~* ~* ~* ~* ~* ~* โตเกียวทาวเวอร์ แม่กับผมและพ่อในบางครั้งคราว ~* ~* ~* ~* ~* ~*
หนึ่งในหนังสือที่อ่านจากการเข้าร่วมโครงการ RRR (Rainy Read Rally) ค่ะ
โตเกียวทาวเวอร์ แม่กับผมและพ่อในบางครั้งคราว
ผู้เขียน ลิลี่ แฟรงกี้
แปลโดย ทิพย์วรรณ ยามาโมโตะ
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
จำนวนหน้า 306 หน้า
ราคา 210 บาทเสียดายว่ารีวิวหนังสือเล่มนี้ไม่ทันก่อนวันแม่ แต่จะว่าไป..ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว อาจจะทำให้ใครหลายๆ คนจะพยายามทำให้ทุกวันเป็นวันแม่ก็ได้ค่ะ
เรื่องราวของแม่ลูกคู่หนึ่ง (และพ่อในบางคราว) ที่เติบโตมาด้วยกัน และจบด้วยน้ำตา (จะเรียกว่าจบด้วยน้ำตาก็ไม่ถูกนักหรอกค่ะ เพราะที่จริงแล้ว...น้ำตาไหลเป็นระยะๆ ขณะอ่านเลย
ดังนั้น..ขอเตือนว่า..หากใครที่เป็นคน sensitive โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องแม่ไม่ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ในที่สาธารณะค่ะเพราะคุณจะ "เสียกิริยา" ได้ (สำหรับเรา นอกจากหนังเรื่องคุณยายผมดีที่สุดในโลกแล้วก็มีหนังสือเล่มนี้หละค่ะ ที่ทำน้ำตาท่วมได้มากขนาดนี้))
เรื่องนี้เราดูหนังแล้วค่ะ แต่ขอบอกว่า เป็นอีกเรื่องที่แม้จะได้อ่านหนังสือหลังดูหนัง แต่กลับชอบหนังสือมากกว่าหนังมากค่ะ (ทั้งที่ตอนดูหนังก็ชอบแล้วนะคะ)
นอกจากรายละเอียดอันมากมาย ที่หนังไม่ได้กล่าวถึงแล้ว การดัดแปลงบางอย่างไปในหนัง มันเปลี่ยนอารมณ์ไปจากหนังสือเยอะเลย
แล้วในหนังสือก็มีช็อตสะเทือนใจเยอะกว่าในหนังมาก-มากเลยค่ะ
เพราะงั้น..ท่านใดที่ดูหนังแล้ว ก็ยังอยากเชียร์ให้อ่านหนังสือนะคะ"แม่" ในหนังสือเล่มนี้ เราคิดว่า..คงจะเหมือน "แม่" ของใครหลายๆ คนค่ะ
แม่ - คนที่ตัวเองจะดื่มน้ำประปาต้ม แต่สำหรับกระต่ายแล้ว แม่จะให้ดื่มน้ำแร่
แม่ - คนที่ไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเอง แต่ซื้อของใหม่ๆ ให้ลูกก่อนเสมอ
แม่ - คนที่ยินยอมเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ควรเก็บไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่ ให้ลูกคนหนึ่งเรียนให้จบแทน
ฯลฯการแปลมีตอนแปลกๆ อยู่บ้างค่ะ แต่ก็ไม่มากนัก
อย่างการใช้สรรพนามแก ระหว่างแม่กับลูกที่ยังเล็ก ทั้งที่อารมณ์เป็นประมาณเชิงถาม
"แก ชอบพ่อมั้ย" มันควรจะเป็น "ลูก ชอบพ่อมั้ย" มากกว่ามั้ย (แต่กับตอนอื่น อย่างที่คนอื่นสอนลูกให้สู้ที่ล้อเรื่องขาเทียมนี่เข้ากันนะคะ หรือตอนที่คุยกันตอนโตแล้วก็เข้า แต่ตอนถามตอนเด็กๆ นี่ มันอ่านแล้วแปลกๆ น่ะ)
หรืออย่างหน้า 161 บรรยายว่า
ช่วงหลังของการเดินทาง เราย้ายไปพักที่..(คือมันไปแค่ 6 วัน 4 คืน น่าจะใช้แค่ วันหลังๆ ของการเดินทางมากกว่า "ช่วงหลัง" หรือเปล่า?)
อ่านแล้วฉุกใจคิดหลายอย่างค่ะ
เราทำดีกับแม่พอแล้วหรือยัง?
คนบางคนจะรู้สำนึกว่าตัวเองเลวได้เมื่อไหร่กัน?(รู้ ณ ตอนที่ทำ แต่ก็ยังทำต่อไป เพราะไม่เข้มแข็งพอที่จะเลิกจากความเลวหรือเมื่อผ่านมาแล้ว และพบว่าความเลวนั้นได้ทำร้ายคนที่ตัวเองรักมากแค่ไหน ซึ่งนั่น...มันอาจสายเกินไปและไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ได้) จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าตัวเองเลวและกำลังทำร้ายคนที่รักอยู่ได้ "ทันเวลา" พอที่จะแก้ไขไม่ให้มันทำร้ายคนๆ นั้นต่อไป?
ตอนที่แม่ได้พระดีๆ ทำให้เราคิดว่า อาจจะเป็นเพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา แม่ได้เป็นผู้ให้ เป็นคนดีมาตลอดก็ได้ จึงไม่โดนคิดค่าตั้งชื่อแพงๆ ฝากโถอัฐิก็ไม่โดนคิดตังค์
บางครั้ง..
ความดีจะได้รับผลตอบแทน ก็อาจจะเมื่อสุดท้ายของชีวิตก็ได้นะจบรีวิวหนังสือเล่มนี้ด้วยประโยคที่ชอบๆ อีกเช่นกันสรุปแล้ว Highly Recommend ค่ะ อยากให้ได้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ
396356/4234/370