สวัสดีค่ะ
หลังจากห่างหายจากกรุ๊ปบล็อกอันนี้ไปนาน วันนี้ก็มีหนังสือมาแนะนำอีกแล้วนะคะ แต่เป็นหนังสือแนวธรรมะหละค่ะ ซึ่งในขณะที่อ่านสร้างความรู้สึกตื้นตัน (แบบที่คิดว่า...คงเป็นเพราะมีปัจจัยบางอย่าง ซึ่งจะกล่าวในกาลต่อไปนะฮับ) นั่นก็คือหนังสือเล่มนี้ค่ะ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ธรรมะ จำนวนหน้า 293 หน้า ราคาปก 170 บาท ผู้เขียน ปัญญาวโรภิกขุ (อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม)
เนื้อเรื่องโดยย่อ
หนังสือเล่มนี้เป็นการบันทึก "สภาวะ" ของจิตและเรื่องราวต่างๆ ของ พระปัญญาวโรภิกขุ ระหว่างบรรพชาเป็นภิกษุในช่วงเข้าพรรษาปีกลาย ตั้งแต่วันที่ 08 ก.ค. 49 จนถึงวันก่อนออกพรรษาค่ะ (แต่บันทึกท้ายเรื่องในฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๕ (หรือ ๖?) ของเรา แจ้งว่าท่านอยู่ต่อหลังจากออกพรรษาอีกหลายเดือน ก่อนจะลาสิกขามาครองเพศฆราวาสค่ะ ซึ่งเรื่องราวก็มีทั้งเรื่องราวของสภาวะจิตของท่านที่ได้รับจากการปฏิบัติ ทั้งตั้งแต่ก่อนบวช และในช่วงบวช การได้สอนทั้งแม่ชี และฆราวาสต่างๆ ในระหว่างที่บวช การเผชิญกรรมของท่านในช่วงท้ายๆ ของการบวช ก่อนที่จะเดินทางไปยังพุทธคยา ฯลฯ ความรู้สึกที่ได้อ่าน
คือต้องบอกก่อนว่า เรารู้จักอ.ประเสริฐครั้งแรก ตอนที่ไปเข้าคอร์สบวชเนกขัมฯ ณ ยุวพุทธฯ กับคอร์สของพอจ.นวลจันทร์ (ตามคำแนะนำของนัท-คุง) แล้วก็มีคนพูดถึงท่านว่า มาเข้าคอร์สเพราะอ่านหนังสือของท่านแล้วอยากรู้ว่า ขนาดศิษย์ยังขนาดนั้น แล้วอาจารย์จะขนาดไหน (อาจารย์ของอ.ประเสริฐ คือ พอจ.นวลจันทร์ กิตติปัญโญค่ะ) เราก็เลยคิดว่าเดี๋ยวจะลองไปหาดูว่าอ.ประเสริฐคือใคร จนกระทั่งได้ดูซีดีของอ.ประเสริฐเรื่องหนึ่ง (จำไม่ได้แล้วว่าได้มาจากคอร์สหรือจากไหน ช่วงปฏิบัติเยอะๆ นี่ได้สื่อมาเยอะมากๆ) ปรากฏว่าน้ำตาไหลพรากๆ สร้างศรัทธาและความปิติให้มีแก่พระพุทธศาสนาได้อย่างมาก โพสต์พรรณนาลงเฟซบุ๊ค (เอ่อ..ค่ะ แหะๆ) จนเพื่อนมีมาขอซีดีแผ่นนี้ไปดูกันเลยทีเดียว จากนั้นก็ได้ไปหาหนังสือของท่านมา แต่ก็ยังไม่ได้อ่าน เก็บไว้ (น่าจะเป็นปี) จนกระทั่งล่าสุด ตั้งใจมั่นว่าจะกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้ง ก็เลยหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านค่ะ คงต้องบอกก่อนว่า เป็นหนังสืออีกเล่มที่สร้างศรัทธาปสาทะได้เป็นอย่างดีนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้นได้กับคนที่ศึกษาพระพุทธศาสนามาบ้างแล้ว หรือปฏิบัติธรรมพอจะเข้าใจบางเรื่องบางคำมาแล้วเท่านั้นหรือเปล่า (แต่ได้ส่งให้คุณแม่อ่านแล้ว ไม่รู้ว่าท่านจะได้อ่านเมื่อไหร่ค่ะ แหะๆ) คือ...ถ้าใครไม่เคยศึกษาทางนี้เลย แนะนำให้ลองปูพื้นด้วย ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ ของดร.สนอง วรอุไรก่อนค่ะ ที่เขียนในย่อหน้าที่แล้วนั่นก็เพราะว่า จะมีสภาวะบางสภาวะที่หากคนเคยผ่านหู ผ่านตา (ไม่ว่าจะการฟัง การอ่าน) มา ก็น่าจะทำให้เก็ตสภาวะที่กายแยกจากจิต คำว่าสภาวะปรมัตถ์ ฯลฯ ต่างๆ ได้มากกว่าน่ะค่ะ แต่คิดว่าถ้าคนไม่มีพื้นมาเลย อ่านอาจจะเข้าใจบ้าง แต่ไม่ที่สุดน่ะนะคะ อย่างไรก็ตาม ถ้าคนอ่าน อ่านแบบเปิดใจกว้างๆ ก็คิดว่า น่าจะกระตุ้นให้รู้สึกว่า เฮ้ย มันจริงเหรอ แล้วอาจจะอยากลองปฏิบัติ ลองพิสูจน์ (ไม่ใช่ไม่เชื่อแล้วก็เลยไม่เอาเลย ตามประสาผู้มีมิจฉาทิฐิ หากคุณไม่คิดว่ามี มาพิสูจน์ด้วย (การปฏิบัติด้วย) ตัวคุณเองค่ะ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้ "เชื่อ" อยู่แล้ว แต่ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองนะคะ) นอกจากนั้นบทเกือบท้าย ตอนที่ท่านได้ประสบกับวิบากกรรมตอนที่ทำพาสปอร์ตนั้น เห็นชัดมากว่า การปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรนั้นจะมีผลอย่างไรบ้างค่ะ ขอยกคำพูดของท่านมาแล้วกันนะคะ (ไม่โคว้ทค่ะ เอามาจากบล็อกนัท-คุง เพราะหนังสือไม่ได้อยู่กับตัวนะคะ แหะๆ)
"...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน ผลเช่นนี้จึงตามมา..." แต่ขณะเดียวกันก็มีบางอันที่เรารู้สึก "เอ๊ะ" นิดหน่อยดังนี้ค่ะ (แต่ก็เข้าใจได้ว่า ณ เวลานั้นท่านเองอาจจะยังไม่ทราบอย่างชัดเจนถึงคำว่าพระสงฆ์หรือเปล่า เพราะเราอ่านถึงตรงนี้แล้ว เรารู้สึกว่าท่านเองรู้สึกว่าท่านเป็นพระสงฆ์ แต่ที่จริง..น่าจะยังเป็นเพียงภิกษุอยู่หรือเปล่าคะ? หรือท่านเข้าใจถูกแล้ว แต่เห็นท่านใช้คำว่า พระ ซึ่งอาจจะทำให้คนอ่านเข้าใจว่าเป็นพระสงฆ์ได้น่ะค่ะ ก็เลยเอ๊ะนิดหน่อย) คือ ถ้าเอาตามบทสวดมนต์จริงๆ แล้ว ผู้ที่เรียกว่า พระสงฆ์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์เท่านั้นค่ะ (บุรุษ 4 คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้แปดบุรุษ คือ โสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล สกิทาคามีมรรค ฯลฯ) นอกนั้นหากยังไม่ได้เข้าสู่กระแสนิพพาน (คือ โสดาบันขึ้นไป) หากครองผ้าเหลืองก็เป็นเพียงภิกษุหรือสมมติสงฆ์เท่านั้น หรืออย่างเรื่องที่ท่านพูดถึงการพ้นจากทุคติภูมิ (เปรต เดรัจฉาน อสุรกาย) มาสู่สุคติภูมิ ท่านพูดว่า"...การที่ต้องไปเกิดในอบายภูมิหรือนรกนั้น อย่าหวังว่าจะขึ้นมาได้ง่ายๆนะ พระพุทธองค์เคยตรัสไว้อย่างน่าสะพรึงกลัวว่า โอกาสของผู้ที่ตกไปอยู่ในอบายภูมิ แล้วได้กลับมาเกิดในสุคติภูมิอีกนั้น มีโอกาสเพียงน้อยนิดเท่านั้น "อุปมาดังเต่าตัวหนึ่งว่ายน้ำในมหาสมุทร ในทุกๆ 100 ปี เต่าตัวนี้จึงจะโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือน้ำสักครั้งหนึ่ง เมื่อโผล่ขึ้นแล้วมีโอกาสได้พบสวิงจากเรือประมงซึ่งมีอยู่ลำเดียว ช้อนขึ้นไปให้พ้นจากมหาสมุทร "นั่นแหละคือโอกาสที่จะพ้นจากอบายกลับสู่สุคติภูมิ อย่าทำเป็นเล่นนะ แต่เรื่องเต่ราตาบอดนี่ เราเคยได้ข้อมูลว่าเป็นโอกาสของการได้เกิดเป็นมนุษย์อะค่ะ แต่ถ้าท่านบอกว่าเป็นสุคติภูมิ มันจะรวมถึงเทวดาและพรหมด้วย อย่างไรก็ตามก็เป็นเพียงจุดเล็กๆ ล่ะค่ะ นอกนั้นข้อใหญ่ใจความของหนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นประโยชน์ต่อคนที่ปฏิบัติธรรมหรือสนใจทางด้านพุทธศาสนาอยู่มากเลยทีเดียว (กระทั่งผู้เขียนเอง ก็ไม่ได้คิดจะตีพิมพ์นะคะ ตอนแรกตั้งใจจะทำเป็นเพียงบันทึก แต่คุณเมตตา อุทกะพันธ์ เจ้าของอมรินทร์พรินติ้ง (ซึ่งเป็นอุบาสิกาผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้เรากับการมานำปฏิบัติเพียงแค่ 10 นาทีในคอร์สพอจ.นวลจันทร์ค่ะ) ได้อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ (คุณเมตตาได้อ่าน เพราะพอจ.นวลจันทร์ท่านส่งไปให้อ่านค่ะ) ทั้งนี้เพราะในท้องตลาดเอง จะหาหนังสือที่อธิบายสภาวะด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่ายแบบนี้นี่..หายากนะคะ อีกอย่างหนึ่งที่คิดว่า คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จะได้ประโยชน์ก็คือ ครอบครัวที่มีลูกอยู่ค่ะ เพราะอ.ประเสริฐเองท่านก็มีลูกสาวสองคนคือ หมิว กับ มัดหมี่ ซึ่งลูกทั้งสองคนของท่านเองก็มีคุณลักษณะบางประการที่เรียกตามประสาคนทางธรรมว่า "เค้าทำของเค้ามา" คือ มีพื้นฐานการคิดบางอย่างแบบพุทธได้ค่อนข้างมาก และเข้าใจรวมทั้งสังเกตถึงสภาวะความเป็นไปของจิตได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวหละค่ะ ซึ่งในบันทึกท้ายเล่มเอง อ.ประเสริฐก็ได้บอกวิธีสอนลูกไว้ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่เราเห็นด้วยสุดๆ เลยล่ะค่ะ ถ้าใครสอนลูกได้แบบนี้ เค้าจะรู้จักวิธีรับมือกับความทุกข์ได้ค่อนข้างดีนะคะ เราว่า สรุปสำหรับหนังสือเล่มนี้ เราเชียร์นะคะ ถ้าใครปฏิบัติธรรมอยู่หรือสนใจอยากรู้สภาวะของคนปฏิบัติธรรม ลองอ่านดูค่ะ เราว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งที่เป็นข้อมูลที่ดีเลยหละค่ะ ปฏิทินธรรม วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2557 1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2557 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2557 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=tsวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ 1. เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ และฟังการแสดงธรรม โดย พระครูเกษมธรรมทัต (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี) วัดมเหยงคณ์ จ. พระนครศรีอยุธยา เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ บ้านอารีย์ เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.netวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 1. งานทอดผ้าป่าพระกรรมฐาน ณ แฟชั่นไอส์แลนด์วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2557 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน) 1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ) ที่จอดรถค่อนข้างหายาก ไม่ควรนำรถส่วนตัวไปค่ะวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม ๒๕๕๗ 1. เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ และฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาหนองดินแสง เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ บ้านอารีย์ เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.netวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2557 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน) 1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย พระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม) วัดหนองป่าพง จ. อุบลราชธานี พระครูสุธรรมประโชติ (หลวงพ่อคำผอง ฐิตปุญโญ) วัดป่าพิทักษ์ธรรม จ. นครราชสีมา พระครูภาวนาอุดมคุณ (หลวงพ่อโสภา อุตฺตโม) วัดเขาวันชัยนวรัตน์ จ. นครราชสีมา เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ บ้านอารีย์ เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ 1,469,696+1722952=3158993/10689/875
บันทึกการโหวต Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog
ปล.ขอบคุณที่แวะไปอ่านนิทานกับซีนะคะ