'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
อย่าหวังกันนักเลย คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ (๘ - จบ)



(ตอนจบ)

คนบางคน…หลวงพ่อไปอยู่วัดชลฯ ปี ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๑๘) นั้นน่ะ คนเชียงใหม่ มีลูกสาวคนเดียว พ่อแม่เป็นคนรวยมาก มีโรงสี มีโรงงาน โรงน้ำแข็ง มีอะไร ๆ หลายอย่าง ไปเรียนหนังสือจากเมืองนอก ไปเรียนหนังสือจากประเทศอเมริกา พอดีสอบไล่ได้ เป็นปริญญามา จะเป็นปริญญาโทหรือปริญญาเอกนี่หลวงพ่อไม่รู้ แต่คุณแดงเล่าให้ฟังพอดีเข้ามาถึงบ้าน มันตั้งความหวังไว้ผิด มันไม่ได้สมหวังมา พอดีมาถึงบ้านไม่ถึงห้าวันเลย สองวันสามวัน กระโดดตึกมาตั้งแต่ตึกเก้าชั้นพู้น ไม่ใช่โดดทีละขั้นนะ โดดมาทีเดียวนะ ร่วงถึงดินทีเดียว (กระ)ดูกหักเลย มันไม่ใช่ตายทันที (กระ)ดูกหักเลย กระดูกหักแล้วมันยังหายใจได้ เขาเอาไปโรงพยาบาล คุณแดงไปเล่าให้หลวงพ่อฟัง

(คุณแดง) - หลวงพ่อ ถ้ามันไม่ตายจริง ๆ หนูจะเอามาฝากหลวงพ่อ หลวงพ่อจะรับไหม
ได้…ได้ทั้งนั้น หลวงพ่อได้ทั้งนั้น ผู้หญิงผู้ชายหลวงพ่อรับได้ทั้งนั้น จะถือศาสนาไหนหลวงพ่อรับได้ทั้งนั้น ถ้ายังมีลมหายใจ ถ้าคนใดไม่มีมานะ ไม่มีทิฏฐิมากเกินไป หลวงพ่อพูดได้ สอนได้ แต่สอนแล้วไม่เอาก็ถือว่าคนนั้นมีมานะ มีทิฎฐิ แต่หลวงพ่อไม่ได้ไปทุกข์กับคนนั้น คนนั้นจะทุกข์ถึงวันตายก็ทุกข์ไปเถอะ หลวงพ่อไม่ได้งึดง้อ ไม่ได้อัศจรรย์คนนั้นคนนี้ทั้งหมดเลย หลวงพ่อแก้(ไข)ตัวหลวงพ่อไม่มีทุกข์ก็พอแล้ว แต่หลวงพ่อจะพูดเรื่องหลวงพ่อไม่มีทุกข์เท่านั้น

พอดีได้ห้าวัน คุณแดงไปรายงานว่า ตายแล้ว แน่ะ! พ่อแม่ก็เลยไม่รู้ เงินทองอันนั้นมีประโยชน์อะไร แล้วมันแก้อะไรเราได้ ความรู้ไปเรียนปริญญามาจากเมืองนอกนั้น มันแก้อะไรได้ มันช่วยได้ที่ตายนั้นแหละ อันนั้นเรียกว่าอวิชชา แปลว่าความไม่รู้ มันรู้แล้วมันเข้าไปในความรู้ มันตั้งความหวังไว้ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น หวังว่าจะเป็นอย่างนี้ หวังคู่ครองอย่างนั้น หวังคู่ครองอย่างนี้ มันก็เลยผิดหวัง

คนผิดหวัง คนสมัยนี้เขาเรียกว่าคนอกหัก เขาว่าอย่างนั้น คนอกหัก แต่หลวงพ่อไม่รู้ หลวงพ่อ…คนอกหักนี่ หลวงพ่อพึ่งมาได้ยินใหม่ ๆ นี่แหละ หลวงพ่อไม่รู้จริง ๆ (หัวเราะ)
เพิ่งจะรู้ไหม คนอกหักรู้ไหม ? (ถามผู้ฟัง ๆ ตอบ - พอจะรู้ค่ะ )
อ้อ…พอจะรู้ มันเป็นอย่างไร คนอกหัก พูดให้ฟังดู
(ผู้ฟังตอบ)เป็นแบบว่า สมมติคนรักกันน่ะค่ะ แต่ว่าคนนี้หลงรักเขา แต่เขาไม่รักคนนี้เลย
อ๋อ…นั่นดิ (อย่างนั้นสิ) คนอกหักดิ…

คนนั้นอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะเขาไม่รู้(นึก)ว่าเขาจะรักเรานี่ เราไปเรียนหนังสือด้วยกันนี่ไปเรียนหนังสือเมืองนอก เข้ามาในเมืองไทย นึกว่าจะมาแต่งงานกับเขา เขาไม่ได้เรื่อง เขาไม่ได้คิดจะมาแต่งงานกับเรานี่แหละ คนมันเสียหวัง เสียหลัก อย่าไปคิดอย่างนั้น อันนั้นเขาเรียกว่าคนอกหัก

อันคนมาปฏิบัติธรรมะก็เหมือนกัน นึกว่าเราจะรู้อันนั้น นึกว่าเราจะรู้อันนี้ บางคนนะ…จน…ตัวหลวงพ่อเองอันนี้ คิดอย่างนี้ เมื่อเรามาปฏิบัติธรรมะแล้วจะมีฤทธิ์ มีเดช จะมองเห็นดินฟ้าอากาศ บางครั้งจะมองเห็นลอตเตอรี่พู่น บางครั้งมันนึกว่าจะมองเห็นจิตใจ ตับไตไส้ปอดของคน มันคิดไปสารพัดสารเพไป อันนั้นมันตั้งความคิดขึ้นมาผิด ๆ อย่าไปตั้งใจอย่างนั้น ทุกคนที่พูดนี่ พอดีมันคิดมารีบมารู้ตัวเรา ปล่อยเลย อันมันรู้ออกไปข้างนอกนั่น เรียกว่าวิปัสสนูอุปกิเลส มันเป็นกิเลสแล้ว มันคิดถึงคนนั้นคนนี้ อันนั้นมันแหละ – กิเลส กิเลสไม่ใช่มีตัวมีตนนะ แน่ะ ! เราไม่เห็นใจเรา เรียกว่าคนนั้นไม่เห็นกิเลสแล้ว

บางคนเข้าใจว่า พระอรหันต์นี่เหาะได้ มองเห็นตับไตไส้ปอด มองเห็นอันนั้นอันนี้ โอ…พระอรหันต์แบบคนนั้นคิด มันคนบ้าคิด คนบ้าคิดมันต้องคิดอย่างนั้น แต่คนมีปัญญาคิดมันไม่ได้คิดอย่างนั้น หลวงพ่อเป็นบ้ามาตั้งแต่อายุ ๑๑ ปี เคยปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่อายุ ๑๑ ปี เป็นเณรน้อย จนถึงอายุ ๔๖ ปี เป็นบ้ามาอย่างนั้นแหละ มามีครอบมีครัวก็เป็นบ้าอยู่อย่างนั้นแหละ (เพราะ)มันไม่รู้

ความจริงพระอรหันต์น่ะ ไม่มีเรื่องอะไร พระอรหันต์หมายถึงแก้ทุกข์ได้เท่านั้นเอง อย่าไปเข้าใจว่าต้องมองเห็นจิตใจคนนั้น มองเห็นจิตใจคนนี้ มองทะลุไป โอ…อันนั้นมันเข้าใจผิด มันจะมองเห็นจิตใจคนอื่นได้ทำไม(อย่างไร) มองเห็นจิตใจเรานี้ มันนึกมันคิดอันใด เรารู้ เราเห็น เราเข้าใจ แก้ได้นี่ อันนี้แหละที่ว่าเห็นแจ้งเห็นจริง รู้แจ้งรู้จริง มันมีจริง ๆ คนมันมีคิด มีไม่คิด มันมีเฉย ๆ มันมีดีใจ มันมีเสียใจ มันมีอันที่จะไม่ดีใจ ไม่เสียใจก็มี มันเป็นอย่างนั้น เห็นมาที่ตรงนี้ มันจึงจะตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง ๆ

คำว่าหูทิพย์ก็หมายถึง คนพูดอยู่ที่ไหนก็ตามแหละ ต้องได้ยิน แน่ะ ! มันหูทิพย์คนบ้ามันต้องเป็นอย่างนั้น หูทิพย์คนมีปัญญา(คือ) พอดีคนแสดง(พูด)ขึ้นมา พูดเรื่องธรรมะเราก็รู้ คนนั้นพูดเรื่องธรรมะดับทุกข์เราก็รู้ คนนั้นพูดธรรมะไม่ใช่ทางดับทุกข์เราก็รู้ บางทีคนมายุเรานะ อย่างที่พูดเมื่อกี้เรื่องอกหักนี่ เขามาต่อว่าต่อเถียง ยุเรา ทำอย่างนั้น เอาความหวังให้เรา เรารู้ทันที “เออ… คนนี้หลอกเราแล้ว สร้างความหวังผิดแล้ว ” เราเลิกได้ทันที อันนั้นแปลว่าหูทิพย์ ไม่ใช่หูทิพย์จะไปฟังคนพูดอยู่กรุงเทพพู่น เราอยู่ที่นี่ฟังได้ยิน ไม่ใช่อย่างนั้น คนพูดอยู่จังหวัดต่าง ๆ เราได้ยิน มันไม่เป็นอย่างนั้น เราได้ยินกับหูเรานี่เอง คนนั้นพูดให้เรา ยั่วเรา บางทีมีจดหมายให้กันก็ได้นะ ตั้งความหวังนี่น่ะ มันเป็นอย่างนั้นก็มีนะ อย่าไปเข้าใจอย่างนั้น อย่าไปตั้งความหวังไว้ที่คนอื่น ให้ตั้งความหวังไว้ที่เรา แก้ปัญหาที่เรา คนอื่นแก้ให้เราไม่ได้ ผีก็แก้ให้ไม่ได้ เทวดาก็แกเให้ไม่ได้ ที่สุด พระพุทธเจ้าเองก็แก้ให้ไม่ได้มีแต่ท่านแนะนำเท่านั้นแหละ

อันนี้หลวงพ่อได้ยินเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน พระครูวิชิตธรรมาจารย์นี่ หลวงพ่อเป็นลูกศิษย์ท่าน เมื่อบวชในสมัยเป็นหนุ่ม แต่บวชครั้งนี้ก็ท่านเป็นอุปัชฌาย์ให้ ท่านสอนว่า อักขาตาโร ตถาคตา - อันนี้เป็นภาษาบาลี แปลว่า พระตถาคตนั้นน่ะ เป็นแต่เพียงผู้แนะแนวปฏิบัติเท่านั้นเอง การประพฤติปฏิบัติเป็นหน้าที่ของเธอ ทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง ท่านสอน อย่างที่เราสวดกันเมื่อกี้นี่ก็เหมือนกันว่า สันทิฎฐิโก – อันผู้รู้จะพึงเห็นเอง อกาลิโก - ไม่ประกอบกาลและเวลา

ใครจะรู้จิตใจเรา เอ้า ! นั่งอยู่ที่นี่ บางคนคิดออกไปนอกจังหวัดก็มี ถ้าหากผู้ใดมีแฟน อย่างแม่ขาวนี่ เมื่อวานนี้แม่มาเล่าให้ฟังว่า แฟนคิดถึง อยากมาดู แน่ะ ! ใครไม่รู้ไม่เห็น มาบนบวช แม่ขาวใช่ไหม มาบนบวช(บวชแก้บน)ใช่ไหมนี่…นี่แหละ มาบนบวชแล้วว่าแฟนอยู่ทางบ้านคิดถึง อยากมาดู มันไวที่สุดความคิดนี่ เราอยู่ที่นี่คิดแวบถึงเชียงใหม่ ถึงที่ไหนก็ถึงแล้ว นี่แหละมันสำคัญ ความคิดนี่มันเร็วที่สุด เร็วกว่าแสงฟ้าแลบ เร็วกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง

อันนี้แหละ เป็นปัญหาที่เราควรศึกษา คนอื่นรู้ด้วย(กับ)เราไม่ได้ อันนี้รู้ด้วยเราคนเดียว (รู้ด้วยตัวเอง) สมกับที่เราสวดกันว่า สันทิฎฐิโก - อันผู้รู้จะพึงเห็นเอง แน่ะ ! เราเห็นเองคนเดียว คนอื่นเห็นด้วยเราไม่ได้

บางทีมันคิดไปถึงคนนั้นคนนี้ คิดไปถึงลูกก็ได้ อย่างที่หลวงพ่อมีลูกนี่ บางทีมันจะคิดไปถึงลูกก็ได้มันเป็นอย่างนั้น แต่ไม่มีแฟนแล้วเดี๋ยวนี้ แม่บ้านตายแล้ว มันไม่คิดถึงแล้ว (หัวเราะ) ไม่คิดถึงแล้ว มันเป็นอย่างนั้น นี่แหละ มันเสพทางใจ เขาว่าเสพเมถุนนี่ มันเสพทางใจ เสพทางกาย นี่! เราต้องเข้าใจอย่างนั้น

อันนี้แปลว่า อันผู้รู้จะพึงเห็นเอง อกาลิโก - ไม่ประกอบกาลและเวลา มันไม่ประกอบกาลเวลาอะไร บางทีมันคิด นอนกลางคืนมือก่ายหน้าผาก คิดไปอย่างนั้นแหละ นี่ ! มันไม่ประกอบวัน ไม่ประกอบปีเดือนอะไรทั้งหมด มันคิดอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับน้ำไหล ท่านสอนอย่างนั้น ดังนั้นเราต้องพยายามจริง ๆ อย่าให้มันคิดไปได้ พอดีมันคิด ทำความรู้สึกตัว ตัดทิ้งทันที ให้เข่าใจอย่างนั้น ถ้าใครฟังแล้วนำไปแก้ปัญหาตัวเองได้จริง ๆ รับรองได้ ไม่ต้องมาก ...



หมายเหตุจขบ.- คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภนี้ได้ถอดออกมาจากแถบบันทึกเสียงที่บันทึกไว้เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นำมาเผยแพร่โดยไม่ได้แก้ไข ดัดแปลง ตัดตอน หรือต่อเติมแต่อย่างใด









Create Date : 01 ตุลาคม 2550
Last Update : 3 ตุลาคม 2550 12:38:01 น. 1 comments
Counter : 836 Pageviews.

 


โดย: kampanon วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:20:02:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.