bloggang.com mainmenu search


เขียนเพราะรัก







ก่อนหน้าปี 2555 ผมเขียนงานในคอม ฯ เป็นส่วนใหญ่
แต่วันหนึ่งผมรู้สึกอยากกลับมาเขียนสมุดบันทึกอีกครั้ง
เพราะในช่วงหลังสมุดบันทึกของผม ทำหน้าที่เหมือนสมุดจดคำคมมากกว่า
เวลาผมอ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ แล้วเจอประโยคที่ชอบ
ผมจะนำมาจดไว้ในสมุดบันทึกของตัวเอง
ผมเริ่มลงมือเขียนเล่มแรก คือ “อภิรมย์คมคิด” เนื้อหาคล้ายคำคมสั้น ๆ
เมื่อเขียนจนจบหนึ่งเล่ม .... เล่มสอง สาม สี่ ก็ตามมา
ผมเริ่มสนุกและมีความสุขกับการเขียนอีกครั้ง
คราวนี้ตั้งโจทย์เล่น ๆ ให้กับตัวเองว่า


“เขียนทุกวัน”

จากเขียนทีละเล่ม ผมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นการใช้สมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ
พกติดตัวไว้ตลอดเวลาพร้อมปากกาหนึ่งด้าม
คิดอะไรได้ก็เขียนและจดลงไปในสมุดจดเล่มเล็ก ๆ นี้ก่อนกันลืม
เพราะเวลาความคิดแวบขึ้นมา
ถ้าไม่จดไว้เพียงครู่เดียวก็ลืม และจะมีประโยคใหม่ความคิดใหม่เข้ามาแทนที่
พอสมุดจดเขียนเต็ม ผมก็นำมาคัดลอกลงสมุดบันทึกเล่มจริงอีกครั้ง
คราวนี้เขียนพร้อมกันทีละหลาย ๆ เล่ม
แยกเป็น บทกวีธรรมมะ บทกวีที่เกี่ยวกับความรัก
บทกวีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมุมมองและทัศนคติในการใช้ชีวิต
บทกวีไฮกุแบบญี่ปุ่น บทกวีสามบรรทัดแบบแคนโต้
แนวคิดในการเลี้ยงลูก แนวคิดในการเป็นผู้นำ
ความเรียง คำคมสั้น ๆ บทกวีแบบจีน ฯลฯ

ผมคิด และเขียนทุกวัน แทบจะในทุกขณะที่ว่าง
หรือมีความคิดแล่นผ่านเข้ามา
การจดทำให้เราบันทึกความคิดแบบฉับพลันทันใดเอาไว้ได้
และเมื่อคัดแยกหมวดหมู่เสร็จ ผมนำมาจดลงไปในสมุดบันทึก
จดเสร็จผมจะฉีกกระดาษจดทิ้งทั้งหมด
เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองเขียนงานใหม่ต่อไปให้ดีขึ้นกว่าเดิม
การลงมือเขียนบันทึกความคิดอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ตั้งแต่ปี 2555 นับจนถึงปลายปี 2564 เป็นเวลา 9 ปีเต็ม
ผมเขียนหนังสือจบเล่มไปทั้งหมด 90 เล่ม
เล่มไหนเขียนจบ ผมก็นำมาพิมพ์ในคอมฯ
เก็บไว้เป็นต้นฉบับในการทำบล็อก
ด้วยวิธีเขียนแบบนี้
ทำให้ผมมีต้นฉบับสำรองล่วงหน้า
ไว้ทำบล็อกไปอีกหลายปีเลยทีเดียว
บางครั้งมีคำถามแวบขึ้นมาเหมือนกัน
ว่าเขียนไปทำไม ?
ผมตอบได้ทันทีว่าผมรักในการเขียน
ผมเขียนด้วยความรัก
เขียนด้วยความสุข
สนุกกับการเล่าเรื่องผ่านการเขียนในรูปแบบต่าง ๆ
และท้ายที่สุดผมหวังว่ามันจะเกิดประโยชน์กับคนอ่านบ้างไม่มากก็น้อย
แต่โดยส่วนตัว ...ผมคิดว่าตัวเองนั้นได้ประโยชน์จากการเขียนมากมาย
ทำให้มองเห็นตัวเองชัดเจนขึ้นผ่านงานเขียน
ทำให้เกิดวินัยขึ้นในชีวิต
การเขียนทุกวัน เหมือนการฝึกวิ่ง
เขียนใหม่ ๆ เขียนได้ช้า คิดได้ช้า
พอเขียนทุกวันเริ่มคิดเร็ว เขียนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ผมยังไม่เคยรู้สึกเบื่อ
หรือรู้สึกว่าไม่มีอะไรเขียนเลย
เขียนออกมาได้เรื่อย ๆ และยังเขียนทุกวัน
ปัจจุบันผมเขียนพร้อมกัน 5 - 7 เล่ม
วันนี้อาจจะเขียนแคนโต้ อีกวันเปลี่ยนไปเขียนบทกวีธรรมะ
เขียนบทกวีเซนเสร็จ อีกครู่อาจเปลี่ยนไปเขียนบทกวีความรัก
วิธีนี้ทำให้ไม่เบื่อ และสนุกกับการเขียนมากกว่าการเขียนทีละเล่ม
อยากลองดูบ้างไหมครับ
มาเขียนหนังสือด้วยปากกาและสมุดกันเถอะ
มันสนุกจริง ๆ นะครับ
เหมือนได้กลับไปสำรวจความคิด ความรู้สึกของตัวเอง
ผ่านตัวอักษรเหล่านี้
สุข เศร้า เหงา รัก ที่เขียนบันทึกไว้
วันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ในชีวิตของเรา
เป็นบันทึกที่บอกได้ว่าเราเคยอยู่บนโลกนี้
ด้วยความคิดและชีวิตแบบใด




Create Date :28 มกราคม 2565 Last Update :28 มกราคม 2565 6:05:51 น. Counter : 1098 Pageviews. Comments :22