..สีสันของความหลากหลาย อาจทำให้ความหมายของชีวิตแปรเปลี่ยน แต่ความเป็นเพื่อนยังคงหมุนเวียน สับเปลี่ยนอยู่ในตำแหน่งของความผูกพัน..
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 112 "แม่"




ไม่ได้ร่วมงานเขียนตะพาบมานานมากๆ
ไปเห็นในบล๊อกของพี่ซอง(ซองขาว...เบอร์ 9)
จึงอยากเขียนถึงแม่...


บล๊อกนี้...เคยเขียนลงแล้ว เมื่อหลายปีก่อน
แต่ ณ เวลานี้ ความรักของลูกๆ ทุกคน
และความรักของแม่ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...






คิดถึงแม่จัง... หลาย ๆ คน อาจจะไม่มีแม่ให้กอดแล้ว แต่แม่ก็ยังคงในความทรงจำของลูกๆทุกคนอยู่เสมอ โชคดีที่เรายังมีแม่อยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ แม่จะไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม พวกลูกๆ ก็อยู่ไกลกัน คนละทิศละทาง นานๆ พวกเราจึงจะไปหาแม่กันสักที ตอนนี้แม่อยู่กับพี่ชายของเราที่ภูเก็ต เวลาเราพูดกับแม่ เราจะแทนตัวเองว่าน้อง แม้เดี๋ยวนี้ก็เถอะ ก็ยังใช้คำนี้อยู่ ตอนเด็กๆ แม่เคยล้อเราว่า ถ้าเราเป็นน้อง ก้ต้องเป็นน้าของพวกพี่ๆ น่ะซิ เพราะเป็นน้องของแม่

พวกเรามีกันอยู่ ด้วยกัน 5 คนพี่น้อง บ้านของเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีฐานะปานกลาง มีพ่อทำงานคนเดียว ส่วนแม่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ ด้วยการรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า เอาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน เป็นค่าขนมของลูกๆ บ้าง แม่ของเราทำอาหารเก่งมาก นับว่าเป็นพรสวรรค์ติดตัวมา ไม่ว่าแม่จะไปทานอาหารที่ไหน หรือใครเอาอะไรมาให้ทาน พอแม่ชิมปุ๊บ แม่จะรู้ทันทีว่าเค้าใส่อะไรมาบ้าง แล้วก็อีกไม่นาน พวกเราก็จะได้ทานของอร่อยๆ ที่แม่ทำ รสชาติไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังอร่อยกว่าอีกด้วย จำได้ว่า อาหารที่พวกเราได้ทานกันเป็นประจำคือ แกงจืดไข่น้ำ แล้วก็หมูเค็ม เป็นอาหารประจำของพวกเราตอนเด็ก ๆ แม่ชอบทำขนมเค้กด้วย พวกเราเป็นคาทอลิค ดังนั้น ช่วงเทศกาลคริสต์มาส แม่จะทำขนมเค้กให้พ่อไปแจกในที่ทำงาน แจกเพื่อนบ้าน แล้วก็เตรียมสำหรับจัดงานเลี้ยงคริสต์มาสที่บ้านด้วย สมัยก่อนไม่มีเตาอบ แต่แม่ก็ทำขนมเค้กจากเตาอั้งโล่นี่แหล่ะ เอาแป้งขนมเค้กใส่ถาดทำขนม ใส่ไปในหม้อข้าว ซึ่งเมื่อก่อนเราหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ ตั้งเตา แล้วบนฝาหม้อข้าว ก็เอาถ่านติดไฟวางเอาไว้ มันทำให้ขนมสุกทั้งด้านล่างและด้านบน ที่ชอบที่สุดก็เห็นจะเป็นเค้กชอคโกแลต เพราะว่าแม่ทำอาหารอร่อย เวลาที่โบสถ์มีงาน ก็มักจะมาขอให้แม่ทำอาหารไปเลี้ยงคนที่มาร่วมงาน จนใครๆ ก็ติดใจในรสชาติกันเป็นแถวๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงมัสมั่น สตูว์ลิ้นวัว กระเพาะปลา หรือว่าหมี่กรอบ ทุกครั้งที่มีงานก็จะมีเมนูอาหารเหล่านี้ของแม่ร่วมด้วยทุกครั้ง 

พอเราย้ายจากบ้านตรอกจันทร์มาอยู่แถวรามคำแหง พ่อก็เปิดร้านขายของชำเล็กๆ อยู่ที่บ้านด้วย ตอนนั้นพ่อเกษียนแล้ว แต่พวกเราบางคนยังเรียนหนังสืออยู่ แม่ก็เลยทำก๋วยเตี๋ยวขาย แรกๆ ก็ยังไม่ค่อยมีคนมาทานเท่าไหร่ พอหลัง ๆ ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น บอกต่อๆ กันไป ขายดิบขายดี แต่ก็เหนื่อย ยืนตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพื่อเตรียมข้าวของ กว่าจะได้นั่งพักเมื่อลูกค้าหมด ก็บ่ายสามโมงแล้ว เวลาวันหยุดพวกเราก็ช่วยแม่เป็นพนักงานเสริฟ ล้างจาน ซึ่งส่วนมากเวลาวันหยุดคนจะเยอะ แม่เป็นคนใจดี ถ้าเป็นคนรู้จักมาซื้อ แม่จะให้ซะเต็มชามเลย เรียกว่า ถ้าเอากะละมังมาใส่ แม่ก็คงจะให้เต็มกะละมังเหมือนกัน ถ้าเป็นเด็กผู้ชายมาซื้อ แม่รู้ว่าเด็กผู้ชายกินจุ ชามเดียวไม่อิ่มหรอก แม่ก็ให้เค้าซะเต็มชามเหมือนกัน จนลูกค้าหลายคนบอกว่า แบบนี้จะเอากำไรที่ไหน แม่บอกว่ากำไรไม่สำคัญหรอก ให้เค้าได้กินอิ่ม สบายใจก็พอแล้ว แล้วบางทีแม่ก็ทำอาหารอย่างอื่นเสริมมาด้วย เช่น ขนมจีนน้ำยา น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ขนมจีบ ขนมจีบของแม่ลูกโต ๆ มีแต่ใส้ล้วนๆ อร่อยจริง ๆ ค่ะ 

อยู่มาไม่นาน ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา พ่อได้จากพวกเราไปอย่างไม่วันกลับ จากไปโดยไม่มีสัญญานอะไรบอกล่วงหน้าเลย พ่อขึ้นไปนอน แล้วก็หลับไปเลย ใครๆ ก็บอกว่าพ่อมีบุญ หลับไปอย่างสบาย ตอนนั้นเราเองเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรี ยังไม่มีงานทำ ชีวิตของเราก็อยู่ตามอัตภาพ แม่เองก็ขายของไม่ค่อยไหวแล้ว เพราะมีโรคประจำตัวคือ ปวดข้อ ปวดเข่า ก็เลยให้เค้าเช่าร้าน พอเราสอบบรรจุเข้ารับราชการได้ ไปทำงานที่จังหวัดตาก อาทิตย์แรกที่ไปอยู่แล้วกลับมาบ้าน แม่ทักเลยว่า ทำไมถึงได้ผอมลงขนาดนี้ แม่จ๋า..ก็มันคิดถึงบ้าน ไม่เคยไปไหนไกลบ้านเลย แม่ก็เลยทำน้ำพริกเผาให้กระปุกใหญ่ แถมทำเผื่อคนที่ทำงานด้วย จนพี่ๆ เค้าติดใจฝีมือแม่ ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน แม่จะทำแกงส้มกับต้มข่าไก่ ของโปรดให้เราทุกครั้ง กินยังไงๆ ก็ไม่เคยเบื่อเลย 

การรับราชการ การโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ย้ายไปโน่นมานี่อยู่หลายจังหวัด จนกระทั่งเราแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก แม่ก็ยังตามมาช่วยเลี้ยงหลานในทุกจังหวัดที่เราย้ายไป ช่วยเลี้ยงหลานจนโต 

ชีวิตของแม่ต้องเจอกับความทุกข์โศกอีกหลายครั้งนับตั้งแต่พ่อจากไป ครั้งแรก เมื่อพี่ชายคนโต ป่วยและจากไป ขณะที่แม่เป็นคนเฝ้าดูแลอยู่ แม่ร้องไห้ บอกว่า ทำไมไม่เอาแม่ไป ทำไมต้องให้แม่ไปงานศพของลูกตัวเองด้วย มันเป็นความทุกข์อย่างใหญ่หลวงของผู้เป็นแม่ และอีกครั้ง...เมื่อพี่ชายคนที่สาม จากไปอีกคน แม่เป็นคนรับโทรศัพท์จาก สน.มักกะสัน ตำรวจโทรมาบอกว่า คุณ...ได้เสียชีวิต ตอนนี้ศพอยู่ที รพ.รามาธิบดี รอการชันสูตร วันนั้น เราอยู่บนบ้าน ได้ยินแม่ร้องลั่น ตะโกนเรียกเรา ให้พาแม่ไปโรงพัก วันรุ่งขึ้นเราไปรับศพที่ รพ. หมอบอกว่า หัวใจวายเฉียบพลัน แม่...ต้องมางานศพของลูกตัวเองอีกครั้ง 

พอพี่ชายคนนี้ไม่อยู่ เพราะปกติเค้าจะอยู่กับแม่ที่บ้าน เวลาเราต้องไปราชการต่างจังหวัด ก็ได้อาศัยพี่คนนี้ช่วยดูแลแม่และหลาน แม่จึงอยู่บ้านกับเรา และหลานสาว สามคน ช่วงนี้แม่เริ่มเจ็บป่วย ก็เป็นโรคของคนแก่ ต้องไปหาหมอตามนัดอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเราสอบได้เป็นชำนาญการพิเศษ คงจะต้องรอเรียกบรรจุว่าจะได้ไปลงที่จังหวัดไหน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก อยู่ๆ แม่ก็เดินไม่ได้ เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว เราพาแม่ไปหาหมอ ทั้งตรวจ ทั้งเอ็กซเรย์ ก็หาสาเหตุไม่เจอ แม่ต้องนอนอยู่บนเตียง ไปไหนมาไหนไม่ได้ แม่บอกว่ามันทรมานมาก เหมือนมีเข็มสักพันเล่มมาทิ่มตามตัวของแม่ พลิกตัวก็เจ็บไปหมด เราจึงโทรบอกพี่สาวคนโตซึ่งอยู่เชียงใหม่ ถึงสถานการณ์ในบ้าน ตอนนี้ พี่ใหญ่ก็รีบลงมาจากเชียงใหม่ทันที ความที่เค้าไม่มีลูก ไม่มีภาระ เค้าจึงปลีกตัวมาช่วยดูแลแม่ได้ เราสองคนตัดสินใจพาแม่ไป รพ.อีกครั้ง คราวนี้ ไม่ไป รพ.รัฐ ไป รพ.ใกล้ๆ บ้าน เพราะยังไงเราก็ยังแว่บไปแว่บมา มาดูแลแม่ได้ แม่นอนอยู่ รพ.เกือบเดือน หมอเองก็หาสาเหตุไม่ได้ แรกๆ บอกว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไปทำกายภาพ อาการก็ยังไม่ดีขึ้น เราสองคนพี่น้อง จึงปรึกษากันว่า เอาแม่กลับมาอยู่บ้านดีกว่า อยู่ รพ.มีแต่โรค คนข้างเตียงก็ตายไป แม่ยิ่งไม่อยากอยู่ใหญ่ 

พอแม่กลับมาบ้าน เราก็ไปซื้อเตียงคนป่วยมาให้แม่ได้นอน อาบน้ำ ขับถ่าย ก็บนเตียงนี่แหล่ะ เราสองคนพี่น้องช่วยกันดูแลแม่ทั้งหมด พี่สาวก็ให้แม่ออกกำลังกาย ทำกายภาพบำบัดตามที่หมอแนะนำ แต่บางทีแม่ก็ดื้อ แม่ไม่ยอมทำ พวกเราสองคนก็ร้องไห้บอกว่า แม่ไม่อยากหายเหรอ แม่อยากนอนแบบนี้ตลอดไปหรือ หมอบอกว่า อาการแบบนี้จะหายก็ด้วยการทำกายภาพบำบัด อีกอย่างแม่เป็นโรคเบาหวานด้วย คนที่ต้องดูแลผู้สูงอายุขอให้เอาใจใส่เรื่องนี้เป็นพิเศษ หากน้ำตาลในเลือดสูง เหงื่อจะออกท่วมตัว ร้อนไปหมด แต่ยังไม่ค่อยอันตรายเท่าใด เพราะคนป่วยจะรู้สึกตัว ยังพูดกันรู้เรื่อง แต่ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำ คนป่วยจะช๊อก ไม่รู้สึกตัว แม่เป็นแบบนี้บ่อย บางทีไม่รู้สึกตัว ต้องเอาสลิ๊งดูดน้ำหวานแล้วก็กรอกปากแม่ ต้องงัดปาก เพราะแม่ไม่ยอมเปิดปาก แล้วอีกอย่างทีกลัว คือกลัวแม่จะกัดลิ้นตัวเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราทำแบบนี้จนแม่รู้สึกตัวแล้ว แม่บอกว่า แม่คิดในใจว่า พยาบาลสองคนนี่เก่งจัง ตัวก็เล็กๆ ทั้งลาก ทั้งดึง แม่ซึ่งตัวใหญ่มากได้ เราก็เลยบอกว่า พยาบาลที่ไหนกัน หนูสองคนนี่แหล่ะแม่ เลยหัวเราะกันใหญ่

จนกระทั่งกระทรวงแต่งตั้งให้เรามาดำรงตำแหน่ง ระดับชำนาญการพิเศษที่นครนายก ตอนนั้นเรากลุ้มใจมาก ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างไร แม่ก็ป่วย ลูกก็เพิ่งจะอยู่ ม.5 สามีก็อยู่ไกล ถึงยะลาโน่น เราจะทำอย่างไรดี ตอนแรกที่สอบได้ บอกพี่ใหญ่ พี่ใหญ่บอกว่า ให้คิดเอาเอง ให้เลือกเอาว่าจะเอาแม่ หรือจะเอาหน้าที่การงาน แต่พอรู้ว่าจะได้ไปลงที่ไหน พี่ใหญ่ก็บอกว่า ไปเถอะ เค้าจะดูแลแม่เอง ไม่ต้องเป็นห่วง นครนายกใกล้ๆ แค่นี้ ตอนแรกเราสับสนมาก ไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองอย่างไร จะสละสิทธิ์ก็เสียดาย เพราะกว่าจะสอบได้ ต้องแข่งขันกับคนหลายร้อยคน แต่แม่ก็มาป่วย พี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่มีลูก แต่เค้าก็มีสามี เค้าก็ต้องดูแลสามีเค้า เค้าทิ้งสามีมาอยู่ดูแลแม่หลายเดือนแล้ว ไม่ได้กลับไปเชียงใหม่เลย เราจำได้ว่า วันที่เราจะเดินทางมานครนายก เรามาลาแม่ บอกกับแม่ว่า ถ้าแม่ไม่หายจะลาออก เผื่อมาอยู่ดูแลแม่ ไม่อยากให้แม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้ แม่บอกว่า ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเดือนมกรา แม่จะเดินให้ได้ เราจะลาออกไม่ได้ ลูกเรายังเล็ก ยังต้องเรียนหนังสือ และเหมือนปาฏิหาริย์มีจริง คงเป็นเพราะคุณงามความดีที่แม่เคยทำไว้ พระเจ้าจึงดลบันดาลให้แม่กลับมาเดินได้อีกครั้ง แล้วก็เป็นช่วงเวลาที่แม่บอกกับเราไว้จริงๆ 

อาการของแม่เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะเดินไม่ได้คล่องเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ช่วยตัวเองได้ ไปห้องน้ำเองได้ เดินไปไหนใกล้ ๆ ได้ พี่วรรษที่อยู่ภูเก็ต จึงบอกว่า ให้แม่ไปอยู่กับเค้า เพราะที่บ้านเค้ามีแม่บ้านอยู่ ยังไงๆ แม่ก็มีคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่เหงา บ้านช่องก็กว้างขวาง มีที่ให้เดินออกกำลังกาย มีต้นไม้ให้ดู ไม่คับแคบเหมือนทาวน์เฮ้าส์ที่เราอยู่กันตอนนี้ แม่ก็เลยไปอยู่กับพี่วรรษจนกระทั่งทุกวันนี้ เกือบสองปีแล้วล่ะ ทุกครั้งที่โทรไปหาแม่ แม่มักจะบ่นอยากกลับบ้าน อยากกลับมาตายที่บ้าน เราก็บอกว่า ยังหรอก แม่ยังไม่ไปไหนง่ายๆ หรอก ต้องอยู่กับพวกเราไปอีกนานแสนนาน เวลาเราไปเยี่ยมแม่ที่ภูเก็ต ถ้าไปอยู่แค่ 2-3 วัน แม่บอกว่า ไม่ต้องมาหรอก มันเปลืองค่าใช้จ่าย โทรมาหาก็พอแล้ว 

ตอนนี้แม่ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว พวกเราต่างภาวนาว่า ขอให้แม่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกๆ หลาน ๆ ไปอีกนานแสนนาน



















พระคุณแม่นั้นใหญ่ยิ่ง สุดจักอ้างอิง
สิ่งใดเปรียบเท่าพระคุณ

แม่เรานั้นเฝ้าเกื้อหนุน และคอยค้ำจุน
ให้ลูกทำแต่กรรมดี

เมื่อลูกพบความสุขศรี แม่พลอยยินดี
ลูกนี้มิลืมพระคุณ
(กาพย์ฉบัง 16)



เวลาผ่านไป 4 ปี หลังจากที่เขียนบล๊อกนี้
แม่มีความสุขมากๆ กับลูกๆ หลานๆ อย่างที่เห็นในภาพค่ะ






Create Date : 24 สิงหาคม 2557
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 11:40:05 น. 13 comments
Counter : 978 Pageviews.

 

ปาฏิหิริย์มาจริงๆ เลยนะคะเนี่ย
อ่านแล้วรู้สึกรักแม่มากขึ้นเลยค่ะ
ภาวนาให้แม่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรนานๆ ค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:17:02:10 น.  

 
ลูกนกหรือไก่คะเนี่ย

น่ารักดีจัง


โดย: rommunee IP: 27.130.224.48 วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:19:45:24 น.  

 
สวัสดีครับพี่

อ่านแล้วซาบซึ้งไปกับความรักของแม่ครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:20:33:27 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เปี๊ยก
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ
คุณแม่ของพี่เปีียกท่านน่ารักจริงๆค่ะ
สัญญาว่าจะหายก้อทำตามสัญญาเพื่อลูกๆ
ขอให้คุณแม่ของพี่เปีียกสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: blueberryblossom วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:21:12:58 น.  

 
สวัสดีค่า ^^
อ่านเรื่องแม่แล้วซึ้งจังค่ะ
แม่คนเดียวเลี้ยงลูกหลายคน
เก่งมากๆเลยนะคะ
ลูกได้ดิบได้ดี ยิ่งมีแรง ^^

คุณแม่แข็งแรงแล้วดีใจด้วยนะคะ
ยิ่งลูกๆเป็นกำลังใจ ยิ่งหายเร็วค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่า



โดย: lovereason วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:22:00:11 น.  

 
คุณแม่อดทนมากค่ะ กาเปี๊ยก
เรื่องใหญ่สองเรื่องคือต้องไปงานศพของลูกสองครั้งนี้
เป็นทุกข์ที่ใหญ่หลวงมาก

ต้นร้อยปลายดี ทุกวันนี้ก็สุขสบายใจกันขึ้น มีเวลาไปกราบท่านกอดและบอกรักท่านด้วยนะคะ
เวลาของท่าน ก็ใช่ว่าจะเหลือมากนัก
ช่วงเวลานี้มีค่าสุดๆค่ะ กาเปี๊ยก


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:22:29:54 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Music Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog
พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ Literature Blog ดู Blog


โดย: อุ้มสี วันที่: 25 สิงหาคม 2557 เวลา:7:19:20 น.  

 
ความรักของแม่ซาบวึ้งมากๆค่ะ



โดย: NENE77 วันที่: 25 สิงหาคม 2557 เวลา:8:48:39 น.  

 
แวะมาทักทาย ตามงานตะภาพก่อนค่ะ เดี๋ยวว่างมาอ่านอีกทีค่ะ ^^


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 25 สิงหาคม 2557 เวลา:9:40:53 น.  

 
แวะมาทักทาย ตามงานตะภาพก่อนค่ะ เดี๋ยวว่างมาอ่านอีกทีค่ะ ^^


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 25 สิงหาคม 2557 เวลา:9:40:54 น.  

 
คุณน้า..เก่งนะครับ สู้ทุกทาง... เคยเย็บผ้า เหมือนแม่ผมเลย

ดีใจที่คุณเปี๊ยกเขียนบล๊อกอีกครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 25 สิงหาคม 2557 เวลา:10:35:01 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เปี๊ยกดีใจที่ได้มาอ่านงานเขียนของพี่เปี๊ยกอีกคุณแม่ของพี่เปี๊ยกท่านป่วยคล้ายๆกับแม่กิ่งเลยค่ะเพราะอยู่ๆแม่กิ่งก็เดินไม่ได้ท่านปวดหลังมากต้องนอนอยู่ตลอดเวลาหมอบอกกระดูกไขสันหลังอักเสบแมนอนอยู่แต่บนเตียงตั้ง5-ุ6เดือนลูกๆทุกคนสงสารแม่มากแต่เหมือนปาฏิหาย์แม่กลับมาเดินได้อีก เหมือนคุณแม่พี่เปี๊ยกเลยค่ะ ดีใจมากมาย
คุณแม่พี่เปี๊ยกท่านน่ารักมากนะคะ ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์รมไทรของลูกหลานไปนานๆนะคะ

วันนี้โหวตหมดแล้วไว้กิ่งมาโหวตให้ใหม่นะคะ

หลับฝันดีค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 27 สิงหาคม 2557 เวลา:1:56:27 น.  

 
ขอให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรงนะคะ


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 28 สิงหาคม 2557 เวลา:13:35:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




"ตั้งใจว่า...ทำบล๊อกนี้ขึ้นมาเพื่อบันทึกเรื่องราว ความทรงจำดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและอยากจะทำ และไม่เคยหวังผลตอบแทนใด ๆ ในทุกสิ่งที่ได้ทำ นอกจากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ มิตรภาพและความจริงใจจากเพื่อนๆ เท่านั้น"











# เริ่มทำบล๊อกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 #


ไปหลังบ้านทางนี้เน้อ
Friends' blogs
[Add พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.