|
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. รำลึกถึงเพื่อนตาย (๓)
รำลึกถึงเพื่อนตาย (๓)
"เพทาย"
คนต่อมาเป็นหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มเพื่อน ที่สมมุติว่ามีอยู่ด้วยกัน ๓๗๘ คน แต่ความจริงมีไม่ถึง กลุ่มนี้มีทั้งหญิงชายที่รับราชการอยู่ในกรมเดียวกัน คบหาสมาคมกันตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๒๕๐๐ กว่า ๆ เธอผู้นี้เข้ารับราชการทีหลังเพื่อน ซึ่งผมเป็นผู้ดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการด้วยตนเอง ตามหน้าที่หลักของผม เรารวมกลุ่มกันได้อย่างเหนียวแน่นจนถึงปัจจุบัน ที่เกือบทุกคนก็เกษียณอายุราชการไปตาม ๆ กัน เมื่อหลายปีมาแล้วผมเป็นผู้นำในการไปทัศนาจรต่างจังหวัด โดยเก็บเงินกันคนละเล็กละน้อย เที่ยวไปตามกำลังความสามารถ ด้วยรถสองแถวขนาดใหญ่ จุผู้โดยสารได้ร่วมยี่สิบคน เราไปกันทั้งครอบครัวลูกหลานยั้วเยี้ย จนสุดท้ายมีเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นจนจัดต่อไปไม่ได้จึงเลิกราไป แต่เราใช้วิธีจัดงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน ซึ่งเกือบจะทุกเดือนในรอบปี โดยเพื่อนที่มาร่วมงานรวบรวมเงิน เป็นของขวัญแก่ผู้เกิด แทนการมอบของขวัญอย่างอื่น เริ่มตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๒๕๒๖ จนถึงบัดนี้
เธอผู้นี้ก็จะเป็นต้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด ทั้งภาคภาษาอังกฤษและภาคภาษาไทย ด้วยเสียงที่สูงจนเพื่อน ๆ ตามไม่ไหว จึงฟังดูคล้ายจะเป็นเพลงประสานเสียงในโบสถ์ของฝรั่ง เป็นผู้ที่ชอบชงเครื่องดื่มให้เพื่อนอย่างแก่จัด แต่ของตนเองจะชงอย่างอ่อน ๆ อยู่เสมอ จนเป็นที่ตำหนิติเตียน และบ่นว่าของเพื่อนฝูงอยู่เสมอ
ชีวิตส่วนตัวของเธอค่อนข้างจะอาภัพ แต่งงานแล้วมีบุตรชายคนหัวปี ก็อายุไม่ยืน ไม่ทันจะโตก็เสียชีวิตไปก่อน ต้องขอลูกผู้อื่นมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เพราะลูกคนแรกนี้คลอดยาก จึงต้องทำหมันปิดโรงงานไป ครอบครัวก็ไม่ค่อยอบอุ่น ต่อมาเมื่ออายุมากขึ้นก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องงดการดื่ม และค่อนข้างจะหงอยเหงาลง ทั้ง ๆ ที่เป็นนักกีฬาเปตอง ได้รับรางวัลเสมอ อยู่มาวันหนึ่งผมทราบข่าวว่าไม่ค่อยสบายมาก ผมก็ไปเยี่ยมที่บ้านพักในกรม เธอต้องนอนคุยกับผม แต่ผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร เธอปรึกษาผมว่าจะขอลาออกและรับบำเหน็จเอาเงินก้อน ผมก็ทักท้วงว่าควรจะรับบำนาญ และประชดเธอไปว่า ถ้าคิดว่าจะตายในเร็ว ๆ นี้ ก็ควรจะรับบำเหน็จ เธอก็ยิ้มเศร้า ๆ ทำให้ผมได้สติว่าไม่ควรจะพูดอย่างนั้น
แล้วเธอก็ต้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ โดยยังไปไม่ถึงโรงพยาบาล ในเช้าวันรุ่งขึ้นนั้นเอง ผมยังเสียใจไม่หายแม้ว่าเวลาจะผ่านมาตั้งหลายปีแล้วก็ตาม เธอเกิดเมื่อ ๑๓ สิงหาคม ๒๔๘๕ และเสียชีวิตเมื่อ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๙ อายุได้ ๕๔ ปี
ต่อไปเป็นคนรูปหล่อแบบชายงาม ผิวคล้ำไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก เขารับราชการในกรมเดียวกัน เกือบพร้อม ๆ กับผม แต่อยู่คนละหน่วย ต่อมาอีกร่วมสิบปีเราจึงได้มาคบกันเป็นเพื่อน จากนั้นเราก็สนิทสนมกันมากขึ้น จนถึงขั้นไปกินไปนอนที่บ้านญาติของเขาที่บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วจึงได้ทำงานร่วมกันในสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ในหน้าที่พนักงานกล้องถ่ายโทรทัศน์ เขาเข้าไปทำงานทีหลังผม ดังนั้นผมจึงเป็นพี่เลี้ยงของเขาในหน้าที่นั้น แต่เขาเป็นคนเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้รวดเร็ว จึงทำให้สามารถปล่อยเดี่ยวได้ในเวลาไม่นานนัก
ผมรักและนับถือเขา ในเรื่องความขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ในหน้าที่การงาน มีความกระตือรือร้น และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นคนกล้าหาญ สามารถทำงานใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงได้อย่างไม่เคอะเขิน ทั้ง ๆ ที่มียศเป็นนายทหารประทวนเท่านั้น แสดงให้ผู้บังคับบัญชาเห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดี เขาจึงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ตลอดมา
ในงานด้านโทรทัศน์ นอกจากงานประจำที่เขาทำด้วยความกระฉับกระเฉง ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างว่องไวทันเวลาแล้ว เขายังได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ให้ก้าวเข้าสู่วงการแสดง เริ่มจากเป็นตัวประกอบซึ่งเมื่อเขาได้รับค่าตอบแทนครั้งแรกใส่อยู่ในซอง เข้าไม่กล้าเปิดออกดู ได้ชวนผมกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ไปนั่งที่ร้านข้าวต้มแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วค่อย ๆ แกะซองนั้นออกมาด้วยความภาคภูมิใจต่อหน้าเราทั้งสอง มันเป็นเงิน ๑๕๐ บาท ซึ่งมากพอสมควรในสมัยยี่สิบปีก่อนโน้น แล้วเราก็ช่วยกันแสดงความยินดีด้วยสุราอาหาร จนหมดเงินจำนวนนั้น
เขาได้ร่วมแสดงภาพยนต์ทางโทรทัศน์ ของคณะรัชฟิล์มหลายเรื่อง ที่เด่นดังในยุคนั้น เช่น พิภพมัจจุราช หุ่นไล่กา เพื่อมาตุภูมิ และ ชุมทางชีวิต ถึงแม้เขาจะก้าวไปไม่ถึงระดับดารานำ แต่ฝีมือการแสดงของเขา ก็ไม่ด้อยไปกว่าดาวร้ายที่ไว้หนวดทั้งหลาย สุดท้ายเขาได้เลื่อนเป็นผู้กำกับเวที และทำงานทางโทรทัศน์อยู่จนถึงเวลาเกษียณอายุราชการเมื่อ ตุลาคม ๒๕๓๓
ในด้านส่วนตัวกับผมนั้น เขาให้ความรักและนับถือผม อย่างมั่นคงไม่มีเปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่ผมมีอายุอ่อนกว่าเขา เขาจะทุกข์จะสุข มีกินหรือไม่มีกิน ก็ต้องบอกเล่ากันอยู่เสมอ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความลับอะไรสำหรับผมเลย เราต่างเป็นที่ปรึกษาของกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเมื่อมีโอกาส ตักเตือนแนะนำด้วยความสุจริตใจต่อกันทุกเรื่อง ตลอดเวลาที่คบกันมา
เขาเป็นคนมีความแข็งแรงสุขภาพดี เพราะได้ออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ เมื่อผมเกษียณอายุราชการใน พ.ศ.๒๕๓๕ เขาก็ยังแนะนำให้ผมหมั่นออกกำลังกายทุกเช้า เพื่อร่างกายจะได้แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน แต่ผมเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้ามาแต่ไหนแต่ไร จึงละเลยคำแนะนำด้วยความหวังดีของเขาเสีย จนถึง พ.ศ.๒๕๓๗ เขาจึงเริ่มไม่สบาย ซึ่งเขาก็ปรับทุกข์ และขอคำแนะนำจากผมบ้าง เมื่อผมแสดงความคิดเห็นไปตามความรู้สึกส่วนตัว เขาก็พอใจที่จะปฏิบัติตามในหลายประการ แม้แต่การเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เพราะเขาพักอยู่ที่บ้านปากน้ำ
สุดท้ายเขาได้รายงานอาการป่วยให้ผมทราบทางโทรศัพท์ ว่ารับประทานอาหารไม่ค่อยได้ น้ำหนักลด และอ่อนเพลียไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน ต่อมาอีกเกือบเดือนผมจึงได้ทราบว่าเขาเข้าไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผมก็ตกใจพยายามที่จะไปเยี่ยมเขาให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทันการ เขาหมดลมหายใจเสียในตอนเย็น วันจันทร์ ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๓๘ แทนที่ผมจะได้ไปเยี่ยมเขาที่ปากน้ำ ในวันรุ่งขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ เขากลับมานอนให้ผมรดน้ำที่วัดสังเวชแทน ผมจึงเห็นแต่ใบหน้าที่เรียบเฉย ผมขาวทั้งศรีษะ และหนวดก็ขาว สวมแว่นตาซึ่งไม่มีความจำเป็นสำหรับเขาอีกแล้ว เขาไม่เห็นและไม่รับรู้สรรพสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้แล้ว เขาไม่เห็นแม้แต่เพื่อนซึ่งรักเขา และเขาก็รักมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงหน้า
ผมเขย่ามืออันเย็นชืดและแข็งทื่อของเขา เป็นการอำลา เหมือนที่เราเคยทำในคราวที่ต้องจากกัน แต่คราวนี้เป็นการลาครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้บีบมือตอบผมเช่นเคย ผมเพียงแต่รู้สึกด้วยใจ ว่าเขาคงจะรับรู้ถึงความเสียใจและอาลัยของผม เช่นกัน
ถัดจากนั้นเป็นเพื่อนผู้มีอาวุโสของผม ตั้งแต่ผมเพิ่งลาออกจากโรงเรียนมาผจญโลกด้วยความรู้เพียงชั้นมัธยมปีที่สี่ จากโรงเรียนวัดสมอราย เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ แล้วเข้าไปเป็นคนงานใช้แรงงาน ที่กรมพาหนะทหารบก ขณะที่มีอายุเพียงสิบหกปี พี่เขาได้เอื้อเฟื้อเจือจานผม ซึ่งเป็นไอ้เปี๊ยกของเขา ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาถนัดจัดเจน จนได้มีความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนได้ประสบการณ์ของลูกผู้ชายในสมัยนั้น อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ๗ - ๘ ปี ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน และในภายหลังเมื่อผมย้ายมาเจริญเติบโต อยู่ทางฝั่งตรงข้ามของคลองเปรมประชากร อีกกว่าสามสิบปี
ผมสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เขายังเป็นชายโสด รูปหล่อ ยิ้มเห็นฟันทอง ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับอิสตรีอย่างโลดโผนพิสดาร จนกระทั่งแต่งงาน และมีบุตรชายหญิงเรียงลำดับไปจนครบ ๕ คน ไม่มีเรื่องใดเลยในครอบครัวของเขา ที่ผมจะไม่มีส่วนได้รับรู้ และช่วยเหลือกันไปตามประสายากจนด้วยกัน แม้ว่าเราจะมีความขาดแคลนอยู่พอ ๆ กัน แต่เราก็มีความสุขเสมอ บ้านของเขา ตั้งแต่ตรอกปูเค็ม จนถึงเรือนแถวของโรงเรียนทหารขนส่ง และแฟลตนายสิบ ของกรมการขนส่งทหารบก จึงเป็นสวนสวรรค์อันสำเริงสำราญ สำหรับเพื่อนฝูงตลอดเวลา จนกระทั่งผมได้ก้าวหน้าในชีวิตราชการ สูงขึ้นเป็นลำดับ โดยที่พี่เขายังคงเป็นจ่าสิบเอกอมตะอยู่เช่นเดิม แม้เมื่อภรรยาของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ และตัวเขาได้ลาออกจากราชการก่อนที่จะเกษียณอายุแล้วก็ตาม เราก็ยังคบหาไปมาอย่างสม่ำเสมอเหมือนเคย
ลูกคนโตของเขาเป็นหญิง แต่อาภัพเป็นโรคลมชักมาตั้งแต่เด็ก พออายุเข้าวัยรุ่นเกิดเป็นลมขณะรอรถเมล์ข้างถนน ล้มฟาดเอาศรีษะกระแทกกับขอบทางเท้า หมดสติเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ร่วมอาทิตย์ แล้วก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลาง ผมก็ช่วยงานศพที่วัดบางยี่เรืออย่างเต็มกำลัง จนได้พบเพื่อนของแม่เขา ที่เป็นชาวบางยี่ขันอีกหกเจ็ดคน ซึ่งคบกันมาจนแก่เฒ่าและตายจากกันไปเกือบหมด โดยที่ผมยังอยู่ และผมสนิทสนมกับภรรยาของพี่เขามานานมาก จึงเป็นน้าของลูกชายสองและลูกสาวอีกสองของเขาจนถึงบัดนี้
เมื่อใกล้จะเกษียณอายุ เขาเบื่อที่จะคอยเลื่อนจากจ่าขึ้นเป็นนายทหาร เพราะเจ้านายเห็นเพื่อนร่วมงานดีกว่าอยู่หลายปี จึงลาออกมารับบำนาญ แล้วก็เป็นโรคไส้เลื่อนจึงมาปรึกษาผม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเพราะผ่ามาแล้วทั้งสองข้าง ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เป็นการผ่าตัดเล็ก นอนโรงพยาบาลสามวันก็กลับบ้านได้ ผ่าแล้วมันก็หายไม่ถ่วงร่างกายให้เสียดแทงอีกต่อไป เขาก็เชื่อ จึงไปนอนให้หมอผ่าเอาลำไส้ที่เที่ยวเพ่นพ่าน กลับมาอยู่ตามที่ทางของมันตามเดิม แต่ตลอดสามวันเกิดไม่ยอมฉี่ เพราะถ่ายบนที่นอนไม่ถนัด เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องผ่าตัดแก้ไขกระเพาะปัสสาวะอีกครั้ง คราวนี้ให้น้ำเกลือแทนการกินอาหารทางปาก เกิดอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะกระเพาะอาหารเป็นแผล ต้องผ่าเข้าไปรักษากระเพาะอาหารอีก แต่ครั้งแรกไม่สำเร็จ ยังคงถ่ายเป็นเลือดอยู่ จึงต้องผ่าครั้งที่สี่และให้เลือดทั้งหมดเป็นจำนวนมาก ผมและเพื่อนต้องเที่ยวหาผู้เสียสละโลหิต ไปช่วยบริจาคเลือดนับสิบคน จึงรอดตายกลับมาบ้านได้
ผมจำวันเกิดของเขาได้ดี ๒ สิงหาคม ของทุกปี ผมและเพื่อนฝูงจะไปเยี่ยมเยียนเขาที่บ้าน และสนุกสนานเฮฮากันอย่างสุดขีดทุกครั้ง เป็นเวลานานนับสิบ ๆ ปี ในระยะหลังเขาป่วยจากการที่ต้องรับการผ่าตัดเดือนเดียวถึงสี่ครั้ง เมื่ออายุมากจึงกลายเป็นโรคความจำเสื่อม เพื่อนฝูงไปหาก็จำไม่ได้ จึงเหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังไปเยี่ยมเขาทุกปี ชวนคุยท้าวความหลังจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ดื่มเบียร์กันคนละกระป๋องแล้วก็ลากลับ เป็นเช่นนี้อยู่ ๒ - ๓ ปีสุดท้าย
เมื่อ ๒ สิงหาคม ๒๕๓๙ ผมติดธุระจึงบอกกับลูกสาวคนสุดท้องว่า วันหลังจะหาเวลาว่างไปเยี่ยมอย่างเคย แต่ผมก็หลงลืมไปตามวัย จนกระทั่งอีก ๑๑๑ วันต่อมา เขาคงจะขี้เกียจคอยผม เลยเลิกหายใจไปเสียเฉย ๆ โดยไม่มีโรคร้ายแรงแต่อย่างใด ผมจึงรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เป็นความเสียใจเพียงครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมได้คบค้ากับพี่เขามาตลอดเวลา ๕๐ ปี เขาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ ๗๐ ปี กับ ๓ เดือน ๒๑ วัน
##########
โดย: เจียวต้าย 2 พฤศจิกายน 2554 6:18:04 น.
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2554 |
|
7 comments |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 19:41:08 น. |
Counter : 595 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นาถ (sirivinit ) 2 พฤศจิกายน 2554 19:55:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: นาถ (sirivinit ) 2 พฤศจิกายน 2554 19:58:34 น. |
|
|
|
|
|
|
/
2558
2556
2555
น้ำใจจากคุณ krittut 2554
2553
สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ
ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ
เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ
๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์
ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ
เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552
08.27 - 250811
207 flags collected 300316
|
|
|
|
|
|
|
|
เคยคุยกับพี่นาถเหมือนกันค่ะ ถ้าเลือกได้ เราก็อยากไปจากโลกนี้ตามระยะเวลา ด้วยวัยอันควร ไม่อยากป่วย ไม่อยากอุบัติเหตุแล้วไปเลย...แต่ก็ันั่นแหละค่ะ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ใครๆ ก็ต้องไป ถ้าลูกๆ หนูโตแล้ว คิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าตอนเราจะไป...จะไปแบบสบายๆ มั้ย (หมดห่วง)
สวัสดีเช้าวันพุธค่ะ คุณลุง / พี่นาถ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 2 พฤศจิกายน 2554 6:43:21 น.