❤++++++❤ กรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เด ❤++++++❤

หนึ่งในหนังสือที่เข้ารอบสุดท้ายซีไรต์


หนังสือที่ทำให้คณะกรรมการหลายท่านต้องขอถอนสิทธิ์จากการเป็นคณะกรรมการ หากจะตัดหนังสือเล่มนี้ออกจากการพิจารณาให้ได้รับรางวัลชนะเลิศของรางวัลพานแว่นฟ้า



อ่านรวดเดียวจบด้วยความว่องไวยิ่ง






กรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เด
ศิริวร แก้วกาญจน์
สำนักพิมพ์ผจญภัย
ราคาปก 135 บาท


หากใครเคยดูภาพยนตร์หรือละครเรื่องราโชมอน การดำเนินเรื่องในหนังสือเล่มนี้คงไม่ได้แปลกใหม่นัก เพราะเป็นการดำเนินเรื่องโดยให้คนแต่ละคนที่มีความเกี่ยวพันกับกรณีฆาตกรรมครั้งนี้ได้แสดงความคิดเห็นและข้อมูลในแง่มุมของตนเอง


ขอสารภาพว่า ก่อนจะได้อ่านเรื่องนี้ ประกอบกับข่าวคราวกรณีรางวัลพานแว่นฟ้า ก็คิดว่า คงเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้ได้เสนอแง่มุมที่รัฐบาลไม่สามารถรับได้ ประมาณว่าค่อนข้างเอียงไปทางชาวมุสลิมแน่ๆ




แต่ปรากฏว่าเมื่อได้อ่านแล้วกลับไม่ใช่ค่ะ




หนังสือเล่มนี้กลับให้น้ำหนักของทั้งสองฝ่ายเท่ากัน (ซึ่งดิชั้นก็เลยยิ่งไม่เข้าใจว่า แล้วรัฐบาลจะร้องแรกแหกกระเชอไปทำไมไม่ทราบ? หรือยังคงรับไม่ได้ว่า แผนการปฏิบัติการตัวเองนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขอยู่ ยังรับได้แต่ว่าทุกสิ่งที่ตัวเองทำหรือวางโครงการไปต้องเป็นสิ่งดีเท่านั้นอยู่หรือเปล่า?) เพราะการมองของตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนั้น เป็นการมองจากตัวเอง บอกด้วยความรู้สึกและสภาพแวดล้อม เหตุการณ์ที่ตัวเองพบเจอและอาศัยอยู่ ดังนั้นความน่าเชื่อถือที่เกิดขึ้นนั้น ก็ทำให้คนอ่านพอจะรู้ได้ว่า มันต้องเผื่อใจสำหรับความลำเอียงของแต่ละคนด้วย

(หมายเหตุ – แต่กรณีพานแว่นฟ้านั้นเป็นเรื่องสั้นที่ผู้เขียนบอกว่า “ดึงออกไปตอนหนึ่ง” เพื่อส่งเข้าประกวดตามคำชวนของเพื่อนๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นตอนไหน แล้วมีการดัดแปลงเนื้อหาบ้างหรือไม่ ซึ่งหากดึงไปตอนหนึ่งจริงๆ น้ำหนักอาจไม่พอและไม่หนักแน่นเท่าตอนเป็นนวนิยายนี้ก็ได้ค่ะ)



ดังนั้นฝ่ายมุสลิมจึงเป็นผู้ที่มองอย่างผู้ถูกกระทำและหวาดระแวงภาครัฐ ขณะที่ภาครัฐเองก็มองชาวบ้าน ชาวมุสลิมอย่างหวาดกลัวไม่ต่างกัน


หนังสือเล่มนี้จึงอวลไปด้วยบรรยากาศของความหวาดระแวงของทั้งสองฝ่าย และข้อมูลที่ต่างฝ่ายต่าง “คิด” และ “เชื่อ” ว่าเป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนี้ จนเรา-คนอ่านเองยังรู้สึกหวาดระแวงและไม่แน่ใจในข้อมูลที่ตัวละครบอกเลยทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ซึ่งถือว่าเป็น “ชั้นเชิง” ที่ใช้ได้ค่ะ (กระทั่งเราเองก็ยังแบ่งตัวละครเรื่องนี้ออกเป็นสองฝ่ายแฮะ หึๆ )





นอกจากกลวิธีการดำเนินเรื่อง การให้น้ำหนักของข้อมูลและบรรยากาศของความหวาดระแวงที่อวลอยู่ในหนังสือแล้ว มีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้ตัวอักษรแบบคล้ายพิมพ์ดีด ที่ทำให้นึกถึงการพิมพ์คำให้การ การให้ชื่อกับตัวละครและข้อมูลที่ตัวละครนั้นๆ ได้ให้กับคนอ่าน หากชื่อตัวละครและชีวิตอยู่ฝ่ายมุสลิมก็จะเป็นแนวโน้มเอียงไปทางตนเอง หากชื่อเป็นไทยๆ อาชีพเป็นข้าราชการหรืออยู่ฝ่ายภาครัฐก็เป็นข้อมูลและความเชื่อของทางฝ่ายภาครัฐ (ที่เราก็มักพบเห็นข้อมูลเหล่านี้ในสื่อต่างๆ ของไทยอยู่แล้ว) แต่ถ้าเป็นตัวละครที่มีชื่อกลางๆ ของทั้งสองฝ่าย ข้อมูลที่ให้ก็จะเป็นอะไรที่เป็นกลางๆ




ตัวอย่าง


สมชาย มะสุหลง

ยูโทเปียแบบอเมริกาต้องการสลายความแตกต่างระหว่างอารยธรรม โดยอธิบายอารยธรรมผ่านวาทกรรมของตน ส่วนอารยธรรมอิสลามนั้นต้องการคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์อันบริสุทธิ์ผุดผ่อง โดยไม่อยากประนีประนอมกับอารยธรรมอื่นๆ ที่ตนเองเข้าไปปฏิสัมพันธ์ หรือมองอารยธรรมอื่นเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่จะต้องจัดการทำลายล้าง ซึ่งนั่นนอกจากจะขัดแย้งกับคำสอนในคัมภีร์อัลกุรอานแล้ว ยังไม่ต่างอันใดจากวาทกรรมแบบอเมริกา

ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่โลกยูโทเปียสองใบ ซึ่งวางอยู่บนมโนทัศน์คนละแบบเคลื่อนเข้าหากัน ดาวเคราะห์ของเราก็จะกลายเป็นลูกไฟขนาดยักษ์ไปในพริบตา




ท้ายที่สุดแล้วเมื่อตบท้ายด้วยตัวละครตัวหนึ่งที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้งในหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็ทำให้รู้ว่า ชาวมุสลิมเองก็เป็นทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ ซึ่งไม่ต่างจากภาครัฐหรอก



และเรื่องราวทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ ก็คงไม่ต่างจากที่ตัวละครคนหนึ่งคิด (แหม..เป็นตัวละครที่เป็นสื่อเสียด้วยนะ) นั่นก็คือ



อภิชาติ จมูกครุฑ

ข้าพยายามเตือนตัวเองว่า ข้ามาที่นี่เพื่อเก็บข้อมูลไม่ใช่มาหาข้อเท็จจริง เพราะท่ามกลางสถานการณ์และพื้นที่แบบนี้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงคืออะไร




โดยสรุปแล้วเป็นนิยายที่น่าสนใจค่ะ แม้ว่าจะมีบางอย่างที่ยังขาดๆ หายๆ ไปบ้าง (อย่างเช่นหญิงสาวผู้คลุมหน้าที่ยืนใต้ต้นไม้ – ซึ่งผู้เขียนคงจงใจปล่อยให้เป็นปริศนาแหละค่ะ) แต่ก็ถือว่าอ่านได้แบบเข้มข้นในระดับหนึ่งทีเดียว



นึกแล้วก็อยากได้อ่านทุกเล่มที่เข้ารอบซีไรท์ปีนี้จริงๆ แต่ก็นะ...จะเอาเงินและเวลาที่ไหนไปอ่านหละนั่น เพราะแค่หนังสือที่ซื้อมาก็ท่วมหัวจะตายแล้วค่ะ





เอ..แล้วถ้าจะเอาเล่มนี้เข้าโครงการ LIF จะมีใครสนใจยืมมั้ยน้อ (โยนหินถามทางสุดฤทธิ์ )




ประกาศ


เอาหนังสือเล่มนี้เข้าโครงการ LIF แล้วค่ะ





ขอบคุณทุกท่านสำหรับการแวะมาอ่านนะคะ




สำหรับท่านใดที่แวะมาบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก
(หรือเคยมาแล้วแต่มีหนังสือกับหนังที่อยากแนะนำเพิ่มเติม)

เรียนเชิญ ที่นี่ค่ะ

Create Date : 19 กันยายน 2549 Last Update : 20 กันยายน 2549 17:28:03 น. Counter : 2267 Pageviews.		104 comments
Share Tweet

	อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี (3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)		สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา (2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
	ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh (2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)		ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse (2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)