คิมหันต์ที่ 12/2
จีอัสยิ้มอย่างพึงใจด้วยสีหน้าไม่แยแสกับสิ่งที่ตนได้ยิน แน่นอน...เจ้า...ต้องเสียใจ ชายผู้นั้นหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อคิดว่าคำพูดนั้นมันก็แค่คำพูดสาปแช่งของคนที่กำลังจะตายเท่านั้น ไอ้มนุษย์หน้าโง่เอ๋ย...มันเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อก็จงเชื่อไปเถอะ! จงดื่มกินคำสาปอันแสนหวานนั่นเข้าไปจนพอใจเถิด...เจ้ามนุษย์... ข้างนอกนั้นเสียงยังคงดังเข้ามาภายใน เมื่อเสียงเอะอะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง และลูกน้องคนโปรดไม่กลับเข้ามาก็ทำให้จีอัสทนที่จะรอต่อไปไม่ได้... ไอ้เล็คซ์มันหายหัวไปไหนของมัน! และชายผู้นั้นก็เดินออกไป... ไม่ว่าอะไรจะเกิด เฟทหวังว่ามันจะวุ่นวายเพียงพอให้เขามีเวลาได้ฟื้นฟูตัว ด้วยสภาพเช่นนี้เขาไม่รู้เลยว่าตนเองจะมีกำลังมากพอเพื่อสิ่งนั้นหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ก็คือ...ในเวลานี้เขาคิดถึงใครคนหนึ่งเหลือเกิน เล็คซ์วิ่งออกมาจากตัวคฤหาสน์ ตรงมาที่โรงทหารและได้พบเข้ากับลูกไฟลูกใหญ่กำลังเผาผลาญผู้คนของเขา เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น หากสิ่งที่เห็นเมื่อเขาได้วิ่งเข้ามาใกล้พอก็คือภาพอันแสนน่าสยดสยอง ไฟนั้นใหญ่ หากไฟทั่วๆ ไปไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเมื่อรู้จักที่จะไม่เฉียดเข้าไปใกล้ แต่ที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับชาวาบไปทั้งร่างก็คือ ไฟนั่นนอกจากจะใหญ่แล้วมันดูราวกับว่ามีชีวิตเป็นของตน! ลูกไฟยักษ์เคลื่อนไหวอย่างมีชีวิต พุ่งเข้าใส่ลูกน้องของเขาทุกคนราวกับปีศาจร้าย เล็คซ์ ถอยห่างออกมาทุกทีด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและระมัดระวัง และเมื่อเขาได้มองมันจนชัดเจนเขาก็ได้พบว่ามันไม่ใช่แค่ลูกไฟยักษ์ธรรมดา ไฟดวงใหญ่นั้นก่อนรูปขึ้นเป็นร่างของนกเพลิงยักษ์! ทุกที่ๆ ไฟนั้นลากผ่าน ทุกสิ่งถูกเผาจนราบไปทั้งหมด และเมื่อไรที่มันจู่โจมเข้าใส่มนุษย์ คนผู้นั้นก็ก็จะมอดไหม้กลายเป็นถ่านในทันที! เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้ในชีวิต...มันเป็นสิ่งที่เหนือไปกว่าจินตนาการ! สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกินจะรับได้! และน่ากลัว! แล้วเขาก็พบว่าลูกไฟนั่นเลือกที่จะจู่โจม...มันพุ่งเข้าใส่พวกทหารของเขาเท่านั้น และมีทิศทาง ปีศาจไฟนั่นราวกับว่ากำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างและตรงมาทางเขา! หรือว่าเป้าหมายของมันจะเป็นคฤหาสน์? เล็คซ์! ทีอาสวิ่งมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เล็คซ์สองใจอยู่ระหว่างความโล่งอกกับความสับสน... เล็คซ์ ดีใจเหลือเกินที่ท่านมา มันฆ่าคนของเราไปเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าอาวุธอะไรก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย! มันมาจากไหน? เกิดขึ้นได้ยังไง? เล็คซ์เอ่ยถามอย่างมีสติ และนั่นเป็นสิ่งที่เขามีมันมาโดยตลอด ข้าไม่รู้ มีคนวิ่งมาหาข้าบอกว่า เกิดเรื่องที่โรงทหาร ข้าอยู่ที่ร้านเหล้าข้างนอกเพิ่งไปถึงเท่านั้นแต่ต้องรีบกลับมา แต่พอมาถึงก็ทุกอย่างก็กลายเป็นไฟไปหมด ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมันเผาทุกอย่างจนวอด ไม่มีใครเข้าไปใกล้มันโดยไม่โดนย่างไปเสียก่อน! ธนูหรือน้ำเพียงเฉียดใกล้มันเท่านั้นก็ไหม้หายไปหมดไม่มีอะไรโดนตัวมันได้เลย! เล็คซ์ฟังด้วยความตื่นตะลึงหากสมองที่มีสติก็ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว และทำให้เขาได้คำตอบที่ดีที่สุด... ทีอาส...ไปที่โรงม้า เราต้องไปให้พ้นจากที่นี่ ให้เร็วที่สุด! อะไรนะ แล้วท่านจีอัสล่ะ! ทีอาสร้องถามออกมา หากคำตอบของเล็คซ์นั้นทำให้ทีอาสถึงกับทึ่ง! ใช้การไม่ได้แล้ว คนผู้นั้นวิกลจริตไปแล้ว ข้าเห็นกับตา คนๆ นั้นเอาชายหนุ่มนั่นขึงแล้วกรีดเลือดสดออกมากิน! แล้วพวกเราจะทำยังไงดี! ทีอาสร้องขึ้นอย่างหวาดกลัวกับสิ่งมากมายที่เกิดขึ้นมันช่างบ้าสิ้นดี...เรื่องแบบนี้มันมีอยู่ในโลกด้วยอย่างนั้นรึ! เราจะหวังพึ่งคนผู้นั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะ...ทีอาส เราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เอาชีวิตให้รอด! พูดจบเล็คซ์ก็ออกวิ่งไปจากที่นั่นในทันที อะไรนะ แล้วนาร์เดนล่ะ แผนการของเราล่ะ! ทีอาสร้องถาม มันคืออะไรล่ะ...นาร์เดนคืออะไรล่ะ ข้าไม่ใช่คนนาร์เดนหรอกนะ! ทำไมข้าต้องยอมตายเพื่อนาร์เดนด้วยล่ะ นาร์เดนให้อะไรกับข้าด้วย! เล็คซ์ร้องตอบกลับมา หากร่างนั้นทะยานหายลับไปในความมืดของราตรีแล้ว ด้วยร่างใหญ่กว่า หากความเร็วนั้นไม่สามารถเทียบได้ ทีอาสรู้จักเล็คซ์ดี...ชายที่ถูกเก็บมาเลี้ยงดูในฐานะทาสผู้ซื่อสัตว์ หากกระนั้นก็ไม่เคยได้รับอะไรมาฟรีๆ โดยไม่ต้องแลกมาด้วยร่างกายเลยสักครั้งเดียว เขาเองถึงจะอาศัยอยู่ในนาร์เดนมาก่อนที่จะถูกส่งมาที่นี้ แต่ไม่ว่าเพราะนาร์เดนเป็นประเทศแห้งแล้งอยู่ได้ด้วยการทำเหมืองและการค้าแร่แลกกับอาหาร หากการติดพันกับสงครามมานานปีทำให้นาร์เดนล้าหลังไปจากประเทศอื่นๆถึงสิบปี หลายครอบครัวอยู่ได้ด้วยการค้าคนในครอบครัวของตนให้กับชนชั้นสูงเพื่อให้ตนสามารถอยู่รอดได้ เขาเองก็เป็นลูกที่เกิดกับหญิงชาวซาเรียที่ถูกจับมาเป็นเชลยกับพ่อของเขาที่เป็นชนชั้นสูง หากก็ไม่เคยได้รับความเอาใจใส่ใยดีอะไรเลย แต่...จะให้เขาหันหลังให้กับสิ่งที่ทำมาทั้งหมดอย่างนั้นรึ? ในเวลานั้นเอง...ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังสับสนจนใจกับตนเอง เสียงฝีเท้าม้ามากมายก็ดังตรงมาทางคฤหาสน์...ทีอาสรีบหาที่หลบซ่อนอย่างรวดเร็ว ม้านำถือธงหมาป่าแดงนำขบวน...นั่นเป็นตราสัญลักษณ์ของกองกำลังฝ่ายตะวันออกของซาเรีย! ภายใต้การควบคุมดูแลของเสนาบดีขวาที่เขารู้จักดีในฐานะ...คู่ปรับทางการเมืองของจีอัส ในขบวน เขาเห็นใครคนนึงที่คุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด...พ่อบ้านของคฤหาสน์จีอัสนั่นเอง! จุดไต้ตำตอหรือนี่...มัวแต่คิดว่าไอ้หนุ่มนั่นเป็นสายลับ จิ้งจอกตัวจริงกลับนอนนิ่งอยู่ในบ้านตั้งนานแล้ว! แบบนี้ไม่ได้การ...หากกลับไปจะต้องถูกร่างแหจับไปด้วยแน่ ในที่สุดทีอาสก็ตัดสินใจได้ว่า เขาจะต้องไปให้ไกลจากที่นี่ ไม่ใช่หนีเอาตัวรอดแบบเล็คซ์แต่หนีเพื่อกลับไปส่งข่าวให้กับนาร์เดน... นั่นมันอะไรกัน! เมื่อมาถึง กองทหารธงหมาป่าแดงก็ต้องพบกับกองเศษซากและเพลิงไหม้ที่เผาผลาญคฤหาสน์เสนาบดีจีอัสอย่างรุนแรง ชายผู้ที่ปลอมเข้าไปเป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์เองก็อดแปลกใจไม่ได้กับเหตุการณ์ความวุ่นวายเบื้องหน้า เขาเห็นสตรีผู้เป็นเจ้าของบ้านสองนางตะโกนโวยวายไปพลางเต้นแร้งเต้นกาไปพลางกันอยู่หน้าบ้าน ในขณะที่ร้องสั่งให้พวกคนรับหาน้ำมาดับไฟที่กำลังมอดไหม้คฤหาสน์และสมบัติของตน ครั้นเมื่อหันมาเห็นกองทหาร สตรีผู้เป็นนายผู้หญิงของบ้านก็ถึงกับหวีดร้องออกมาอย่างยินดีแล้ววิ่งตรงเข้ามาหา ช่วยด้วย! บ้านข้าไฟไหม้ พวกท่านจะมาช่วยข้าใช่ไหม สามีข้ายังอยู่ในนั้น ได้โปรดช่วยด้วยเถอะ! สตรีนางนั้นเอ่ยพลางร้องไห้ฟูมฟายไปพลาง และนั่นทำให้กองทหารที่ตั้งใจจะมาจับกุมชายผู้เป็นไส้สึกจากนาร์เดนตามหลักฐานการหาข้อมูลของสายลับที่ส่งเข้ามาสืบเบาะแส จำต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ไปในบัดดล ข้าไม่อยากตาย... ข้าไม่อยากตาย... เสียงเล็กๆ นั่นลอยมาตามลม ทำให้เฟทรู้สึกตัวขึ้นมา...เขาสลบไปช่วงสั้นๆ อย่างไม่รู้ตัว หากแน่ใจว่าไม่นานนักเพราะภายในยังไร้แสงจากดวงตะวันสาดส่องเข้ามา กระนั้นเขาก็รู้สึกถึงความร้อนอย่างรุนแรงจากภายนอกผ่านเข้ามาในห้องขังใต้ดินแห่งนี้ เสียงนั่น...คุ้นหูเขา เสียงของหญิงสาวที่เขาสัญญาว่าจะดูแลนางหากกลับทำให้นางมาพบกับความลำบาก...แต่ทำไมจึงได้ยินเช่นนั้นกัน? ไม่นะ นางคงยังไม่ตายใช่ไหม... เวลานี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว ชายที่จับตัวเขามาก็หายตัวไปด้วย เฟทรู้สึกว้าวุ่นใจเหลือเกิน เขาสังหรณ์ว่าจะมีบางสิ่งร้ายแรงเกิดขึ้นกับฟีต้า... เขาอ่อนกำลังอย่างมากจากการเสียเลือดของตนไป แต่ความห่วงใยนั้นมากยิ่งกว่า..ขออย่าให้เรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นกับนางเลย ไม่ได้สิ! จะมัวแต่ภาวนาอยู่แบบนี้ไม่ได้...เขาจะต้องไปหานางต้องปกป้องนางให้ได้! ด้วยความคิดอันมุ่งมั่นและแรงกล้านั้นเอง เฟทรวบรวมกำลังใจทั้งหมดที่มีและสติที่เหลืออยู่เปลี่ยนร่างของตนเองเท่าที่ทำได้จนสามารถหลุดออกมาจากตรวนที่ตรึงร่างเขาเอาไว้ ไคเมร่าหนุ่มทรุดลงแทบพื้นทันทีที่หลุดรอดออกมา แล้วก็ต้องพบว่าแม้แต่พื้นก็ร้อนระอุ! ฟีต้า...ข้าจะไปช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้... ข้าไม่อยากตาย... ข้าไม่อยากตาย... ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!!!!!!!!!! ในความคิดสับสนวุ่นวายนั้นของนาง หญิงสาวมองเห็นทุกอย่างเป็นสีของเปรวเพลิง...มีเสียงเอะอะไปทุกหนทุกแห่ง และภาพทุกอย่างนั้นช่างดูสับสนเสียเหลือเกิน ทันทีที่ดาบต้องกายของหญิงสาว โลหิตที่สาดออกมากระเซ็นไปโดนร่างของชายผู้สังหารนาง ชั่วระยะเวลานั้นเองที่หญิงสาวตกอยู่ในห้วงคะนึงอย่างแรงกล้าถึงการมีชีวิต ร่างของนางเกิดเผาไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว...บาดแผลของนางหายสนิทเสื้อผ้าและร่างกายของนางลุกเป็นไฟ! หากสิ่งนั้นทำให้หญิงสาวสูญเสียสติสัมปชัญญะไป ในหูของนางก้องแต่เสียงบางสิ่งอื้ออึงไปทั้งหมด เสียงของผู้คนมากมายพูดจาขึ้นพร้อมกันจนสับสน หากสิ่งเดียวที่ก้องชัดอยู่ในความคิดและจิตใจของนางก็คือ
ไม่อยากตาย! ไม่อยากตาย! ไม่อยากตาย! ไม่อยากตาย...ก็ต้องฆ่า! แล้วนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง! แรกสุดนางเผาร่างของชายที่ฟาดดาบใส่นางจนไหม้เป็นจุณด้วยการเดินเข้าใส่ชายผู้นั้นแล้วยื่นมือออกไปจับร่างมันเอาไว้ ในบัดดลนั้นเองร่างทั้งร่างของชายผู้นั้นก็ลุกเป็นไฟ กรีดร้องอย่างเจ็บปวดแล้วดีดดิ้นลงแทบพื้นและสิ้นใจ! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนที่อยู่ในที่นั้นตื่นตระหนกกันเป็นการใหญ่ เมื่อพวกทหารนาร์เดนคนอื่นๆ เห็นเพื่อนของตนสิ้นชีพแล้วล้มลง บ้างก็พยายามช่วย บ้างก็โกรธแค้นแล้วเข้าจู่โจมนาง... เช่นนั้นเองทุกสิ่งจึงยิ่งลุกลามใหญ่โตขึ้นมา! จากหนึ่งลุกลามออกไป พวกผู้หญิงพากันแตกตื่น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลุกเป็นไฟ และไฟก็ค่อยๆ กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่มันลามไปถึง ไม่...ไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย... ฟีต้า...ฟีต้า!!! เสียง...เสียงของใคร? ใครกำลังเรียกข้าอยู่... ฟีต้า... เสียงนั้นแผ่วลง หากมันก็ยังชัดเจนและแทรกซึมเข้ามาในความทรงจำของนาง เสียงที่ทำให้นางอุ่นใจ เสียงที่ทำให้โลกทั้งใบเปลี่ยนแปลง... เสียงของ...
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:32:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 244 Pageviews. |
|
|