คิมหันต์ที่ 17/1
Chapter17 ฟีต้าตื่นขึ้นมาท่ามกลางความสบายอ่อนนุ่มและอุ่นสบายเคล้ากลิ่นสาปสัตว์อ่อนๆ เจือมากับเสียงครางเครือซึ่งอย่างหลังๆนั้นรบกวนประสาทสัมผัสทั้งสองเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความสุขสบายที่ได้รับ หญิงสาวรู้สึกถึงบางสิ่งที่เป็นปุยนุ่มเกาะเหนี่ยวเกี่ยวพันอยู่กับข้อเท้าของนางอีกทั้งปลายของมันยังสะบัดไปมารบกวนการงีบของนางให้รู้สึกจั๊กจี้ตลอดเวลาด้วย ทำให้นางจำต้องลุกขึ้นจากความสุขสบายที่ได้รับอย่างช่วยไม่ได้ ฮือ...เฟท...อะไรน่ะ? จั๊กจี้... หญิงสาวลุกขึ้นมาก็เรียกหาหนุ่มคนรักเป็นคนแรกเช่นทุกครั้ง มือบางยกขึ้นขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนที่จะหลับตาต่ออีกสักพักเพื่อให้ดวงตาของตนเองปรับตัวเข้ากับแสงสลัวมัวลาง แต่แล้วการตอบรับที่นางได้หาใช่เสียงตอบดังมาอย่างเช่นที่เคยไม่ แต่เป็นจมูกแห้งๆ นุ่มๆ ที่เคลื่อนเข้ามาชนที่แก้มนางเป็นการทักทายที่คุ้นเคยแบบแปลกๆ และที่น่าตกใจเหนือไปกว่านั้นคือ...เมื่อนางลืมตาขึ้นมามองด้วยวิสัยทัศน์แจ่มกระจ่างชัดเจน! ว้าย!!! สะ สะ สะ...เสือ เสือ เสือ! ฟีต้าตะเกียกตะกายออกห่างเจ้าสัตว์หน้าขนจนกระทั่งสะดุดขาของตัวเองล้มน้ำคว่ำคะมำหงาย ฟีต้ามองเจ้าเสือร่างเปรียวขนดำเป็นมันเงานอนทอดกายเอกเขนกอยู่กลางกองผ้าข้างกองไฟที่มอดลงด้านในสุดของโถงถ้ำแคบๆ นั้น เสือหนุ่มเจ้าเล่ห์หัวเราะชอบใจในขณะเดียวกันนั้นเอง วินาทีต่อมา...เจ้าเสือหน้าทะเล้นก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มหน้าใสคนเดียวกันกับที่นางร่วมเดินทางมาโดยตลอด ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์นอนเอกเขนกไม่แพ้ท่าตอนเป็นเสือยิ้มกริ่มตาพราว เฟท! ฟีต้าร้องลั่นด้วยน้ำเสียงกึ่งโกรธกึ่งประหลาดใจ จ๋า... ชายหนุ่มตอบเสียงหวานยิ้มรับหน้าชื่น ในขณะที่สาวเจ้าหน้างอเพราะขวัญเสียเมื่อครู่ก่อน ฟีต้าทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้ว่าตนควรโกรธดีหรือควรอายชายหนุ่มดีในเวลาเช่นนี้ หญิงสาวจึงนั่งปิดหน้าของตนเองเอาไว้เงียบๆ ฟีต้าไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต ในสัปดาห์ที่ผ่าน...นางได้รับอารมณ์ต่างๆมากมายกลับคืนมา ทั้งความรู้สึกสดชื่น ความชื่นมื่นชื่นชมในสรรพสิ่ง อารมณ์อ่อนหวานที่ได้อยู่ร่วมกันกับคนที่ตนรักและได้นั่งเคียงกันชมจันทร์และดาราบนท้องนภาอันกว้างใหญ่ ได้เผชิญกับความเศร้าเสียใจของตนเองในยามรำลึกถึงอดีตที่ผ่านไป ทั้งหลายนางรับมือกับมันได้อย่างเป็นธรรมชาติและง่ายดายยิ่ง เมื่อมีชายหนุ่มเคียงข้าง และในเวลานี้... รอยยิ้มระรื่นเจือแววขันในดวงตาสีทองคู่นั้น กับสิ่งที่เขาทำให้นาง ความคิดที่หวนกลับไปนึกถึงปฏิกิริยาของตนเองเมื่อครู่ก่อนและสภาพที่ดูไม่ได้เลยในเวลานี้ สีหน้าของหญิงสาวเหยเกอย่างที่สุดด้วยเกือบจะร้องไห้ออกมา พวกแก้มงามร้อนผ่าว ฟีต้าเผชิญกับความรู้สึกหัวเสียเป็นครั้งแรกในชีวิตแบบตัวต่อตัว...อายและโกรธ หญิงสาวเม้มริมฝีปากของตนเองแน่นเงยหน้ากลับขึ้นมาจ้องมองชายหนุ่มด้วยตัวตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าแต่ไม่ใช่เพราะความเศร้า...หากมันเป็นเพราะนางไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไรในเวลานี้ดี! จึงได้แค่เพียงนิ่วหน้ามองเฟทด้วยสายตาขุ่นเขียวและดวงหน้าแดงก่ำแก้มป่อง ภาพน่ารักๆ ตรงนั้นทำให้เฟทกลั้นยิ้มไม่อยู่และหัวเราะออกมาจนตัวงอในที่สุด! โธ่...ฟีต้า... ชายหนุ่มหัวเราะก่อนคลานเข้าไปรั้งร่างน้อยเข้ามากอดและหอมแก้มป่องๆ แดงๆ เหมือนลูกท้อสดนั่น โธ่เอ๊ย...ฟีต้า เจ้านี่ตลกจริงๆ เฟทยังคงหัวเราะตัวโยนต่อไปพลางโยกร่างน้อยในอ้อมกอดไปพลาง ฟีต้าซบหน้ากับบ่ากว้างของชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ของตนเอง ปล่อยมันออกมาสิ คนดี เจ้าจะกลั้นมันเอาไว้ทำไม เจ้าไม่ได้อยากร้องไห้สักหน่อย อยากทุบก็ทุบสิ อยากตะโกนก็ตะโกนสิ...ฮิๆ ฮ่าๆๆ โธ่ ฟีต้า เขาเอ่ยเรียกชื่อของนางเสียงหวาน ความรู้สึกทั้งรักและเอ็นดูนั้นวิ่งเข้ามาหาเขา มันตื้นตันและหลายล้นออกมาจากหัวใจ ขณะที่...หญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะทุบ โดยเริ่มจากชกตุบๆ เบาๆ กับอกของเขา เฟทบ้า... นางกระซิบพึมพำๆ เสียงแผ่ว...แรกสุดไม่ได้ยิน ต่อมาก็ได้ยินไม่ชัดจนในที่สุดก็ได้ยินเป็นถ้อยคำอย่างชัดเจน เฟทบ้า...เฟทบ้า...เฟทบ้า... หลังจากที่เฟทได้เรียนรู้เรื่องสำคัญอีกเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวว่านางเส้นลายมือขาดแน่นอน และทั้งสองออกจากที่พักเมื่อตะวันเร่งแสงแรงขึ้นและลอยสูง เฟทหันไปเอ่ยกับหญิงสาวว่าอีกไม่นานก็จะไปถึงที่หมายซึ่งอาจจะใช้เวลามากหากเดินไต่ขึ้นไปด้วยเท้าเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเราจะขึ้นไปถึงเร็วได้ยังไงกันละ เฟท? นั่นเป็นคำถามที่เฟทคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่านางจะต้องถาม และเฟทก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้วเช่นกัน เราจะบินขึ้นไป ไม่ต้องห่วง ข้างบนมีอากาศ แต่เจ้าต้องเคี้ยวเจ้านี้เอาไว้เพราะเราจะบินขึ้นไปเร็วมาก เฟทส่งมันหวานให้กับหญิงสาว ฟีต้ามีสีหน้าสับสน ตอนนี้นางรู้แล้วว่าเขาสามารถแปลงกายได้ เพราะนางได้เห็นความสามารถในการแปลงร่างของเขาแล้ว ซึ่งแม้ว่าในนาทีแรกนางจะตกใจมากอยู่ แต่เมื่อนางได้ระบายความตื่นตระหนกให้หมดไปแล้วกับอกของเขา หญิงสาวก็มีทีท่าตื่นเต้นเป็นอันมาก แต่ถึงว่านางจะมีท่าทีตื่นเต้นกับความพิเศษอัศจรรย์นั้นจริงก็ตาม นางก็ยังไม่สามารถทำตัวให้คุ้นเคยกับมันได้ในทันที แล้วเราจะบินขึ้นไปได้ยังไง? เฟทยิ้มแล้วรวบเป้ขึ้นสะพายหลัง ในเวลาเดียวกันก็รวบร่างบางขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็วเช่นกัน กอดคอข้าเอาไว้ให้แน่นๆ ละกัน! พูดจบเฟทก็ทะยานขึ้นสู่ฟ้า ฟีต้าลืมมันหวานที่อยู่ในมือไปจนสิ้น นางต้องพบกับความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนหูอื้อ! ทำให้นางรู้สึกราวกับหัวหูจะระเบิดออกและเริ่มตาลาย เฟทลอยตัวนิ่งอยู่บนฟ้าเมื่อถึงความสูงที่แน่นอน ไคเมร่าหนุ่มกางปีกร่อนไปตามสัญชาตญาณของสัตว์ที่กลับคืนสู่รังนอน หากท้องฟ้าและหมู่เมฆก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจ...เมื่อนางเกิดมาในหมู่มนุษย์ ไม่เคยคิดหรือเคยฝันถึงการบินเอื้อมแตะฟ้าเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ฟากฟ้าสีคราม นางไม่เคยรู้ว่าเหนือหมู่เมฆนั้นยังมีหมู่เมฆอื่นและผืนฟ้าอีก เนิ่นนานมาแล้วที่นางคิดว่า ท้องฟ้า ดารา จันทรา ดวงตะวันและหมู่เมฆนั้นคือภาพวาดผืนเดียวกัน และเมื่อเฟทถลาลงสู่ที่หมาย หญิงสาวก็เสียวไส้อยู่ลึกๆ จนหลับตาปี๋และกอดคอของชายหนุ่มเอาไว้แน่นอย่างลืมตัว ตามติดมาด้วยความรู้สึกละม้ายอยากคายของเก่า...ซึ่งทำให้เฟททั้งทุกข์ทั้งสุขในเวลาเดียวกัน ทางเข้าโอราเคิลนั้น...ในเวลานี้...เป็นเพียงโพรงเล็กๆ บนหน้าผาสูง ที่ไม่มีชวนให้ผู้ใดสังเกตเห็นตน ดูเผินๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ซอกหินแตกที่พอดีตัวคนเข้าไปซุกในซอกเพื่อหลบลมได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่ทันทีที่ผ่านซอกหินทั้งสองนั้นลึกเข้าไป สิ่งที่ซ่อนตัวหลบลี้อยู่ก็คือ โพรงถ้ำทางเดินที่ถูกสกัดหินให้เป็นทางเรียบเพดานต่ำตลอดทางหากมีบางสิ่งในผนังและเพดานนั้นที่ส่องแสงระยิบระยับยามต้องแสงเพียงเล็กน้อยจากภายนอก ห่างจากปากทางเพียงสามก้าวคือโคมไฟเล็กๆ ที่เฟทหยิบขึ้นมาจุดทำให้เกิดความสว่างไสวไปทั่วทั้งโพรงทางเดินแคบๆ แต่ตระการตาแห่งนี้ ฟีต้ามองความอัศจรรย์เบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง...ตื่นตาตื่นใจจนเผลออ้าปากค้าง เฟทยิ้มกับท่าทางของนาง ประทับใจกับความไร้เดียงสาเล็กๆ น้อยๆ นี้ นี่เป็นเพียงความสะดวกสบายเล็กน้อยเท่านั้น วิทยาการและการค้นพบของโอราเคิลก้าวหน้ายิ่งกว่าโลกมนุษย์ เพราะเรามีอายุที่ยืนยาวและความแข็งแรงที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาที่มีอายุขัยสั้นนัก...ไม่พอเพียงจะสะสมความรู้ได้อย่างมากมายจนกลั่นกรองเอาออกมาใช้ได้ก็ต้องตายจากโลกนี้ไปเสียแล้ว หากเจ้าว่านี่น่าตื่นเต้นแล้วละก็...ข้างหน้ายังมีสิ่งน่าตื่นตามากมายเสียยิ่งกว่านี้อีก... เฟทเอ่ยก่อนเดินนำนางไปตามเส้นทางนั้น ด้วยความสูงเพียงน้อยนิดของทางเดิน เฟทจำต้องค้อมตัวเพื่อผ่านทางไปโดยไม่ให้หัวของตนเองกระแทกกระทบกับเพดานหิน ในขณะที่ฟีต้าสามารถเดินผ่านไปได้สบายๆโดยไม่ต้องกลัวว่าหัวจะโนเพราะหินงอกหินย้อยจากเพดานซึ่งงอกลงมาปละปลายอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งสองเดินจูงกันไปจนกระทั่งทั้งคู่ผ่านทางที่มืดครึ้มออกมาพบกับแสงตะวันอันเจิดจ้าที่ปลายทางเดินนั้น ฟีต้ารู้สึกถึงสายลมที่พัดหอบเอากลิ่นหอมมาต้องจมูก ให้ความรู้สึกชื่นใจ แปลกใจและอัศจรรย์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความอบอุ่นระคนเย็นซาบซ่าน มีเสียงอันไพเราะกังวานใสพลิ้วมาตามลม... กว่าจะรู้ตัวว่าตนหยุดเดินแล้วนั้น นางก็ได้มายืนอยู่ภายในอาคารหลังใหญ่แล้ว สถานที่แห่งนี้สวยแปลกตานัก ทุกแห่งตกแต่งด้วยหนสีขาวขัดเงาเป็นประกายระยิบระยับดุจเดียวกับเส้นทางที่นางผ่านมา โถงนั้นกว้างใหญ่ เพดานสูงยามเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องทึ่งกับภาพศิลป์ของเหล่าทวยเทพ แสงที่ผ่านลอดเข้ามาตามช่องหน้าต่างด้านบนนั้นสะท้อนกับผนังทุกด้านที่ออกแบบให้สะท้อนรับและส่งแสงจากธรรมชาติกลับไปกลับมาทั่วทั้งห้องอย่างมีชั้นเชิง...จนกระทั่งสถานที่แห่งนั้นเปล่งประกายสว่างสดใสโดยไม่ต้องอาศัยคบไฟใดๆ ทั้งสิ้น ผนังบางด้านถูกเจาะออกไปจนกลายเป็นเปิดโล่งใช้แทนหน้าต่างบานใหญ่ที่ยินยอมให้สายลมพัดผ่านเข้ามาภายในให้สถานที่นั้นเย็นสบาย อีกทั้งยังทำให้เห็นทัศนียภาพภายนอกได้อย่างชัดเจน เฟทก้าวเข้ามายืนเคียงข้างร่างบาง...ชักพานางออกเดินไปกับตนยังอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่บนระเบียงซึ่งอยู่ด้านนอกของอาคาร และเมื่อทั้งสองเดินออกมา...ที่ตรงนั้นเอง...ฟีต้าก็รู้สึกราวกับตนได้หลุดเข้ามาในดินแดนแห่งความฝัน... เบื้องหน้าคือ...ท้องฟ้ากว้างใหญ่สีคราม เข้มกว่าในความรู้สึกที่นางเคยจดจำได้ ดวงอาทิตย์ทอแสงอยู่บนฟากฟ้าเป็นแสงทองเจิดจรัสที่ไม่อาจจะเพ่งพิศได้ แม้เพียงมองผ่านก็ทำให้แสบตา และนางก็ได้พบที่มาของกลิ่นหอมที่สายลมหอบพัดไปถึงในถ้ำทางเดิน...ปรากฏกายอวดโฉมนางอยู่นั้นนั่นเอง ดอกไม้หลากหลายสีสันแข่งขันกันเบ่งบานงดงามเหลือกล่าว ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยแมกไม้หลายสีสัน ทั้งใหญ่น้อย มีทั้งที่นางรู้จักดี และที่นางเพิ่งได้เคยเห็นเป็นครั้งแรก แม้ในสายลมที่เริงระบำก็ยังประดับตนด้วยกลีบบางๆของดอกและใบที่บังเอิญเผลอหอบติดมา... เฟทก้มลงกระซิบที่ข้างหูพลางชี้ชวนให้นางมองตามตนไกลออกไปเบื้องหน้า ดูสิ... สถานที่แห่งนั้นอวดแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลของโอราเคิล ไกลออกไปจากหมู่หลังคาและป่าเขียวคือสีสันต่างๆ นานาของฤดูกาลอันน่าตื่นตาตื่นใจ เฟทชี้ไล่ไปพลางบอกนามของแต่ละส่วน สุดขอบฟ้านั้นคือเหมันต์ ฤดูใบไม้ผลิ คิมหันต์และวสันต์ ทุกสิ่งทุกอย่างเกาะเกี่ยวกันไป และจุดที่เรายืนอยู่ก็คือโอราเคิล ศูนย์รวมและจุดเริ่มต้นของดินแดนที่ทวยเทพประทาน เป็นเสมือนดังอีกมิติหนึ่งของโลกที่ไม่มีมนุษย์คนใดล่วงรู้ เป็นดินแดนของเทพอย่างแท้จริง... ฟีต้าทอดสายตามองซาบซึ้งกับภาพทัศน์อันแสนวิจิตร ก่อนพร้อมตาหลับแล้วเงื้อหูราวกับกำลังพยายามสดับบางสิ่ง ข้าได้ยิน...เสียงกระดิ่งลม... ฟีต้าเอ่ยลอยๆ เสียงนั้นดังมาตลอดนับแต่นางออกมาจากเส้นทางถ้ำ ไพเราะราวกับกำลังส่งเสียงเพื่อต้อนรับ เป็นสัญญาณที่บอกถึงการกลับมาของเรา...นั่นไงพวกเขากำลังมา เขา?... และไม่นาน คนมากมายก็ปรากฏตัวขึ้น โดยการนำของคนคู่หนึ่ง...ชาย และหญิง...ที่งดงามประดุจภาพวาด ผู้ที่เดินนำมานั้น หนึ่งคือชายร่างสูงใหญ่ เค้าโคลงหน้าของชายผู้นั้นดูคุ้นตานักเพราะเมื่อเทียบกับใบหน้าของชายหนุ่มข้างกายนางใบหน้านั้นราวกับจะถอดแบบกันมา โดยเฉพาะดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าสีทองคู่นั้น เว้นเสียก็แค่เพียงสีสันของคนทั้งสองกลับตัดกันเป็นอย่างยิ่งทั้งสีผมและสีผิว ชายผู้นั้นมีเรือนผมสีเงินยวงยาวงดงามราวกับภาพวาด ตัดกับเรือนผมสีนิลของสตรีที่เคียงคู่มาด้วยกัน สีผิวของชายผู้นั้นก็แลขาวเสียยิ่งกว่าแม้ผิวของเฟทนั้นจะเรียกว่าขาวแล้วก็ตาม และสตรีสาวที่เดินเคียงมาก็มีรูปร่างบอบบาง ยามเยื้องกายย่างเดินดูอ่อนช้อย แลทุกอิริยางดงามปานนางสวรรค์ เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดนั้นก็คือ ดวงตานางช่างแสนอบอุ่น ทั้งอ่อนโยนและโอบอ้อมอารีเข้ากับดวงหน้าที่อ่อนเยาว์ได้อย่างน่าประหลาดมใจเป็นยิ่งนัก เฟท! สตรีนางนั้นเอ่ยเรียก...บุตรชายของนาง...ด้วยน้ำเสียงแสดงความปราบปลื้มยินดีเกินจะกล่าว พร้อมทั้งความรู้สึกโล่งใจที่เห็นลูกชายปลอดภัยกลับบ้านมา ท่านพ่อ ท่านแม่! ข้ากลับมาแล้ว... เฟทผละไปจากข้างกายของหญิงสาวตรงเข้าสวมกอดมารดาและอ้อนขอจุมพิตรับขวัญ ไม่ได้เจอลูกคนนี้ตั้งนาน จะไม่จุ๊บๆ ลูกชายที่แสนน่ารักหน่อยเหรอครับ ท่านแม่ ฟาฟาหัวเราะให้กับคำพูดทะเล้นของพ่อลูกชายตัวแสบพร้อมทั้งสนองตามคำขอของลูกตัวดีที่ปล่อยให้นางเป็นห่วงเสียนานแสนนาน เฟทผละมจากมารดาแล้วก็หันกลับมาดึงฟีต้าก่อนรุนให้นางเดินนำไปเบื้องหน้าตน เพื่อที่เขาจะสามารถแนะนำนางกับคนทั้งสองได้ นี่คือฟีต้า นางคือลูกสาวของสตรีที่ข้าออกไปตามหา และตัวนางก็เป็นคนของเราเช่นเดียวกัน...เกี่ยวกับเรื่องนี้...ข้ามีเรื่องมาเล่าให้ท่านพ่อท่านแม่ฟังเยอะแยะเลย คำพูดคำจาที่ใช้นั้นฟังดูเหมือนพวกเด็กยามที่ใช้เอ่ยกับคนทั้งสองนั้นเป็นเพียงเปลือกที่เฟทจงใจแสร้งเสก หากลับๆ เฟทหันไปส่งสายตาให้กับผู้เป็นพ่ออย่างมีนัย เป็นสายตาที่สองพ่อลูกรู้กันว่า...เรื่องมาเล่า...ที่ว่า ไม่ใช่เรื่องเล่าธรรมดาๆ! เฟยิ้มรับ ทีแรก...เขายืนอยู่เงียบๆ รอดูห่างๆ ในขณะที่เฟททำการแนะนำหญิงสาวกับพวกตน เพื่อสังเกตสายตาของลูกชายที่มีต่อหญิงสาวตัวจ้อยอย่างเข้าใจ ภาพนั้นดั่งกับว่า...เป็นภาพสะท้อนของเขาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อครั้งที่เขาได้พาร่างบาง...ผู้ที่บัดนี้ก็ยังคงยืนเคียงข้างเขา...กลับมาพร้อมกัน และ ณ ที่แห่งนี้...เวลานี้...เหมือนเช่นที่เขาเคยทำ ลูกชายของได้อดำเนินรอยตามราวกับซ้ำรอยเดิมของเขาในครั้งนั้นอยู่! เฟกอดลูกชายแน่นๆ แล้วตบบ่าเขา ก่อนเดินเข้ามาประทับจุมพิตรับขวัญ...หญิงสาวคนใหม่...ของครอบครัว และเอ่ยต้อนรับขับสู้อย่างยินดี ยินดีต้อนรับ ลูกสาวคนใหม่ของเรา... การกระทำนั้นของเฟ เป็นสิ่งที่ฟาฟาเข้าใจได้ในทันที ถึงสถานะของแม่สาวน้อยนางนี้ที่มีต่อครอบครัวนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป! วินาทีแรกของฟีต้าคือ...ตกใจ ก่อนกลายเป็นความตื้นตันใจอย่างสุดแสน เมื่อได้รับสิ่งเดียวกันนี้จากฟาฟา...และอ้อมกอดอันอบอุ่นจากนาง ขอต้อนรับสู่บ้านของเราจ้ะ...ฟีต้า เฟหันไปยิ้มให้กับพ่อลูกชายอย่างที่พวกหนุ่มๆ นั้นรู้กัน...เฟทเอาแต่ยิ้มกว้าง แล้วขยิบตาให้พ่ออย่างทะเล้น แต่ไม่พ้นสายตาของผู้เป็นแม่ไปได้ ทำให้ฟาฟาได้แค่เพียงส่ายหน้าขันพ่อลูกชายของตน หมดสมัยลูกสะใภ้แม่สามีไปเกินศตวรรษแล้ว!
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:23:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 189 Pageviews. |
|
|