|
|
เรือนขุนช้าง
เรือนขุนช้าง เป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ สร้างขี้นเพื่อแสดงลักษณะเรือนไทยที่เป็นเรือนคหบดีโบราณตามลักษณะการพรรณนาเรือนขุนช้าง ในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ประกอบด้วย หอนั่ง ใช้เป็นส่วนของบันไดขึ้นลงด้วย จากหอนั่งจะเชื่อมด้วยชานทอดเข้าหารตัว หอกลาง ชานนี้เป็นชานรอบหอกลาง ด้านขวาและซ้ายของหอกลางเป็นเรือนใหญ่ สองหลังสร้างขนานกัน ด้านหลังหอกลางเป็นเรือนขวาง ขนาบด้วยเรือนเล็กอีกสองหลัง
ความสวยงามของเรือนขุนช้าง นอกจากจะเป็นเรือนไทย ที่สร้างด้วยความประณีตบรรจงเพื่อแสดงลักษณะเรือนไทยไว้เพื่ออนุชนได้เห็นแล้ว เสาเรือนจะกลึงรูปทรงคล้าย แจกันจีน ชานเรือนปลูกประดับด้วยพันธุ์ไม้ไทยจำพวกไม้เลื้อย
วัดป่าเลไลย์วรวิหาร
มวลดอกไม้นานาพรรณ อันอยู่ประดับโลก บ้างก็มีสีสันฉูดฉาด บาดตา บ้างก็มีกลิ่นหอมหวนชวนดม แต่ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เช่นใด ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกหรือไม้ใบ ต่างก็มีเสน่ห์ของตัวเองแตกต่างกันไป สร้างความชุ่มชื่นให้แก่อารมณ์ของผู้พบเห็นอย่างที่เรียกว่า อาหารตา อาหารใจ ช่วยคลายความเครียดได้ทางหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นเรื่องแปลกที่จินตกวี หรือนักประพันธ์ทุกยุคทุกสมัยต้องนำเอาพันธุ์ไม้ไปเป็ฯส่วนหนึ่งประกอบไว้ในวรรณกรรมของตนด้วย
จินตกวีของไทยก็เช่นกัน ต่างก็สนใจนำเอาพันธุ์ไม้มาเรียบเรียงคำให้เป็นร้อยกรองที่มีความไพเราะเพราะพริ้ง สอดแทรกเข้าไปในบทประพันธ์ ในบทชมสวนบ้าง เดินทางกลางป่าไพรบ้าง บทเกี้ยวพาราสีบ้าง การอ่านวรรณคดีจึงได้ทั้งรสหนังสือ ความรู้เรื่องพันธุ์ไม้ที่บ้างครั้งเรายังไม่รู้จัก ไม่เคยพบเห็นด้วยซ้ำไป อีกทั้งยังใช้สำหรับค้นคว้าทางด้านวิชาการ
เราจะพบญาณทัศนะของกวีต่อต้นไม้ ที่นำมาใช้ในบทประพันธ์ต่างๆ กัน เช่น
- จะเห็นได้ว่าคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณอยู่กับต้นไม้ด้วยความรัก มีความสุขตามอัตภาพ สภาพดั้งเดิมของคนไทยปลูกบ้านยกพื้นปล่อยใต้ถุนโล่ง เนื่องจากป้องกันน้ำท่วม บางแห้งพื้นที่ลุ่มไม่เหมาะต่อการปลูกพันธุ์ไม้ชนิดที่ไม่สามารถทนแรงของน้ำเมื่อถึงเวลาน้ำท่วมได้ ก็ใช้ชานเรือนทำสวนกระถาง เช่น วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง ได้พรรณนาต้นไม้ไว้หลายชนิดภายในบริเวณบ้านของขุนช้าง
ขุนช้าง ขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง
โจนลงกลางชานร้านดอกไม้
ของขุนช้างปลูกไว้อยู่ดาษดื่น
รวยรสเกสรเมื่อค่อนคืน
ชื่นชื่นลมชายสบายใจ
กระถางแถวแก้วเกดพิกุลแกม
ยีสุ่นแซมมะสังดัดดูไสว
สมอรัดดัดทรงสมละไม
ตะขบข่อยคัดไว้จังหวะกัน
ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด
แทงทวยทอดอินพรมนมสวรรค์
บ้างผลิดอกออกช่อขึ้นชูชัน
แสงพระจันทร์จับแจ่มกระจ่างตา
ยีสุ่นกุหลาบมะลิซ้อน
ซ่อนชู้ชูกลิ่นถวิลหา
ลำดวนกวนใจให้ไคลคลา
สาวหยุดหยุดช้าแล้วยืนชม
ถัดถึงกระถางอ่างน้ำ
ปลาทองว่ายคล่ำเคล้าคลึงสม
พ่นน้ำดำลอยถอยจม
น่าชมชักคู่อยู่เคียงกัน
บ้างแหวกจอกออกช่องภูเขาเคียง
วัดเหวี่ยงแว้งหางระเบิดหัน
บ้างกินไคลไล่เคล้าพัลวัน
ถัดนั้นแอกไถละไมงอน
กระดึงพรวนสักหลาดทับ
ดาวประดับดวงเด่นดูสลอน
สลักเสลาเกลาเกลี้ยงอรชร
เชือกใช้ไว้ซ้อนสลับกัน
บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
| Create Date : 21 กันยายน 2549 |
| Last Update : 28 ตุลาคม 2549 1:04:57 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 21531 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Maihom (Maihom  ) วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:16:50:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
