Group Blog
 
All Blogs
 
เธอคือทาสหัวใจของฉัน: Chapter 13 หลบหนี



*** Chapter 13 หลบหนี : Escape****









หลังจากสะกดนิ่งมัลฟอยแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบออกจากห้องนอนของเด็กหนุ่มพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ของเขาทันที เธอต้องรีบไปที่ห้องหนังสือของนายลูเซียสเพื่อใช้ไม้กายสิทธิ์ที่ขโมยมาเปิดทางลับที่อยู่หลังแผนที่ แล้วก็ใช้ทางลับนั้นหนีไปจากที่นี่เพื่อกลับไปหาเพื่อนทั้งสอง!

เด็กสาวเปิดประตูห้องนอนของมัลฟอยออกอย่างระมัดระวัง พลางมองสำรวจทางเดินหน้าห้องนอนของเขาอย่างรอบคอบ เผื่อว่าเกิดมีเอลฟ์ตัวไหนมาเพล่นพล่านแถวนี้แล้วพบเธอเข้าคงไม่ดีแน่ แม้ว่าเธอจะมีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะปลุกเอลฟ์ทั้งบ้านให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร่ายคาถาของเธอ หรือแม้กระทั่งทำร้ายพวกมันตัวใดตัวหนึ่งนัก เธอต้องการออกไปจากที่นี่อย่างเงียบ ๆ

และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเธอในค่ำคืนนี้ เพราะตอนหัวค่ำมัลฟอยสั่งเอลฟ์ประจำบ้านไว้ว่าเขาอยากพักผ่อนและไม่ต้องการให้พวกมันมารบกวน ทางเดินหน้าห้องนอนของเด็กหนุ่มจึงเงียบกริบปราศจากสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้น และนั่นก็ช่วยให้เด็กสาวไปยังห้องหนังสือได้อย่างราบรื่น

ภายในเวลาไม่เกินห้านาทีหลังจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็มายืนอยู่หน้าประตูไม้ขัดมันเงาวับที่เป็นทางเข้าไปยังห้องหนังสือของนายมัลฟอย เด็กสาวรู้สึกว่าอกของเธอกำลังจะระเบิดด้วยความตื่นเต้น เธอได้กลิ่นอายของอิสรภาพอยู่ใกล้แค่เอื้อม เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับลูกบิดประตูบานนั้นเพื่อจะเปิดมันออก แต่ปรากฏว่ามันล็อก!

‘ มัลฟอยคงร่ายคาถาป้องกันไว้สินะ ‘ เด็กสาวคิด เธอจำได้ดีว่าคราวก่อนที่เขาเจอเธออยู่ในห้องหนังสือนี่โดยไม่ได้รับอนุญาตเขาโกรธเพียงไร และหลังจากวันนั้นเด็กหนุ่มก็ออกไปสร้างข่ายเวทย์มนตร์เพื่อป้องกันเธอหนีออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ ในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่เขาคงจะต้องร่ายคาถาป้องกันทางลับทุกทางที่เป็นเส้นทางออกจากคฤหาสน์ไปสู่ภายนอกได้ รวมทั้งการร่ายมนตร์ปิดห้องหนังสือแห่งนี้ไว้ด้วย

แค่เวทย์มนตร์ที่เขากำกับไว้ที่ประตูบานนี้นั้นไม่คณามือของเฮอร์ไมโอนี่เลย เพราะถึงอย่างไรเธอก็มีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ แค่ ‘ อาโลโฮโมร่า ’ ก็น่าจะจัดการกับประตูนี่ได้แล้ว แต่ที่เด็กสาวกังวลก็คือข่ายเวทย์มนตร์ที่มัลฟอยสร้างไว้ก่อนหน้านี้ต่างหาก

จากคำบอกเล่าของดีน่าเอลฟ์ประจำบ้าน มัลฟอยได้สร้างข่ายเวทย์มนตร์ไว้ทุก ๆ ตารางนิ้วของคฤหาสน์มัลฟอยแห่งนี้เพื่อไม่ให้ใครก็ตามออกจากที่นี่โดยที่เขาไม่ยินยอม ไม่ว่าจะเป็นการหายตัวหรือทางอื่นก็ตาม และเขายังเคยขู่ไว้ด้วยว่า ทันทีที่เธอหนีออกจากที่นี่เขาจะสามารถรู้ได้ในทันที และตามไปเอาตัวเธอกลับมาได้ไม่ยากเลย

พอคิดถึงตรงนี้เด็กสาวก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อย เพราะนั่นแสดงว่าข่ายเวทย์มนตร์ที่มัลฟอยเคยสร้างไว้นั้นต้องเตือนเขาทุกครั้งที่มีคนเข้าออกคฤหาสน์มัลฟอย และไม่แน่ว่าเวทย์มนตร์นั้นอาจจะส่งผลเตือนไปยังเอลฟ์ประจำบ้านที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ด้วย แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ มัลฟอยอาจจะร่ายเวทย์มนตร์ปิดตายทางลับทุกทางที่นำออกไปนอกคฤหาสน์แห่งนี้ หลังจากที่เขาจับได้ว่าเธอคิดจะหนี แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ภาวนาขออย่าให้มันเป็นเช่นนั้นเลย เพราะไม่อย่างนั้นสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดนี่ก็จะสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง!
ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงกันดูล่ะ! ถ้าหากเธอโชคดี มัลฟอยไม่ได้ร่ายคาถาปิดตายทางลับที่อยู่ในห้องหนังสือนี้ เธอก็จะใช้มันออกไปจากที่นี่ได้ แต่ที่เด็กสาวกังวลไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น แม้ว่าเธอจะเข้าไปยังทางลับได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็กลัวว่าทันทีที่เธอก้าวเท้าออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ ข่ายเวทย์มนตร์ของเขาจะตรวจจับร่องรอยของเธอได้ และมันจะเตือนไปยังมัลฟอยที่กำลังถูกสะกดนิ่งอยู่ที่ห้องนอนของเขา ซึ่งทันทีที่เขาคลายจากการถูกสะกดนิ่ง เขาก็จะสามารถตามไปจับตัวเธอกลับมาได้ทันเพราะเขาต้องรู้แน่ว่าเธอฝ่าข่ายเวทย์มนตร์ออกไปทางด้านใดของคฤหาสน์

ปัญหามันอยู่ที่ว่า ระหว่างที่เวลาที่เธอหนีออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ กับเวลาที่เด็กหนุ่มคลายจากคาถาสะกดนิ่งของเธออะไรมันจะมาถึงก่อนเท่านั้น เพราะถ้าเธอหนีไปก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาได้เธอก็จะปลอดภัย แต่ถ้าเขาคลายสะกดและออกมาตามล่าเธอก่อนที่เธอจะหนีออกจากที่นี่ได้ ผลที่จะตามมานั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะคิดถึงมันเลย!

‘ แค่ออกไปให้ถึงระยะที่หายตัวได้เท่านั้น ‘ เด็กสาวคิด ในใจร้อนรุ่มอย่างประหลาด มือชื้นเหงื่อของเธอกำไม้กายสิทธิ์ที่ขโมยมาแน่น ก่อนจะเริ่มร่ายคาถา

“อาโลโฮโมร่า!” เด็กสาวชี้ไม้ของมัลฟอยไปที่ประตู มีเสียงเก๊กเบา ๆ ดังขึ้นและในอีกสองวินาทีต่อมา ประตูก็เปิดออก

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอใช้งานไม้ของมัลฟอยได้ไม่ถนัดนัก ไม่เหมือนใช้ไม้ของเธอเอง ความจริงเธอรู้ดีว่านายลูเซียสเก็บไม้กายสิทธิ์ของเธอที่ยึดมาไว้สักแห่งในคฤหาสน์มัลฟอยแห่งนี้ แต่เด็กสาวไม่มีเวลาพอที่จะค้นหามัน สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น!

เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาภายในห้องหนังสือที่มืดสลัว เธอไม่อยากเสี่ยงที่จะเปิดไฟ อีกอย่างแสงจันทร์จากภายนอกในคืนพระจัทร์เต็มดวงที่สาดส่องเข้ามาในห้องก็พอทำให้มองเห็นอะไรได้บ้าง เด็กสาวตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีผ้าม่านผืนใหญ่ซึ่งทิ้งตัวยาวดุจผนังสีเขียวอยู่ เธอร่ายคาถาเปิดมันออก

ภาพที่ปรากฏขึ้นก็คือแผนที่เก่าคร่ำคร่าของคฤหาสน์มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่สำรวจมันอย่างตั้งใจ และก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าจุดที่บอกชื่อ ‘ เดรโก มัลฟอย ’ นั้นนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงนอนของเขา ขณะที่นางนาร์ซิสซานั้นก็ผักผ่อนอยู่ในห้องนอนของเธอ ส่วนเอลฟ์ประจำบ้านนั้นต่างนอนรวมกันที่ห้องเล็ก ๆ ติดกับครัว ไม่มีเอลฟ์ตัวไหนลุกขึ้นมาเดินเผล้นพล่านในยามวิกาลเช่นนี้เลย

ไกลมาจากห้องนอนของมัลฟอย อีกมุมหนึ่งของคฤหาสน์ปรากฏจุดเล็ก ๆ ที่เขียนว่า ‘ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ’ กำลังยืนอยู่หน้าทางลับทางหนึ่งที่นำออกไปภายนอกคฤหาสน์ เด็กสาวไม่รอช้า เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังแผนที่เก่าแก่นั่นและพึมพำออกมาว่า ‘ นอร์โมโรอัส ’

ทันทีที่ไม้กายสิทธิ์ในมือของเฮอร์ไมโอนี่แตะแผนที่ จุดดำ ๆ เล็ก ๆ ก็ปรากฏตรงบริเวณที่ไม้กายสิทธิ์แตะทันที แล้วมันก็ค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นราวกับหยดหมึกที่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่อึดใจแผนที่เก่าคร่ำคร่าหายก็ไป มันถูกกลืนไปกับปื้นสีดำสนิทนั้น เด็กสาวรู้สึกว่าเนื้อกระดาษตรงหน้าเธอก็พลอยอันตธานหายไปด้วย ราวกับว่ามันละลายหายไปในหยดหมึกสีดำมืดที่กำลังแผ่กระจายอยู่

ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา หยดหมึกสีดำนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วแผนที่ และกลายเป็นอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายกับซุ้มประตูโค้ง เด็กสาวรู้สึกถึงอากาศเย็น ๆ ที่ลอยมาสัมผัสผิวหน้าผ่านทางประตูบานนั้น เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือเข้าไปแตะรอยเปื้อนสีดำสนิทแต่ปรากฏว่ามันว่างเปล่า เธอรู้สึกว่ามือของเธอสามารถทะลุเข้าไปยังอีกฝั่งของแผนที่ผ่านประตูทางเข้าที่อยู่บนแผ่นกระดาษนี้ได้!

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มขึ้นมาเป็นครั้งแรกของวัน รู้สึกใจชื้นขึ้นมาก มือของเธอกำไม้กายสิทธิ์แน่น ในขณะที่อีกมือหนึ่งกระชับเสื้อคลุมที่ขโมยมาจากมัลฟอยเข้ากับร่างของเธอ เพื่อพร้อมที่จะเผชิญกับอากาศหนาวเย็นในทางลับนั่น และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำเช่นนั้นเธอก็ได้กลิ่นกายของเด็กหนุ่มจากเสื้อคลุมที่เธอกำลังสวมอยู่ในตอนนี้

เด็กสาวพยายามไม่สนใจสิ่งที่นาสิกสัมผัสของเธอรับรู้ รวมทั้งพยายามไม่จินตนาการไปด้วยว่าบัดนี้มัลฟอยที่นอนอยู่ข้างบนจะโกรธเธอแค่ไหนเมื่อรู้ว่าเธอหักหลังเขาแบบนี้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็พอเดาได้ว่าเขาคงโกรธไม่แพ้วันที่เขาพยายามจะปลุกปล้ำเธอแน่ ๆ และเธอก็จะพอรู้ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หากการหลบหนีครั้งนี้ของเธอไม่ประสบผลสำเร็จ

‘ อย่าไปคิดถึงมัน เฮอร์ไมโอนี่ เธอต้องหนีไปให้ได้สิ เธอต้องหนีออกไปจากที่นี่เพื่อความปลอดภัยของแฮร์รี่ ’ เด็กสาวเตือนตัวเอง ก่อนจะหันหลังกลับไปร่ายคาถาล็อกประตูห้องหนังสือ จากนั้นเธอก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับซุ้มประตูที่ถูกวาดด้วยหมึก เฮอร์ไมโอนี่กลั้นใจเดินทะลุมันไป!

.................................................


หลังซุ้มประตูนั้นเป็นทางเดินขนาดราว ๆ สองเมตรคูณสองเมตร ซึ่งถือว่าไม่คับแคบเท่าใดนัก ผนังทั้งสี่ด้านเป็นก่อด้วยอิฐที่เก่าคร่ำคร่าจนเด็กสาวคิดว่ามันคงจะถูกสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับคฤหาสน์หลังนี้เป็นแน่ ภายในทางลับนี้ไม่มีคบไฟ หรือเครื่องมือใด ๆ พอที่จะให้แสงสว่างได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องใช้คาถาลูมอสเพื่อจุดไฟขึ้นแทน

ทางเดินช่วงแรกเป็นบันไดหินที่ชันและลื่นทอดตัวลงไปเป็นความสูงราว ๆ ตึกสามชั้น เมื่อลงจากกับไดมาก็เป็นทางเดินที่สะดวกสบายพอสมควร เพราะมันราบเรียบและไม่มีส่วนใดผุกร่อนหรือชำรุดเลย แสดงให้เห็นว่าทางลับชนิดนี้ได้รับการซ่อมแซมเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

อากาศในทางลับนั้นอับชื้นและเย็นเฉียบ แถมยังมีกลิ่นตุ ๆ ราวกับมีซากของอะไรสักอย่างที่ตายแล้วโชยมาเป็นระยะ ๆ ชวนให้รู้สึกตะครั่นตะครอไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่กำลังเดินผ่านทางโค้งครั้งที่สามเด็กสาวก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรมากระทบขาของเธอ! แต่เมื่อส่องไฟไปดูก็ปรากฏว่าเป็นเพียงหนูตัวโตเหมือนหนูที่อยู่ตามท่อระบายน้ำเท่านั้น

ทุกย่างก้าวของเฮอร์ไมโอนี่เต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะเธอไม่แน่ใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างในหนทางลึกลับที่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุดนี้ อาจจะเป็นกับดักที่พอเธอพลาดเหยียบถูกมันเข้าก็มีลูกกรงขนาดใหญ่ตกโครมลงมาขังเธอ หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ เด็กสาวจินตนาการไปเองว่าเมื่อเธอเดินไปจนถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เธอจะเจอมัลฟอยดักรออยู่ตรงปากทางออก ใบหน้าซีดเซียวของเขาบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ในขณะที่ดวงตาสีเงินคู่นั้นวาวโรจน์ด้วยเพลิงแค้น!

และเพราะความคิดนั้นเอง เฮอร์ไมโอนี่จึงหยุดทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงผิดปรกติ เด็กสาวไม่ลังเลเลยที่จะใช้คาถาตรวจสอบก่อนทุกครั้งไม่ว่าเธอเจอทางเลี้ยวหรือโค้งหักมุมก็ตาม แต่สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งของทางลับแห่งนี้ก็คือมันไม่มีทางแยกไปที่อื่นให้เธอสับสน ถ้าจะมีทางเลี้ยวก็ล้วนเป็นทางบังคับเลี้ยวเท่าสิ้น มันจึงทำให้เธอหมดความกังวลว่าจะหลงทางไปได้เลย

หลังจากการเดินคดเคี้ยวเลี้ยวลดในอุโมงค์มืดนานร่วมยี่สิบนาที เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นแสงสว่างลิบ ๆ อยู่ที่ปลายอุโมงค์อีกด้านหนึ่ง หลังจากเธอผ่านโค้งหักศอกครั้งสุดท้ายมาแล้ว แสงที่เธอเห็นนั้นดูห่างไกลและเลือนรางราวกับภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังในคืนที่มืดมิดของเธอ

เฮอร์ไมโอนี่กระชับไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น พร้อมกับร่ายคาถาตรวจเช็คกับดักที่อาจจะมีอยู่ในเส้นทางระยะสุดท้ายก่อนจะถึงทางออก และเมื่อพบว่าไม่มีกับดักใด ๆ รออยู่ข้างหน้า เด็กสาวก็ลดไม้กายสิทธิ์ลงและรีบตรงไปยังแสงสว่างนั่นอย่างรวดเร็วเท่า ๆ ที่ขาทั้งสองของเธอจะพาเธอไปได้

................................................


ภายในเวลาไม่เกินสิบนาทีให้หลัง เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าทางออกของทางลับแห่งนี้คือป่าแห่งหนึ่งที่รกทึบพอ ๆ กับป่าต้องห้ามทีเดียว ตรงทางออกนั้นเป็นประตูไม้เก่าคร่ำคร่าแต่ว่าแข็งแรง ตรงบานประตูมีช่องขนาดราว ๆ หนึ่งตารางฟุตอยู่ ซึ่งทำให้แสงจากภายนอกสามารถลอดเข้ามาภายในทางลับได้ เด็กสาวร่ายคาถาเปิดประตูและก้าวออกจากทางลับมาด้วยหัวใจที่เต้นระทึก!

เมื่อออกจากทางลับมาแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงรู้ว่าประตูทางออกดังกล่าวถูกซ่อนอยู่ระหว่างก้อนหินใหญ่สองก้อนโดยมีเถาวัลย์มากมายกำบังอยู่ ซึ่งมันจะเปิดออกก็ต่อเมื่อมีคนเข้าออกทางลับเท่านั้น และเมื่อเด็กสาวออกจากทางลับมาแล้ว เถาวัลย์ดังกล่าวก็ม้วนตัวกลับไปบังประตูลับนั้นไว้ตามเดิม ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่มีวันรู้เลยว่ามีหลังเถาวัลย์เหล่านั้นมีประตูลับซ่อนอยู่
หลังจากออกมาจากทางลับเฮอร์ไมโอนี่ก็มองไปรอบ ๆ และพบว่าบริเวณที่เธอยืนอยู่ล้อมรอบด้วยป่ารกทึกที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงชะลูด แต่ละต้นมีขนาดใหญ่ยักษ์ไม่แพ้ป่าต้นไม้ในต้องห้ามเลย และพวกมันต่างแข่งกันแผ่กิ่งก้านใบราวกับจะแย่งกันบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในเวลากลางวัน แต่สำหรับเวลากลางคืนแบบนี้ป่าแห่งนี้ราวกับถูกย้อมด้วยสีดำมืดของรัตติกาล ยากนักที่จะมีแสงใด ๆ เล็ดรอดผ่านกิ่งใบที่หนาทึบพวกมันเข้ามาได้ แม้ว่าจะเป็นคืนพระจันทร์ที่เต็มดวงเช่นคืนนี้ก็ตาม

เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็พอจะเดาได้แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องการเข้าไปในป่าแห่งนี้พอ ๆ กับที่เธอไม่ต้องการกลับเข้าไปในคฤหาสน์มัลฟอย แม้ว่าเธอจะมีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือก็ตามแต่เด็กสาวก็ไม่อยากเสี่ยงเข้าไปในป่าทึบซึ่งเธอไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรรออยู่บ้างแบบนี้

‘ บางทีฉันน่าจะลองหาวิธีอื่นไปจากที่นี่โดยไม่ผ่านป่าน่ากลัวนี่ไป ‘ เฮอร์ไมโอนี่คิด ก่อนจะหลับตาลง และรวบรวมสมาธิเพื่อหายตัว ในใจของเธอนึกถึงสำนักงานใหญ่ภาคีนกฟินิกซ์ที่บัดนี้ย้ายกลับมาอยู่ในกริมโมลด์เพลซอีกครั้ง สถานที่ที่เธอต้องการไปมากที่สุด!

‘ ฉันต้องการไปที่ภาคีนกฟินิกซ์ บ้านเลขที่สิบสองกริมโมลด์เพลซ ภาคีนกฟินิกซ์! ’ เธอย้ำถ้อยคำนั้นในใจ

แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าเธอยังอยู่ที่เดิม! ในป่ารกทึบที่ล้อมรอบคฤหาสน์มัลฟอยไว้ เธอไม่ได้เคลื่อนไปที่จากตำแหน่งเดิมเลยแม้แต่น้อย!

เมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กสาวก็ตระหนักว่าเธอไม่สามารถหายตัวในบริเวณนี้ได้ เพราะตรงที่เธอยืนอยู่นี่น่าจะยังเป็นอาณาเขตของคฤหาสน์มัลฟอยอยู่ เมื่อรู้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงลองเดินออกห่างจากโขดหินที่มีประตูลับซ่อนอยู่ไปทางป่าทึบเป็นระยะทางประมาณ 15 เมตร แล้วลองหายตัวดูอีกครั้งแต่ปรากฏว่ามันล้มเหลว! เธอหายตัวไปจากที่นี่ไม่ได้ ซึ่งนั่นก็แสดงว่าเธอยังไม่ออกไปจากอาณาเขตของคฤหาสน์มัลฟอยเลย และก็มีความเป็นไปได้ว่าอาณาเขตของคฤหาสน์จะครอบคลุมไปตลอดทั้งป่าแห่งนี้ แล้วทางเดียวที่เธอจะออกไปได้ก็คือเดินผ่านป่าทึบเบื้องหน้าออกไป!

เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลาย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวราวกับจับไข้ขึ้นมาอย่างกระทันหัน แต่เด็กสาวก็ไม่ลืมที่ชื่นชมบรรพบุรุษของตระกูลมัลฟอย สำหรับการหาทำเลที่ตั้งคฤหาสน์ได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่าการเข้าออกคฤหาสน์แห่งนี้นั้นต้องอยู่ในสายตาล่วงรู้ของคนใคฤหาสน์เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะป่าทึบที่ปิดกั้นคฤหาสน์แห่งนี้ไว้กับโลกภายนอกยิ่งทำให้การบุกรุกเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้นั้นยากขึ้นเป็นเท่าตัว อันที่จริงเวทย์มนตร์คุ้มครองคฤหาสน์นั้นดูจะเปล่าประโยชน์ไปเลยเมื่อมีป่าทึบแห่งนี้เป็นปราการปิดกั้นคนจากภายนอกไม่ให้บุกรุกเข้ามาได้โดยง่าย และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถออกไปจากที่นี่อย่างง่ายดายเช่นกัน!

เสียงสัตว์บางชนิดร้องดังมาจากป่าเบื้องหน้า เสียงที่ดังกังวานนั้นฟังดูโหยหวนและบาดหูเป็นอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือก รู้สึกเหมือนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเสียแล้ว ต่อให้เธอกล้าหาญแค่ไหนแต่การเดินเข้าป่าทึบแบบนี้ (ซึ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงเธอก็พอยืนยันได้ว่าคงมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่เป็นแน่) นั้นเป็นการกระทำที่เทียบเท่ากับการฆ่าตัวตายชัด ๆ

เด็กสาวมองไม้กายสิทธิ์ในมือราวกับเธอกำลังชั่งใจ แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องการกลับไปที่คฤหาสน์มัลฟอยอีกครั้งอย่างแน่นอน เธอไม่ต้องการถูกกักขังราวกับทาส เธอไม่ต้องการถูกใช้เป็นเครื่องมือล่อลวงเพื่อนรักของเธอตามแผนการของจอมมาร และที่ร้ายกว่านั้นคือ เธอไม่ต้องการถูกหลอกลวงโดยเด็กหนุ่มที่ชื่อ เดรโก มัลฟอยอีกต่อไปแล้ว เธอไม่ต้องการเลย! ทั้งหมดที่เธอต้องการก็คือได้ออกไปจากที่นี่เพื่อกลับไปหาเพื่อนทั้งสอง กลับไปหาแฮร์รี่กับรอนอีกครั้ง!

เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปด้านหลัง เธอมองเห็นคฤหาสน์มัลฟอยตั้งตระหง่านเป็นเงาสีดำทะมึนอยู่ไกลออกไป เด็กสาวหันกลับมาเผชิญหน้ากับป่าดำทึบที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง ระหว่างถูกจับกลับไปยังคฤหาสน์มัลฟอยกับหนีเข้าป่าทึบแห่งนี้ เธอเลือกอย่างหลัง เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นกับธอในป่าก็แค่ความตายเท่านั้น แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเธอถ้าเธอถูกจับกลับไปยังคฤหาสน์แห่งนั้น เฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายหลายเท่านัก!

‘ อย่างมากที่สุดก็แค่ตายเท่านั้น ’ เธอคิดอย่างกล้าหาญก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าทึบ


************************************************


ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเท้าออกจากทางลับลูกแก้วที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงของมัลฟอยก็ส่องแสงวาววาบพร้อมกับกรีดเสียงร้องดังสนั่น ซึ่งหมายความว่าใครบางคนได้ฝ่าข่ายเวทย์มนตร์และออกจากคฤหาสน์ชั้นในไปได้สำเร็จแล้ว!

หลังจากที่ลูกแก้วกรีดเสียงร้องได้ไม่เกินสิบวินาที เสียงป็อปก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของดีน่า เอลฟ์ประจำบ้านที่มีดวงตาสีฟ้าราวกับลูกบอลชายหาด

“นายน้อยแย่แล้วเจ้าค่ะ! เป็นมีคนฝ่าข่ายเวทย์มนตร์เจ้าค่ะ ลูกแก้วเตือนภัยส่งเสียงร้องแล้วเจ้าค่ะ!” เอลฟ์สาวส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก คลอไปกับเสียงลูกแก้วเตือนภัยที่กำลังกรีดเสียงร้องโหยหวนอยู่ตรงหัวนอนของมัฟอย

ไร้เสียง ไร้การตอบรับจากเด็กหนุ่ม ดีน่ามองไปยังร่างของนายน้อยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงสัย เธอรู้ดีว่าในคืนนี้นายน้อยต้องการพักผ่อนและสั่งไม่ให้เอลล์ฟตัวใดมารบกวนเขา แต่ดีน่าก็ไม่อยากจะเชื่อว่านายน้อยจะหลับได้ทั้ง ๆ ที่ลูกแก้วเตือนภัยส่งเสียงร้องแบบนี้
ดีน่าร่ายคาถาเปิดไฟในห้องขึ้น มันเดินไปหามัลฟอยที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง และมันก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อดวงตาของเด็กหนุ่มลืมอยู่ นายน้อยของดีน่าไม่ได้หลับแต่อย่างใด

“นายน้อยไม่ได้หลับหรือเจ้าคะ แล้วทำไมนายน้อยไม่ตอบดีน่าล่ะเจ้าคะ หรือว่านายน้อยไม่สบาย” ดีน่าพูด เธอเกรงว่าพิษไข้จะเล่นงานมัลฟอยเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว

เอลฟ์สาวรีบโน้มตัวเข้าไปใกล้และเอามือเล็ก ๆ ของมันทาบบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วเพื่อทดสอบว่าเขาตัวร้อนไหม แต่ปรากฏว่าเมื่อดีน่าทำเช่นนั้นมันกลับได้ยินเสียงของนายน้อยดังขึ้น เป็นเสียงที่ดังรอดริมฝีปากของเขาออกมา

“คลายสะกดให้ฉัน ดีน่า” เสียงนั้นแผ่วเบายิ่งนัก เพราะเป็นเสียงที่มัลฟอยพูดรอดริมฝีปากออกมาอย่างยากเย็น!
“อะไรนะเจ้านะนายน้อย” เอลฟ์สาวถามซ้ำ เนื่องจากได้ยินคำสั่งเมื่อครู่ไม่ชัดเจนนัก
“คลายสะกดให้ฉัน ฉันไม่ได้ไม่สบายแต่ฉันถูกสะกดนิ่ง!” มัลฟอยพยายามขยับริมฝีปากเพื่อพูดออกมา เอลฟ์สาวมีมีหน้างงงวย
“คลายสะกดให้ฉันเดี๋ยวนี้!” เขากระซิบดุ ๆ และครั้งนี้ดูเหมือนดีน่าจะเข้าใจว่านายน้อยของเธอต้องการอะไร

“ดีน่าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ดีน่าจะทำตามที่นายน้อยสั่งเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เอลฟ์สาวพูดพลางชี้นิ้วผอม ๆ ของมันมาที่มัลฟอยพร้อมกับพึมพำคาถาเบา ๆ แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น และในวินาทีต่อมามัลฟอยก็ขยับตัวได้!
“โอ นายน้อยลุกขึ้นได้แล้ว นายน้อยเป็นอะไรมากไหมเจ้าคะ ดีน่าไม่รู้เลย ไม่รู้เลยว่านายน้อยโดนมนตร์สะกด” เอลฟ์สาวพูดอย่างปิติยินดีและทำท่าจะเข้ามาประคองเจ้านายของมัน แต่มัลฟอยกลับผลักมันออกไป เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพลางออกคำสั่งกับมัน
“ไปเอาเสื้อคลุมของฉันมาเดี๋ยวนี้ดีน่า อ้อ แล้วก็จัดการเงียบเสียงลูกแก้วเตือนภัยด้วย ทำให้มันหยุดร้องเสียที ฉันหนวกหูจะตายอยู่แล้ว!” เด็กหนุ่มสั่ง เพราะตอนนี้เขากำลังเปลือยท่อนบนอยู่เนื่องจากเสื้อคลุมตัวนอกของเขาโดนเฮอร์ไมโอนี่ขโมยไป

เฮอร์ไมโอนี่ แค่คิดถึงชื่อนี้หัวใจของมัลฟอยก็เจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีด!

‘ ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอกลับหักหลังฉันอย่างเจ็บแสบที่สุด! เธอแกล้งบอกว่ารักฉัน เธอแสร้งทำเป็นยอมทอดกายให้ฉัน แต่ที่จริงแล้วเธอต้องการแค่ขโมยไม้กายสิทธิ์ของฉันแล้วหนีไปจากที่นี่! ‘ เด็กหนุ่มคิดอย่างปวดร้าว บัดนี้ในใจของเขารุ่มร้อนราวกับถูกเพลิงสุม และมันก็เป็นเพลิงแค้นที่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถดับมันลงได้! นอกเสียจากการแก้แค้นเท่านั้น!

“นายน้อยเจ้าคะ เสื้อคลุมเจ้าค่ะ” ดีน่าพูดพลางแบกเสื้อคลุมสีดำสนิทจากตู้เสื้อผ้ามาให้มัลฟอย เด็กหนุ่มรับมาสวมใส่อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสนใจว่าดีน่าหยิบเสื้อคลุมตัวไหนมาให้เขา เพราะเสื้อคลุมทุกชุดของมัลฟอยล้วนเป็นสีดำเหมือนกันหมดอยู่แล้ว ในขณะที่เขากำลังใส่เสื้อผ้าอยู่นั้น ลูกแก้วเตือนภัยก็ยังกรีดร้องไม่เลิกเสียที

“ฉันบอกให้แกหยุดมันไงดีน่า!” เขาตะคอกเอลฟ์ประจำบ้าน ดีน่าสะดุ้งเฮือก
“ดีน่าหยุดมันไม่ได้เจ้าค่ะนายน้อย ดีน่าจำเป็นต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ถึงจะหยุดสัญญาณเตือนของลูกแก้วเตือนภัยได้ แต่เธอไม่มีมัน เธอจึงไม่สามารถหยุดลูกแก้วได้” เอลฟ์สาวพูดเสียงสั่น มันมองมัลฟอยด้วยความเกรงกลัวว่าเขาอาจจะสั่งให้มันเอาหัวโขกกำแพงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

ลูกแก้วเตือนภัยเป็นวัตถุทางเวทย์มนตร์ที่หายากยิ่งชนิดหนึ่ง มีเพียงตระกูลเก่าแก่ไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่มีมันอยู่ในครอบครอง ตระกูลมัลฟอยมีลูกแก้วเตือนภัยอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามชิ้น แต่ละชิ้นนั้นทำงานเหมือนกันหมดคือมันจะส่งสัญญาณเตือนทุกครั้งที่มีคนบุกเข้ามาในคฤหาสน์โดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต ซึ่งมันมีประโยชน์มากสำหรับนายลูเซียส เพราะเขาต้องคอยระวังการมาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จากกระทรวง รวมทั้งการมาเยือนโดยไม่บอกกล่าวของมือปราบมารด้วย

นายลูเซียสตั้งลูกแก้วทั้งสามอันไว้ในสถานที่สามแห่งในคฤหาสน์ ซึ่งก็คือ ห้องรับแขก ห้องหนังสือ และห้องนอนของเขาเอง แต่เมื่อนายลูเซียสต้องออกไปทำภารกิจให้จอมมารอย่างไม่มีกำหนดที่แน่นอนว่าจะกลับเมื่อไหร่ เดรโกซึ่งเป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แทนพ่อของเขาก็ย้ายลูกแก้วที่อยู่ในห้องหนังสือของพ่อมาไว้ในห้องนอนของตนเอง

นอกจากนี้เด็กหนุ่มยังร่ายคาถากำกับลูกแก้วเตือนภัยเข้ากับข่ายเวทย์มนตร์ที่เขาสร้างขึ้น เพื่อให้ลูกแก้วสามารถทำงานได้ย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมันจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีคนฝ่าข่ายเวทย์มนตร์เข้ามาหรือออกนอกคฤหาสน์ไปได้ (แต่ก่อนมันจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีคนบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์อย่างเดียวเท่านั้น) รวมทั้งมันสามารถแสดงภาพของบุคคลดังกล่าวว่าอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์ได้อีกด้วย แต่ที่น่ารำคาญก็คือเสียงเตือนของมัน เวลามีผู้ฝ่าข่ายเวทย์มนตร์ได้ลูกแก้วจะส่งเสียงเตือนซึ่งเป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูงราวกับเสียงของผีแบนชีก็ไม่ปาน และจะไม่สามารถจะหยุดมันได้นอกจากใช้ไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาหยุดมันเท่านั้น

‘ ไม้กายสิทธิ์ จริงสินะ ‘ มัลฟอยคิด เธอขโมยไม้กายสิทธิ์ของเขาแล้วก็หนีไป มัลฟอยเดาว่าเธอคงต้องใช้มันสำหรับเปิดทางลับในห้องหนังสือที่เธอไปพบเข้าอย่างแน่นอน เด็กหนุ่มพอจะเดาออกว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้เรื่องทางลับที่ซ่อนอยู่หลังแผนที่คฤหาสน์ตั้งแต่วันที่เธอแอบเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อเขาแล้ว และเธอก็พยายามหาทางขโมยไม้ของเขาอยู่ตลอดเวลาเพราะเธอต้องการใช้มันเปิดทางลับนั่น

‘ แต่ทางลับนั่นมันมุ่งตรงไปยังป่าดำ ‘ เด็กหนุ่มคิด ป่าดำก็คือป่าทึบที่ล้อมรอบคฤหาสน์มัลฟอยไว้และปิดกั้นคฤหาสน์แห่งนี้จากโลกภายนอก มันเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิดเกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้ ป่าดำถือว่าเป็นป่าอันตรายไม่แพ้ป่าต้องห้ามเลยทีเดียว ขนาดในเวลากลางวันป่าดำยังถือว่าเป็นสถานที่อันตรายสำหรับผู้ชายอกสามศอกด้วยซ้ำ แล้วกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเฮอร์ไมโอนี่ในเวลากลางคืนเช่นนี้เล่า! มัลฟอยจินตนาการไม่ถูกเลยว่าเธอจะเจอกับอะไรบ้างเมื่อเดินผ่านป่าดำยามวิกาลเช่นนี้!

มัลฟอยคว้าลูกแก้วที่ส่องแสงอยู่มาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว มันเรืองแสงสีเงินวาบหนึ่งก่อนจะปรากฏภาพของเด็กสาวผมน้ำตาลฟูฟ่องคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมของพ่อมดที่ใหญ่เกินไปสำหรับเธอ กำลังเดินสะเปะสะปะอยู่กลางป่าดำ มือข้างหนึ่งของเธอถือไม้ฮอว์ทอร์นที่ขโมยมาจากมัลฟอยในลักษณะระวังภัย เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากทันทีที่เห็นภาพนั้น เฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินตัดป่าดำไปเพื่อหาทางออกจากคฤหาสน์ของเขา!

แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่กังวลเลยว่าเธอจะหนีออกจากอาณาเขตของคฤหาสน์มัลฟอยได้ เพราะพื้นที่ของป่าดำนั้นกินเนื้อที่หลายร้อยเอเคอร์ และการเดินตัดป่าดำออกไปภายนอกอย่างน้อย ๆ ก็ต้องกินเวลาเกินครึ่งวันแน่ ๆ สำหรับคนรู้ทาง แต่ที่มัลฟอยกลัวก็คือ เด็กสาวจะได้รับอันตรายจากสัตว์ร้ายนานาชนิดที่อยู่ในป่าแห่งนี้เสียก่อน! สัตว์ร้ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสัตว์ในป่าต้องห้าม! และเขาก็ต้องไปตามตัวเธอกลับมาก่อนที่เธอจะถูกสัตว์ร้ายในป่านั่นลากไปฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ !

“ฉันจะไปเอาตัวเธอกลับมาเกรนเจอร์ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอตายอยู่ในนั้นแน่ อย่างน้อยเธอก็ต้องกลับมารับการลงโทษจากฉันก่อน!” เด็กหนุ่มพึมพำกับภาพของเด็กสาวที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้ว แววตาสีเงินของเขาราวโรจน์ด้วยเพลิงแค้นที่รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน!



*************************************************







Create Date : 17 มกราคม 2553
Last Update : 19 มิถุนายน 2555 12:13:54 น. 4 comments
Counter : 2617 Pageviews.

 
สู้ๆ นะ มัลฟอย!!


โดย: mimi IP: 124.122.35.6 วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:6:38:22 น.  

 
มัลฟอยสู้ๆ


โดย: ploy IP: 101.108.110.115 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:20:46:07 น.  

 
สู้ สู้ มันฟอย


โดย: tip IP: 223.205.35.98 วันที่: 18 ธันวาคม 2557 เวลา:18:01:34 น.  

 
ตื่นเต้นๆๆ สู้ๆนะเดรโก


โดย: nutthatrp IP: 101.51.81.73 วันที่: 28 มิถุนายน 2558 เวลา:23:29:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.