คิมหันต์ที่ 8/1
Chapter8 ราวกับชายหนุ่มคนนี้มีญาณวิเศษ... หลังจากการออกเดินทางมาได้ไม่นานเท่าไหร่ และดวงตะวันยังลอยขึ้นมาไม่ทันจะตรงหัว โดยที่เฟทนำทางนางเดินมุ่งไปโดยไม่ลังเลในเส้นทางที่เขาย่างไปแม้แต่น้อย สองหนุ่มสาวก็เดินมาพบหมู่บ้านแห่งหนึ่ง...และนั่นราวกับว่าเขารู้มาแต่แรกแล้วว่ามันตั้งอยู่ที่นั้น แต่กระนั้นแม้ว่าทั้งสองจะมาถึงในที่ๆ มีคนอยู่แล้วก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีเงินหรือของมีค่าอื่นๆ ติดตัวมาพอจะแลกเปลี่ยนอาหารได้เลย แต่เราก็รู้แล้วล่ะว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน... เฟทเอ่ยขึ้นอย่างคนที่มองโลกในแง่ดี...แม้ฟีต้าก็มองไม่เห็นถึงอนาคตของทั้งคู่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปได้อีก จากที่นี่ ถ้าเราจะเดินทางด้วยเท้ากลับไปที่ลิสมัต ก็ต้องใช้เวลาถึงสี่วัน... เฟทเอ่ยออกมา และนั่นทำให้ฟีต้ายิ่งงงงันขึ้นไปอีก แต่ไหนท่านว่า เรากลับไปไม่ได้ไงคะ... นางถามออกมา ใช่ เรากลับไปที่คฤหาสน์นั่นไม่ได้อีก แต่ว่าถ้าเราจะกลับไปที่หมู่บ้านนั่นโดยไม่ให้เจ้านายเก่าของเจ้ารู้ก็ไม่เป็นไรนี่...แต่ว่าข้าคงต้องหาทางอื่นในการตามหาคนๆ นั้นเสียแล้ว เมื่อเฟทเอ่ยออกมา หญิงสาวก็ถูกประโยคนั้นสะกิดใจนางขึ้นมา...นางได้ยินพวกผู้หญิงคุยกันตอนอยู่ในคฤหาสน์นั้น เกี่ยวกับแขกสามัญชนของนายหญิง เรื่องที่ราวกับนิยายรักโรแมนติก... จริงสิ...ชายคนนี้กำลังออกตามหาคู่หมั้นของเขาอยู่! เจ้าไม่สบายรึเปล่า ฟีต้า? เสียงของเขาทำให้นางสะดุ้ง ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าที่เอนเข้ามาจนใกล้ หัวใจของนางกลับเต้นแรง ขะ ข้าสบายดีเจ้าค่ะ เฮ้อ...เอาอีกแล้ว ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าใช้คำพวกนั้นกับข้า ข้าไม่ใช่เจ้านายของเจ้า ตอนนี้เราอยู่ในฐานะพี่ชายกับน้องสาวกันอยู่ จำได้ไหม! ให้เรียกข้าว่าเฟทเฉยๆ แล้วหางเสียงก็ลงท้ายด้วยค่ะเฉยๆ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ชายหนุ่มเขกมะเหงใส่หน้าผากมนๆ น่ารักนั่นเบาๆ พลางเอ็ดแม่สาวน้อยที่คอยแต่จะกดฐานะตนเองให้ด้อยกว่าอยู่ร่ำไป จริงๆ เลยนะเจ้านี่ ทำไมถึงได้ชอบเป็นเบี้ยล้างคนอื่นเขานักรึไงกัน... ชายหนุ่มบ่นอุบ ในขณะที่หญิงสาวกลับเอาแต่ก้มหน้าเมื่อคิดถึงเรื่องอดีตของตนเอง นางเป็นเช่นนั้นมาตลอด นับแต่บิดามารดาของนางจากไปในสงครามพร้อมทั้งญาติสนิทมิตรสหาตั้งแต่นั้นเรื่อยมานางมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกๆ วันนี้ได้ด้วยการยอมเป็นเครื่องรองมือรองเท้าของผู้อื่น เพื่อให้ตนเองได้มีกินมีชีวิตรอดมาได้...แม้แต่งานที่ต้อยต่ำที่สุด นางก็ไม่เคยรังเกียจหากว่านั่นจะทำให้นางมีชีวิตยืดต่อไปได้อีกสักวัน ฟีต้า...เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ... หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนก้มหน้าตอบราวกับว่านางกำลังคุยกับตนเองเช่นนั้น เปล่า ไม่เป็นไร... ท่าทางกับคำพูดหาได้ไปด้วยกันไม่สักนิด นั่นทำให้เฟทสิ้นความอดทนกับความอยากรู้ของตนเอง.. แล้วถ้าข้าบอกว่า...ข้าไม่เชื่อเจ้าแม้แต่คำเดียว บอกข้ามาเสียดีๆ ดีกว่าว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เปล่า...เปล่าค่ะ เจ้าโกหก...เด็กโกหก บอกมาเสียดีๆ ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ข้าน่ะเป็นผู้ปกครองของเจ้าแล้วนะ...เรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าไม่สบายใจเจ้าต้องบอกข้ามาให้หมด! เมื่อไม่เห็นทางใดจะหลีกเลี่ยงการถูกเปิดเผยนี้ไปได้อย่างไร ดังนั้นทางเดียวที่นางจะมุ่งไปได้ก็คือ สารภาพสิ่งต่างๆ เหล่านั้นออกมา เฟทหลับตาลงช้าๆ หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จากหญิงสาวตรงหน้าอย่างตั้งใจแล้วเขาก็ได้ข้อสรุปสั้นๆ กับตนเองว่า...เขามันโง่จริงๆ! หญิงสาวตรงหน้า สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่า แต่สิ่งที่นางพบและได้เผชิญมานั้นมันช่างเต็มไปด้วยความเศร้า ในขณะเดียวกัน ทางหญิงสาวผู้ได้บอกเล่าเรื่องราวเกือบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของนาง รู้สึกราวกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝัน...ฝันร้ายที่นางเพิ่งตื่นขึ้นมาพบกับโลกแห่งความเป็นจริง ฟีต้ารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด และรู้สึกดีที่ได้พูดมันออกมา อิสระจากอดีตที่เก็บกดตนเองเอาไว้มาเนิ่นนาน อิสระจากความทุกข์ที่แบกรับ อิสระจากความโศกเศร้าของการสูญเสียผู้คนอันเป็นที่รักเป็นมากมาย ทั้งสองนั่งเงียบกันไปหลายชั่วยาม สำหรับชายหนุ่มนั้นกลับรู้สึกผิดอยู่ข้างในลึกๆ ต่างกับหญิงสาวที่เริ่มเรียบเรียงเรื่องราวโดนมองมันว่าเป็นเพียงอดีตไปแล้วด้วยความโล่งใจ ข้าขอโทษ...ที่บังคับให้เจ้าเรื่องราวที่น่าเศร้านี่ออกมา... เฟทกลับเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงอย่างอึดอัดใจ สีหน้าของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายนิดๆเพราะคิดว่าตนนั้นไปสะกิดความหลังที่หญิงสาวคงไม่อยากจะจำ ฟีต้าเหม่อมองสีหน้าเช่นนั้นของเขาด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ก่อนค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ราวกับกำลังซึมซับความรู้สึกเสียใจของอีกฝ่ายเข้าไป คนๆ นี้...ช่างใจดีเหลือเกิน...ทั้งห่วงความปลอดภัยของนาง แล้วยังจะห่วงใยจิตใจของนางอีกด้วย... ฟีต้ารู้สึกราวกับว่านางได้รับแสงสว่างที่นางสูญเสียไปเมื่อนานมาแล้วอีกครั้ง ความรู้สึกที่แสนดีนี้ส่งผ่านมาจากอีกฝ่าย ความรู้สึกนั้นทั้งอบอุ่นและให้ความรู้สึกเป็นสุขใจเหลือเกิน แล้วเมื่อได้ลืมตาขึ้นมาหัวใจของนางก็รู้สึกสงบ ไม่ต้องมีคำพูด แต่กลับส่งผ่านความรู้สึกห่วงใยมาถึงได้...ราวกับว่าเขากำลังกระซิบอยู่ใกล้ๆ ปรารถนาดี...นั่นคือความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางในเวลานี้...ความรู้สึกที่นางแสนจะขอบคุณ รอยยิ้มที่ค่อยๆ เกลี่ยไปบนริมฝีปากของหญิงสาวนั้นดูเป็นสุขอย่างมากมาย ดวงตาสีอำพันแวววาวระยิบระยับ แม้เรือนผมสีดำด้านๆ ราวกับถูกผงถ่านขยี้มาจะช่างดูขัดหูขัดตา แต่ภาพนั้นก็ยังทำให้ประทับใจคนมอง ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยค่ะ...ความใจดีของท่านข้ารู้สึกได้ สิ่งที่ท่านทำก็เพราะความเป็นห่วง ความห่วงใยและอยากปกป้องนั้นเป็นความรู้สึกที่ดี...ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ เฟทถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับคำชมกันซึ่งๆ หน้าเช่นนั้น...น้ำเสียงและสัมผัสที่ส่งมานั้นบอกความจริงใจอย่างยากหาใครเปรียบได้ เกิดมาก็ไม่ค่อยจะเคยถูกใครชมว่าเป็นคนดีเลยสักครั้ง...โดยส่วนใหญ่แล้วพอเขาถูกส่งไปจนทั่วเพื่อร่ำเรียนสารพัดวิชาการทั่วทั้งโอราเคิลแล้ว พอกลับมาเขามักจะทำตัวเกกมะเหรกเกเรแล้วโดนพวกผู้ใหญ่ดุว่าเอาเสียมากกว่า จนเมื่อเร็วๆ นี้ถึงขนาดถูกท่านพ่อทำโทษเอาฐานที่เกงานระหว่างรักษาการตำแหน่งผู้ปกครองจนต้องตระเวนไปทั่วทั้งโอราเคิลแถมยังต้องหลุดมาตามหาคนถึงโลกมนุษย์นี้อีก... คนดี...ช่างเป็นคำที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินและยากเกินกว่าจะทำใจรับคำชื่นชมนั้นเอาไว้ได้เมื่อตัวนั้นรู้อยู่แก่ใจดีว่า...ตัวเองนั้นมีความเป็นคนดีน้อยมาก... แต่ก็ยังเขินอยู่ดีนะแหละ...เขินจัง... หน้าแดงแจ๊ดเลยค่ะ... ฟีต้าทักออกมาตรงๆ โธ่...เด็กเอ๋ย ไม่ได้รู้อะไรบ้างเลย! กองใบไม้ที่สุมกันอยู่อย่างผิดสังเกตในขณะที่บริเวณอื่นๆมีเศษใบไม้เกลื่อนกลาดอยู่น้อยกว่ามาก แม้ไม่มีวี่แววของการจุดกองไฟเพื่อไล่สัตว์หากสิ่งที่เห็นอยู่นี่เป็นฝีมือของคนที่หนีมาอย่างแน่นอน...เล็คซ์ต้องยอมรับว่า พวกมันฉลาดมากจริงๆ! พวกมันต้องมาทางนี้แหละ... เล็คซ์เอ่ยอย่างมั่นใจกับเหล่าลูกน้องอีกสองคนในขณะที่ทีอาสวิ่งกลับมาพร้อมสิ่งที่ตนพบ ข้าพบนี่ตกอยู่ทางด้านโน้น ลูกน้องอีกสองคนของข้าพบพวกหาของป่า ใกล้ๆ นี้มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ พวกมันต้องไปที่นั่นแน่! ทีอาสยื่นเศษผ้าลูกไม้กะรุ่งกะริ่งจากการถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนขาดให้กับเล็คซ์ผู้เป็นหัวหน้า เศษผ้าลูกไม้แต่งชายกระโปรงของสาวใช้คฤหาสน์จีอัสผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ในแผนการครั้งนี้ ถ้ามันมาอยู่แถวนี้ได้ ก็แสดงว่าพวกเขาตามสองคนนั้นมาถูกทางอย่างแน่นอนที่สุด! เล็คซ์ไม่อยากเชื่อเลยว่า เพียงเขาชะล่าใจนิดเดียว เชลยทั้งสองก็หลบหนีเขาไปได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น...นักเดินทางนั่นไม่ใช่ธรรมดาเลย ทั้งการฟื้นตัวทั้งๆ ที่เขาให้ยามันไปมากถึงขนาดคนตัวโตๆหลับไปได้สามวันเต็มๆ แต่มันกลับใช้เวลาในการฟื้นตัวเพียงสองวันเท่านั้น แถมยังหลอกพวกเขาว่ายังไม่ได้สติแถมยังพาหญิงสาวอีกคนหนีไปด้วยกันได้อีก! ผู้ชายคนนั้น...ต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆ ถึงมันจะไม่มีท่าทางเหมือนพวกสายลับก็ตามเถอะ แต่มันก็ได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินเข้าแล้ว หากว่ามันเอาไปบอกกับใครเข้าละก็ แผนการที่พวกเขาวางมาทั้งหมดก็เป็นอันพินาศกันหมด จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้! แรกสุดเขาเพียงคิดว่าจะผลักชายหนุ่มคนนั้นไปให้พ้นๆ ทางด้วยการเอาไปทิ้งไว้ในที่ไกลๆ ไม่ให้กลับมายุ่มย่ามกับแผนการนี้ได้ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ เห็นทีว่าเขาจะต้องจัดการกำจัดให้เด็ดขาดลงไปเสียแล้ว... ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้น เขาไม่อยากจะทำนางเลย แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว คิดได้เพียงอย่างเดียวว่าเป็นโชคร้ายของนางเสียก็แล้วกัน...
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:40:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 285 Pageviews. |
|
|