|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เลียบริมโขง เมืองอุบล : Part XIII
ความเดิมตอนที่แล้ว
เช้าวันสุดท้ายของทริป เราอยู่ในตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานีกันแล้ว และมีเวลาเที่ยวกันอีก 1 วันเต็มๆ เนื่องจากไฟล์ทกลับนั้นเป็นช่วงค่ำ ทำให้ทริปอุบลราชธานีของคณะทัวร์เย็นใจนี้ สามารถเก็บเกี่ยวอะไรต่อมิอะไรตามอัธยาศัยกันได้ วันนี้โปรแกรมกันแบบ "ตัวใครตัวมัน" เพื่อนบางคนมีจุดหมายอยู่ที่ร้านกาแฟ ร้านขนม เจ้าดัง บางคนขอแค่เดินเก็บบรรยากาศ ซื้อของฝาก สำหรับเรา..ขอเก็บวัดและำิพิพิธภัณฑ์
ตื่นแต่เช้า เปิดหน้าต่างสัมผัสได้ถึงความ "หนาว" ซะที เราก็เลยได้สวมเสื้อไหมพรมที่หอบหิ้วมาด้วยในวันสุดท้ายนี่แหละ ออกจากห้องพัก มุ่งหน้า "ตลาดเช้า" ซึ่งแถวเชิงสะพานประชาธิปไตย จำชื่อที่ถูกต้องไมได้นะ
ยังเช้าอยู่ ร้านค้าก็ยังไม่เปิด ทำให้เราถ่ายรูปตึกสวยๆ ได้สะดวก เดินตามแผนทีเรื่อยมา จนกระทั่งถึงสะพาน...
พระอาทิตย์ขึ้นแล้วเต็มที่แล้วล่ะ และที่นี่เองที่เราพบว่า กล้องโทรศัพท์มือถือของเรานั้น ..มีโหมดถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นด้วย ใช้มา 2 เดือนแล้วไม่ยักรู้
ตลาดเช้าเป็นอาคารใหญ่ โปร่งๆ 2 ชั้น แบ่งสัดส่วนขายผัก ขายเนื้อสัตว์ ขายของแห้ง และขายอาหาร แม่ค้าที่ขายผักพื้นบ้านหรือสัตว์แปลก ส่วนใหญ่จะหาบของมาวางบริเวณทางเดิน อาหารเช้าที่นิยมก็จะมีทั้งปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ก๋วยจั๊บญวน ข้าวเหนียว หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง เราเดินวนครบ 1 รอบไม่เจออาหารโดนใจ ...ย้อนกลับไปกินอาหารที่โรงแรมดีกว่า ไหนๆ ก็อยู่ในแพคเกจที่พักอยู่แล้ว เพื่อนๆ ก็น่าจะตื่นพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วด้วย
เลือกสั่งอาหารเช้าที่คาดว่าจะทำให้อิ่มท้องมากที่สุด หารือกันในกลุ่ม ใครจะเดินไปไหนกันบ้าง ...แล้วกลับมาเช็คเอ๊าท์ตอนเที่ยง ตกลงได้แล้ว ก็แยกย้าย ทางใครทางมัน ...เรามีเพื่อนร่วมเดิน 1 คน
จากโรงแรมเราเดินไปยัง "วัดหลวง" ก่อนเลย เพราะอยู่ใกล้สุด
วัดหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนพรหมเทพ ริมฝั่งแม่น้ำมูล ระหว่างท่ากวางตุ้นกับท่าจวน (ตลาดใหญ่) มีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ 4 ตารางวา ปี กุน พ.ศ.2324 เมื่อเจ้าพระปทุมวรราชสุริยะวงศ์ (ท้าวคำผง) ได้อพยพมาจากดอนมดแดง มาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่ดงอู่ผึ้ง และได้ตั้งเมืองอุบลราชธานีขึ้น และเห็นว่าที่แห่งนี้เหมาะที่จะสร้างบ้านเมือง วัดวาอาราม เพื่อเป็นศรีสง่าแก่บ้านเมือง เป็นที่อยู่อาศัย สืบทอดพระพุทธศาสนา จึงให้พระสงฆ์ที่อพยพมาด้วยลงมือก่อสร้างโดยให้ช่างที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ พร้อมด้วยท่านอุปฮาดราชบุตรราชวงศ์ ท่านท้าวเพี้ย กรรมการน้อยใหญ่ ร่วมสร้างด้วยความสามัคคี วัดจึงสำเร็จสวยงามสมเจตนารมณ์ สร้างโบสถ์ องค์พระประธาน กุฎิวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร หอกลาง หอโปง หอระฆัง พร้อมบริบูรณ์ทุกอย่าง เป็นสังฆาวาสที่สวยงามมาก เมื่อสร้างเสร็จได้ตั้งนามว่า พระเจ้าใหญ่วัดหลวง นามนี้เรียกว่า "วัดหลวง" ซึ่งถือว่าเป็นวัดแรกของเมืองอุบลราชธานี และถือได้ว่าเป็นวัดประจำเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก นั้นก็คือ ท้าวคำผง นั้นเอง
พระอุโบสถออกแนวสูงชะลูดมากเลย เราไม่ได้เข้าไปกราบพระประธานด้านใน เพราะไม่เปิด และจากคู่มือที่มีอยู่บอกว่า วัดแห่งนี้มีพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองประดิษฐานอยู่ เราจึงได้เดินมายังศาลาใหญ่ข้างพระอุโบสถ
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สมชื่อ
พระเจ้าใหญ่องค์หลวง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 3 เมตร โดยพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) เจ้าครอบครองเมืองอุบลราช-ธานีองค์แรก ได้ให้ช่างชาวเวียงจันทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2324 เพื่อเป็นพระประธานประจำตัววัดหลวงประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเจ้าใหญ่องค์หลวง (ศาลาการเปรียญ) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจของชาวเมืองอุบลราชธานีและเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของเมืองอุบลราชธานี นานกว่า 223 ปีมาแล้ว
กราบพระแล้วเดินชมภาพถ่ายที่แขวนติดผนังอยู่ มีภาพพระอุโบสถหลังเดิมอยู่ด้วย
ลักษณะของสิมวัดหลวง มีแปลนรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าสิมวัดต่างๆ ในเมืองอุบลราชธานี แต่รูปคล้ายๆ กัน คือ ฐานเอวขันธ์แบบปากพาน มีบันไดขึ้นมาทำเป็นเฉลียง ตัวอาคารและฐานถือปูน เสาด้านหน้าสิม 4 ต้น เป็นเสาเหลี่ยมลบมุม หัวเสาทำเป็นรูปบัวจลกล ทวยไม้แกะสลักแบบหูช้างหน้าบันกรุไม้ลูกฟักหน้าพรหม สาหร่าย รวงผึ้งแบบพื้นบ้านอีสาน(อิทธิพลล้านช้าง) หลังคาชั้นเดียวทรงจั่ว ไม่มีชั้นลด มีปีกนก(พะไร) ทางด้านข้างใช้เป็นแป้นมุงไม้หน้าจั่ว ตกแต่งด้วยช่อฟ้าใบระกาและหางหงส์ ไม่มีนาคสะดุ้ง (รายระกามอญ) มีคนเก่าแก่ของเมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า สิมหลวงนี้สวยงามมากคล้ายกับวัดเชียงทองของเมืองหลวงพระบางของล้านช้าง
ดูจากรูปถ่ายก็เห็นชัดเจนว่างามนัก เสียดายแต่ว่าไม้ทนแดดทนฝนทนลมเหมือนกับปูน ก็เลยต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา พระอุโบสถหลังใหม่ก็เป็นสถาปัตยกรรมแบบวัดในเมืองหลวง
นอกจากนี้ที่ศาลาเล็กๆ ทางซ้ายของพระอุโบสถ ยังเป็นที่เก็บกระดูกช้างทรงของเจ้าเมืององค์แรก พร้อมทั้งพระพุทธรูปที่มีประวัติเล่าว่าลอยมาติดท่าน้ำของวัดอีกด้วย เราใช้เวลาอยู่วัดนี้พักใหญ่ๆ ก็ชวนเพื่อนออกเดินกันต่อ ตั้งใจว่าจะเก็บวัดสำคัญๆ ของจังหวัดให้หมด
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. ข้อมูลวัดหลวง > //guideubon.com/news/view.php?t=18&s_id=22&d_id=6
Create Date : 12 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 22:09:23 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1217 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: nulaw.m วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:10:27:41 น. |
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:11:56:53 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:23:13:17 น. |
|
โดย: ณงลักษณ์ IP: 58.8.63.131 วันที่: 26 มิถุนายน 2554 เวลา:9:11:42 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 26 มิถุนายน 2554 เวลา:14:03:50 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|
วันนี้มาส่งใบลาป่วยครับ