Group Blog
 
All Blogs
 
เธอคือทาสหัวในของฉัน: Chapter 23 ความหวังและสิ้นหวัง PART 1



***Chapter 23 ความหวังและสิ้นหวัง: Hope and Deapair***









If you knew that hope and despair were paths to the same destination, which would you choose? ~Robert Brault

หากคุณรู้ว่าไม่ว่าคุณจะมีความหวังหรือไม่ก็ตามมันก็จะนำไปสู่จุดจบที่เหมือนกัน แล้วคุณเลือกที่จะหวังอยู่รึเปล่า?


หลังจากเดรโกสั่งให้ดีน่าจัดอาหารและต้มยาบำรุงสูตรพิเศษเพื่อนำไปให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วเขาก็ตรงไปที่ห้องรับแขกเพื่อพบสเนปในทันที เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยสีเขียวและเงินตามแบบฉบับตระกูลมัลฟอยเขาก็เห็นร่างสูงใหญ่ของอดีตอาจารย์ประจำบ้านกำลังยืนหันหลังให้เขาอยู่ มือของสเนปเหมือนกำลังถือแก้วเครื่องดื่มไว้โดยไม่มีท่าทีว่าจะจิบมันขณะที่เขาเหม่อมองไปยังเตาผิงราวกับต้องการพิจารณามันอยู่
เสียงฝีเท้าของเดรโกที่เพิ่งเข้ามาในห้องทำให้สเนปล่วงรู้ถึงการมาของเด็กหนุ่ม เขาจึงหันมาหาเดรโก และเมื่อสเนปทำเช่นนั้นมัลฟอยจึงเห็นว่าสิ่งที่สเนปถืออยู่ในมืออย่างทะนุถนอมนั้นไม่ใช่แก้วเครื่องดื่ม แต่เป็นคนโทใส่น้ำยาบางอย่างที่มีสีเงิน แน่นอนว่ามันคงเป็นยาที่เขาปรุงมาให้เด็กหนุ่ม
เมื่อต้องเจออดีตอาจารย์ประจำบ้านที่อาจจะล่วงรู้ความรู้สึกต้องห้ามที่เขามีต่อเฮอร์ไมโอนี่ ทาสสาวของเขาแบบนี้เดรโกจึงทำตัวไม่ถูก เขาเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของสเนปขณะที่อีกฝ่ายมองเขาด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใย

“เธอเป็นยังไงบ้าง” เขาถามพลางก้าวเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มอีกก้าว
“ผม.....สบายดี” เขากัดฟันตอบออกไปทั้ง ๆ ที่พระเจ้ารู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่ได้สบายดีเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีดำของสเนปเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้นมาในทันที มันเหมือนสายตาที่เขาใช้เวลามีนักเรียนทำอะไรบางอย่างผิดพลาดขึ้นในชั่วโมงปรุงยาของเขา แม้ว่าความผิดพลาดของเดรโกในครั้งนี้มันจะมากกว่าการทำผิดในชั้นเรียนก็ตาม

“ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจอะไร ๆ ได้ดีแล้วนะ เดรโก เพราะเธอก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพยายามทำตัวเหมือนว่าเธอไม่เป็นไร ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเธอเองก็รู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง!” สเนปพูดอย่างมีเหตุผล คำพูดของเขาจี้ใจดำของเด็กหนุ่มเข้าอย่างจัง แถมมันยังฟังดูคล้ายถ้อยคำที่เฮอร์ไมโอนี่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้มาก

‘แต่การที่เธอต้องการให้ตัวเองดูเข้มแข็ง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นความอ่อนแอของเธอมันเป็นเรื่องที่โง่มาก ๆ เลยนะ’

เสียงของเด็กสาวที่เขารักดังขึ้นมาในหัวของมัลฟอย แต่เขาพยายามจะไม่สนใจมัน เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาสเนปซึ่งในคราวนี้เขาไม่ได้เสแสร้งทำเป็นว่าเขาปกติแต่อย่างใด ตรงกันข้ามแววตาสีเงินของเดรโกกลับแสดงออกถึงความหวาดกลัวและวิตกกังวล ขณะที่ชายผมดำมองเขาราวกับกำลังรอคำตอบอยู่

“ผม.....เจ็บแผลบ้างเป็นบางครั้ง” เขาพูดพลางยกมือขึ้นคลำแผลที่หัวไหล่ “แต่ครั้งหนึ่งเจ็บไม่นาน แปลบเดียวก็หาย” เด็กหนุ่มผมบลอนด์สารภาพตามตรง ขณะที่สเนปเดินเข้ามาประชิดตัวเขา ดวงตาสีดำของอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาที่มองเดรโกนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างไม่มีการปิดบัง เขาถามขึ้นสั้น ๆ

“เธอทำความสะอาดแผลบ้างไหม แล้วมีอาการอื่นอีกหรือเปล่า”
เดรโกมีท่าทีครุ่นคิดราวกับเขาพยายามทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“เอลฟ์มาทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ผมเมื่อวาน บาดแผลมัน.....” เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากราวกับเขารู้สึกขยะแขยงที่ต้องพูดถึงบาดแผลที่มาจากฝีมือของมนุษย์หมาป่าบนร่างกายของตัวเอง
“มันก็ปกติดี ปากแผลเกือบปิดสนิท มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยแต่ก็ดูไม่น่าเป็นอะไรมาก” มันเป็นคำพูดที่ฟังดูแสนธรรมดา แต่ทั้งเดรโกและสเนปต่างรู้ดีว่าแผลที่เกิดขึ้นกับเขานั้นไม่ใช่แค่บาดแผลธรรมดา ๆ ทั่วไปที่จะสามารถรักษาให้หายได้

สเนปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาประเมินก่อนจะพูดขึ้น
“บาดแผลของเธอรวมทั้งเลือดที่ซึมออกมาไม่ได้มีสีดำคล้ำใช่ไหม” เขาถาม เดรโกมองหน้าอดีตอาจารย์ประจำบ้านก่อนจะตอบออกมา
“ไม่มีครับ” ที่เด็กหนุ่มมั่นใจขนาดนั้นเพราะตอนที่เอลฟ์ล้างแผลให้เขาเมื่อวาน ตัวเขานั่งอยู่หน้ากระจกและเดรโกก็สำรวจบาดแผลของเขาอย่างละเอียดละออ อันที่จริงเขาถึงกับสั่งให้เอลฟ์เอากระจกบานเล็กมาให้เขาเพื่อที่จะส่องดูมัน แม้จะรู้ดีว่าบาดแผลนี้เปรียบเสมือนรอยมลทินที่จะหลอกหลอนเขาตลอดชีวิตก็ตาม แต่เขาก็อดที่จะสำรวจมันไม่ได้

หลังจากได้รับคำตอบ สเนปก็มีท่าทีโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงไว้ซึ่งความสุขุมและเคร่งเครียด
“ข่าวดีคือของเราก็คือบาดแผลของเธอไม่ติดเชื้อ” เขาพูดออกมา ขณะที่เดรโกขมวดคิ้ว

เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาควรจะดีใจหรือไม่ที่ได้ยินเช่นนั้น เพราะถึงแม้ว่าแผลนี้จะไม่นำความเจ็บปวดทรมานจากการติดเชื้อมาให้เขา แต่มันก็อาจจะทำให้มัลฟอยต้องใช้ชีวิตที่เหลือของเขาในฐานะมนุษย์หมาป่าที่ผู้คนหวาดกลัว อันที่จริงเดรโกอยากถามออกไปเหลือเกินว่าเขาจะต้องเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่ แต่เขาก็รู้ดีว่าสเนปไม่อาจให้คำตอบเขาได้ในตอนนี้

เพราะเท่าที่เดรโกรู้ขณะนี้ยังไม่มียาที่สามารถรักษาคนที่ถูกกัดให้หายจากการเป็นมนุษย์หมาป่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่ายังมีความหวังสำหรับเขาอยู่ เพราะเขาไม่ได้ถูกกัดโดยตรงและเด็กหนุ่มก็มั่นใจว่าพ่อของเขาคงไม่ดั้นด้นเดินทางไปหาเกรย์แบ็กเพียงเพื่อถามว่า การกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าจะเจ็บปวดทรมานแค่ไหนหรอก แต่ที่พ่อยอมเดินทางไปตามหาเกรย์แบ็กเพราะพ่อรู้ว่ามันน่าจะพอมีทางที่จะช่วยเขาให้รอดพ้นจากการเป็นมนุษย์หมาป่าอยู่ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกก็คิดว่าเขายังคงมีความหวังอยู่บ้าง แม้ว่ามันจะมีโอกาสเพียงแค่หนึ่งในล้านก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็ยังเลือกที่จะเชื่อในความหวังอันน้อยนิดนั้นอยู่ดี

“ฉันปรุงยามาให้เธอ” เสียงของสเนปดังขึ้นขณะที่เขาวางคนโทแก้วลงบนโต๊ะ
“มันเป็นยารักษาบาดแผลและบรรเทาอาการข้างเคียงจากบาดแผลของเธอ เธอต้องดื่มมัน 1 ถ้วยก่อนอาหารวันละสามเวลา ยาในคนโทนี้มีพอที่จะให้เธอดื่มได้ 3 วัน และฉันคิดว่าฉันน่าจะมีเวลาปรุงยามาให้เธอทุก ๆ 3 วัน แต่ในกรณีที่ฉันติดภารกิจเร่งด่วน ฉันจะทิ้งสูตรยาไว้ที่เอลฟ์ประจำบ้านแทน เธอต้องดื่มมันจนกว่าบาดแผลของเธอจะหายสนิท นอกจากนี้ฉันยังทิ้งยาสำหรับทาแผลไว้กับเอลฟ์รวมทั้งบอกพวกมันถึงวิธีการทำแผลที่ถูกต้องแล้ว”

เดรโกฟังสเนปอธิบายยืดยาวโดยไม่ได้พูดอะไร แม้เขารู้ดีว่ายานี่ไม่สามารถช่วยเขาจากกการเป็นมนุษย์หมาป่าได้ แต่เด็กหนุ่มก็นึกขอบคุณสเนปไม่น้อยที่ช่วยเหลือเขา

และเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่งเงียบ ชายผมดำจึงพูดต่อไป
“อันที่จริงฉันไปค้นข้อมูลอะไรบางอย่างจากห้องสมุดมา.....” อดีตอาจารย์วิชาปรุงยาพูดก่อนจะหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่มีปกสีแดงขึ้นมา เดรโกจำได้ว่ามันเป็นหนังสือชื่อ ‘สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่’ ซึ่งเขาเคยอ่านตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง สเนปเปิดหาหน้าที่ต้องการก่อนจะยื่นมาให้เดรโกอ่าน


มนุษย์หมาป่า (Werewolf)
ประเภทที่ ก.ว.ม. จัดไว้ : XXXXX

มนุษย์หมาป่าพบได้ทั่วโลก แต่เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดในยุโรปตอนเหนือ มนุษย์จะเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าต่อเมื่อถูกกัดเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่มียารักษา แต่พัฒนาการล่าสุดในการปรุงยาก็ช่วยบรรเทาอาการที่เลวร้ายที่สุดไปได้มากแล้ว ทุกเดือนเมื่อพระจันทร์เต็มดวง พ่อมดหรือแม่มดที่ดูปกติดีเสมอมาก็จะกลายร่างเป็นสัตว์กระหายเลือดไปทันที มนุษย์หมาป่ามักจะออกล่ามนุษย์มากกว่าเหยื่อชนิดอื่น ๆ ซึ่งเกือบจะเป็นสัตว์มหัศจรรย์เพียงชนิดเดียวที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

[จากหนังสือเรื่อง สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ โดย นิวท์ สคามันเดอร์, หน้าที่ 27]


เด็กหนุ่มกราดสายตาอ่านบทความเรื่องมนุษย์หมาป่าอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าเขาสะดุดตากับประโยคที่ว่า ‘มนุษย์จะเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าต่อเมื่อถูกกัดเท่านั้น’ ซึ่งมันยืนยันว่าเขาไม่ต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าน่ะสิ เด็กหนุ่มคิดอย่างมีความหวัง แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากมันเป็นอย่างที่หนังสือว่าจริง ๆ แล้วทำไมสเนปถึงยังคงมีท่าทีเคร่งเครียดอยู่ล่ะ
เมื่อไม่สามารถหาคำตอบจากสิ่งที่เขาอ่านได้ เดรโกจึงเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์เก่าแก่ของเขา และสิ่งที่เดรโกเห็นก็คือความอึดอัดและลำบากใจที่แฝงอยู่ในสีหน้าและแววตาของสเนป ราวกับชายผมดำมีบางสิ่งที่ต้องการจะพูดออกมาแต่เขากลับรู้สึกลำบากใจอย่างมากที่จะทำเช่นนั้น

“หมายความว่าผมจะไม่ต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าใช่ไหมครับ” เดรโกตัดสินใจถามออกไปตามตรง เขามองเข้าไปในแววตาสีดำสนิทของสเนป และสิ่งต่อมาที่เขารู้ก็คือสเนปมองเขาด้วยแววตาที่แสดงถึงความเห็นใจเกือบจะเรียกได้ว่าสงสาร เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้เดรโก เด็กหนุ่มรับมาอ่านและพบว่ามันเป็นเดลี่พรอเฟ็ตที่ตีพิมพ์เมื่อหนึ่งปีก่อน บทความนั้นพาดหัวไว้ใหญ่โตด้วยตัวหนังสือสไตล์โกธิคว่า

‘การกลายพันธุ์ของเชื้อมนุษย์หมาป่า จริงหรือที่การถูกกัดอาจไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอีกต่อไป!’

เดรโกขมวดคิ้วกับข้อมูลที่เขาได้รับ แต่ก่อนที่เขาจะพลิกหนังสือพิมพ์นั้นอ่าน สเนปก็พูดขึ้นซึ่งเป็นการอธิบายข้อสงสัยทั้งหมดของเขา
“บทความนี้บอกเราว่าก่อนหน้านี้มีการพบเหยื่อที่ถูกมนุษย์หมาป่าทำร้าย” สเนปพูดขณะที่เริ่มเดินไปรอบ ๆ ห้องราวกับเขาไม่ต้องการจะเห็นสีหน้าของเดรโกขณะที่เขากำลังบอกข่าวร้ายให้เด็กหนุ่มฟัง

“แค่ถูกทำร้ายเท่านั้น ไม่ได้ถูกกัดโดยตรง อันที่จริงคนเหล่านั้นควรจะรอดจากการเป็นมนุษย์หมาป่า เพราะเท่าที่เราเคยรู้กันมาการเป็นมนุษย์หมาป่าจะสืบทอดได้จากการกัดเท่านั้น ไม่นับการทำร้ายในรูปแบบอื่น อย่างเช่นการข่วน.......” สเนปเว้นจังหวะการพูด เขาหันมาสบตาเดรโก ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความกังวล

“แต่เรากลับพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า บางคนเรียกมันว่าวิวัฒนาการ แต่นักวิชาการบางคนใช้คำว่ากลายพันธุ์เพื่อบรรยายความหมายในสิ่งที่เรากำลังเจออยู่ พวกเขาพบว่าเงื่อนไขบางข้อในการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้เปลี่ยนแปลงไป มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่าคนที่ถูกกัดเท่านั้นจึงจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้ ตรงกันข้ามคนที่ถูกทำร้ายหรือได้รับบาดแผลจากมนุษย์หมาป่าก็มีสิทธิ์จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้เช่นกัน และมนุษย์หมาป่าที่มาจากการถูกทำร้ายนี้ เราพบว่าร่างกายของพวกเขาไม่สามารถรับยาควบคุมการกลายร่างได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าคนที่กลายเป็นมนุษย์หมาป่าเพราะแค่ถูกทำร้ายจะไม่สามารถดื่มยาระงับอาการของมนุษย์หมาป่าแล้วแอบซ่อนตัวอย่างสงบเพื่อรอให้คืนวันเพ็ญผ่านไปได้ ตรงกันข้าม.....” สเนปหยุดพูด ดวงตาสีดำของเขาที่หันกลับมาสบตาเดรโกนั้นเต็มไปด้วยความกังวล ราวกับเขากลัวว่าเด็กหนุ่มจะหวาดกลัวในเรื่องที่เขากำลังจะพูดต่อไป

แน่นอนว่าเดรโก มัลฟอยกลัว! แม้ว่าเขาจะถูกสั่งสอนมาเนิ่นนานว่าความกลัวเป็นคำที่ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของลูกผู้ชายตระกูลมัลฟอยก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่อาจปิดกั้นตัวเองจากความกลัวที่วิ่งเข้าจับขั้วหัวใจของเขาได้! เพราะสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าฝันร้ายที่ใคร ๆ จะสามารถจินตนาการได้! และถ้าเขาโชคร้ายเขาก็ต้องติดอยู่ในกับฝันร้ายนี้ไปตลอดชีวิต!

เมื่อเห็นสีหน้าของอดีตนักเรียนประจำบ้านที่ออกอาการอึดอัดขึ้นมาอย่างชัดเจน สเนปจึงชะลอสิ่งที่เขาต้องการจะพูดในตอนแรกไว้ก่อน และเปลี่ยนมาเอ่ยปากถามเดรโกแทน

“เธอแน่ใจว่าเธออย่างฟังต่อไปไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่การกระทำของเขากลับแสดงว่าเขาห่วงใยเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก เดรโกเงยหน้ามองสเนป ความหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาสีเงินอย่างไม่มีการปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น ใบหน้าของเขาขาวซีดและมีสีหน้าที่ดูราวกับเขากำลังภาวนาอยู่ในใจให้ใครก็ได้มาช่วยปลุกเขาขึ้นจากฝันร้ายนี้เสียทีเถอะ

แต่เดรโกรู้ดีว่าที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นไม่ใช่แค่ฝันร้าย แต่มันเป็นความจริง! และการหลอกตัวเองโดยเลือกที่จะไม่รับฟังข้อมูลที่สเนปกำลังจะบอกเขาไม่ได้หมายความว่ามันจะช่วยให้เขาหนีจากสภาพเลวร้ายที่เขากำลังจะเผชิญได้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นสบตาอดีตอาจารย์ประจำบ้าน แม้ว่าแววแห่งความหวาดกลัวจะยังไม่จางไปจากดวงตาสีเงินที่ถอดแบบมาจากเพื่อนเก่าแก่ของสเนปก็ตาม แต่เขากลับเห็นแววแห่งความกล้าหาญที่ทอประกายในดวงตาคู่นั้นของเดรโกในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในดวงตาของลูเซียส

เด็กหนุ่มหยักหน้าเบา ๆ โดยไม่ตอบอะไรออกมา และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมดำจึงถอนใจก่อนจะพูดประโยคต่อไปออกมา

“ตรงกันข้าม......คนที่เป็นมนุษย์หมาป่าจากการถูกทำร้ายในรูปแบบอื่นจะต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายที่อาละวาดฆ่าคนอย่างที่ไม่อาจหยุดยั้งได้” สเนปพูดออกมาพลางสังเกตุสีหน้าของเดรโก เด็กหนุ่มมีท่าทีกดดันอย่างเห็นได้ชัด เขาหลบตามองพื้นอย่างครุ่นคิดมากกว่าจะยอมรับชะตากรรม และในนาทีต่อมาเดรโกก็เงยหน้าขึ้นสบตาชายผมดำก่อนจะถามขึ้นมา

“บอกผมมาคำเดียวได้ไหมครับว่าผมต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายอย่างที่คุณว่าไหม” คำถามที่ตรงไปตรงมาและแสนเรียบง่ายนั้นกลับสร้างความอึดอัดใจอย่างมหาศาลให้กับอดีตอาจารย์ประจำบ้านของมัลฟอย อย่างเช่นที่ลูเซียสพ่อของเด็กหนุ่มเคยทำมาแล้ว แต่ในคราวนี้สเนปกลับรู้สึกว่าการตอบคำถามของลูกศิษย์ของเขานั้นยากกว่าการตอบคำถามเพื่อนเก่าแก่ของเขามากนัก เพราะคนที่กำลังถามเขาอยู่นี้เป็นคนที่ต้องเผชิญชะตากรรมต้องคำสาปนี้ด้วยตัวของเขาเอง และสเนปก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจตอบแค่ ‘ไม่แน่ใจ’ เหมือนอย่างที่เขาตอบลูเซียสออกไปได้

ชายผมดำเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบออกมา

“ถ้าเราหาวิธีรักษาเธอไม่ได้ เธอก็ต้องกลายเป็น.....สัตว์ร้ายนั่น” เดรโกหลับตาลงเมื่อสเนปพูดจบ เขารู้สึกถึงความจริงที่พุ่งใส่ร่างของเขาราวกับอาวุธมีคม เด็กหนุ่มไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป เขาทรุดตัวลงบนโซฟาใกล้ ๆ ราวกับขาของเขาไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีกแล้ว เด็กหนุ่มผมบลอนด์ซบหน้าลงกับผ่ามือพลางใช้มือหนึ่งบีบสันจมูกอย่างสิ้นหวัง

“เดรโก.....” สเนปพูด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยและฟังดูเศร้าสร้อยอย่างที่เดรโกไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาเคลื่อนกายมายืนหน้าเก้าอี้ที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่

“ผมควรจะทำยังไงดี” เดรโกถามขึ้น น้ำเสียงของเขาไม่มีแววสะอื้น หากแต่มันอัดแน่นด้วยความเจ็บปวดทรมานและความสิ้นหวัง ราวกับทั้งโลกนี้ไม่มีความหวังใด ๆ เหลือสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว

สเนปเอื้อมมือเพื่อจะไปแตะไหล่ที่สั่นเทาของอดีตนักเรียนประจำบ้าน แต่เขาก็ชะงักเมื่อเดรโกพูดประโยคต่อไปออกมา “ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงต่อไปดี.....ถ้าเป็นคุณล่ะครับ......ถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำยังไง” เขาเงยหน้าขึ้นถามสเนป ดวงตาสีเงินของเขาแดงก่ำหากแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาแต่อย่างใด ราวกับเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ต่อหน้าอดีตอาจารย์ประจำบ้านของเขา

สเนปมองเดรโกอย่างพิจารณาก่อนจะพูดออกมา
“ฉันเองก็ไม่รู้”
ใช่แล้วเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ อันที่จริงตัวเขาเองก็เป็นพวกที่รังเกียจมนุษย์หมาป่ามาตลอด เพราะตั้งแต่เขาเกือบถูกรีมัส ลูปินในร่างมนุษย์หมาป่าทำร้ายและได้เจมส์ พอตเตอร์ศัตรูตัวฉกาจของเขาช่วยเหลือเขาเอาไว้ นับตั้งแต่นั้นมาสเนปก็ตั้งแง่เกลียดสิ่งมีชีวิตประเภทนี้มาตลอด แต่เขาไม่คิดเลยว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเพื่อนเก่าแก่ของเขาจะต้องมากลายเป็นหนึ่งในพวกมันด้วย

“ถ้าคุณเป็นผมคุณจะยอมกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายตลอดชีวิตของคุณหรือเปล่า คุณจะใช้ชีวิตต้องคำสาปแบบนี้ได้หรือเปล่า!” เดรโกถามออกมาอย่างอัดอั้น เด็กหนุ่มเค้นแต่ละคำพูดออกมาอย่างเคียดแค้น แต่คนที่เขาโกรธแค้นนั้นหาใช่สเนปไม่ หากแต่เป็นโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของเขาเสียจนมันยับเยินไม่มีชิ้นดี ราวกับว่าโชคชะตาไม่ต้องการให้เขาได้ลิ้มรสความสุขอย่างเช่นมนุษย์คนอื่น ๆ บ้าง!

“เธอหมายความว่ายังไง” สเนปถามขึ้น ดวงตาสีดำมองเด็กหนุ่มอย่างประเมิน
เดรโกหันหน้าหลบสายตาของอดีตอาจารย์ ก่อนจะพูดรอดไรฟันออกมา
“ผมแค่คิดว่า.....ถ้าต้องมีชีวตอยู่ในร่างของสัตว์ร้ายแบบนี้ สู้ให้ผมตายไปเสียดีกว่า!” ทันทีที่เขาพูดจบ สเนปก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาสีดำที่เคยมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจบัดนี้กลับแลดูโกรธเกรี้ยว

“อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้นเดรโก! เธอกำลังจะบอกฉันว่าสิ่งที่เธอต้องการจะทำหลังจากเธอกลายร่างคือการฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ!” สเนปพูด แววตาที่มองมาทางเขานั้นช่างดุดันจนเด็กหนุ่มต้องหลบสายตา!

“ผม.....”
“อย่าแม้แต่จะคิดทำโง่ ๆ อย่างนั้น!” ชายผมดำเตือน “ชีวิตของเธอมีค่ามากกว่าที่จะมาคิดสั้นแบบนี้ ใช่! ชีวิตของเธอมีค่า แม้ว่าเธอจะต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าหลังจากนี้ก็ตาม”

“พ่อของผมคงไม่คิดอย่างคุณ” เด็กหนุ่มว่าพลางคิดถึงนายลูเซียส เขาแน่ใจว่าพ่อคงไม่ต้องการลูกชายที่เป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์เป็นแน่
“ฉันขอไม่พูดถึงเรื่องระหว่างพ่อของเธอกับเธอนะเดรโก แต่ฉันเชื่อว่าลูเซียสรักเธอในแบบของเขา และเขาคงไม่ผลักไสลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเพียงเพราะว่าเด็กคนนั้นเป็นมนุษย์หมาป่า” สเนปเตือนสติ และคำพูดนั้นทำให้เดรโกนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาเพิ่งฟื้นจากการหมดสติ ที่พ่อมาถามเขาเรื่องบาดแผล ในตอนแรกมัลฟอยคิดว่าเขาคงโดนพ่อลงโทษเป็นแน่ที่เขาไม่ยอมบอกพ่อเรื่องที่เขาถูกทำร้าย แต่ตรงกันข้าม พ่อไม่ได้ลงโทษเขาแถมพ่อยังแสดงท่าทีเป็นห่วงเขารวมทั้งว่าจะพยายามหาทางช่วยเขาอีกด้วย หรือมันจะเป็นอย่างที่สเนปพูดจริง ๆ อย่างน้อยพ่อก็คงรักเขาในแบบของพ่อ

เพราะถ้อยคำเตือนสติของสเนปทำให้เดรโกคิดได้ว่าชีวิตของเขายังมีค่าอยู่ แม้ว่าในอนาคตมันอาจจะเปลี่ยนเป็นชีวิตที่ต้องคำสาปก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็ยังมีแม่ที่รักเขาแม้ว่าเธอจะจำเขาไม่ได้ รวมทั้งพ่อที่อาจจะรักเขาในแบบของพ่อ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นเด็กหนุ่มยังมีคนที่เขารักอยู่
ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ในวันที่เขาเล่าถึงบาดแผลในใจของเขาให้เธอฟังผุดขึ้นมาในหัวสมองของเดรโก เขายังจำได้ดีว่าในวันนั้นมือของเด็กสาวที่คอยบีบมือของเขาไว้อย่างปลอบประโลมนั้นอบอุ่นเพียงใด เขาจำได้ดีถึงดวงตาสีน้ำตาลของเธอซึ่งแสดงออกถึงความห่วงหาอาทรที่มีต่อเขา แม้เดรโกจะไม่แน่ใจว่าเธอแกล้งทำมันหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็ดีใจที่มีเธออยู่ข้าง ๆ ในยามที่เขากำลังโศกเศร้าเช่นนั้น และอ้อมกอดของเธอมันช่างอบอุ่นอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เด็กหนุ่มหลับตาลงพลางนึกถึงภาพช่วงเวลานั้นแม้ว่าเขาไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ามันเต็มไปด้วยความสุขก็ตาม แต่เพียงแค่นึกถึงช่วงเวลานั้นเดรโกก็รู้สึกราวกับเฮอร์ไมโอนี่มานั่งปลอบใจเขาอยู่ข้าง ๆ และเพียงเพราะแค่คิดถึงเธอเท่านั้นมันก็ทำให้เด็กหนุ่มมีกำลังใจพอที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายต่อไปได้

อึดใจต่อมามัลฟอยลืมตาขึ้นพลางเงยหน้าขึ้นมองสเนป ดวงตาสีเงินของเขาดูมีประกายความหวังขึ้นมาบ้าง แต่มันก็ยังคงแฝงแววแห่งความหวาดกลัวเอาไว้

“ผมขอโทษครับ” เขาพูดขึ้น “อันที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำโง่ ๆ แบบนั้นจริง ๆ เพียงแต่ผม.......” เขาเม้มริมฝีปาก “ผมกลัว........กลัวที่จะต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า” เดรโกยอมพูดคำที่เป็นเหมือนคำต้องห้ามสำหรับตระกูลมัลฟอยออกไป แต่น่าแปลกเหลือเกินที่เมื่อเขาพูดมันออกไปแล้วเขากลับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ราวกับความกดดันที่จะต้องแสร้งทำตัวเข้มแข้งเพิ่งมลายหายไป

สเนปมองลูกศิษย์ของเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงกว่าเดิม ราวกับเขาเข้าใจดีในสิ่งที่เดรโกกำลังเผชิญอยู่
“ฉันไม่แปลกใจที่เธอรู้สึกแบบนี้ ตรงกันข้ามฉันกลับชื่นชมเสียอีกที่เธอยอมรับออกมาตรง ๆ มันฉลาดกว่าการแสร้งทำตัวเข้มแข็งมาก” เขาเอ่ยปากชม และมัลฟอยรู้ดีว่าคนอย่างสเนปไม่ได้ชมใครออกมาง่าย ๆ
“มันไม่ง่ายหรอกครับที่จะยอมรับความอ่อนแอของคุณออกมาตรง ๆ ถ้าคุณเป็นมัลฟอยน่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น และในวินาทีต่อมาเขาก็รู้สึกถึงสัมผัสที่ไหล่ข้างที่ไม่มีบาดแผลเมื่อสเนปแตะมันเบา ๆ ในเชิงให้กำลังใจเขา

“มนุษย์ทุกคนอ่อนแอเสมอ เดรโก ทุกคนไม่ว่าใครทั้งนั้น และฉันคิดว่าพวกมัลฟอยก็ไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่น ๆ หรอกจริงไหม” ชายผมดำพูด ถ้าเป็นปกติเด็กหนุ่มคงต้องโกรธเคืองสเนปแน่ที่พูดว่าพวกมัลฟอยไม่ต่างจากคนอื่นทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์ซึ่งสูงส่งเกินกว่าที่จะลดตัวลงมาเทียบกับคนปกติทั่วไปได้ แต่ในตอนนี้เดรโกกลับไม่สนใจในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

“ความอ่อนแอเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เราทุกคนอ่อนแอทั้งนั้นเมื่อต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย แต่สิ่งที่เปลี่ยนคนอ่อนแอให้เป็นคนขี้ขลาดก็คือ การที่พวกเขาเลือกที่จะวิ่งหนีมากกว่าจะเผชิญหน้าความเป็นจริง แต่คนอ่อนแอจะเปลี่ยนเป็นคนที่เข้มแข็งได้ก็คือเมื่อเขาไม่วิ่งหนีปัญหาที่เจอ ตรงกันข้ามคนพวกนี้จะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับมัน พวกเขาถึงได้เปลี่ยนจากคนอ่อนแอมาเป็นคนที่เข็มแข็งได้” สเนปพูดด้วยถ้อยคำเรียบ ๆ แต่คำหมายนั้นเตือนใจเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี

นั่นสินะ มันยังมีความหวังเหลืออยู่ อย่างน้อย ๆ เขาก็ยังไม่ได้กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วเสียหน่อย และมันอาจจะมีวิธีที่สามารถช่วยเขาให้รอดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้ายนี้ก็ได้ และในเมื่อยังมีความหวังอยู่อย่างนี้แล้วเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไรเล่า!

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมควรจะทำยังไงดี” เดรโกถามขึ้น คราวนี้น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีแววสิ้นหวังเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ตรงกันข้ามมันกลับเต็มไปความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคอันแสนใหญ่หลวงนี้

“อันดับแรกเธอต้องทานยาตามที่ฉันบอกเสียก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อเธอกับฉัน ฉันไม่อยากจะให้ความหวังเธอหรอกนะเดรโก แต่ก็ไม่อยากเธอให้สิ้นหวังไปเสียทีเดียว เท่าที่ฉันรู้คือเธอมีเวลาอีก 2 อาทิตย์ก่อนที่เธอจะกลายร่างในคืนวันเพ็ญครั้งต่อไป และถ้าโชคดีเราอาจจะหาทางรักษาเธอได้ทันก่อนที่จะถึงเวลานั้น”

สเนปพูด แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่อยากให้ความหวังเด็กหนุ่ม แต่เดรโกก็เผลอวางความหวังของเขาในสิ่งที่ชายผมดำบอกไปเสียจนหมดแล้ว อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้

“เมื่อวานฉันกลับไปค้นคว้าเรื่องการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าในห้องสมุดของฉัน และก็ได้ข้อมูลมาส่วนหนึ่ง แต่ฉันคิดว่าฉันต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้เพื่อหาทางที่จะรักษาเธอ อันที่จริงฉันไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาตเพราะฉันคิดว่าลูเซียสคงไม่ว่าอะไรแน่ถ้าฉันจะไปหาข้อมูลสำหรับช่วยเหลือลูกชายของเขาในห้องสมุดของตระกูลมัลฟอย แต่ถึงอย่างไรฉันก็ต้องบอกเธอที่เป็นเจ้าของบ้านไว้ก่อน” สเนปพูดเรียบ ๆ เดรโกไม่ตอบอะไรมากไปกว่าการพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเรียกเอลฟ์ตัวหนึ่งมารับใช้

สิ้นเสียงเรียกของเด็กหนุ่ม เอลฟ์นามวิงเธอร์ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงดังป็อป
“นายน้อยมีอะไรให้วิงเธอร์รับใช้หรือขอรับ” มันพูดอย่างนอบน้อม
“พาศาตราจารย์สเนปไปที่ห้องสมุด แล้วก็อยู่ช่วยเขาระหว่างที่เขาหาหนังสือที่ต้องการด้วย” เดรโกสั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกสเนปด้วยตำแหน่งอาจารย์ตั้งแต่เขาจบจากฮอกวอตส์มา วิงเธอร์รับคำโดยการก้มศีรษะอย่างนอบน้อมก่อนจะหันไปทางสเนป

“วิงเธอร์จะพาคุณไปที่ห้องสมุดของตระกูลมัลฟอยขอรับ” วิงเธอร์พูดกับสเนปและเดินนำเขาออกจากห้อง ชายผมดำพยักหน้าเบา ๆ และเดินตามมันไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องอดีตอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินก็หันมาทางลูกศิษย์ของเขาและพูดขึ้นมาเบา ๆ

“ฉันจะพยายามหาทางรักษาเธอ เดรโก เราจะทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยเธอก่อนที่จะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป” สเนปพูดเรียบ ๆ แต่ถ้อยคำนั้นกลับทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเขาเพิ่งได้รับความช่วยเหลือที่ร้องขอมานานแสนนานเสียที เด็กหนุ่มผมบลอนด์มองอดีตอาจารย์ของเขาด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความขอบคุณก่อนที่ร่างนั้นจะหายลับออกจากห้องรับแขกไป

นั่นสินะ มันยังมีความหวังสำหรับเขาอยู่ แม้ว่ามันจะน้อยนิดราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็ตาม แต่เขาก็ขอเชื่อในความหวังอีกสักครั้งแม้ว่ามันจะเคยทำให้เขาผิดหวังมาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม เพราะเดรโกรู้ดีว่าหากไม่มีความหวังนี้แล้ว ชีวิตของเด็กหนุ่มก็คงต้องตกอยู่ในความมืดมิดตราบชั่วนิรันดร์

และนอกเหนือไปจากนี้เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องใครบางคนที่เขารักมากกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้ และแน่นอนว่าคน ๆ นั้นก็คือเด็กสาวเลือดสีโคลนที่อยู่ในฐานะทาสของเขา ถึงแม้จะรู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้รักเขาเลยแม้แต่น้อย และเธออาจจะยินดีด้วยซ้ำหากไม่มีเด็กหนุ่มอยู่ในโลกนี้ แต่เดรโกก็รู้ดีว่าหากเขาไม่อยู่แล้วก็จะไม่มีใครปกป้องเฮอร์ไมโอนี่ได้อีกต่อไป ถ้าหากเขาเป็นอะไรไป ถึงแม้ว่าสัญญาทาสชั่วนิรันดร์ก็จะเสื่อมมนตราลงในวินาทีที่เขาจากโลกนี้ไปก็ตาม แต่เด็กสาวก็ไม่อาจหนีไปจากเงื้อมมือพ่อของเขารวมทั้งจอมมารได้ และถ้าหากไม่มีเขาอยู่แล้วมัลฟอยไม่อยากจะคิดเลยว่าพ่อจะทำอย่างไรกับเธอซึ่งเป็นคนทำให้พ่อสูญเสียลูกชายคนเดียวของพ่อไป

เดรโกสูดลมหายใจลึก ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นทันทีเมื่อเขานึกถึงเฮอร์ไมโอนี่ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รักเขาเลยก็ตาม แต่เธอก็ตกเป็นของเขาแล้ว และมันจะเป็นเช่นนี้ไปตราบชั่วนิรันดร์ แม้เด็กหนุ่มจะรู้ดีว่าเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เขาอย่างที่เขามีชีวิตอยู่เพื่อเธอ และถ้าเลือกได้เธออาจจะเลือกความตายมากกว่าเลือกที่จะต้องอยู่เขา แต่ถึงกระนั้นเธอก็เป็นเหตุผลเดียวในการมีชีวิตยู่ของเดรโก และมันจะเป็นอย่างนี้ไปตราบนานเท่านานพอ ๆ กับที่ร่างกายของเธอจะต้องเป็นของเขาตราบชั่วนิรันดร์

เดรโกสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเริ่มเผชิญหน้ากับความจริงที่แสนเลวร้ายโดยที่เด็กหนุ่มมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นสำหรับใช้ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ซึ่งก็คือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ทาสเลือดสีโคลนและผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก มัลฟอยคิดอย่างหนักแน่นว่า

‘เธอเป็นของฉันเฮอร์ไมโอนี่ ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเธอ และเธอก็ต้องอยู่ข้างกายฉันตลอดไป!’


.................................................



ตอนนี่เป็นอีกตอนที่ยาวมาก พิกเลยแบ่งออกเป็น 2 Part นะคะ





Create Date : 03 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 มิถุนายน 2555 13:29:15 น. 4 comments
Counter : 2519 Pageviews.

 


โดย: todsvuth1 วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:22:34:16 น.  

 

รู้สึก ว่าตอนนี้พี่เขียนได้แบบให้กำลังใจคนอ่านมากเลย

คะ ^_^

แล้วพออ่านตอนหลังๆแล้วก็รู้สึกถึงความรักของเฮียเดร

ที่มีต่อหนูเฮอร์(น่าอิจฉาจริงๆ) แต่ก็สงสารเดรมากมาย

T-T

ถ้าเดรกลายเป็นหมาป่าแล้ว ใครจะดูแลเฮอร์ คิดแล้ว

sad T_T


โดย: failhin123 IP: 180.180.109.69 วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:22:35:05 น.  

 
ชอบความคิดของเดรโกตอนนี้มาก
ดูเข้มแข็งแล้วโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

กำลังสงสัยเรื่องวิวัฒนาการการโดนข่วนค่ะ
คือคิดว่า น้ำลายน่าจะมีฤทธิ์ทำให้ติดเชื้อร้ายแรงกว่านะ
แบบการโดนทำร้ายโดยไม่ใช่การกัด มันน่าจะมีผลด้อยกว่าโดยตรงนี่นา

แต่ถึงยังไง เดรโกจะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่
เราก็อยากให้เฮอร์มีส่วนในการช่วยควบคุม ปรุงยา หรืออะไรทำนองนี้นะ
เสนปไม่สนจะเอาศิษย์เอกกริฟฟินดอร์มาเป็นลูกมือบ้างเหรอ


โดย: ceeya IP: 27.130.84.198 วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:14:32:46 น.  

 
สงสารเฮียยย


โดย: Nutthatrp IP: 101.51.67.91 วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:13:14:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.