"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. รำลึกถึงเพื่อนตาย (๓)




รำลึกถึงเพื่อนตาย (๓)

"เพทาย"




คนต่อมาเป็นหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มเพื่อน ที่สมมุติว่ามีอยู่ด้วยกัน ๓๗๘ คน แต่ความจริงมีไม่ถึง กลุ่มนี้มีทั้งหญิงชายที่รับราชการอยู่ในกรมเดียวกัน คบหาสมาคมกันตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๒๕๐๐ กว่า ๆ เธอผู้นี้เข้ารับราชการทีหลังเพื่อน ซึ่งผมเป็นผู้ดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการด้วยตนเอง ตามหน้าที่หลักของผม เรารวมกลุ่มกันได้อย่างเหนียวแน่นจนถึงปัจจุบัน ที่เกือบทุกคนก็เกษียณอายุราชการไปตาม ๆ กัน เมื่อหลายปีมาแล้วผมเป็นผู้นำในการไปทัศนาจรต่างจังหวัด โดยเก็บเงินกันคนละเล็กละน้อย เที่ยวไปตามกำลังความสามารถ ด้วยรถสองแถวขนาดใหญ่ จุผู้โดยสารได้ร่วมยี่สิบคน เราไปกันทั้งครอบครัวลูกหลานยั้วเยี้ย จนสุดท้ายมีเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นจนจัดต่อไปไม่ได้จึงเลิกราไป แต่เราใช้วิธีจัดงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน ซึ่งเกือบจะทุกเดือนในรอบปี โดยเพื่อนที่มาร่วมงานรวบรวมเงิน เป็นของขวัญแก่ผู้เกิด แทนการมอบของขวัญอย่างอื่น เริ่มตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๒๕๒๖ จนถึงบัดนี้

เธอผู้นี้ก็จะเป็นต้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด ทั้งภาคภาษาอังกฤษและภาคภาษาไทย ด้วยเสียงที่สูงจนเพื่อน ๆ ตามไม่ไหว จึงฟังดูคล้ายจะเป็นเพลงประสานเสียงในโบสถ์ของฝรั่ง เป็นผู้ที่ชอบชงเครื่องดื่มให้เพื่อนอย่างแก่จัด แต่ของตนเองจะชงอย่างอ่อน ๆ อยู่เสมอ จนเป็นที่ตำหนิติเตียน และบ่นว่าของเพื่อนฝูงอยู่เสมอ

ชีวิตส่วนตัวของเธอค่อนข้างจะอาภัพ แต่งงานแล้วมีบุตรชายคนหัวปี ก็อายุไม่ยืน ไม่ทันจะโตก็เสียชีวิตไปก่อน ต้องขอลูกผู้อื่นมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เพราะลูกคนแรกนี้คลอดยาก จึงต้องทำหมันปิดโรงงานไป ครอบครัวก็ไม่ค่อยอบอุ่น ต่อมาเมื่ออายุมากขึ้นก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องงดการดื่ม และค่อนข้างจะหงอยเหงาลง ทั้ง ๆ ที่เป็นนักกีฬาเปตอง ได้รับรางวัลเสมอ อยู่มาวันหนึ่งผมทราบข่าวว่าไม่ค่อยสบายมาก ผมก็ไปเยี่ยมที่บ้านพักในกรม เธอต้องนอนคุยกับผม แต่ผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร เธอปรึกษาผมว่าจะขอลาออกและรับบำเหน็จเอาเงินก้อน ผมก็ทักท้วงว่าควรจะรับบำนาญ และประชดเธอไปว่า ถ้าคิดว่าจะตายในเร็ว ๆ นี้ ก็ควรจะรับบำเหน็จ เธอก็ยิ้มเศร้า ๆ ทำให้ผมได้สติว่าไม่ควรจะพูดอย่างนั้น

แล้วเธอก็ต้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ โดยยังไปไม่ถึงโรงพยาบาล ในเช้าวันรุ่งขึ้นนั้นเอง ผมยังเสียใจไม่หายแม้ว่าเวลาจะผ่านมาตั้งหลายปีแล้วก็ตาม เธอเกิดเมื่อ ๑๓ สิงหาคม ๒๔๘๕ และเสียชีวิตเมื่อ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๙ อายุได้ ๕๔ ปี

ต่อไปเป็นคนรูปหล่อแบบชายงาม ผิวคล้ำไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก เขารับราชการในกรมเดียวกัน เกือบพร้อม ๆ กับผม แต่อยู่คนละหน่วย ต่อมาอีกร่วมสิบปีเราจึงได้มาคบกันเป็นเพื่อน จากนั้นเราก็สนิทสนมกันมากขึ้น จนถึงขั้นไปกินไปนอนที่บ้านญาติของเขาที่บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วจึงได้ทำงานร่วมกันในสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ในหน้าที่พนักงานกล้องถ่ายโทรทัศน์ เขาเข้าไปทำงานทีหลังผม ดังนั้นผมจึงเป็นพี่เลี้ยงของเขาในหน้าที่นั้น แต่เขาเป็นคนเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้รวดเร็ว จึงทำให้สามารถปล่อยเดี่ยวได้ในเวลาไม่นานนัก

ผมรักและนับถือเขา ในเรื่องความขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ในหน้าที่การงาน มีความกระตือรือร้น และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นคนกล้าหาญ สามารถทำงานใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงได้อย่างไม่เคอะเขิน ทั้ง ๆ ที่มียศเป็นนายทหารประทวนเท่านั้น แสดงให้ผู้บังคับบัญชาเห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดี เขาจึงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ตลอดมา

ในงานด้านโทรทัศน์ นอกจากงานประจำที่เขาทำด้วยความกระฉับกระเฉง ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างว่องไวทันเวลาแล้ว เขายังได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ให้ก้าวเข้าสู่วงการแสดง เริ่มจากเป็นตัวประกอบซึ่งเมื่อเขาได้รับค่าตอบแทนครั้งแรกใส่อยู่ในซอง เข้าไม่กล้าเปิดออกดู ได้ชวนผมกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ไปนั่งที่ร้านข้าวต้มแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วค่อย ๆ แกะซองนั้นออกมาด้วยความภาคภูมิใจต่อหน้าเราทั้งสอง มันเป็นเงิน ๑๕๐ บาท ซึ่งมากพอสมควรในสมัยยี่สิบปีก่อนโน้น แล้วเราก็ช่วยกันแสดงความยินดีด้วยสุราอาหาร จนหมดเงินจำนวนนั้น

เขาได้ร่วมแสดงภาพยนต์ทางโทรทัศน์ ของคณะรัชฟิล์มหลายเรื่อง ที่เด่นดังในยุคนั้น เช่น พิภพมัจจุราช หุ่นไล่กา เพื่อมาตุภูมิ และ ชุมทางชีวิต ถึงแม้เขาจะก้าวไปไม่ถึงระดับดารานำ แต่ฝีมือการแสดงของเขา ก็ไม่ด้อยไปกว่าดาวร้ายที่ไว้หนวดทั้งหลาย สุดท้ายเขาได้เลื่อนเป็นผู้กำกับเวที และทำงานทางโทรทัศน์อยู่จนถึงเวลาเกษียณอายุราชการเมื่อ ตุลาคม ๒๕๓๓

ในด้านส่วนตัวกับผมนั้น เขาให้ความรักและนับถือผม อย่างมั่นคงไม่มีเปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่ผมมีอายุอ่อนกว่าเขา เขาจะทุกข์จะสุข มีกินหรือไม่มีกิน ก็ต้องบอกเล่ากันอยู่เสมอ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความลับอะไรสำหรับผมเลย เราต่างเป็นที่ปรึกษาของกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเมื่อมีโอกาส ตักเตือนแนะนำด้วยความสุจริตใจต่อกันทุกเรื่อง ตลอดเวลาที่คบกันมา

เขาเป็นคนมีความแข็งแรงสุขภาพดี เพราะได้ออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ เมื่อผมเกษียณอายุราชการใน พ.ศ.๒๕๓๕ เขาก็ยังแนะนำให้ผมหมั่นออกกำลังกายทุกเช้า เพื่อร่างกายจะได้แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน แต่ผมเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้ามาแต่ไหนแต่ไร จึงละเลยคำแนะนำด้วยความหวังดีของเขาเสีย จนถึง พ.ศ.๒๕๓๗ เขาจึงเริ่มไม่สบาย ซึ่งเขาก็ปรับทุกข์
และขอคำแนะนำจากผมบ้าง เมื่อผมแสดงความคิดเห็นไปตามความรู้สึกส่วนตัว เขาก็พอใจที่จะปฏิบัติตามในหลายประการ แม้แต่การเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เพราะเขาพักอยู่ที่บ้านปากน้ำ

สุดท้ายเขาได้รายงานอาการป่วยให้ผมทราบทางโทรศัพท์ ว่ารับประทานอาหารไม่ค่อยได้ น้ำหนักลด และอ่อนเพลียไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน ต่อมาอีกเกือบเดือนผมจึงได้ทราบว่าเขาเข้าไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผมก็ตกใจพยายามที่จะไปเยี่ยมเขาให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทันการ เขาหมดลมหายใจเสียในตอนเย็น วันจันทร์ ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๓๘ แทนที่ผมจะได้ไปเยี่ยมเขาที่ปากน้ำ ในวันรุ่งขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ เขากลับมานอนให้ผมรดน้ำที่วัดสังเวชแทน ผมจึงเห็นแต่ใบหน้าที่เรียบเฉย ผมขาวทั้งศรีษะ และหนวดก็ขาว สวมแว่นตาซึ่งไม่มีความจำเป็นสำหรับเขาอีกแล้ว เขาไม่เห็นและไม่รับรู้สรรพสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้แล้ว เขาไม่เห็นแม้แต่เพื่อนซึ่งรักเขา และเขาก็รักมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงหน้า

ผมเขย่ามืออันเย็นชืดและแข็งทื่อของเขา เป็นการอำลา เหมือนที่เราเคยทำในคราวที่ต้องจากกัน แต่คราวนี้เป็นการลาครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้บีบมือตอบผมเช่นเคย ผมเพียงแต่รู้สึกด้วยใจ ว่าเขาคงจะรับรู้ถึงความเสียใจและอาลัยของผม เช่นกัน

ถัดจากนั้นเป็นเพื่อนผู้มีอาวุโสของผม ตั้งแต่ผมเพิ่งลาออกจากโรงเรียนมาผจญโลกด้วยความรู้เพียงชั้นมัธยมปีที่สี่ จากโรงเรียนวัดสมอราย เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ แล้วเข้าไปเป็นคนงานใช้แรงงาน ที่กรมพาหนะทหารบก ขณะที่มีอายุเพียงสิบหกปี พี่เขาได้เอื้อเฟื้อเจือจานผม ซึ่งเป็นไอ้เปี๊ยกของเขา ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาถนัดจัดเจน จนได้มีความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนได้ประสบการณ์ของลูกผู้ชายในสมัยนั้น อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ๗ - ๘ ปี ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน
และในภายหลังเมื่อผมย้ายมาเจริญเติบโต อยู่ทางฝั่งตรงข้ามของคลองเปรมประชากร อีกกว่าสามสิบปี

ผมสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เขายังเป็นชายโสด รูปหล่อ ยิ้มเห็นฟันทอง ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับอิสตรีอย่างโลดโผนพิสดาร จนกระทั่งแต่งงาน และมีบุตรชายหญิงเรียงลำดับไปจนครบ ๕ คน ไม่มีเรื่องใดเลยในครอบครัวของเขา ที่ผมจะไม่มีส่วนได้รับรู้ และช่วยเหลือกันไปตามประสายากจนด้วยกัน แม้ว่าเราจะมีความขาดแคลนอยู่พอ ๆ กัน แต่เราก็มีความสุขเสมอ บ้านของเขา ตั้งแต่ตรอกปูเค็ม จนถึงเรือนแถวของโรงเรียนทหารขนส่ง และแฟลตนายสิบ ของกรมการขนส่งทหารบก จึงเป็นสวนสวรรค์อันสำเริงสำราญ สำหรับเพื่อนฝูงตลอดเวลา จนกระทั่งผมได้ก้าวหน้าในชีวิตราชการ สูงขึ้นเป็นลำดับ โดยที่พี่เขายังคงเป็นจ่าสิบเอกอมตะอยู่เช่นเดิม แม้เมื่อภรรยาของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ และตัวเขาได้ลาออกจากราชการก่อนที่จะเกษียณอายุแล้วก็ตาม เราก็ยังคบหาไปมาอย่างสม่ำเสมอเหมือนเคย

ลูกคนโตของเขาเป็นหญิง แต่อาภัพเป็นโรคลมชักมาตั้งแต่เด็ก พออายุเข้าวัยรุ่นเกิดเป็นลมขณะรอรถเมล์ข้างถนน ล้มฟาดเอาศรีษะกระแทกกับขอบทางเท้า หมดสติเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ร่วมอาทิตย์ แล้วก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลาง ผมก็ช่วยงานศพที่วัดบางยี่เรืออย่างเต็มกำลัง จนได้พบเพื่อนของแม่เขา ที่เป็นชาวบางยี่ขันอีกหกเจ็ดคน ซึ่งคบกันมาจนแก่เฒ่าและตายจากกันไปเกือบหมด โดยที่ผมยังอยู่ และผมสนิทสนมกับภรรยาของพี่เขามานานมาก จึงเป็นน้าของลูกชายสองและลูกสาวอีกสองของเขาจนถึงบัดนี้

เมื่อใกล้จะเกษียณอายุ เขาเบื่อที่จะคอยเลื่อนจากจ่าขึ้นเป็นนายทหาร เพราะเจ้านายเห็นเพื่อนร่วมงานดีกว่าอยู่หลายปี จึงลาออกมารับบำนาญ แล้วก็เป็นโรคไส้เลื่อนจึงมาปรึกษาผม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเพราะผ่ามาแล้วทั้งสองข้าง ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เป็นการผ่าตัดเล็ก นอนโรงพยาบาลสามวันก็กลับบ้านได้ ผ่าแล้วมันก็หายไม่ถ่วงร่างกายให้เสียดแทงอีกต่อไป เขาก็เชื่อ จึงไปนอนให้หมอผ่าเอาลำไส้ที่เที่ยวเพ่นพ่าน กลับมาอยู่ตามที่ทางของมันตามเดิม แต่ตลอดสามวันเกิดไม่ยอมฉี่ เพราะถ่ายบนที่นอนไม่ถนัด เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องผ่าตัดแก้ไขกระเพาะปัสสาวะอีกครั้ง คราวนี้ให้น้ำเกลือแทนการกินอาหารทางปาก เกิดอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะกระเพาะอาหารเป็นแผล ต้องผ่าเข้าไปรักษากระเพาะอาหารอีก แต่ครั้งแรกไม่สำเร็จ ยังคงถ่ายเป็นเลือดอยู่ จึงต้องผ่าครั้งที่สี่และให้เลือดทั้งหมดเป็นจำนวนมาก ผมและเพื่อนต้องเที่ยวหาผู้เสียสละโลหิต ไปช่วยบริจาคเลือดนับสิบคน จึงรอดตายกลับมาบ้านได้

ผมจำวันเกิดของเขาได้ดี ๒ สิงหาคม ของทุกปี ผมและเพื่อนฝูงจะไปเยี่ยมเยียนเขาที่บ้าน และสนุกสนานเฮฮากันอย่างสุดขีดทุกครั้ง เป็นเวลานานนับสิบ ๆ ปี ในระยะหลังเขาป่วยจากการที่ต้องรับการผ่าตัดเดือนเดียวถึงสี่ครั้ง เมื่ออายุมากจึงกลายเป็นโรคความจำเสื่อม เพื่อนฝูงไปหาก็จำไม่ได้ จึงเหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังไปเยี่ยมเขาทุกปี ชวนคุยท้าวความหลังจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ดื่มเบียร์กันคนละกระป๋องแล้วก็ลากลับ เป็นเช่นนี้อยู่ ๒ - ๓ ปีสุดท้าย

เมื่อ ๒ สิงหาคม ๒๕๓๙ ผมติดธุระจึงบอกกับลูกสาวคนสุดท้องว่า วันหลังจะหาเวลาว่างไปเยี่ยมอย่างเคย แต่ผมก็หลงลืมไปตามวัย จนกระทั่งอีก ๑๑๑ วันต่อมา เขาคงจะขี้เกียจคอยผม เลยเลิกหายใจไปเสียเฉย ๆ โดยไม่มีโรคร้ายแรงแต่อย่างใด ผมจึงรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เป็นความเสียใจเพียงครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมได้คบค้ากับพี่เขามาตลอดเวลา ๕๐ ปี เขาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ ๗๐ ปี กับ ๓ เดือน ๒๑ วัน

##########




โดย: เจียวต้าย 2 พฤศจิกายน 2554 6:18:04 น.




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2554
7 comments
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 19:41:08 น.
Counter : 595 Pageviews.

 

เพื่อนหนูเสียด้วยอุบัติเหตุ 4 คนแล้วนี่เฉพาะที่เรียนมัธยมด้วยกันมา....ยังรู้สึกใจหายเลยค่ะ ของคุณลุงนี่ คบหากันมาระยะเวลานานขนาดนี้ ไม่อยากนึก....

เคยคุยกับพี่นาถเหมือนกันค่ะ ถ้าเลือกได้ เราก็อยากไปจากโลกนี้ตามระยะเวลา ด้วยวัยอันควร ไม่อยากป่วย ไม่อยากอุบัติเหตุแล้วไปเลย...แต่ก็ันั่นแหละค่ะ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ใครๆ ก็ต้องไป ถ้าลูกๆ หนูโตแล้ว คิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าตอนเราจะไป...จะไปแบบสบายๆ มั้ย (หมดห่วง)



สวัสดีเช้าวันพุธค่ะ คุณลุง / พี่นาถ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 2 พฤศจิกายน 2554 6:43:21 น.

 

โดย: sirivinit 2 พฤศจิกายน 2554 19:42:03 น.  

 

การจากกันด้วยความตายนั้น ไม่มีมีใครจะเลือกได้เลยครับ

เพื่อนหญิงกลุ่มที่พบกันทุกเดือนที่ วิเศษไก่ย่าง คนสุดท้ายอายุเท่าผม กินกันเมื่อ ๒-๓ เดือนก่อน ยังคุยกันดี ต่อมาอีกเจ็ดวันก็ต้องไปเผาที่วัดในถนนสายบางกรวย-ไทรน้อยครับ.



โดย: เจียวต้าย 2 พฤศจิกายน 2554 17:40:23 น.

 

โดย: sirivinit 2 พฤศจิกายน 2554 19:42:33 น.  

 

สวัสดีค่ะท่านทั้งสอง


เพิ่งเข้ามาหาได้ค่ะ
รีบไปจัดการอั๊พใหม่
แล้วก็อ่าน


นิจจาเอ๋ย...เคยดวดดวลดุเดือด
จากไปแล้วดังลมรำเพย...เพื่อนตายทั้งนั้น

เพื่อนนาถก็ตายจากไปแล้วหลายคน
ทราบข่าวทีก็ใจหายที
เผอิญในรุ่น เป็นน้องเขาหมด
เป็นนางสาวให้เพื่อนๆ ปรบมือในวันที่ขานชื่ว่า นางสาว ประมาณนั้นค่ะ

เดี๋ยวต่อค่ะ

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 2 พฤศจิกายน 2554 19:55:59 น.  

 

กลัวมันตัดค่ะ

เพื่อนที่จากไป เขาก็เกิดก่อนทั้งนั้น
ตั้งแต่ ๑ - ๔ ปี

บางคนลูกยังไม่โต เป็นที่น่าเวทนาค่ะ

นาถไม่สบาย คุยแค่นี้ก่อนนะคะ
สวัสดีค่ะ

 

โดย: นาถ (sirivinit ) 2 พฤศจิกายน 2554 19:58:34 น.  

 


พี่นาถคะ คุยแล้วก็เพลินอยากคุยต่อใช่มั้ยคะ ได้เข้ามาบ้าง...หนูกับคุณลุงก็ดีใจแล้วค่ะ


เช้านี้ หนูมาก่อนคุณลุงเหรอคะเนี่ย เป็นไปได้ไง...


สวัสดีเช้าวันพฤหัสบดีค่ะคุณลุง / พี่นาถ




 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 3 พฤศจิกายน 2554 6:06:37 น.  

 

ขอบคุณที่พยายามมาคุย แค่อ่านให้สบายใจก็พอแล้วครับ
แต่เรื่องของเพื่อนตาย อาจจะอ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจก็ได้ครับ
ผมเป็นคนมีเพื่อนมาก และเวลาผ่านมานาน ก็ต้องจากกันไปเป็นธรรมดา
เวลานี้ผมคิดแค่นี้ครับ ไม่เหมือนคนแรกเพื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ จะบ้าตายเสียให้ได้ครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 3 พฤศจิกายน 2554 6:09:08 น.  

 

รำลึกถึงเพื่อนตาย (๔)

เพทาย


อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นเพื่อนนักเรียนเก่าร่วมชั้น ที่เรียกว่ารุ่นเดียวกันนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมาก ระดับประถมศึกษานั้น ผมจำได้เพียงคนเดียว เพราะบังเอิญเขาได้เข้าไปรับราชการอยู่ในหน่วยเดียวกัน ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ และระดับมัธยมศึกษา ซึ่งผมเรียนชั้นสุดท้าย ซ้ำเป็นปีที่สอง แล้วก็ไม่สำเร็จนั้น ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก แต่ผมก็ยังจำได้อยู่เพียงคนเดียว เพราะบังเอิญมีนิวาสสถาน อยู่ในย่านซังฮี้ด้วยกัน และเพื่อนผู้นี้เองที่ได้ชักนำเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น ๆ ให้มารู้จักผมหรือให้ผมรู้จัก ตั้งแต่ประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ซึ่งผมก็รับเอาไว้เป็นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ผมนึกถึงความหลัง ที่ได้เคยเกี่ยวข้องกัน ไม่ได้เลยก็ตาม

เพื่อนกลุ่มนี้ตามรายชื่อที่เขาพิมพ์ไว้เป็นหลักฐานครั้งแรก มีเหลืออยู่แค่ สามสิบกว่าคน ซึ่งเมื่อได้รวมกลุ่มกันนั้น แต่ละคนก็มี อายุ คุณวุฒิ และอาชีพที่แตกต่างกันไป และเมื่อได้อยู่มาถึงบัดนี้ ทุกคนก็ได้เกษียณอายุมาแล้วคนละหลายปี และอีกหลายคนก็ได้พ้นจากสภาพความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว

เพื่อนที่ได้พบได้รู้จัก และคบหาสมาคมกันเป็นเวลาสั้นที่สุด จนแทบจะนึกหน้าไม่ออก เป็นอาจารย์ทางศิลปกรรม ดูเหมือนจะสอนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่าง ต่อมาได้เป็นโรคท้องเดิน แล้วหัวใจวายถึงแก่กรรมไปเมื่อปี ๒๕๒๐

คนถัดมานั้น เขาอยู่แถวศรีย่าน ไม่ไกลจากบ้านของผมนัก เป็นคนรูปร่างสูง เสียงทุ้มต่ำมีกังวานลึก ชอบสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนเป็นอย่างดี แต่ทราบว่าเป็นมะเร็งในกล่องเสียง ครั้งสุดท้ายที่มาพบเพื่อนในงานบำเพ็ญกุศลประจำปี แด่บรรพบุรุษของเพื่อนคนหนึ่ง เห็นเอาสายยางที่เจาะลงไปในกระเพาะอาหารติดตัวมาด้วย เพื่อนฝูงก็เย้าแหย่ว่าให้เอาเบียร์กรอกลงไปตามสายยางนั้น จะได้เมาเท่า ๆ เพื่อน จำไม่ได้ว่าเขาทำตามหรือเปล่า แต่อีกไม่นานเขาก็ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๒๕

อีกคนหนึ่งเป็น พันเอกพิเศษ เหล่าทหารการเงิน เป็นคนมีน้ำใจดี รักเพื่อนฝูง และเป็นคนมีรสนิยมในการดื่ม เขาจะพกเหล้าบรั่นดีชื่อดังของโลก ไว้ท้ายรถเสมอ ถ้าได้เข้ากลุ่มกับเพื่อนชุดนี้ เขาก็จะเอาขวดเหล้านั้นมาตั้งกลางวง โดยไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ แล้วก็จิบทีละน้อย ตามด้วยน้ำเย็น เพื่อนที่ชอบเหมือนกัน จะช่วยเขาดื่มด้วยก็ไม่ว่าอะไร ข้อสำคัญถ้าหมดขวดแล้ว ไม่มีใครสั่งตรานี้มาอีก เขาก็จะลากลับบ้าน เพราะไม่ถูกกับตราอื่น เขาป่วยอยู่ไม่นานก็ถึงแก่กรรม ด้วยโรคมะเร็งไม่ทราบว่าที่อวัยวะใดเมื่อปี ๒๕๓๑

อีกคนหนึ่ง เป็นนักเรียนรุ่นพี่แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันคงจะมีที่ถูกใจน้อย จึงมาเข้าร่วมในรุ่นของผม เป็นคนรูปร่างสูงชลูดตูดปอด ไว้หนวดเฟิ้มคล้ายคนโบราณ ใจคอโอบอ้อมอารี มีความรักเพื่อนรุ่นน้องเป็นอย่างมาก ยินดีช่วยเหลือทุกคนที่ขัดข้อง ไม่ว่าเรื่องใด เขารับราชการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีเหล้าฝรั่งกี่ขวดกี่ตรา ก็เอามาเปิดให้เพื่อนกินหมด เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ก็ออกไปทำงานส่วนตัวอยู่ที่ต่างจังหวัด เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงมา จากหอตั้งถังน้ำประปา ต้องกลับมานอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช แล้วก็ถึงแก่กรรม ผมไปเยี่ยมร่างของเขาเป็นคนแรก ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะรับเอาไปเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนแพทย์ เมื่อปลายปี ๒๕๓๑

คนถัดมา แก่กว่าผมหนึ่งปี แต่เรียนอ่อนกว่าผมปีหนึ่ง เมื่อผมโดนเกณฑ์ไปเป็นพลทหารราบ เขาได้เป็นครูฝึกของผม หลังจากที่กลับจากไปร่วมรบ ในสงครามเกาหลีจนได้รับเหรียญกล้าหาญมาแล้ว เขาจำได้ว่าผมเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา จึงได้รับความเมตตาเป็นอย่างดี เขารับราชการทหารต่อมาจนได้รับยศร้อยเอก จึงเป็นโรคมะเร็ง แต่เขาชอบรักษาทางไสยศาสตร์ มากกว่าแผนปัจจุบัน ได้ถึงแก่กรรมลงในเดือนเดียวกับคนก่อนนั้นเอง

คนต่อไป เป็นสถาปนิก มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง การเงินค่อนข้างจะดี และมีน้ำใจกว้างขวาง เขาพูดเสียงดังฟังชัดว่ายินดีรับอุปถัมภ์การจัดเลี้ยงประจำเดือน ของเพื่อนกลุ่มนี้ ขัดข้องสิ่งใดบอกได้ทุกเมื่อ แต่จัดมาได้ร่วมสิบปี เขาก็ป่วยด้วยโรคตับและโรคหัวใจ ต้องนอนข้างถังอ็อคซิเยนอยู่เป็นปี ในงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของเขา ด้วยความรักเพื่อน ถึงกับถอดสายช่วยหายใจ ออกมานั่งคุยด้วยพักใหญ่ จากนั้นไม่นาน เขาก็ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๒

คนต่อจากนั้น รูปร่างสูงใหญ่ สมกับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนชาย ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ได้ทำความเจริญให้แก่โรงเรียนไว้มากมาย เป็นที่รักของครูน้อย และบรรดาศิษย์ทั้งหลาย แต่เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงก็คุยสนุกสนาน มีเรื่องโปกฮามาเล่าให้เพื่อนได้เฮกันเสมอ ถึงเวลาเกษียณอายุ มีการประชุมประกาศสดุดีเกียรติคุณ ที่สนามหน้าโรงเรียน เขามีความปิติยินดีท่วมท้น เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน จนถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๓ ก่อนที่จะพ้นภาระไม่กี่วัน เพื่อนหลายคนยกขบวนไปร่วมงานศพ ที่ทางโรงเรียนจัดให้อย่างสมเกียรติ มีนิทรรศการรอบศาลาสวดพระอภิธรรม ผมเองซึ้งกับคำไว้อาลัยก่อนการพระราชทานเพลิง ถึงน้ำตาซึม

คนต่อมา เป็นทหารสื่อสาร แต่นั่งอ่านข่าวอยู่ทางวิทยุกระจายเสียงจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป พอทหารสื่อสารเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ ก็เลยได้นั่งอ่านข่าวออกหน้าจอให้คนได้รู้จัก เคยไปทำข่าวสงครามในเวียตนาม เกือบได้รับเหรียญกล้าหาญเหมือนกัน แต่ติดขัดอะไรไม่ทราบได้ จึงไม่ได้เป็นนายทหารสัญญาบัตร เมื่อหนุ่มมัวเพลิดเพลินอยู่กับการเที่ยวเตร่ และร่วมการกุศลจนลืมมีเมีย พอถึงเกษียณอายุราชการ เพิ่งมีลูกอายุเพียงไม่กี่ขวบ เกิดเป็นเบาหวานถึงขั้นจะต้องถูกตัดขา แต่มีผู้ใหญ่ช่วยขอร้องทางโรงพยาบาล ให้ดูแลเป็นพิเศษจนหายได้โดยไม่ต้องตัดขา แต่กลับถึงแก่กรรมด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก เมื่อปี ๒๕๓๕

อีกคนหนึ่ง เป็นนายตำรวจป่าไม้ ที่มีชื่อว่ามือสะอาด ขนาดเกษียณอายุราชการแล้วยังผ่อนบ้านไม่หมด มีรสนิยมในการกินเหล้าเคล้าเสียงเพลงมาก และเป็นผู้ที่รู้เรื่องต่าง ๆ นอกวงการป่าไม้อย่างกว้างขวาง เป็นที่ปรึกษาของเพื่อนได้อย่างดี เขามีขอบเขตการปฏิบัติงานอยู่ในหลายจังหวัด จึงสามารถพาเพื่อนไปทัศนาจรได้บ่อย โดยมีลูกน้องจัดการรับรอง หลังเกษียณอายุได้ประมาณสามปี อยู่ดี ๆ ก็มานอนป่วยที่วชิรพยาบาล พอผมไปเยี่ยมครั้งที่สองก็ไม่ได้คุยกันเสียแล้ว เขาถึงแก่กรรมในตอนเย็นวันหนึ่ง เมื่อปี ๒๕๓๖
คนต่อไป ร่างผอมเกร็งรับราชการทางกรมชลประทานสามเสน พบกับผมที่ร้านลูกชิ้นเนื้อวัวศรีย่านบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานเลี้ยงประจำเดือนไม่ทราบว่าติดขัดด้วยเรื่องอันใด คนนี้ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๘ หลังจากที่เกษียณอายุราชการได้ไม่ทันถึง ๓ ปี ด้วยโรคมะเร็งในลำไส้

คนต่อมาเป็นนายทหารอากาศ ผมคิดว่าได้เคยสนิทสนมกับเขาเมื่อตอนเรียนหนังสือ แต่นึกหน้าไม่ออก พอมารวมกลุ่มกันก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขา จึงแทบจะไม่ได้เสวนากันเลย จนเขาถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๙ หลังเกษียณอายุราชการถึง ๗ ปี

อีกคนหนึ่ง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่มีความรักเพื่อนฝูงมั่นคง เคยเป็นนักมวยรุ่นเล็กของโรงเรียน เมื่อโตขึ้นก็เป็นนักบิลเลียดฝีมือเยี่ยม เคยได้ช่วยกิจการของโรงเรียนและสมาคมศิษย์เก่าอย่างเข้มแข็ง มาร่วมงานเลี้ยงรุ่นประจำเดือนสม่ำเสมอ เว้นแต่เมื่อเจ็บป่วย ครั้งสุดท้ายมานอนป่วยอยู่ที่วชิรพยาบาล โดยไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร เพื่อนไปเยี่ยมก็บอกว่า มาหนเดียวพอแล้วไม่ต้องมาอีก พอรุ่งขึ้นเพื่อนที่ไปเยี่ยมด้วยกัน ก็โทรมาบอกว่าเขาไปรออยู่ที่วัดโสมนัสแล้ว เขาถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๔๐

อีกคนหนึ่งผมนึกหน้าไม่ออกเลย แต่ได้ข่าวว่าไปช่วยเดินสายไฟฟ้า บนหลังคาวัดบุญศรีมุนีกรณ์ แถวถนนรามอินทรา กิโลเมตรที่ ๘ แล้วเกิดพลาดพลั้งหล่นลงมาถึงกระโหลก ศรีษะร้าว ถึงแก่ความตายที่ โรงพยาบาลนพรัตน์ เมื่อ ๙ เมษายน ๒๕๔๐

คนต่อมาเป็นนายทหารเหล่าสารบรรณ ทำงานอยู่ที่กรมสารบรรณทหารบก ผมเคยไปติดต่อกับเขาบ้าง เมื่อยังรับราชการอยู่ แต่เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว เขาก็หายเงียบไปเลย ได้ข่าวว่าถึงแก่กรรมเมื่อ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๔ อายุ ๗๐ ปีพอดี

อีกคนหนึ่งเคยสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เขามีอาชีพอิสระดูเหมือนจะเป็นเจ้าของรถบรรทุกรับจ้าง แต่เจ้าตัวชอบแต่งกายด้วยชุดที่นำสมัยหล่อเหลาอยู่เสมอ เขาป่วยหลายโรค จนต้องเลิกดื่มไปหลายปี แต่เมื่อพบกันก็จะคุยสนุกสนานเฮฮาอยู่เสมอ เพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๕ อายุเกือบ ๗๓ ปี

 

โดย: เจียวต้าย 3 พฤศจิกายน 2554 6:16:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.