คิมหันต์ที่ 13/2
เพราะเมื่อถึงโอราเคิลแล้ว...ยังความน่าตื่นเต้นอีกมากมายที่รอคอยนางอยู่! ข้าชื่อเฟท และนี่คือฟีต้า เราตกลงเดินทางไปกับท่าน ในเวลาเดียวกันกับที่เฟทเอ่ยตกลงนั้นเอง เสียงโหวกเหวกบางอย่างก็ดังมาจากทางคฤหาสน์ที่มอดไหม้เป็นแต่ซากตอตะโก ไม่ต้องรอนานนัก ก็มีนายทหารวิ่งเข้ามารายงานพร้อมด้วยหน้าตาที่บอกความตื่นตกใจ ซึ่งทำให้เกือบทุกคนต้องตามเขาไปยังที่เกิดเหตุ ท่ามกลางซากไม่และกองถ่านมีร่างๆ หนึ่งกำลังกรีดร้องอย่างโหยหวนอยู่ท่ามกลางซากไหม้ราวกับร่างนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมันเพราะ ร่างๆ นั้นที่ลุกขึ้นมาโหยหวนนั่นก็ดำเป็นตะโกไม่แตกต่างกัน เฟทรวบร่างบางเข้ามาแล้วปิดตานางเอาไว้อย่างรวดเร็วทันทีที่เขาเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนกระซิบกับหญิงสาวแผ่วเบาให้นางอย่าได้หันไปมอง... นั่นคือจีอัส ร่างดำเหมือนถ่านเพราะถูกเพลิงแรงร้อนเผาผลาญและซากบ้านโถมทับ ครึ่งซีกของช่วงท้องแหว่งโหว่หายไปและมีรอยไหม้ที่บาดแผล ไม่เพียงเท่านั้น แขนข้างขวาและซ้ายก็ถูกเผา ข้างหนึ่งเป็นแผลไหม้เหวอะหวะ ส่วนอีกข้างนั้นไหม้ไปจนถึงกระดูกทำให้บางส่วนแตกหักและห้อยต่องแต่ง ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากผีร้ายที่ผุดขึ้นมาจากนรก! นี่มันตัวอะไรกันแน่! ไชน์เอ่ยออกมาเสียงสั่น ดวงตาเบิกกว้างใบหน้าซีดเผือด มันคือภูตผีไงล่ะ... เฟทเอ่ย ก่อนที่เขาจะพูดต่อไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกก่อนใช้ผ้าที่ห่มกายพันรอบร่างตนและหญิงสาวเอาไว้ ผีร้ายที่ไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิด คำสาปจากเหล่าทวยเทพที่ลงทัณฑ์ต่อผู้กระทำการอันโหดเหี้ยมต่อผู้คนของพระองค์ ความเป็นอมตะที่ไม่มีวันได้รับพรอันประเสริฐ ต้องล่องลอยไปชั่วกัลป์แม้ร่างกายจะเน่าเปื่อยสลายตายลง แต่จะไม่มีวันพ้นไปจากความทุกข์ทรมาน ไชน์มองหน้าของชายหนุ่มผู้เอ่ยถ้อยดุจประพันธ์ราวดั่งปราชญ์ผู้รู้ทุกสิ่งด้วยดวงตาเดียวกันกับที่เขามองภาพสยองกลางกองเศษซากเพลิงไหม้นั้น ในใจเปี่ยมไปด้วยคำถาม ก่อนหันกลับไปยังจีอัสที่กลายเป็นผีร้ายน่าสยดสยองไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปลดปล่อยมันไป... ไชน์ชักดาบออกมาขณะที่ชายผู้นั้นรวบรวมความกล้าหาญเอาไว้ได้และพร้อมจะก้าวเข้าไปฟาดฟัน ไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่า ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถช่วยจีอัสได้อีกแล้ว อะไรนะ...นั่นคือ จีอัสอย่างนั้นเหรอ? ไชน์เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะแทบไม่เหลือเค้าเดิมให้รู้ได้เลยว่านั่นคือชายผู้นั้น ถ้าอย่างนั้นเราจะทำยังไงกับมันได้ล่ะ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน...ท่านเป็นหัวหน้าของกองทหาร ควรตัดสินใจเอง... เฟทเอ่ยพลางลดสายตาลงต่ำราวกับกำลังก้มลงมองร่างน้อยของหญิงสาว เฟทหันหลังให้กับร่างที่กำลังกรีดร้องโหยหวนตลอดเวลานั่น แล้วผละห่างออกไปเพื่อให้หญิงสาวได้พ้นไปจากภาพนั้น ขณะที่กองทหารกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการโยกย้ายกลับ เฟทและฟีต้าก็ถูกพาตัวไปปฐมพยาบาล แม้ว่าร่างกายของทั้งสองจะไม่ได้รับบาดเจ็บ หากหญิงสาวก็อ่อนเพลียเหลือจะเอ่ยกับสิ่งที่ต้องเผชิญมาตลอดคืน อีกทั้งการสูญเสียก็ยังสดใหม่ ทันทีที่นางได้รับเสื้อผ้าใหม่สำหรับสวมใส่ชั่วคราวซึ่งเป็นชุดของผู้ชายหลวมโพรกจนต้องหาเชือกมารัดเอวกางเกงไว้ ฟีต้าก็ร้องหาเฟท ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกหาเดินเข้ามาพอดีและขบขันกับเสื้อผ้าที่ไม่พอดีนั้นของนาง เฟท! หญิงสาวร้องทักอย่างแสนยินดี ข้าอยู่นี่แล้ว... ชายหนุ่มเอ่ยแล้วเดินเข้ามาขยี่ผมของหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู เฟท... นางยังคงเอ่ยเรียกเขาราวกับยังไม่เชื่อในการปรากฏตัวของเขา อะไรกันยังไม่เชื่ออีกเหรอว่าข้าอยู่นี่แล้ว? แล้วเฟทก็สังเกตเห็น ดวงตาหวั่นไหวของนาง...เขารู้ได้ในทันทีว่า ฟีต้ามีอะไรบางสิ่งบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ ชายหนุ่มจึงดึงมือบางพานางไปนั่งด้วยกันที่ด้านหนึ่งภายในเต็นท์ชั่วคราวที่พวกตนพัก มีอะไรกวนใจเจ้าอยู่รึเปล่าฟีต้า เจ้าอยากจะบอกอะไรกับข้าหรือไหม? หญิงสาวพยักหน้า หากดวงตานางกำลังสับสนอย่างแท้จริง พร้อมทั้งแววกังวลที่เขาสามารอ่านได้ แต่ตราบใดที่นางไม่เอ่ยเขาก็ไม่มีทางล่วงรู้ กระนั้นเขาก็ยังห่วงใยความรู้สึกของนางเป็นอย่างมาก บอกข้ามาเถอะฟีต้า...อะไรที่ทำให้เจ้ากังวล? ข้าไม่รู้จะเริ่มยังไงดี... หญิงสาวเอ่ยขึ้นในที่สุด ร่างบางก้มหน้ามองมือของตนเองที่อยู่ในมือใหญ่ของเฟทด้วยสีหน้าครุ่นคิด มันมีหลายเรื่องเหลือเกิน...และทั้งหมดก็เป็นเพราะข้า เฟทเริ่มเข้าใจ แต่ไม่ทั้งหมด นางกำลังหวนรำลึกถึงเรื่องราวในคืนที่ผ่าน ไม่น่าแปลกที่นางจะรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน ฟีต้า... ชายหนุ่มเริ่มเอ่ยขึ้น เขาดึงให้หญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักตน แล้วโอบเอาไว้หลวมๆ ขณะที่โยกตัวไปพร้อมกัน นึกตรงไหนออกก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ อย่าคิดมาก ข้ารับปากเจ้า จะไม่พูดขัดเจ้าเลยแม้สักคำเดียว การกระทำนั้นของเฟททำให้นางทั้งเขินและตกใจ แต่ดวงตาอ่อนโยนที่ส่งผ่านมาให้ทำให้หัวใจสงบเยือกเย็นนัก หญิงสาวเริ่มเล่า เรื่องราวที่นางนึกออก เรื่องในสมัยเด็ก อดีตของตนที่นางค้นพบหลังจากที่ได้ปิดฝังมันเอาไว้แสนนาน เรื่องราวที่นางได้เผาผลาญหมู่บ้านของนางเองไปแล้วถึงสองครั้งสองครา และสิ่งที่นางคิดเมื่อนางถูกฆ่า และลงท้าย... ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นตัวอะไรกันแน่...เฟท ข้ากลัวเหลือเกิน เฟทถอนหายใจหนัก เขาไม่อยากให้นางรีบรับรู้อะไรมากมายและรวดเร็วถึงเพียงนี้ แต่ในเวลานี้เมื่อนางได้ถามขึ้น มันก็หลีกเลี่ยงที่จะตอบออกไปไม่ได้อีก เพราะทางที่ดีที่สุดคือ พูดความจริงทุกประการออกไป... เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรในสิ่งที่เจ้าเป็นเลย...ฟีต้า เพราะสิ่งที่เจ้าและข้าเป็นนั้นคือพรจากทวยเทพที่ประทานให้กับเผ่าพันธุ์ของเราด้วยความรัก เพียงแต่เจ้าเกิดมาผิดที่ผิดทางเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเจ้าแปลกประหลาดแตกต่าง หญิงสาวมองหน้าเฟทอย่างเป็นคำถาม นางยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยอยู่ดี และนั่นทำให้เฟทอยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก... เอาอย่างนี้ละกัน...เอาเป็นว่า ในที่ๆ ข้าจะพาเจ้าไป เจ้าไม่ใช่ของแปลก...เท่านี้ โอเคไหม? เฟทตัดใจที่จะเล่าเรื่องราวยุ่งยากทั้งหมดและตัดสินใจว่า ควรจะให้นางไปเห็นเองกับตาน่าจะดีกว่า ท่านหมายความว่า ยังมีคนแบบข้าอีกมากเหรอ... ฟีต้าตื่นเต้นกับคำบอกนั้น เมื่อรู้ว่าตนเองไม่ได้แปลกประหลาดอะไรหญิงสาวก็ดูมีท่าทีกระตือรือร้นยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เฟทรู้สึกขอบคุณที่เจ้าหล่อนช่างเป็นคนมองโลกในแง่ดีเหลือเกิน ซึ่งมันตรงกันข้าวกับอาการสติแตกที่เขาคาดว่านางจะเป็นมาก... เอ่อ จะพูดว่ามากคงไม่ได้หรอกนะ... เพราะมันมหาศาลต่างหาก แต่ว่า เรายังไปที่นั่นตอนนี้ไม่ได้ เราต้องเดินทางไปกับกองทหารนี่ก่อนจนกว่าเขาจะเสร็จธุระของพวกเขา แต่เราจะเดินทางกลับไปให้เร็วที่สุดหลังจากนั้น ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่น แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว แม้ว่าสีหน้านางจะแช่มชื่น หากลึกลงในอกนางแล้วยังเศร้าตรมอยู่ไม่คลาย...นางมีชีวิตอยู่เช่นนี้มาตลอด การสูญเสียหลายครั้งหลายครา...พ่อแม่ เพื่อนสนิท ผู้คนอันเป็นที่รัก...แต่ชีวิตของนางยังคงอยู่ และนางก็ต้องก้าวต่อไป นางจึงอยู่มาได้ด้วยความคิดเหล่านี้...ผ่านความเปล่าเปลี่ยว และหิวโหย...ด้วยการมองโลกในแง่ดี และทำเป็นลืมความทุกข์ระทม เฟทมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามที่ทอแสงระยิบระยับ ใบหน้าที่แสดงความตื่นเต้นยินดี แต่มีบางอย่างในดวงตาคู่นี้เท่านั้นที่เขาติดใจสงสัย อะไรบางอย่างในดวงตาที่บอกกับเขา แต่เขาไม่เข้าใจในข้อความเลย... มีอะไรที่เจ้าอยากบอกข้าอีกรึเปล่า... เฟทเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง หากหญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ และนั่นเป็นการปิดกั้นมือของเขาที่ยื่นไปให้นาง...เฟทถอนหายใจอีกครั้งแล้ววางร่างบางลง เจ้าหลับพักสักหน่อยเถอะ เรายังต้องเดินทางอีกไกล พูดจบก็ผละจากไป ไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยเรียกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เมื่อมองตาหลังที่หายลับสายตาไป ความเหงาก็วิ่งเข้าใส่ในทันที...ความมั่นคงของนางช่างเปราะบางเหลือเกิน เมี้ยว! เสียงร้องเล็กๆ ทำให้ฟีต้าหันมองหาที่มา...เมื่อนางก้มลง เจ้าแมวน้อยขนดำเห็นมันก็เงยหน้าขึ้นสบตากับนางด้วยดวงตาสีทองเรืองรองของมัน เจ้าตัวเล็ก... หญิงสาวก้มลงอุ้มเจ้าแมวดำตัวจ้อยขึ้นมาวางเอาไว้บนตักของนาง ทันทีที่หญิงสาวปล่อยมือ เจ้าแมวดำก็นั่งนิ่งเงยหน้าขึ้นมองนางพลางส่งเสียงร้องอีกครั้ง เราเจอกันอีกแล้วเนอะ...แต่ข้าไม่มีอะไรให้เจ้ากินแล้วละนะ มือบางยกขึ้นลูบหัวเล็กๆ อย่างอดใจไม่ได้ เวลาเดียวกันนั้น เฟทในร่างแมวก็ถูหัวของตัวเองกับมือบางของนาง แล้วร้องเหมียวอีกครั้ง น่าแปลก...ที่วันนี้เจ้าตัวน้อยกลับไม่ออดอ้อนนางเหมือนอย่างเคย ดวงตาสีทองกลมของมันทำให้นางรู้สึกอ่อนไหว...ราวกับมันรู้ว่านางรู้สึกอึดอัดใจ... ความเงียบที่เกิดขึ้นภายในห้อง...ก่อนที่นางจะรวบร่างเล็กๆ บนตักเข้ามากอดแนบกายเอาไว้ราวกับเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของตน... ข้าจะทำยังไงดี ข้าไม่รู้อะไรเลย แม้แต่ตัวเองเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ไม่รู้จักใคร ต่อไปจะทำอะไร...ข้าไม่รู้อะไรเลย ในเวลาที่ข้าจำทุกสิ่งทุกอย่างได้แต่ข้ากลับไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปข้างหน้าได้อย่างไรดี...สิ่งที่ข้าเป็นจะทำร้ายคนอื่นอีกไหม ทุกคนที่รู้จักข้าล้วนมีชีวิตที่แสนสั้น ข้าไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำอย่างไรดี แล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ร่วงหล่นลงมา เฟทกระพริบตาเมื่อน้ำตาหยดนั้นตกลงบนหัวของตน หนักเหลือเกิน...ความรู้สึกในใจของนางและน้ำตาหยดนั้น...มีทั้งความกลัว ความเสียใจ มนุษย์ในสถานการณ์เดียวกับนางจะมีสักกี่คนที่ยอมรับสภาพที่เป็นได้บ้าง ทั้งการถูกเกลียดชัง ทั้งการพรากจากผู้คนอันเป็นที่รัก ทั้งความยากจนอดอยาก และการถูกกดขี่รังแก...จะมีสักกี่คนกันที่เผชิญหน้ากับมันแล้วยังคงยิ้มสู้ต่อไปได้อีก... ความรู้สึกทุกข์ทรมานแบบนี้นะหรือที่นางเก็บกลั้นเอาไว้เพียงผู้เดียวเรื่อยมา...ความรู้สึกที่หนักอึ้งถึงเพียงนี้...ไม่...มากกว่านี้ต่างหาก ช่วงเวลาตลอดชีวิตในวันเยาว์จวบจนเติบโตขึ้นมา ความทุกข์ที่เก็บกลั้นเอาไว้จะน้อยไปกว่านี้ได้อย่างไรกัน แม้แต่ยามร้องไห้ก็ไม่อาจส่งเสียงสะอื้นออกมาได้...เก็บกลั้นเอาไว้เพียงลำพังไม่อาจแบ่งปันให้ใครได้รับรู้ และไม่มีใครคิดช่วยเหลือรับรู้...น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ... เฟทรอจนกระทั่งหญิงสาวหลับไปพร้อมทั้งใบหน้าเปื้อนน้ำตาโดยมีเขาในร่างแมวดำตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอด เฟทผละออกมาจากนางแล้วเดินออกไปจากเต็นท์นั้นเงียบๆ ด้วยอุ้งเท้าที่อ่อนนุ่มของแมวก่อนจำแลงร่างกลับคืนเป็นคน หลังจากที่เขาเลี้ยวออกมาจากที่หลบซ่อนเพื่อแปลงกายกลับ เขาก็ได้พบกลุ่มทหารสี่ห้านายหามกรงขังขนาดใหญ่เดินเลี้ยวออกมาจากทางข้างหน้าเช่นกัน กรงเหล็ก ใหญ่พอดีกับตัวคนหนึ่งคน เฟทจ้องเขม็งไปที่มันและรู้ก่อนที่เขาจะเห็นได้ชัดว่าภายในกรงนั่นบรรจุอะไรเอาไว้ ขณะที่เขาเดินสวนนายทหารที่หามกรงนั่นใกล้เข้ามา เฟทก็ยังได้ยินพวกทหารพูดกันถึงความขยะแขยงที่พวกเขามีต่อสิ่งที่อยู่ในนั้น และในเวลาที่เขากำลังจะเดินสวนทางไปนั่นเอง...สิ่งที่อยู่ในนั้นก็อาละวาดขึ้นมา เฮ้ย! อะไรวะ! ทหารคนหนึ่งร้องเมื่อการอาละวาดนั้นทำให้กรงซึ่งหนักอยู่แล้วยิ่งหนักขึ้นอีกด้วยการที่มันเขย่าไปมาด้วย เฟทถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว เขารู้เหตุผลดีว่าทำไมมันถึงได้อาละวาดขึ้นมา เพราะสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นก็คือ จีอัส นั่นเอง แก!!! เพราะแก!!! จีอัสในสภาพแสนทุเรศ คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงนั้นร้องออกมาด้วยความแค้น เป็นเพราะแก!!! เฟทมองด้วยความสมเพชในสิ่งนั้น ก่อนที่จะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และแววตาชิงชัง เป็นเพราะแกทำตัวแกเองต่างหาก จีอัส...ขอให้สนุกกับชั่วนิรันดรที่ฝันหาเถอะ! เฟทเดินจากมาท่ามกลางสายตาของเหล่าทหาร และเสียงร้องคำรามอย่างโกรธแค้นของชายครึ่งผีครึ่งคน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกสมน้ำหน้า โกรธแค้นและขุ่นเคือง ทว่าเมื่อเขาผละจากมาได้ไม่นาน เฟทก็รู้สึกราวกับว่าเรี่ยวแรงของตนนั้นหดหายไป! หนุ่มไคเมร่าถึงกับทรุด! เฟทตระหนกกับความอ่อนแอที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของร่างกายของตน เกิดอะไรขึ้นกัน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่นี้มันช่างน่าตระหนก เขาไม่เคยอ่อนแอถึงขนาดเข่าทรุดมาก่อน อีกทั้งดวงตาของเขาก็พร่าลาย...ขณะที่เฟทกำลังรวบรวมสติตนให้ได้อยู่นั้น ไชน์ที่กำลังเดินกลับมาจากการสั่งการทหารเพื่อให้เตรียมตัวเดินทางกลับก็มาพบกับชายหนุ่มเข้าพอดี เฟท! ท่านเป็นอะไรไปรึ? หัวหน้านายกองทหารวิ่งเข้ามาประคองชายหนุ่มเอาไว้ ตัวของเฟทนั้นเย็นเฉียบจนเขาสะดุ้ง ท่านเป็นอะไรไปนี่! ข้าไม่รู้...ได้โปรดท่าน...ช่วยพาข้าไปหาฟีต้าที ข้าต้องพบนาง... เฟทเอ่ย เมื่อเขาพอที่จะรวบรวมสติได้ ความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ในนี้มันคล้ายกับเมื่อตอนที่เขาถูกขังเอาไว้ก่อนที่ฟีต้าจะมาช่วยเขาออกไป มันโหวงเหวงว่างเปล่าและสับสน นางช่วยท่านได้อย่างนั้นเหรอ? ไชน์เอ่ยถามออกมาอย่างงงงวย ให้ข้าพาท่านไปหาหมอให้มาดูอาการของท่านไม่ดีกว่าเหรอ? ไม่ได้ ฟีต้าเท่านั้น!
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:31:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 186 Pageviews. |
|
|