่เด็กสาวใช้ปกปิดร่างกายก่อนจะค่อย ๆ รูดมันลงมาตามขาเรียวของเธอ!
              แม้จะรู้ดีว่าหลังจากอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากกายแล้วเธอจะต้องเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าร่างตรงหน้าและมันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ก็ตาม หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ทักท้วงการกระทำของเด็กหนุ่มขึ้นมาแต่อย่างใดเมื่อเขาโยนอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของเธอลงบนเตียง ราวกับว่าเธอเองก็ต้องการสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมากพอ ๆ กับที่อีกฝ่ายต้องการเช่นกัน แม้ว่าในตอนนี้หัวใจของเด็กสาวจะเต้นแรงจนมันแทบจะหลุดออกมาจากอกก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากทังท้วงอะไรออกไปเมื่อร่างตรงหน้าเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เธอเพื่อที่จะเริ่มบทรักของเขาต่อไป
              หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นช่างเกินความคาดหมายของเฮอร์ไมโอนี่ไปไกลยิ่งนัก เพราะสิ่งต่อไปที่เด็กสาวรู้สึกหลังจากที่มือใหญ่ของเดรโกเลื่อนมาสัมผัสต้นขาของเธอก็คือการที่ร่างสูงตรงหน้านั้นโน้มกายลง และก่อนที่เธอจะรู้ว่าร่างตรงหน้าต้องการจะทำอะไร เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็เลื่อนไปจูบเธอที่กึ่งกลางร่างกายของเธอ
               “ยะ…อย่า!!!” ถ้อยคำทักท้วงดังออกมาจากริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่เป็นครั้งแรก หากแต่มันกลับหายไปอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับที่มันถูกเอ่ยขึ้นมา เพราะมันถูกแทนที่ด้วยเสียงครวญครางด้วยความรัญจวนใจแทนเมื่อเดรโก มัลฟอยเลื่อนใบหน้าลงไปชิมความหอมหวานที่ใจกลางร่างกายของเธอ!
               “ดะ.....เดรโก.......ได้โปรด” เฮอร์ไมโอนี่พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนที่เธอจะฝังใบหน้าแดงก่ำเข้ากับหมอนราวกับเธอต้องการหลีกหนีความอับอายที่กำลังเผชิญอยู่ หากแต่ความอับอายนั้นกลับมาพร้อมกับความสุขอย่างที่เด็กสาวก็อธิบายไม่ถูก ถ้อยคำร้องห้ามที่เคยออกจากปากของเธอบัดนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นเสียงคราญครางเนื่องมาจากสัมผัสที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต มันช่างรัญจวนใจยิ่งนัก และที่สำคัญยิ่งเดรโกรุกล้ำร่างกายของเธอด้วยลิ้นของเขามากเท่าไหร่ เด็กสาวก็ยิ่งรู้สึกว่าความสุขที่เธอได้รับนั้นมันพุ่งสูงขึ้นราวกับคลื่นที่ถาโถมเข้ามาจนเธอไม่สามารถทนรับมันไหวเมื่อระลอกคลื่นแห่งความสุขระลอกแล้วระลอกเล่าพัดผ่านร่างเล็กที่กำลังบิดตัวด้วยความเสียวซ่านที่เธอได้รับจากการปรนเปรอของเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่
              และจู่ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างก่อตัวขึ้นในร่างกายของเธอ ราวกับระลอกคลื่นแห่งความสุขที่พัดผ่านร่างกายของเธอก่อนหน้านี้สะสมจนกลายเป็นระลอกคลื่นที่ใหญ่ยิ่งกว่าครั้งใด ๆ และเมื่อคลื่นความสุขนั้นพุ่งสูงถึงขีดสุดเด็กสาวก็กรีดร้องออกมา มือเล็กขยำเส้นผมสีบลอนด์ของอีกฝ่ายราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวของเธอเมื่อคลื่นแห่งความสุขนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง!
              เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องออกมา ร่างเล็กเกร็งแน่นเมื่อเธอโบยบินสู่ฝั่งฝันจากสัมผัสที่เด็กหนุ่มตรงหน้ามอบให้ ร่างบางของเธอกระตุกเบา ๆ ก่อนที่จะสงบลง
              หลังจากมองร่างตรงหน้าโบยบินสู่ความสุขเนื่องมาจากสัมผัสที่เขามอบให้จนมันสงบลงแล้วร่างสูงของเดรโกก็เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างของเธอไว้ ดวงตาสีเงินของเขามองใบหน้าที่ที่เปี่ยมสุขของเด็กสาวอย่างพึงพอใจ
              สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกต่อมาก็คือการที่ร่างของเดรโกเคลื่อนกายขึ้นมาคล่อมร่างเล็กของเธอไว้ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้ามาจูบเธอที่หน้าผาก
               “ฉันรักเธอ” เดรโกสารภาพ พลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่เขาหลงรักก่อนที่เขาจะพูดประโยคต่อไปออกมา
               “เป็นของฉันนะ เฮอร์ไมโอนี่” เด็กหนุ่มเอ่ยปากถาม และเมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นท่าทีที่แสดงออกถึงการทักท้วงอะไรไปมากกว่าแววตาที่มองมาทางเขาซึ่งมันแลดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขแล้วนั้นเดรโกก็เคลื่อนกายเข้าครอบครองเธอ!
              เขาเริ่มบทรักของเขาอย่างช้า ๆ พร้อมกับเขาที่คอยสังเกตปฏิกิริยาของเฮอร์ไมโอนี่อย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาร่วมรักกัน และบทรักที่นุ่มนวลของเขาไม่น่าจะทำให้เด็กสาวรู้สึกอะไรไปได้มากกว่าความรัญจวนใจเฉกเช่นที่เขาได้มอบให้เธอเมื่อครู่ก็ตาม แต่เดรโกก็ตั้งใจที่จะทำให้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่น่าจดจำสำหรับพวกเขาทั้งสอง ดังนั้นความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่จึงมีความสำคัญมากสำหรับเขา
              เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้าเล็กน้อยกับความอึดอัดที่เด็กหนุ่มมอบให้ แต่อาจจะเป็นเพราะการเริ่มบทรักอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่ยาก ในไม่ช้าเสียงครางเบา ๆ ก็ดังออกมาจากริมฝีปากของเด็กสาวเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเดรโกในร่างกายของเธอ มือน้อย ๆ ที่ก่อนหน้านี้กำผ้าปูที่นอนราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวก็เลื่อนมากุมไหล่ของร่างสูงตรงหน้าแทน
              เด็กหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนกายเข้าครอบครองร่างตรงหน้าอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และมันต้องใช้ความพยายามอย่างมากสำหรับเด็กหนุ่มที่จะไม่เริ่มบทรักของเขาเร็วจนเกินไปนักเนื่องจากความร้อนรุ่มและคับแน่นของเด็กสาวทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เลือกที่จะรอจนเขาเข้ามาในร่างของเฮอร์ไมโอนี่จนสุดแล้วเขาจึงค่อย ๆ เริ่มบทรักของเขาอย่างแผ่วเบา
               “!!!” เสียงครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของร่างเบื้องล่างบ่งบอกให้เด็กหนุ่มรู้ว่าเด็กสาวก็รู้สึกดีไปกับสัมผัสของเขาเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกยามที่เขาเคลื่อนกายเข้าครอบครองเธออย่างนุ่มนวลก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นหนักแน่น อันที่จริงสิ่งที่เขากำลังรู้สึกนั้นมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรู้สึกดีเพียงเท่านั้น หากแต่มันช่างหอมหวานและเร่าร้อนยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นความร้อนรุ่มที่มาจากร่างกายของเด็กสาว เสียงคราง และเสียงลมหายใจถี่กระชั้นของเธอที่บอกให้เขารู้ว่าเธอเองก็มีความสุขกับสิ่งที่เขามอบให้เธอเช่นเดียวกัน หากแต่สิ่งที่เดรโกรู้สึกไม่ได้มีเพียงแค่ความสุขทางเพศรสเท่านั้น มันมีอะไรมากกว่านั้น มากกว่าที่เขาจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มันคือความอิ่มเอมใจอย่างนั้นหรือ เขาก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร หากแต่มันดีกว่าที่เขาจิตนาการไว้มากนัก เพราะบทรักที่มาจากการบังคับขืนใจของเขาต่อร่างตรงหน้านั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับการร่วมรักกับผู้หญิงที่เขารักโดยที่รู้ว่าเธอเองก็เต็มใจและรู้สึกดีไปกับสัมผัสของเขาเช่นเดียวกัน
              เมื่อเห็นเช่นนั้นเดรโกก็ไม่ลังเลเลยที่จะมอบความสุขให้ร่างตรงหน้ามากขึ้น เด็กหนุ่มเคลื่อนกายเข้าครอบครองเฮอร์ไมโอนี่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหนักแน่นหากแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ราวกับเขาตัดสินใจแล้วว่าเพลงรักที่เขาบรรเลงอยู่นั้นมีจุดหมายเพียงอย่างเดียวซึ่งก็คือมอบความสุขให้แก่คนรักของเขา ไม่ใช่ตัวเขาเอง และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเดรโกก็เลือกที่จะครอบครองร่างเล็กตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อความสุขของเธอ และทุกครั้งที่ร่างบางนั้นส่งเสียงร้องด้วยความรัญจวนใจออกมา เขาก็ไม่ลังเลที่จะครอบครองเธอซ้ำเพื่อเพิ่มความเสียวซ่านให้กับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งเด็กหนุ่มรู้สึกว่าร่างในอ้อมแขนของเขาใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว
              เมื่อเห็นเช่นนั้นเดรโกก็เลือกที่จะดำเนินบทรักที่หนักแน่นขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างตรงหน้าจนในไม่ช้าร่างเล็กนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาเมื่อเธอถึงฝั่งฝัน ร่างของเด็กสาวบีบเกร็งเมื่อเธอโบยบินไปสู่สรวงสวรรค์! และเมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกที่ไม่อาจจะทนต่อความปรารถนาที่ท่วมท้นของเขาได้ก็ฝังกายไปยังร่างบางนั้นอย่างหนักแน่นจนกระทั่งเขาปลดปล่อยสายธารแห่งความปรารถนาไปยังร่างเล็กเบื้องร่างที่เขาโอบกอดไว้แน่น
              เดรโกหอบหายใจอย่างหนักหน่วงเมื่อบทรักของพวกเขาจบลง เด็กหนุ่มฝังใบหน้าของเขาลงบนซอกคอของเด็กสาวอย่างสงบอารมณ์ก่อนจะจูบผิวเนื้อเนียนของเธอเล่นอย่างรักใคร่ และเมื่อเด็กหนุ่มรู้ว่าเขาเริ่มปรับลมหายใจจนเป็นปรกติได้แล้ว เขาก็ก้มลงไปกระซิบกับริมฝีปากอิ่มของเฮอร์ไมโอนี่พร้อม ๆ กับที่เขารู้สึกถึงความสุขที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายและเต็มเปี่ยมอยู่ในอกของเขา
               “ฉันรักเธอ” เขาพูดเพียงเท่านั้น
              แม้ว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับมานั้นจะเป็นความเงียบงันจากร่างตรงหน้า ไม่มีการบอกรักตอบแก่เขาดังเช่นเคยก็ตาม หากแต่เมื่อเด็กหนุ่มพิจารณาดวงหน้างามที่แลดูเคลิ้มมึนและเสียงหอบหายใจของเธอแล้วนั้น เขาก็ไม่ได้รู้ติดใจอะไรกับการที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้บอกรักเขาตอบกลับมา ตรงกันข้ามเดรโกกลับรู้สึกว่าค่ำคืนนี้เป็นคืนที่มหัศจรรย์ยิ่งนักเมื่อเขาทรุดตัวลงนอนลงบนเตียงข้าง ๆ ร่างของเด็กสาวที่เขารัก มือใหญ่ของเขาคว้าร่างบางที่อ่อนแรงนั้นมากอดไว้แนบอก ก่อนที่เขาจะจัดแจงให้เธอใช้แผ่นอกของเขาต่างหมอนหนุน และเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ที่ดูเหนื่อยอ่อนและง่วงงุนนั้นไม่มีทีท่าจะขัดขืนแต่อย่างใด เดรโกก็ก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเธออย่างรักใคร่ก่อนที่เขาจะเฝ้าดูเด็กสาวในอ้อมแขนของเขาจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราท่ามกลางแสงจันทร์สลัวของค่ำคืนนี้
 
              ……………………………………………………………
 
              แม้ว่าร่างในอ้อมแขนของเขาจะหลับเพราะความเหนื่อยอ่อนไปแล้ว แต่เดรโก มัลฟอยกลับไม่สามารถนอนหลับได้แม้ว่าเขาจะเพิ่งผ่านบทรักที่ต้องอาศัยการใช้พลังงานไปไม่น้อยมาก็ตาม
              ท่ามกลางความมืดในห้องใต้หลังจากที่เฟรย่าให้ทั้งสองมาอาศัยอยู่ชั่วคราวนั้น เด็กหนุ่มผมบลอนด์ซึ่งมีร่างเล็กของเด็กสาวผมสีน้ำตาลหลับอยู่ในอ้อมแขนกำลังนอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดพลางครุ่นคิดถึงวันที่แปลกประหลาดวันนี้ด้วยความรู้สึกที่แทบจะเรียกได้ว่าประสมปนเปกัน
              เพราะในวันนี้เรื่องต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาในชีวิตของมัลฟอยจนเขาแทบจะรับมันไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขารู้ว่าพิษหมาป่าได้กระจายไปทั่วร่างของเขาแล้ว หรือการได้รับรู้ว่ามีเพียงหนทางเดียวที่จะรักษาเขาได้ หากแต่มันต้องแลกมาด้วยเวทมนตร์ของพ่อแม่ของเขา หรือไม่ก็ของเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในฐานะทาสของเขา และเด็กหนุ่มไม่เพียงแค่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจใหญ่หลวงระหว่างการฉกฉวยเวทมนตร์ของผู้อื่นเพื่อให้เขารอดพ้นจากการเป็นมนุษย์หมาป่าไปเท่านั้น เขาเองก็ได้เผชิญกับความรู้สึกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดทรมานที่เทียบเทียมกับการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเมื่อเขาดื่มน้ำยาทดสอบของเฟรย่าเข้าไป หรือความสุขเปี่ยมล้นทั้งทางกายและทางใจเมื่อเขาได้ครอบครองร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความเต็มใจของเด็กสาวเป็นครั้งแรก
              แม้ว่าเขาจะรู้สึกมีความสุขมากเพียงใดจากบทรักระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งจบลงไปก็ตาม หากแต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าความสุขนั้นของเขากลับค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อยเมื่อเขาต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงเพื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจของเขาหลังจากนี้ไป
              ความคิดของเดรโก มัลฟอยหวนนึกไปถึงบทสนทนาระหว่างเขากับเฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมายังห้องใต้หลังคาแห่งนี้ หลังจากที่แม่มดผมดำได้บอกเขาว่ามีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะรักษาเขาให้หายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้ รวมถึงราคาที่จะต้องจ่ายและคนที่สามารถจ่ายมันได้อีกด้วย!
              เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาซึ่งเขาพูดคุยกับเฟรย่าในห้องทำงานของเธอ และรู้สึกราวกับว่ามันผ่านไปนานแสนนานเหลือเกิน
 
              ……………………………………………………………
 
              สามชั่วโมงก่อนหน้านี้
 
               “ผมตัดสินใจได้แล้ว” เดรโกพูดพลางเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความหนักแน่น แววสับสนระคนทุกข์ใจก่อนหน้านี้ได้จางหายไปจากดวงตาสีเงินคู่นั้นของเขาเสียแล้ว
              และเมื่อเห็นแววตารวมถึงสีหน้าที่เด็กหนุ่มตรงหน้าแสดงออกมาแล้วนั้น แม่มดสาวก็เอ่ยปากถามขึ้นด้วยท่าทีจริงจังไม่แพ้กันว่า
               “ถ้าเช่นนั้นก็บอกฉันถึงการตัดสินใจของเธอ คุณมัลฟอย เธอจะรับการรักษาครั้งนี้หรือไม่” หล่อนถามพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินของเด็กหนุ่ม
              เดรโกนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่การเงียบของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่แน่ใจในการตัดสินใจในครั้งนี้ของเขา หากแต่เป็นเพราะเขาต้องการเวลาในการเค้นคำพูดนั้นออกมาจากริมฝีปากของเขา ราวกับว่าการเอ่ยปากพูดออกมาในครั้งนี้ของเขาจะส่งผลให้ทุกอย่างในชีวิตของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเดรโก มัลฟอย เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!
              และเมื่อรวบรวมความกล้าได้เพียงพอแล้ว เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็เอ่ยปากพูดขึ้น
               “ไม่ ผมจะไม่รับการรักษาจากคุณ” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่เขานั่งอยู่ และมุ่งไปยังประตูห้องทำงานซึ่งเชื่อมต่อกับห้องพยากรณ์โดยไม่เอ่ยคำร่ำลาอีกฝ่ายแต่อย่างใด แต่ก่อนที่ร่างสูงของเด็กหนุ่มจะก้าวพ้นธรณีประตูห้องทำงานไปนั้น เสียงที่แผ่วเบาหากแต่หนักแน่นของเฟรย่าก็ดังขึ้น
               “ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอนะ เดรโก แต่เธอควรจะบอกฉันหน่อยว่าฉันควรจะบอกพ่อของเธออย่างไรกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของเธอ” ราวกับคำพูดนี้ของเฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์มีเวทมนตร์เพราะเด็กหนุ่มหันกลับมาหาหล่อนในทันทีที่หล่อนพูดจบ
               “คุณพูดว่าอะไรนะ” มัลฟอยพูดด้วยท่าทีแปลกใจ หากแต่มีแววหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาสีเงินที่เคยดูเข้มแข็งของเขา ขณะที่เฟรย่าเดินเข้ามาใกล้เขาอีกสองก้าวก่อนที่หล่อนจะพูดขึ้น
               “ฉันหมายความว่าฉันควรจะบอกพ่อของเธอยังไงในเรื่องที่เธอปฏิเสธไม่รับการรักษา รวมถึงเรื่องเงื่อนไขในการรักษาเธอครั้งนี้ด้วย” หล่อนพูดกับสีหน้าสับสนของเด็กหนุ่ม
               “คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น” เขากล่าวเสียงเข้มแทบจะทันทีที่หญิงสาวพูดจบ
               “พ่อของผม.....ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องที่คุณและผมคุยกัน” เดรโกเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เขาพยายามจะทำให้มันฟังดูหนักแน่น ขณะที่หญิงสาวตรงหน้าผู้สังเกตเห็นความสับสนจนแทบจะเรียกได้ว่าหวาดวิตกของเด็กหนุ่มผมบลอนด์นั้นมองเขาด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจก่อนที่หล่อนจะเอ่ยปากพูดถ้อยคำต่อไปออกมา
               “เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ เดรโก” หล่อนพูด “เธอคิดว่าพ่อของเธอจะไม่มีวันรู้เรื่องที่เราคุยกันในห้องนี้เลยอย่างนั้นหรือ”
               “ถ้าคุณไม่พูด เขาก็จะไม่มีวันรู้” เดรโกตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันฟังดูหนักแน่นเพียงใด
               “ฉันรู้ว่าเธอหวังเช่นนั้น” หญิงสาวผมดำพูดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มอีกก้าวและมองเขาด้วยแววตาที่ไม่ได้แสดงอะไรออกมานอกจากความเห็นใจ
               “ฉันอาจจะไม่รู้จักพ่อของเธอดี แต่ฉันรู้ว่าผู้เสพความตายเป็นยังไง โดยเฉพาะผู้เสพความตายที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างพ่อเธอด้วยแล้ว” เฟรย่าพูด “เพราะคนธรรมดา ๆ คงไม่สามารถสละวัตถุทางเวทมนตร์ที่มีค่ามหาศาลเพื่อช่วยลูกชายของเขาได้หรอกจริงไหม” หล่อนถามขึ้น และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อนั้นได้เลย
               “ที่ฉันกลัวก็คือ หลังจากที่เธอกลับไปที่อังกฤษเพื่อบอกข่าวร้ายให้พ่อของเธอฟังว่าฉันไม่สามารถรักษาเธอได้หรืออะไรก็ตาม และถ้าพ่อเธอไม่สามารถยอมรับความจริงที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาจะต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าได้ เขาอาจจะบุกมาที่นี่เพื่อสอบถามฉัน” หล่อนพูดต่อ ขณะที่เด็กหนุ่มตรงหน้าของหล่อนหายใจกระตุก
               “แน่นอนว่าฉันสามารถไม่บอกเขาอย่างที่เธอต้องการได้ แต่ถ้าพ่อของเธอไม่ได้มาเพียงคนเดียว ถ้าเขาเกณฑ์ผู้เสพความตายคนอื่น ๆ มาด้วย โดยเฉพาะป้าของเธอ” เดรโกกลืนน้ำลายกับถ้อยคำนั้นของเฟรย่า เขารู้ดีกว่าหล่อนหมายถึงใคร
               “และถ้าพวกเขาทรมานฉัน และถ้าฉันทนไม่ไหว ฉันคงจำเป็นต้องเปิดเผยสิ่งที่เราคุยกันในวันนี้ให้พวกเขารู้ และถ้าพ่อของเธอรู้ถึงวิธีการรักษานี้ รวมถึงราคาที่มนตรานี้เรียกร้องแล้ว เธอพอเดาได้ไหมว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป”
              สิ้นเสียงของหญิงสาวผมดำ เด็กหนุ่มที่ชื่อเดรโก มัลฟอยก็รู้สึกถึงความกลัวที่แผ่ซ่านเข้าเกาะกุมหัวใจของเขา เพราะสิ่งที่เฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์พูดมานั้นถูกต้องทุกประการ!
              แน่นอนว่าลูเซียส มัลฟอยคงยอมรับไม่ได้หากได้ทราบว่าแม่มดเพียงคนเดียวในโลกที่เชี่ยวชาญการรักษาผู้ที่ถูกมนุษย์หมาป่าทำร้ายมากที่สุดไม่สามารถรักษาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้ และเดรโกจะต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ผู้คนรังเกียจไปชั่วชีวิตของเขา! ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะทำใจยอมรับชีวิตต้องสาปนี้ได้หากมันต้องแลกมาด้วยเวทมนตร์ของพ่อมดหรือแม่มดผู้อื่นโดยเฉพาะเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นคนรักและทาสของเขาก็ตาม! แต่ในใจลึก ๆ เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าพ่อของเขาไม่มีทางยอมรับชะตากรรมนี้สำหรับทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลได้เป็นแน่! และพ่อที่คงต้องผิดหวังกับสิ่งที่เขานำกลับไปบอกพ่อเมื่อเขากลับถึงคฤหาสน์อาจจะทำให้พ่อของเขารวมถึงผู้เสพความตายคนอื่นบุกมาถึงที่พักของเฟรย่าเพื่อคาดคั้นหล่อนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแน่!
              และเมื่อคิดถึงตรงนี้คำพูดที่พ่อได้ให้ไว้กับเขาก่อนที่เขาจะออกจากคฤหาสน์เพื่อเดินทางมายังไอซ์แลนด์ก็แวบขึ้นมาในหัวสมองของเขา
 
               “ฟังฉันนะ  เดรโก  ถ้าหากว่าแกได้พบเฟรย่าแห่งไอซ์แลนด์คนนั้น  และหล่อนไม่ยอมรักษาให้แก  ฉันหมายถึงถ้าหากของที่ฉันเตรียมไปให้มันยังไม่เพียงพอกับที่หล่อนต้องการหรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม  ให้แกเขียนจดหมายมาถึงฉันทันทีเข้าใจไหม”
 
              แม้ประโยคนั้นที่นายลูเซียสได้บอกไว้กับเดรโกจะเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่พ่อมีต่อเขาก็ตาม แต่มันก็สามารถหมายความได้ว่า พ่อของเขาพร้อมจะยื่นมือเข้ามาจัดการสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่สามารถจัดการได้หากมีอะไรผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปจากสิ่งที่พ่อของเขาหวังไว้อีกด้วย!
              และเมื่อคิดได้เช่นนั้นใบหน้าที่เดิมซีดเซียวอยู่แล้วของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ขาวซีดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเขาค้นพบความจริงที่ว่า หากพ่อของเขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่เดรโกจะต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าหลังจากนี้ได้แล้วนั้น เขาอาจจะบุกมาที่นี่เพื่อสอบถามความจริงจากปากของเฟรย่าด้วยตัวเอง และด้วยความช่วยเหลือจากการข่มขู่หรือคาถากรีดแทงของเขาหรือจากเบลลาทริกซ์ผู้เป็นป้าของเดรโกก็ตาม เฟรย่าก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากจะบอกเล่าความจริงที่เธอกับเขาได้หารือกันในวันนี้ว่า ทางเดียวที่เด็กหนุ่มจะรอดพ้นจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้นั้นก็คือการเสียสละทางเวทมนตร์จากพ่อหรือแม่ของเขา หรือไม่ก็จากเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในฐานะทาสของเขาเพียงเท่านั้น!
              เมื่อความคิดของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ดำเนินมาถึงส่วนที่มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักมากที่สุดเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วนั้น หัวใจของเขาก็แกว่งวูบด้วยความกลัว เมื่อเดรโกค้นพบความเป็นไปได้ที่ว่า ถ้าพ่อของเขาล่วงรู้ถึงมนตราโบราณบทนี้และเงื่อนไขของมันแล้วล่ะก็ นายลูเซียสก็คงจะทราบดีว่า คนที่จะทำการเสียสละทางเวทมนตร์เพื่อให้เด็กหนุ่มหายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าที่เหมาะสมที่สุดก็คือเฮอร์ไมโอนี่! รองลงมาก็คือแม่ของเขา เพราะพ่อของเขาไม่มีวันยอมสละอำนาจเวทมนตร์ของตนเองเพื่อเขาเป็นแน่ และแม้ว่าบุคคลที่เข้าข่ายทั้งคู่จะเป็นคนที่เดรโกรักมากว่าใครบนโลกนี้ก็ตาม แต่ถ้าลองคิดดูให้ดีแล้วพ่อของเขาก็คงจะเลือกเฮอร์ไมโอนี่มาเป็นเหยื่อในพิธีกรรมครั้งนี้เป็นอันดับแรกเป็นแน่ เพราะพ่อของเขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าเด็กสาวจะอยู่ในสภาพไหน ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเหยื่อล่อพอตเตอร์ให้มาติดกับดักของจอมมารได้เพียงเท่านั้น แถมพ่อของเขาอาจจะชื่นชอบมากกว่าเดิมด้วยซ้ำถ้าเฮอร์ไมโอนี่ต้องมาอยู่ในสภาพที่ไร้พลังเวทมนตร์ เนื่องจากแนวคิดที่พ่อยึดถือมาเนิ่นนานว่าพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลไม่คู่ควรแก่การใช้พลังเวทมนตร์ดังเช่นผู้ที่มาจากครอบครัวผู้วิเศษเฉกเช่นครอบครัวของเขา
              เมื่อความคิดของเด็กหนุ่มดำเนินมาถึงจนบทสรุปที่ไม่น่ารื่นรมย์ยิ่งเช่นนี้แล้วนั้น เดรโกก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ผุดขึ้นตามไรผมของเขาอีกครั้งเมื่อความกลัวและความกดดันแล่นเข้ามาเกาะกุมขั้วหัวใจของเขา ขณะที่สมองของเขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่แสนจะตึงเครียดในครั้งนี้
 
              เขาจะยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเขาไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับผู้หญิงที่เขารักอีกแล้ว หลังจากที่เขาทำร้ายและพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอแล้วเขาจะไม่มีวันทำร้ายหรือช่วงชิงอะไรไปจากเธออีก แม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยการใช้ชีวิตที่เหลือในฐานะสัตว์ร้ายที่ผู้คนหวาดกลัวก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจได้ก่อนหน้านี้และเขาก็ได้บอกถึงการตัดสินใจเขากับเฟรย่าไปแล้วว่าเขาจะไม่รับการรักษาจากหล่อน
              หากแต่ในตอนนั้นเดรโกลืมนำเรื่องพ่อของเขาใส่เข้ามาในสมการครั้งนี้ด้วย และหลังจากเขาได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองดูแล้วเด็กหนุ่มก็พบว่าพ่อของเขาคงจะทำอย่างที่เฟรย่าพูดออกมาจริง ๆ และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเดรโกที่เพิ่งเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาก็จะต้องพบกับการตัดสินใจครั้งใหม่ที่อาจจะยากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ว่าเขาจะสามารถทำอย่างไรได้บ้างเพื่อป้องกันไม่ให้พ่อของเขาล่วงรู้เรื่องการรักษาในครั้งนี้ รวมถึงไม่ให้พ่อของเขาบังคับเฮอร์ไมโอนี่ให้เสียสละเวทมนตร์ของเธอเพื่อรักษาเขาจากการเป็นมนุษย์หมาป่าอีกด้วย!
              หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วนั้นเด็กหนุ่มก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถจะป้องกันไม่ให้พ่อของเขาล่วงรู้ความจริงเรื่องหนทางเดียวที่จะรักษาเขาให้หายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้เลย เพราะถ้าหากพ่อเขาทำดังเช่นที่เฟรย่าคาดการณ์ไว้ว่าเขาจะทำแล้วนั้น มันก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขารวมถึงตัวเฟรย่าเองจะปิดบังความจริงเกี่ยวกับหนทางการรักษาครั้งนี้ให้รอดพ้นจากการรับรู้ของพ่อไปได้ และเมื่อเขาไม่สามารถกีดกันไม่ให้พ่อของเขารู้ถึงข้อมูลในการรักษาซึ่งจะทำให้พ่อไม่ลังเลที่จะใช้เฮอร์ไมโอนี่เป็นเหยื่อในพิธีกรรมครั้งนี้แล้วนั้น เขาก็เหลือเพียงหนทางเดียวที่เท่านั้นจะปกป้องผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักจากการถูกช่วงชิงสิ่งสำคัญยิ่งของเธอไป
              และเมื่อคิดได้เช่นนั้น บวกกับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องเด็กสาวที่เขาหลงรักจากภัยอันตรายใด ๆ ก็ตามที่จะมาทำร้ายเธอ แม้ว่าภัยอันตรายดังกล่าวนั้นจะมาจากตัวของเขาเองก็ตาม และเมื่อคิดได้เช่นนี้ เดรโก มัลฟอยก็รู้ดีว่าเขาจะต้องทำอะไรต่อไปหลังจากนี้
              เมื่อได้ผลสรุปของการตัดสินใจครั้งใหม่ของเขาแล้วนั้น เด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเบื้องหน้าที่กำลังรอฟังคำตอบของเขาอยู่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
               “ไว้ผมจัดการเรื่องนี้เอง” เดรโกพูดออกไปอย่างมุ่งมั่น ดวงตาสีเงินที่มองไปยังเฟรย่านั้นแสดงความเข้มแข็งออกมามากกว่าครั้งใด ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันหลังเพื่อเดินออกจากห้องทำงานของหล่อนกลับไปยังห้องใต้หลังคาที่มีเด็กสาวที่เขารักกำลังรอเขาอยู่
 
 
              ……………………………………………………………
 
              กระแสความคิดของเดรโกพาเขากลับมายังปัจจุบันซึ่งตอนนี้เขากำลังนอนโอบกอดร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แนบอกอยู่ เด็กหนุ่มก้มลงไปพินิจใบหน้าที่กำลังหลับของเด็กสาวด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ในตอนที่เขาตัดสินใจเช่นนั้นลงไปเขาไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ เขาไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะได้รับการหยิบยื่นโอกาสให้กลับไปแก้ไขสิ่งเลวร้ายที่เขาเคยทำลงไปในอดีต รวมถึงเขาไม่คาดคิดเลยด้วยซ้ำว่าเด็กสาวจะยอมเป็นของเขาด้วยความเต็มใจของเธอเอง
              ถึงแม้ว่าหัวใจของเธอจะยังไม่ใช่ของเขาและเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถได้มันมาครอบครองหรือไม่ก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าการที่เฮอร์ไมโอนี่ยินยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาในครั้งนี้นั้นก็เป็นสิ่งที่มีค่ามากเกินพอแล้วสำหรับเขา และถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีวันได้หัวใจของเธอมาเป็นของเขาก็ตาม แต่เดรโกก็รู้ดีว่าหัวใจของเขานั้นตกเป็นของเธอก่อนที่เขาจะได้ครอบครองร่างกายของเธอเสียอีก!
              ใช่แล้ว เด็กหนุ่มหลงรักเด็กสาวคนนี้จนหมดหัวใจ เขาหลงรักความบริสุทธิ์สดใสของเธอ หลงรักความดีงามของเธอ และหลงรักจิตใจที่งดงามของเธอ และถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในฐานะทาสของเขาก็ตาม แต่เดรโกก็รู้ดีกว่าเขาตกเป็นทาสรักของเธอเสียก่อนที่เขาจะได้ครอบครองร่างกายของเธอเสียอีก เธอเป็นผู้หญิงเป็นคนเดียวที่เขารัก และมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป!
              และความรักของเขาที่มีต่อเธอในครั้งนี้นี่เองที่เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มที่ชื่อเดรโก มัลฟอยตัดสินใจที่จะปกป้องเด็กสาวจากอันตรายใด ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอแม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของเขาก็ตาม!
              เมื่อคิดได้เช่นนั้น และหลังจากเฝ้ามองใบหน้ายามหลับของเด็กสาวตรงหน้าจนพอใจแล้วนั้น มือใหญ่ของเดรโกก็เลื่อนไปแตะแขนเฮอร์ไมโอนี่เพื่อปลุกเธอขึ้นมาพร้อมกับที่เขาเรียกชื่อเธอเบา ๆ
 
              ……………………………………………………………
 
              เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังล่องลอยอยู่ในความฝันยามหลับใหลนั้นถูกปลุกให้ตื่นด้วยแรงเขย่าที่แขนและเสียงเรียกชื่อของเธอ เด็กสาวลืมหนังตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างง่วงงุนและสิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเค้าโครงหน้าของเด็กหนุ่มที่ชื่อเดรโก มัลฟอยที่กำลังเรียกชื่อของเธออยู่ภายใต้แสงสลัวในห้อง
               “เฮอร์ไมโอนี่” เขาเรียก และเมื่อเห็นว่าเด็กสาวลืมตาขึ้นมาแล้วนั้น เขาจึงพูดต่อ
               “ตื่นขึ้นมาใส่เสื้อผ้าหน่อยเถอะ อากาศตอนกลางคืนหนาว เดี๋ยวเธอจะไม่สบายเอา” เขาให้เหตุผล และเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ปลุกเธอจากหลับใหลซึ่งมันก็ฟังดูสมหตุสมผลอยู่บ้างแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกหนาวแต่อย่างใดเมื่อเธออยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงตรงหน้าก็ตาม เด็กสาวก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าอย่างช้า ๆ
              เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงแรงยวบของเตียงเมื่อเธอพบว่าเดรโกเองก็ลุกขึ้นเพื่อสวมเสื้อผ้าเช่นกัน หากแต่เด็กสาวก็เลือกที่จะหันหลังให้เขาและสวมใส่เสื้อผ้าที่เคยกระจัดกระจายอยู่บนเตียงของเธอจนเสร็จก่อนจึงค่อยหันไปหาเขา
              แต่เมื่อเด็กสาวหันกลับไปหาร่างสูงของเด็กหนุ่มผู้อยู่ในฐานะเจ้านายของเธอภายในห้องที่มีเพียงแสงจันทร์สลัวที่สาดส่องเข้ามา เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าเดรโกที่บัดนี้กลับมาสวมใส่เสื้อผ้าอย่างเต็มยศแล้วนั้นกำลังยืนอยู่ข้างเตียงที่เธอกำลังนั่งอยู่ ในมือของเขาถือไม้กายสิทธิ์ไว้และชี้ปลายของมันมาทางเธอ!
              เฮอร์ไมโอนี่มองเสี้ยวใบหน้าที่โผล่พ้นความมืดของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะสาปเธอหรือไม่ก็ใช้เวทมนตร์บังคับให้เธอทำสิ่งใดก็ตามที่เขาปรารถนา แม้ว่ามันจะฟังดูขัดแย้งกับสิ่งที่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้เป็นอย่างมากก็ตาม
               “เดร….” ไม่ทันที่เด็กสาวจะเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มตรงหน้าว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ จู่ ๆ ร่างสูงของเดรโก มัลฟอยก็ขยับเข้ามาใกล้เธออีกก้าวโดยที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขายังคงชี้มาทางเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอหายใจติดขัดเมื่อเธอค้นพบความจริงที่ว่ามัลฟอยกำลังจะร่ายคาถาใส่เธอ
              และในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนั้น ในขณะที่เด็กสาวกำลังกลั้นหายใจรอรับคำสาปหรือคาถาใด ๆ ก็ตามที่อาจจะออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ที่ร่างตรงหน้าชี้มาทางเธอนั้น จู่ ๆ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ตวัดไว้กายสิทธิ์ในมือเพื่อให้ปลายของมันชี้มาทางเขาและฝั่งด้ามจับชี้มาทางเด็กสาวแทน ก่อนที่เขาจะยื่นมันมาตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่
              เด็กสาวมองภาพตรงหน้าอย่างงุนงนและแปลกใจมากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะมันดูราวกับมัลฟอยต้องการมอบไม้กายสิทธิ์ของเขาให้เธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยปากถามอะไรออกไป เดรโกก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า
               “รับมันไว้และไปจากที่นี่ซะ” เขาพูดเพียงเท่านั้นพลางมองดวงตาสีน้ำตาลที่เขาหลงรักด้วยแววมุ่งมั่นมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น!
 
              ……………………………………………………………
             
              คุยกันหลังอ่านนะคะ
 
              อ่านจบแล้วคิดยังไงมาคุยกันนะคะ หรือถ้าใครเล่นทวิตมาคุยกันที่ @little_piski ได้นะคะ
 
 


Create Date : 06 ตุลาคม 2564
Last Update : 6 ตุลาคม 2564 15:55:34 น. 1 comments
Counter : 1227 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ~ ทางเราจากแอพ NovelToon ค่ะ
เห็นเรื่องสั้นของคุณถ้าปรับเป็นนิยายแชทโพสต์ในแอพเราจะมีโอกาสได้รับความนิยมและผู้อ่านมากขึ้นค่ะ ทางเราจะช่วยโปรโมทผลงานอย่างเป็นพิเศษ!
ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มาเชิญคุณเข้าร่วมกับเราค่าาา~o(* ̄▽ ̄*)ブ
ถ้าเห็นข้อความนี้แล้วสนใจ โปรดทิ้งช่องทางติดต่อให้เรานะ~ ถ้าสะดวกฝากติดตามเฟ๊สขอทักแชทคุยละเอียดค่ะ ขอบคุณนะคะ
FB:Honeie Zi


โดย: NTthaii (สมาชิกหมายเลข 7449101 ) วันที่: 6 มีนาคม 2566 เวลา:17:21:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.