~* ~* ~* ภาพที่ไร้เสียง (Fall On Your Knees) - หรือความเป็น "มนุษย์" ต้องถูกทดสอบเสมอ? ~* ~* ~*
หนึ่งในหนังสือที่อ่านและรีวิวในโครงการ RRR (Rainy Read Rally) ค่ะ แต่ว่าเราไม่ได้เอามารีวิวลงบล็อกทุกเล่มนะคะ เลือกมาเฉพาะที่อยากมาบอกเล่าให้ฟัง ซึ่งก่อนนี้รีวิวไปสองเรื่องแล้วกับ เดอะ สตอรี่ เทลเลอร์ และ ๑๐๐ ปีจุลจักรพงษ์ ๑๙๐๘-๒๐๐๘ ค่ะ
วันนี้จะมารีวิวหนังสืออีกเล่มที่อ่านแล้วค่อนข้าง "โดน" นะคะ
ภาพที่ไร้เสียง (Fall On Your Knees)
เขียนโดย แอน-มารี แมคโดนัลด์
แปลโดย ปัทมา อินทรรักษา
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
จำนวนหน้า 644 หน้า
ราคา 423 บาท
ไม่ได้อ่านอะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างนี้มานานแล้วค่ะ
กล่าวคือ เข้มข้น ชวนติดตาม โดนล่อหลอก และรู้ว่าโลกโหดร้ายหนังสือเล่มนี้พูดถึง "ชะตากรรม" ของครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ที่มีกันอยู่ 4 พี่น้อง (หญิงล้วน) ซึ่ง..ใช้กลวิธีการเขียนที่ชวนอ่านมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการทิ้ง clue เป็นระยะๆ การเปิดให้ผู้อ่าน อ่านและรู้แต่บางส่วนเสี้ยว ก่อนจะเฉลยความเป็นจริงทีละเล็กละน้อย ทีละเรื่อง
แต่การเฉลยนั้น บางเรื่องผู้อ่านอาจคาดการณ์ได้ แต่บางเรื่องนี่..เราว่าเกินคาดน่ะ (ด้วยกลวิธีการเขียนที่กึ่งๆ คลุมเครือ และหลอกล่อให้ผู้อ่านเหมือนว่าจะรู้ แต่ไม่รู้อย่างแท้จริง)
หักมุมชนิดที่เรื่องสุดท้ายเล่นเอาเราอึ้งรับประทานไปเลยค่ะไม่แน่ใจว่า โดยต้นฉบับแล้วแบ่งเป็นเล่มย่อยๆ หรือเปล่า เพราะในฉบับแปลนี้ มีคั่นด้วยเล่มที่ ๑ ในสวนพฤกษ์ เล่มที่ ๒ ... ไปเรื่อยๆ ต้นฉบับแบ่งเป็นเล่มย่อยๆ หรือเปล่าคะ? (แต่แบบนี้ก็อ่านต่อเนื่องดี)
นอกจากความรู้สึกติดหนึบในการอ่าน ความกระหายใคร่รู้ว่าเรื่องราวจะ "เป็นไป" อย่างไร และเรื่องราว "เป็นมา" อย่างไรแล้ว
หนังสือเล่มนี้สร้างความ "อยาก" หลายประการให้ข้าพเจ้าได้เกิดกิเลสไม่ว่าจะเป็นอยากรู้จักและได้ฟังภาษาเกลิค จากการบรรยายว่า
เจมส์ใช้เกลิคเป็นภาษาแม่ เนื่องจากภาษาอังกฤษสำหรับเขานั้น มันฟังดูราบเรียบแข็งกระด้าง เหมือนวันอันจัดจ้าหลังกลับมาจากการออกหาปลายามค่ำคืน หรือความแตกต่างระหว่างอีแฟลตกับซีชาร์ปจากการบรรยายว่า
ถ้าตอนนั้น (แม่ทีเรีย) กดอีแฟลต ไม่ใช่ซีชาร์ป เรื่องราวก็คงไม่ดำเนินไปไกล คือ..สงสัยว่า นอกจากตำแหน่งแป้นจะต่างกันแล้ว (ซึ่งคงส่งผลต่อการดีดอันทำให้เจมส์เจ็บ) มันมีความหมายในเชิงอะไรอีกมั้ย? หรือแค่เป็นมุข?แล้วก็เรื่องที่เมื่อปี 1917 พระแม่มารีย์ปรากฏองค์ต่อหน้าเด็ก 3 คนที่เมืองฟาติมา โปรตุเกสและได้บอกความลับ 3 ประการ แต่ประการที่ 3 ยังคงเป็นความลับของวาติกันจนทุกวันนี้อ๊ากซ์ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์ อ่านแล้วกระหายใคร่รู้อย่างแรง (คุ้นๆ ว่าอ่านเรื่องนี้มาแล้วจากนิยายเรื่องไหนสักเรื่อง ของแดน บราวน์ ในแองเจิ้ลฯ หรือเปล่า?)
อ่านแล้วอยากรู้เรื่อง Oprah's Book Club ค่ะ ซึ่งเพื่อนบล็อก คือ คุณพัทได้ให้ลิงค์ไว้ที่นี่นะคะ
//www.oprah.com/entity/oprahsbookclubผู้แปล มีกลิ่นนมเนยบ้าง แค่นิดๆ หน่อยๆ ค่ะ ไม่มาก โดยมากไหลรื่นดีค่ะ ตัวกลอนแปลได้ไพเราะจริงๆ อ่านแล้วค่อนข้างเนียนและไพเราะ กลมกลืนมากๆ เลยค่ะ
นอกจากนั้นก็มีบางเรื่องที่น่าสนใจค่ะ อย่างเช่น
เชิงอรรถในหน้า 136 มีบอกเรื่องบริเวณระหว่างสนามเพลาะของ 2 ฝ่าย (อังกฤษ+แคนาดา กับ เยอรมัน)ว่าเรียกว่า No Man's Land ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างที่อยู่ระหว่างคู่ศึกสองฝ่ายนั้นถือเป็นพื้นที่อันตรายเพราะทหารที่บุกเข้าไปจะถูกระดมยิงโดยไม่มีทางรอด และเนื้อหาต่อจากนั้นบอกว่า เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีฝ่ายไหนชิงมาได้ ก่อนจะอธิบายต่อว่า ช่วงที่อยู่ตรงนั้นจะถูก "ละ" จากความเป็นมนุษย์ชั่วคราว เพราะท่ามกลางการฆ่าฟัน คนล้มตาย ไม่มีใครที่จะคงความเป็นมนุษย์ไว้ได้
อ่านแล้วจี๊ดเลยค่ะ รู้สึกว่าแค่วลี กลุ่มคำกลุ่มเดียว มันมีความหมายได้หลายประการจริงๆ
ต้องบอกก่อนว่า ตัวบทเริ่มต้นกับประมาณ 5-10 หน้าแรก อาจจะรู้สึกแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่แม้กระทั่งตั้งแต่หน้าแรก ที่บรรยายภาพแต่ละภาพ ก็ทิ้ง clue ที่จะมีรายละเอียดต่อเนื่องมาในเรื่องค่ะ
แต่ขอให้อ่านต่อค่ะ ถ้าใครชอบอ่านแนวนิยายเข้มข้น ชะตากรรมอันโหดร้าย มีกลวิธีการเขียนที่เจ๋งดี
เชียร์ให้อ่านค่ะ
แต่ขอเตือนว่า นิยายเล่มนี้ ไม่เหมาะกับคนที่อายุต่ำกว่า 18 และคนที่คิดว่าโลกนี้ไม่โหดร้ายนะคะ
ถ้าจะให้เปรียบนิยายเล่มนี้ให้เห็นภาพชัดขึ้น
ก็เหมือนนางระบำเปลือยชั้นสูงที่มีลีลาและชั้นเชิง ที่ทำให้เรากระหายใคร่รู้ด้วยความทรมาน
สำหรับการหักมุมรองสุดท้ายและสุดท้ายเล่นเอาเราอึ้ง (อย่างที่บอกไป)
อดคิดไม่ด้ว่า ถ้าเราเป็นแคทลีน เราจะให้อภัยคนๆ นั้นได้หรือไม่?
ถ้าเราเป็นฟรานเชส เราจะให้อภัยเมอร์เซดิสได้หรือ?
สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้มันโหดร้าย และอาจจะเรียกได้ว่าเลวทราม
มันทำให้ประโยคหนึ่งที่เราเคยคิดถามตัวเองผุดขึ้นมาอีกครั้ง
มนุษย์มีชะตากรรมที่ต้องถูกทดสอบว่าจะเอาชนะสัญชาตญาณแห่งความดิบเถื่อนได้ดีแค่ไหน
และจะคงความเป็น "มนุษย์" ที่แท้ได้มากเพียงใด
เสมอเลยใช่มั้ย? ติดข้อสงสัยนิดหนึ่ง เราไม่แน่ใจว่าเราอ่านพลาดไปหรือเปล่า แต่เราไม่ได้คำตอบว่า ใครเป็น "ผู้หวังดี" ที่เขียนจดหมายไปบอกเจมส์คะ?
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ
380576/4162/361