"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. รำลึกถึงเพื่อนตาย (๕)




เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

รำลึกถึงเพื่อนตาย (๕)


"เพทาย"




เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งของผม ก็คือเพื่อนรุ่นนักเรียนนายสิบ ซึ่งสำเร็จการศึกษาออกมารับราชการเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๘ มีอยู่ด้วยกันเกือบ ๓๐๐ คน แยกย้ายไปรับราชการ ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่เมื่อเริ่มรวบรวมเป็นกลุ่มเพื่อพบปะสังสรรค์ หลังจากที่จากกันไป ๒๐ ปีแล้ว ก็ได้รายชื่อมา ๒๐๐ คนเศษ และเมื่อรับราชการต่อมาอีก ๒๔ ปี ปรากฏว่าไม่ยอมหายใจไป ๕๗ คน ที่เหลือก็เกษียณอายุราชการทั้งหมด

ความจริงผมจำหน้าจำชื่อเพื่อนไม่ได้ทั้งหมดหรอก เมื่อเวลาจัดงานเลี้ยงรุ่นซึ่งมีผู้มาร่วมงาน ผลัดเปลี่ยนกันเพียง ๔๐ - ๖๐ คน ก็ต้องให้เขียนชื่อใส่กระดาษแข็ง กลัดติดหน้าอกไว้ จึงพอจะทักทายกันได้บ้าง

ส่วนคนที่จำชื่อจำหน้าได้ และรู้ประวัติกันดีพอควร นั้นมีไม่กี่คน และจากกันไปแล้วก็หลายคน อย่างเช่น คนแรกเป็นนักวิ่งชนะเลิศกองทัพบก ไปเข้าแข่งขันกีฬาซีเกมส์ สมัยที่ยังเรียกว่า เซียพเกมส์ กีฬาเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิคเกมส์ที่กรุงโรมเมื่อนานมาแล้ว ต่อมาลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพส่วนตัว อยู่กับภัตตาคารและสถานอาบอบนวด สมัยที่เข้ามาเฟื่องฟูในเมืองไทยยุคแรก ๆ ต่อมาสมัครเป็นทหารพราน ไปรบนอกประเทศ กลับมาเลยเป็นนักเขียนเล่าเรื่องสงครามมีชื่อเสียงโด่งดัง นามปากกา สยุมภู ทศพล ผมเจอเขาครั้งสุดท้ายในงานวันนักเขียน ที่สมาคมแถวบ้านผมเอง จำเขาแทบไม่ได้ เพราะผมบนหัวหายไปกว่าครึ่ง สุดท้ายก็ได้ไปในงานฌาปนกิจศพเขา ที่วัดแถวห้วยขวาง เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓ ซึ่งมีแขกไปร่วมงานน้อย ไม่สมกับที่เป็นคนเคยมีชื่อเสียงโด่งดัง มาก่อนเลย

คนต่อมาเป็นเจ้าหน้าที่เสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตั้งแต่ยังเป็น ช่อง ๗ ขาวดำ จนพัฒนามาเป็นช่อง ๕ (สี ) เป็นคนรูปหล่อและเจ้าชู้ แต่ภรรยาดุมากเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าเขาชอบเถียงภรรยาหรือเปล่า เพราะสุดท้ายเขาพูดไม่มีเสียง ต้องเขียนหนังสือคุยกับเพื่อน และถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งในกล่องเสียง เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗

คนต่อมารับราชการด้านหาข่าว ประจำอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดและตั้งรกรากอยู่ตลอดชีวิต เขาสนิทสนมกับผมมาก ได้เคยไปพักอาศัยกินนอน เที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ที่บ้านเขาเพียงครั้งเดียว แต่ซาบซึ้งในอัธยาศัยอันโอบอ้อมอารีของเขาเป็นอย่างยิ่ง น่าเสียใจที่เขาเสียชีวิตด้วยโรคอะไรก็ไม่ทราบ และผมติดราชการไม่ได้ไปร่วมงานศพของเขา เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๘

คนถัดไปรับราชการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อม ๆ กับคนก่อน แต่มีหน้าที่เขียนแผ่นสไลด์ ฉายคั่นเวลาที่จะเปลี่ยนรายการ เป็นภาพอะไรก็ได้ เขาเขียนสวยมากโดยไม่ได้ร่ำเรียนมาจากสถาบันไหนเลย เขาชอบเขียนใบหน้าผม เอาไปทำเป็นการ์ตูนตลกบ่อย ๆ เขาเป็นคนรักการเล่นกีฬา รักสวยรักงาม และชอบเติมชีวิตให้สดชื่นด้วยการหาสาวน้อย วัยเพิ่งจะพ้นการศึกษา มาเป็นเพื่อนใจอยู่เสมอ เมื่อก่อนจะเกษียณอายุราชการ เขาเขียนหน้าผมให้เป็นตัวละครในวรรณคดีเรื่องสามก๊ก สำหรับใช้กับนามปากกา “เล่าเซี่ยงชุน” ของผมไว้เป็นที่ระลึก แต่เขาก็ไม่ได้อยู่เห็นรูปนั้น ปรากฏในหนังสือที่ผมได้รับการพิมพ์เป็นเล่ม เพราะหยุดหายใจไปเสียก่อน ด้วยโรคมะเร็งร้าย เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐

อีกคนหนึ่งเขาลาออกก่อน พ.ศ.๒๕๓๕ ไปตั้งบริษัทจำหน่ายเครื่องจักรกลเกี่ยวกับการเกษตร จากจีนแดง นัยว่ามีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน เขาชักชวนให้ผมไปเป็นหัวหน้าแผนกบุคคล แต่ผมไม่ถนัดในการปกครองพลเรือน จึงไม่รับคำชวนของเขา แต่ก็ได้ร่างภารกิจการจัดบุคลากรให้เขา ก่อนการก่อตั้งบริษัท ต่อมาหลังจากเดือนพฤษภาคมผ่านไป บริษัทของเขาคงจะพบอุปสรรคบางประการ เรื่องนี้ก็หายเงียบไป เขาจึงประกอบธุรกิจอย่างอื่น จนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ วันเดือนเดียวกับคนที่แล้ว อย่างน่าอัศจรรย์

อีกคนหนึ่งเป็นผู้ที่สนิทสนมกับผมมาก เพราะเมื่อผมเป็นประธานรุ่นอยู่ ๑๔ ปี ก็ได้เขาเป็นรอง และช่วยให้คำปรึกษาหารือในเรื่องต่าง ๆ เป็นประจำ เขามีสมองที่ว่องไวคิดแก้ปัญญาได้รวดเร็ว และถูกต้องเหมาะสมอยู่เสมอ เมื่อผมเกษียณอายุราชการ ผมก็ยัดเยียดตำแหน่งประธานรุ่นให้เขาเป็นต่อ เขาเป็นอยู่ ๓ ปี ก็โอนให้เพื่อนที่อายุน้อยที่สุดในรุ่น เป็นต่อไปจนถึงปัจจุบัน ครั้งสุดท้ายเขากับผมนั่งปรึกษาเรื่องกิจการของรุ่น พร้อมด้วยประธานคนใหม่ ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งทางบางโพ ผมปรารภกับเขาถึงเพื่อนคนที่จะตายต่อไป ซึ่งจะต้องจ่ายเงินช่วยเหลือหลายพันบาท และเงินของรุ่นก็ร่อยหรอลงไปมาก เพราะไม่มีรายได้เพิ่ม และดอกเบี้ยก็น้อยเต็มที เขาว่าตัวเขาเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน แต่ไม่ร้ายแรง และคุมอยู่ ส่วนผมเป็นโรคกระเพาะ เขาไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ ผมก็ไม่สูบบุหรี่แต่กินเบียร์ เราพูดกันเล่น ๆ ว่าเราสองคน ใครจะตายก่อนกัน ปรากฏว่าอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ เขากินข้าวกลางวันแล้วนั่งดูโทรทัศน์ เกิดอยากนอนจึงลงนอนที่เก้าอี้ยาว แล้วก็สิ้นใจไปเฉย ๆ โดยไม่มีอาการร้ายแรงแต่อย่างใดเลย เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อ ปลายปี พ.ศ.๒๕๔๓ นี้เอง

อีกคนหนึ่งที่จะนำมาเล่าเป็นคนสุดท้าย เพราะเป็นเพื่อนที่เก่ามากของผม ซึ่งเกือบจะลืมไปแล้ว เขาแก่กว่าผมเพียงปีสองปี เคยร่วมทำงานเป็นลูกจ้างใช้แรง ที่กรมพาหนะทหารบก มาด้วยกัน แต่ผมแยกมาเป็นทหารสื่อสาร และก้าวหน้าไปเป็นนายทหารสัญญาบัตรแล้ว ส่วนเขายังเป็นลูกจ้างอยู่ที่หน่วยเดิม บ้านของเขาอยู่หลังวัดน้อยนพคุณ ไม่ไกลจากที่ทำงานของผม ลูกสาวของเขาซึ่งผมเอาไปบรรจุเป็นนายสิบการเงินสื่อสาร มาตามผมให้ไปดูพ่อซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง อาการหนักแล้ว ต้องออกจากโรงพยาบาลมานอนอยู่ที่บ้าน

ผมก็รีบไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้เขาได้ เพราะเขานอนหลับตานิ่ง หายใจเบา ๆ มีเพียงหน้าท้องที่เคลื่อนไหวเล็กน้อย จนแทบจะมองไม่เห็น ที่แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แม่ของเขาซึ่งเป็นป้าของภรรยาผม นั่งเฝ้าอยู่ชิดร่างกายของเพื่อนซึ่งกำลังรอวาระสุดท้าย แล้วในที่สุดแกก็บอกเบา ๆ ว่า มันไปแล้ว นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของผม ที่ได้เห็นคนตายอย่างใกล้ชิดที่สุด และภายหลังจึงได้รู้ว่า อย่างนี้เองที่เขาเรียกว่า ถึงแก่ความตายด้วยอาการอันสงบ

เมื่อผมได้อยู่มาจนถึง วันนี้แล้ว ก็ตระหนักแน่แก่ใจว่า ความเป็นจริงที่แท้และแน่นอนของชีวิตนั้น ก็คือการเกิด แล้วก็ต้องแก่ แล้วก็ต้องเจ็บป่วย ลงท้ายก็ต้องตาย

โดยไม่รู้ว่าใครกำหนด ชีวิตของเพื่อนที่นำมารวมกันไว้นั้น แตกต่างกันออกไป ทั้งการเกิด การดำเนินชีวิต การเจ็บป่วย และการสิ้นสุดของอายุขัย ซึ่งน่าจะเชื่อได้ว่า กรรมของเขาเหล่านั้นเอง ที่เป็นผู้กำหนดเส้นทางชีวิตให้เป็นไปเช่นนั้น ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม

ผมจึงบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับความตาย ของเพื่อนเหล่านี้ไว้ เพื่อรำลึกถึงความผูกพัน ที่เคยมีต่อกันมาในอดีต ตามประสาของคนรักเพื่อน และจะต้องติดตามเขาเหล่านั้นไปเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะได้มีโอกาสพบกันอีกหรือไม่ก็ตาม.

##########


โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 พฤศจิกายน 2554 เวลา:5:15:23 น.




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2554
18 comments
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2554 20:05:39 น.
Counter : 621 Pageviews.

 

สวัสดีวันศุกร์ค่ะ คุณลุง / พี่นาถ

ย่อหน้าสุดท้้าย....

.....เพื่อรำลึกถึงความผูกพัน หนูชอบคำนี้ค่ะ เคยพูดบ่อยๆ ว่า คำว่า "ผูกพัน" ความรู้สึกมันมากกว่าคำว่า "รัก" นะคะ คุณลุง เรารักเพื่อน คงเพราะเพื่อนก็รักเราด้วย...

เรื่องของเพื่อน...คุณลุงเขียนได้ถึง 4 ตอน ไม่น้อยนะคะ สำหรับความระลึกถึง

วันนี้พี่นาถต้องมีเพื่อนๆ แวะคุยด้วยเยอะแ่น่เลยค่ะ

อิ่มใจ จนอยากจะหายป่วยเลยใช่มั้ยคะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:15:01 น.

 

โดย: sirivinit 4 พฤศจิกายน 2554 6:53:30 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ห่อ - น้องหนู


ละครชีวิตแวดวงเจ้าแม่วารุณีจบลงแล้ว

บางคนก็ตายง่ายๆ ตายอย่างสงบ
บางคนก็ตายโหง ตายไม่ดี
บางคนก็ทำให้ตนเองตาย

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปทั้งสิ้น
นี่คืออนิจจัง


ขณะนี้ คนกรุงเทพฯ กำลังตายทั้งเป็นด้วยมหาอุทกภัยอีกด้วย
สุดแสนจะเศร้าใจค่ะ

เพื่อนมาหามากมายหลังไมค์
แต่ล้วนแล้วโศกตรมจากน้ำทั้งสิ้น
ต่างร่วมกรรม ราวกับงานมหกรรมด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ

คุยด้วย ก็ไม่มีความสุขนักค่ะน้องหนู

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 4 พฤศจิกายน 2554 7:04:44 น.  

 

พี่ห่อขา

อยากเห็นหน้าปก “เล่าเซี่ยงชุน”
โปรด นำภาพมาให้ชมเป็นขวัญตาหน่อยนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 4 พฤศจิกายน 2554 7:06:37 น.  

 

ตอนนี้เป็นคอนที่ ๕ ครับ คุณสายหมอกฯ นับดูแล้วก็หลายชีวิตนะครับ
ถ้าสามารถเล่าเรื่องชีวิตของเขาได้หมดคงพิมพ์ขายแข่งกับ อาจารย์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้นะครับ

คุณนาถอยากเห็นหน้า "เล่าเซี่ยงชุน"หรือครับ จัดให้เลยครับ



 

โดย: เจียวต้าย 4 พฤศจิกายน 2554 8:12:51 น.  

 

สวัสดียามสายครับพี่นาถครับ

 

โดย: panwat 4 พฤศจิกายน 2554 9:17:50 น.  

 

ขอบพระคุณพี่ห่อค่ะ
ฮ่าๆๆๆ หน้าตา ท่าทางเหมือนนักรบโบราณเลย

มือนี้ น่าจะถือทวนกราย มากกว่า...
ยกกระป๋องน้ำมีฟองดวดน้า...

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 4 พฤศจิกายน 2554 12:11:23 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณพัน


พี่นาถไปหาน้องไม่ได้นะคะ
เดี๋ยวไปหลังไมค์ค่ะ

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 4 พฤศจิกายน 2554 12:13:56 น.  

 


อ้าว หนูดูตอนผิดค่ะ ตอน 5 นี่คะ

เวลานี้คำถามยอดฮิตค่ะ พี่นาถ / คุณลุง ที่บ้านเป็นไงบ้าง ท่วมรึยัง


สุขสวัสดีตอนบ่ายค่ะ อาจจะไม่ได้แวะมาอีกแล้วค่ะ หมอกขอเครื่อง หนูก็ผลุบๆ โผล่ๆ ค่ะ พี่นาถ กองกันอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน...



 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 4 พฤศจิกายน 2554 15:44:12 น.  

 

ที่บ้านท่วมแล้วค่ะ
และของที่ตั้งติดพื้นอยู่
ก็คงจมน้ำแล้ว...

มันไม่มีที่ไว้
เสียดายพวกเครื่องถ้วย เครื่องแก้ว..
เฮ้อ...กิเลส
ก็มันเสียดาย

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 4 พฤศจิกายน 2554 17:42:19 น.  

 

ผมยังโชคดีไม่มีน้ำมาเยือนเลยครับ
เชิงสะพานกรุงธนคนละฝั่ง เหมือนคนละโลกเลยครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 4 พฤศจิกายน 2554 18:33:10 น.  

 

นับว่าเป็นความโชคดีของพี่ห่อค่ะ
แต่อย่าประมาทนะคะ
น้ำมาจากท่อระบายน้ำทั้งนั้น

หารองเท้าที่ใส่แล้วจะปลอดภัยใช้นะคะ


วันนี้นาถทานอาหารกับหลานๆ
มีน้ำพริกกะปิที่อร่อยมาก
โลกค่อยโสภี ดีกับคนชอบกินขึ้นมาหน่อยค่ะ


นอนพักให้สบายนะคะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 4 พฤศจิกายน 2554 20:03:45 น.  

 


สวัสดีเช้าวันเสาร์ค่ะ พี่นาถ / คุณลุง

ตรงไหนที่เค้าว่าไม่เคยท่วม ดูจะท่วมไปหลายจุดแล้ว บ้านหนูก็ไม่เคยท่วมแต่นาทีนี้ไม่ประมาทเหมือนกันค่ะ ข่าวเค้าก็ช่างเปลี่ยนไปแต่ละวันเหมือนกัน....เลยไม่รู้ว่าทั้ง 50 เขตของ กทม. จะจมมั้ย

น้ำพริกกะปิ ของโปรดหนูเหมือนกันค่ะ พี่นาถชอบกินกับปลาทูทอดหรือไข่ชะอมคะ ต้องมีต้มจืดแก้เผ็ดซักชามด้วยนะคะ โหย คงกินข้าวได้หลายจาน




 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 5 พฤศจิกายน 2554 5:37:18 น.  

 

สวัสดีค่ะท่านที่รักทั้งสองท่าน


ฮ่าๆๆๆ วันนี้น้องหนูมาวิน

พี่นาถตื่นแต่เช้านิดหน่อย
เข้าห้องน้ำ อ่านสรยุทธเล่มแรกพอเพลินๆ
ความจริงเคยอ่านแล้วเมื่อหลายปีก่อน
วันนี้ มาอ่านซ้ำค่ะ

นอนกันสามคนบนเตียงใหญ่สอง
ปูนอนหน้าเตียงหนึ่งในห้องกว้าง
ที่เคยรวมญาติสาว นอนได้แปดคนสบายๆ
คุยกันราวกับขี้เมา อุ๊ยไม่ใช่
ราวกับวงพี่ห่อกับผองเพื่อน ได้ถึงตีสองตีสามทุกวันค่ะ

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 5 พฤศจิกายน 2554 8:03:25 น.  

 

กลัวมันหายน่ะน้องหนู


ชอบทานน้ำพริกกะปิที่ใส่กุ้งแห้งดีๆ มากๆ
สามรสเปรี้ยวเค็มหวาน แต่หวานน้อย และเผ็ด
กับลูกโดดพริกขี้หนูสวนลอยหน้า

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 5 พฤศจิกายน 2554 8:05:32 น.  

 

ชอบหน่อไม้ต้ม แตงกวา มะเขือเปราะ ขะอมชุบไข่หนาๆ
มะเขือยาวหนาๆ ชุบไข่หนาๆ

ในน้ำพริกมีมะอึกด้วยนะคะ
ต้มจืดอีกชาม ข้าวทัพพีเดียว
สดใสซาบซ่า...อร่อยเป็นบ้า

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 5 พฤศจิกายน 2554 8:07:34 น.  

 

ปลาทูทอด ก็ชอบค่ะ ตัวใหญ่ๆ และเค็มนิดหน่อยนะคะ
แบบจืดเลยไม่อร่อยค่ะ

ต้องรอเวลาเครื่องตัด
แล้วเปิดใหม่
เพราะตัดตามใจ ไม่ใช่ ๑๕ นาทีเป๊ะค่ะ
บางครั้งเร็วกว่า บางคราช้ากว่าค่ะน้องหนู

มีแต่ความสุขสบายใจนะน้องรัก
น้ำท่วมช่างน้ำ
สู้ต่อไปกับชีวิตมีน้ำรอบตัว .. สองเดือน
อุแม่เจ้า


 

โดย: นาถ (sirivinit ) 5 พฤศจิกายน 2554 8:16:04 น.  

 

วันนี้ผมมาช้าเพราะเตรียมต้นฉบับจะส่งให้ สนพ.พิจารณาวันจันทร์ครับ

วันนี้เสนอเรื่องสุดท้ายในชุด เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา ครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 5 พฤศจิกายน 2554 10:00:11 น.  

 

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

เรื่องของนายห่อกับเจียวต้าย


“ เทพารักษ์ “

ผมเคยเล่าว่า ผมต้องออกจากโรงเรียนวัดสมอราย โดยที่ไม่จบชั้นมัธยมปีที่ ๖ และได้ทำงานเป็นลูกจ้างใช้แรงงาน ในแผนกที่ ๓ กรมพาหนะทหารบก ซึ่งเป็นคลังพัสดุ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดแก้วฟ้าจุฬามณี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๙ อายุยังไม่ครบ ๑๖ ปี ใคร ๆ จึงเรียกผมว่าไอ้เปี๊ยก

ผมทำงานหนักอยู่ร่วมปี ก็มีผู้ใหญ่เมตตาเรียกไปใช้ในสำนักงาน ให้ทำหน้าที่ภารโรง ปิดเปิดสำนักงานและรับส่งหนังสือแทนเสมียน แต่ผมก็ยังนุ่งกางเกงก้นปะ และห่อข้าวไปกินมื้อกลางวันอยู่ พวกเสมียนหลายคนที่จบ ม.๖ ม.๘ เตรียมอุดม และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ก็เมตตารับอุปถัมภ์ค้ำจุนผม ให้เป็นน้องเล็ก

และคนหนึ่งในจำนวนนั้นก็ตั้งชื่อผมว่า นายห่อ แต่เขาก็เรียกกันว่า ไอ้ห่อ แทน ไอ้เปี๊ยก เพราะผมห่อข้าวมากิน จึงมีนามสกุลว่า มากินานนท์ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ และใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ที่บ้านสวนอ้อยของผมในสมัย พ.ศ.๒๔๘๔ ถึง ๒๔๙๖ นั้น ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง แม่ของเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน เขาชื่อนายเล็ก อายุอ่อนกว่าผมปีเดียว แม่ของเขาเรียกแม่ของผมว่าคุณพี่ ผมอาศัยกินข้าวบ้านเขาโดยจ่ายเงินเพียงเล็กน้อย เพราะที่บ้านผมมีแม่ป่วยไม่สามารถทำครัวได้ ผมต้องหิ้วกับข้าวจากบ้านนี้ไปให้แม่กินทุกเช้าเย็น ตลอดเวลาที่ผมทำงานที่ กรมพาหนะทหารบก

เมื่อแม่ผมตาย พ.ศ.๒๔๙๕ ผมก็มาเกณฑ์ทหารพร้อมกับเล็กใน พ.ศ.๒๔๙๖ แต่ได้พักรอเรียกทั้งปี กลับมาเข้ากองประจำการ พ.ศ.๒๔๙๗ เขาไปสังกัดกรมทหารราบที่ ๑๑ บางเขน ผมอยู่ กองร้อยกองบัญชาการกองทัพที่ ๑ ที่ตั้งโรงเรียนราชวินิตเดี๋ยวนี้

เมื่อผมออกรับราชการเป็นนายสิบทหารสื่อสาร เขาก็พ้นการเกณฑ์ทหารสองปี เราก็มาคบหาสมาคมกันอีก เขาอุปสมบทที่วัดส้มเกลี้ยง พ.ศ.๒๕๐๐ ขณะที่กำลังสร้างสะพานกรุงธน ข้างวัดนั่นเอง เมื่อออกพรรษา เขาก็ชวนเพื่อนที่บวชพร้อมกัน ซึ่งเป็นเด็กรุ่นน้องผม เรียนที่โรงเรียนวัดสมอราย ห่างจากผมห้าปี มาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง คนนี้ชื่อนายออด อาชีพเป็นครูโรงเรียนราษฎร์

ส่วนนายเล็กไปทำงานเป็นลูกจ้าง กระทรวงคมนาคม แต่ครอบครัวของเขาย้ายบ้านไปอยู่แถวดินแดงห้วยขวางแล้ว เขาก็ยังแอบอยู่ที่บ้านเก่า ซึ่งยังไม่มีคนมาเช่าต่อ และถูกตัดไฟฟ้าไปแล้ว ต้องจุดเทียนกินเหล้ากันบ่อย ๆ จึงได้ชื่อเล่นใหม่จากผมว่า นายผี

ต่อมานายออดแต่งงานแล้ว ไปอยู่บ้านแม่ยายที่ซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิท นายผีออกจากกระทรวงคมนาคม ไปเป็นนายท่ารถเมล์ขนส่ง ที่ซอยเอกมัย และไปอยู่กับครอบครัวที่ห้วยขวาง แต่เราก็ยังพบกันอยู่ และชวนกันไปเที่ยวทัศนาจร หรือขบวนการย้ายที่กินเหล้า กันอยู่เสมอ และในโอกาสหนึ่งเราได้รับรู้ว่าคำว่า เพื่อนสนิท นั้นคนจีนเขาเรียกว่า เจียวต้าย เราก็ชอบใจรับเอามาเป็นชื่อกลุ่มของเราซึ่งมีเพิ่มขึ้นมามากกว่าสามคนแล้ว

คนต่อมาคือพี่สันต์ เพื่อนผู้มีอาวุโสที่เคยอุปถัมภ์ผมมาก่อน จากกรมพาหนะทหารบกนั่นเอง เขาแก่กว่าผมประมาณห้าปี ผมก็ลากเขามาเข้าวงเหล้าของเรา เขาก็คุยกันได้ดีกับเพื่อนของผม ทั้งนายออด นายผี และเพื่อนจากกรมการทหารสื่อสาร คือ นายแมวและนายหงอก

นายแมวนั้นเข้ารับราชการ ในแผนกเดียวกับผมเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๙๘ ผมเพิ่งเป็นนายสิบใหม่ เขาเป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งเสมียน ต่อมาเมื่อได้รับการฝึกวิชาทหารแล้ว เขาก็ติดยศสิบตรี ขณะที่ผมเป็นสิบโท เขามีอายุอ่อนกว่าผม ๖ ปี เมื่อทำงานร่วมกันไปเขาก็นับถือผมเป็นลูกพี่ เพราะผมมีวิชาเสมียนมาจากที่ทำงานเก่าหลายปี ผมก็เลยชวนเขาเข้ามาอยู่ในแก๊งเจียวต้าย พร้อมกับนายหงอก ซึ่งเป็นนักเรียนนายสิบนอนหมวดเดียว กองร้อยเดียวกับผม เขาอายุเท่านายแมว แต่ผมหงอกมาตั้งแต่หนุ่ม เขาเคยเรียนที่โรงเรียนวัดแจ้งด้วยกันมาก่อน ก็เลยเพิ่มเป็นหกคน

คนที่เจ็ดชื่อนายต๋อง ก็เป็นคนที่คุ้นเคย กับนายแมวมาก่อนเหมือนกัน ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นอยู่แถวซังฮี้ด้านที่อยู่ใกล้แม่น้ำ ซึ่งเป็นวังของเจ้านายสมัยก่อน และนายแมวเคยเป็นศิษย์วัดขวิด ใกล้ท่าน้ำสามเสนด้วย เมื่อพบกับผมเขาทำงาน เป็นพนักงานขับรถของนายใหญ่ บริษัทผลิตสุราที่ได้รับสัมปทานจากโรงงานบางยี่ขัน

และคนที่แปดชื่อนายพึง เป็นเพื่อนครูเรียนสำเร็จปริญญาตรีมาด้วยกันกับนายออด สอนคนละโรงเรียน แต่มาสอนโรงเรียนผู้ใหญ่ที่วัดตรีทศเทพด้วยกัน ซึ่งสมัยนี้เรียกว่า การศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน.นั่นเอง ในพ.ศ.๒๕๐๙ ผมได้บันทึกเป็นบทกลอนไว้ว่า

อัน”เจียวต้าย”ความหมายเป็นไฉน จะบอกให้หายแคลงแจ้งประจักษ์
คือเพื่อนฝูงใกล้ชิดสนิทนัก ร่วมใจภักดิ์ไม่หลีกเร้นเป็น”เพื่อนตาย”

คนที่หนึ่ง นายออด ยอดเจรจา สติปัญญาเป็นเลิศประเสริฐหลาย
คราวคับขันเพื่อนฝ่าฟันอันตราย แก้เรื่องร้ายให้คลายดีทุกทีไป

คนที่สอง นายผี มีความซื่อ เพื่อนยึดถือความจริงไม่อิงไหน
ไม่กลับกลอกยอกย้อนให้อ่อนใจ ลงรักใครรักจริงไม่ทิ้งกัน

คนที่สาม นายสันต์ นั้นใช่ชั่ว เป็นพ่อครัวหัวมนคนขยัน
ชอบปีนป่ายเขาเล็กใหญ่ไม่สำคัญ แต่ปากนั้นไม่ว่างช่างวิจารณ์

คนที่สี่ นายแมว มีแววหล่อ เด็กติดกรอคนแก่ชมคารมหวาน
ทั้งนอบน้อมถ่อมตนทนรำคาญ ใครเรียกขานไม่ปัดขัดศรัทธา

คนที่ห้า นายพริ้ง ลิงไม่สู้ หน้าบู้หู้หัวหงอกเป็นดอกหญ้า
เพื่อนเข้าถึงที่ใดได้เฮฮา ฝอยเป็นบ้าน้ำเหลือเฟือเนื้อไม่มี

คนที่หก นายต๋อง รองนายพริ้ง เขาแน่จริงงามขำตัวดำปี๋
ชอบหัวเราะเยาะฟ้าท่าเข้าที พูดยวนยีอยู่โรงเหล้าเมาทุกเย็น

คนที่เจ็ด นายพึง เพิ่งซึ้งจิต เป็นบัณฑิตชั้นดีฝีมือเด่น
เรื่องโคลงกลอนเขียนง่ายไม่ลำเค็ญ เคยได้เห็นน้ำใจกว้างใหญ่ครัน

คนที่แปด นายห่อ พ่อหูกาง เป็นคนวางแผนเที่ยวไปดังใจฝัน
เรื่องกินดื่มเดินทางพักและควักตังค์ หมออยากดังเพื่อนว่าเก่งเลยเบ่งจม

ทั้งแปดคนดลมาเจอเป็นเกลอแก้ว คบกันแล้วใกล้ชิดสนิทสนม
แม้ต่างวัยต่างจิตใจไม่ปรารมภ์ ร่วมอุดมคติทำสิ่งสำราญ
ต่างรักกันแน่นเหนียวเป็นเกลียวเชือก มิได้เลือกยศศักดิ์อัครฐาน
มิตรภาพซาบซึ้งตรึงดวงมาน ยั่งยืนนานคงมั่นนิรันดร

แม้ต่อไปได้ดีมีความสุข แม้ทนทุกข์เทวษร้ายสุดถ่ายถอน
แม้ห่างกันแสนไกลไม่อาทร แม้ม้วยมรณ์ชีพลับดับชีวา
จะคบกันต่อไปไม่ทิ้งขว้าง จะช่วยกันทุกทางดังปรารถนา
จะคิดถึงกันไว้ไม่โรยรา จะรักษา”เจียวต้าย”ไม่หน่ายเอย.

คณะเจียวต้ายอยู่มาจนถึงเดือน มกราคม ๒๕๑๐ นายออดก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน ขณะจะขึ้นรถสองแถวไปทำงาน ฌาปนกิจศพที่วัดธาตุทอง เราจึงเอาวันเกิดของเขาคือ ๒๒ ธันวาคม เป็นที่ระลึกวันเจียวต้าย มีการนัดพบกันทุกปี

แต่ต่อมานายพึงได้พาเพื่อนครูโรงเรียนเทเวศร์มาเข้าพวกอีกคนหนึ่งคือ พี่มี ส่วนผมก็ได้เพิ่มอีกคน คือ นายต่อ เป็นพันจ่าทหารอากาศ และเมื่อถึง พ.ศ.๒๕๒๐ นายพึงก็ได้ชักชวนเพื่อนครูสวนกุหลาบ ที่เขารับราชการอยู่มาเข้าพวกเจียวต้ายอีกสองคน คือนายชัน และนายจินต์ ส่วนผมก็ได้ชักชวนเพื่อนร่วมก๊งมาเข้าพวกอีกสองคน คือ นายสิทธิ์ เป็นจ่าสิบเอกทหารสื่อสาร และ นายเหนียน เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนวัดสมอราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย

ผมได้เขียนสรรพคุณของเขาไว้ว่า

คนที่เก้า ครูมี รุ่นพี่ใหญ่ ซึ้งน้ำใจมานานเนไม่เหหัน
เพื่อนเอาไงเอาทุกท่าไม่ว่ากัน ความรู้นั้นแน่นหนาภาษาไทย

คนที่สิบ นายต่อ หล่อเข้าท่า ลูกทัพฟ้าแต่รักมั่นไม่หวั่นไหว
ยอดใจเย็นไม่เห็นโกรธลงโทษใคร รินเรื่อยไปแต่ดื่มนิดไม่ติดลม

ฯลฯ

ที่สิบเอ็ดคือนายชันนั้นเป็นครู เพื่อสอนอยู่ ส.ก.ดูหล่อเหลา
จากสองศูนย์ได้พบกันมันไม่เบา โอ้เพื่อนเราคงสบายขายข้าวแกง

ที่สิบสองนายจินต์ชอบกินผัก ดูน่ารักแม้ตัวใหญ่ไม่กำแหง
ทำตามกฎที่วางไว้ไม่คลางแคลง มีเรี่ยวแรงดื่มเท่าไรก็ไม่เมา

ที่สิบสามนาย สิทธิ์ มีฤทธิ์มาก ทนลำบากอยู่ทีวีไม่มีเหงา
ทั้งถ่ายกล้องเก่งกาจมาดไม่เบา อยู่นานเข้ากำกับเวทีเพื่อนดีใจ

คนสุดท้ายยอดชายคือนาย เหนียน เที่ยววนเวียนกับพวกเราเจ้ามือใหญ่
ศิษย์ราชาห้องเคียงข้างไม่ห่างไกล เพิ่งซึ้งในพงศ์เผ่าเหล่าเจียวต้าย

ปีสามแปดเอ่ยชื่อมาดังว่าแล้ว เป็นเพื่อนแก้วต่อไปไม่แหนงหน่าย
ปี่สี่แปดคงอยู่ได้ไม่วุ่นวาย แม้ลับหายชื่อคงอยู่คู่กันเอย.

เพื่อนกลุ่มที่ใช้สัญลักษณ์ว่า เจียวต้าย ได้คบหาสมาคมกันต่อมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ถึงสามสิบสี่ปี ใน พ.ศ.๒๕๔๔ ก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ตามหลักของความเปลี่ยนแปลงที่เป็นอนิจจัง

เดือนมีนาคม ๒๕๒๙ นายต่อก็เสียชีวิต ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก

เดือนสิงหาคม ๒๕๓๘ นายสิทธิ์ ก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในหลอดอาหาร

เดือน พฤศจิกายน ๒๕๓๙ พี่สันต์ ก็เสียชีวิตด้วยโรคอัลไซเมอร์

ซึ่งผมได้บันทึกไว้ตามลำดับ ดังนี้

อันเจียวต้ายความหมายไม่เคยเปลี่ยน คงวนเวียนอยู่ด้วยกันฉันท์เพื่อนเก่า
ตัวห่างไกลแต่ใจชิดติดเหมือนเงา รวมกันเข้าเป็นเพื่อนตายจนวายปราณ

ต่างผูกพันขันเกลียวเสี้ยวศตวรรษ เห็นหลัดหลัดเจ็ดหายไปเรียกไม่ขาน
สิ่งที่หวังตั้งไว้ไม่ยืนนาน เมื่อถึงกาลก็เปลี่ยนไปไม่คงทน

ออด สันต์ ต่อ และนายสิทธิ์ เพื่อนคิดจาก แล้วจึงพรากกันไปไม่เห็นหน
ส่วน นายผี กับ ครูมี อีกสองคน ท่านหลุดพ้นกิเลสแล้วจึงลาไกล

เหลือ นายแมว เพื่อนแก้วดื่มโซดา ดูเข้าท่าแม้ขัดเขินแต่เดินไหว
นายหงอก นั้นไม่ขาดงานแต่บ้านไกล ดื่มใสใสพอสนุกแล้วลุกลา

แต่ นายต๋อง นั่งเหงาต้องเฝ้าบ้าน เพื่อนเคยผ่านไปใกล้ให้ดูหน้า
เหมือน นายพึงหายไปใช่เฉื่อยชา เดินสามขาต้องอาศัยลูกชายส่ง

ส่วนนายชัน รับบำนาญพาลย้ายที่ ยังอยู่ดีด่านช้างไกลใช่ลืมหลง
พบ นายจินต์ ทีไรได้ตั้งวง แต่ไม่ชงกินน้ำหวานบานตะไท

เหลือ นายห่อ กับ นายเหนียน ชวนเวียนแก้ว ไม่คลาดแคล้วชนทุกทีที่ไหนไหน
ได้จ่ายทิปเด็กเสริฟที่ถูกใจ ถึงใกล้ไกลไปกันไม่หวั่นกลัว

อันเจียวต้ายอยู่มานานผ่านร้อนหนาว จนล่วงเข้าสามสิบสี่นี้ใช่ชั่ว
ฟื้นความหลังขึ้นมาเล่าใช่เมามัว อยากให้รู้กันทั่วเรื่องจริงจัง
สิ่งที่เกิดย่อมผันแปรแน่ทั้งหมด ธรรมดาปรากฏไม่ผิดหวัง
เหลือกี่คนอยู่กันไปไม่จีรัง เจียวต้าย ยังคงความหมายไม่คลายเอย.

ถัดมาอีกสี่ปี ถึง พ.ศ.๒๕๔๘ ผมก็เข้ามารู้จักอินเตอร์เนต และเวปพันทิป เมื่อสมัครเป็นสมาชิก จะใช้ชื่ออะไรก็ซ้ำ จึงหวนนึกขึ้นมาได้ถึงคำว่า เจียวต้าย ซึ่งกำลังจะสูญหายไป ด้วยความเสียดายในความหมายที่ติดตรึงอยู่ในจิตใจ มาเป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ จึงใช้ชื่อนี้เป็นนามปากกา หรือล็อคอิน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครคิดมาซ้ำอย่างแน่นอน

และนามนี้ก็จะยืนยงคงอยู่คู่กับพันทิป ไปอีกนานแสนนาน แม้ว่าผมและเพื่อนสนิท ทุกคนในกลุ่มนี้

จะตายจากโลกนี้ไปจนหมดแล้วก็ตาม.

############

 

โดย: เจียวต้าย 5 พฤศจิกายน 2554 10:13:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.