★++++++★ การคุกคามสื่อ คือการคุกคามประชาชน ★++++++★
บทบรรณาธิการร่วม
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
คุกคามสื่อ คือ คุกคามประชาชน
หลักการสำคัญของวิชาชีพสื่อมวลชน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือ จักต้องดำรงไว้ซึ่งเสรีภาพในการพูด การเขียน การพิมพ์และการโฆษณา เพราะหากปราศจากเสรีภาพเหล่านี้แล้ว การทำหน้าที่ในการทำความจริงให้ปรากฏย่อมไม่อาจจะเกิดขึ้นจริงได้เลยแม้แต่น้อย
กว่าหนึ่งศตวรรษที่วิชาชีพสื่อมวลชนได้ลงหลักปักฐานในแผ่นดินไทยครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2378 โดยหมอบรัดเลย์ผู้ริเริ่มทำหนังสือพิมพ์ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ แต่ในที่สุดต้องประสบภาวะล้มละลายเพราะถูกฟ้องเนื่องจากเปิดโปงกรณีกงสุลฝรั่งเศสหลีกเลี่ยงภาษีอากร
ต่อมาในยุคเผด็จการทหารครองเมือง สื่อมวลชนที่นำเสนอความจริงและวิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ หรือเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน กลับถูกลอบสังหาร จับกุมคุมขัง ถูกนำตัวไปปล่อยเกาะ แท่นพิมพ์ถูกทุบทำลาย สำนักงานถูกขว้างระเบิด ฯลฯ
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สื่อมวลชนในประเทศนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวโดยไม่ย่อท้อ เพราะต่างตระหนักกันดีว่าภาระหน้าที่ที่ดำเนินอยู่ เป็นภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความไว้วางใจจากประชาชนผู้บริโภคสื่อทั้งมวล
ดังนั้น หนทางเดียวที่สื่อมวลชนจะสามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างเต็มกำลัง จักต้องธำรงไว้ซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพ หากปราศจากเสียซึ่งสิ่งนี้แล้ว ข่าวสารที่ถูกนำเสนอออกมาก็ย่อมไม่ต่างจากกระดาษเปื้อนหมึก หรือมลพิษทางเสียงและสายตาที่พร้อมจะทำลายคุณค่าแห่งความจริงที่ประชาชนจะต้องมีสิทธิได้รับรู้อย่างเท่าเทียมกันจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเศร้าว่า แม้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จะระบุถึงการรับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและนำเสนอข่าวสารของประชาชนและสื่อมวลชน แต่กลับเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการใช้อำนาจรัฐผนวกกับอำนาจทุนข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนทุกรูปแบบและทวีความรุนแรงขึ้นตลอดเวลา แต่ที่ร้ายที่สุดคือการใช้กำลังประทุษร้ายซึ่งหน้าและใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน ใส่ไคล้ ให้ร้าย เพื่อแยกสื่อออกจากประชาชน และแยกประชาชนออกจากสื่อ
วันที่ 5 เมษายน 2548 ที่ผ่านมา บรรณาธิการและนักข่าวของสำนักพิมพ์ทุกฉบับ สถานีข่าววิทยุและโทรทัศน์ทุกสถานี จึงได้มารวมตัวกันเพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่า พวกเราจะต่อต้านการคุกคามสื่อทุกรูปแบบ เพราะเราเชื่อว่าการที่สื่อคุกคามก็เท่ากับประชาชนถูกคุกคามด้วย และหากสื่อปราศจากเสรีภาพในการนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นแล้ว สังคมนั้นก็ย่อมจะตกอยู่ในภาวะแห่งความมืดบอดทางปัญญา
สื่อมวลชนทั้งหลาย จึงพร้อมที่จะรวมพลังกันต่อสู้ เพื่อสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของสาธารณชน บนหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนและความถูกต้อง โดยยินดีน้อมรับการตรวจสอบจากสังคม และกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้องเป็นธรรมทุกด้าน แต่เราจะไม่ยอมรับการตรวจสอบโดยการใช้กลังและด้วยวิธีการนอกกฎหมาย
เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพและร่วมกันแปรเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ สิทธิเสรีภาพในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสื่อวิทยุและโทรทัศน์ของประชาชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและสิทธิเสรีภาพทางวิชาการอื่นๆ ให้เป็นจริงทั้งทางอุดมการณ์และทางปฏิบัติ
เราขอให้คำมั่นว่า เราจะใช้สิทธิเสรีภาพที่มี่อยู่ตามรัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อจริยธรรมทางวิชาชีพ เพื่อทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในการชูประทีปแห่งความจริงไล่ความมืดบอดให้หมดไปจากสังคมนี้.
ไม่แน่ใจว่า บทบรรณาธิการร่วม ที่นำมาให้อ่านนี้จะตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับใดบ้าง มีใครพูดถึงบ้างหรือยัง พอดีเมื่อกลางวันเพิ่งได้อ่านจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2549 ก็เลยนำมาลงให้เพื่อนๆ ชาวบล็อกได้อ่านกัน
และเนื่องจากต้องการให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยเปิดเผย บล็อกนี้จำต้องให้เฉพาะผู้ล็อกอินเท่านั้นจึงจะตอบได้
ขอบคุณการร่วมแสดงความคิดเห็นโดยสันติค่ะ
แต่โนคอมเมนต์ละกัน
ตอนนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว นอกจากหนังสือที่เพิ่งได้มา 55+
เที่ยวสงกรานต์เผื่อด้วยนะคะ