เรื่องที่จะเล่าวันนี้ ผมขออนุญาตบอกประเทศ เขต เมือง ชัดเจนนะครับ ปกติไม่ค่อยอยากบอกประเทศ เมือง เขต ชื่อโรงแรม เท่าไหร่ ถ้าเป็นเรื่องในแง่บวกที่อยากชื่นชม หรือต้องบอกจริงๆ ผมจะบอกครับ
เมื่อ "ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นจามี" กำลังจะเข้าญี่ปุ่น ...และ ผมอยู่ที่นั่น!
เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปเมื่อกันยาปีที่แล้ว จริงๆ เรื่องทั้งหมดผมก็มาเล่าย้อนให้ฟังนั่นแหละ ผมต้องบินไปญี่ปุ่นแบบเร่งด่วนด้วยเรื่องธุรกิจเสริมกับเพื่อน มันแค่เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจครับ ทำให้ต้องเลือกบินไปเองดีกว่า
หน้าที่บินเป็นหน้าที่ของผม งานนี้ผมจองตั๋วด่วนคนแรกแบบไม่ลังเล แต่ด้วยข่าวที่ออกทุกวันว่าซุปเปอร์ไต้ฝุ่นกำลังจะเข้าญี่ปุ่นในช่วงนั่นพอดี ประกอบกับเรื่องสุขภาพเล็กน้อย ทำให้แฟนกับเพื่อนไม่สบายใจนัก ที่จะปล่อยให้ไปคนเดียวในช่วงสภาพอากาศแย่ จึงเริ่มมีเสียงขอให้ยกเลิกไฟลท์ และเลื่อนลูกค้าเป็นครั้งที่ 2 แทน
แต่มันจะดีหรอครับ...เลื่อนลูกค้าไปรอบนึงแล้ว
ด้วยความโชคดี ตั๋วช่วงนั้นถูกมากๆ จนเพื่อนผมตัดสินใจง่ายมาที่จะบินไปด้วย เพราะราคา 2 คน แพงกว่าผมบินคนเดียวเวลาปกติแค่เล็กน้อยเท่านั้น ด้วยความที่คิดว่า ถ้าเกิดติดพายุจริงๆ อย่างน้อย 2 คนคงดีกว่าคนเดียว ส่วนมันคิดว่าจะดูแลผมได้...แต่เอาจริง 99% ของทริปที่เคยเที่ยวด้วยกัน ...ผมดูแลมัน...
จริงๆ เราเคยติดพายุด้วยกันมาแล้้วที่ประเทศหนึ่งที่ชอบมีพายุแรงๆ บ่อยๆ มันไม่มีอะไรมากครับ แค่ช่วยกันขนของกินของใช้แล้วเก็บตัวในโรงแรม แค่นั่นก็รอดมาได้แล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
เมื่อเราไปถึง สิ่งที่เจอคือฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้งวัน มันไม่น่ากังวลอะไรเลยเพราะน่าจะเป็นปกติของฤดูฝน ฝนที่ไทยยังน่ากลัวกว่า ในเวลานั้น พวกผมก็สบายๆ กลางวันทำธุระ กลางคืนนั่งดื่ม ลืมเรื่องพายุไปหมดแล้ว
จนวันที่ 28 กันยา ตอนบ่าย เริ่มมีโทรศพท์จากไทยโทหาพวกเราไม่ขาด ทั้งพ่อแม่ผม พ่อแม่แฟน เร่งให้เลื่อนแผนการเดินทางกลับให้เร็วที่สุด เพราะพายุเข้าโอกินาวาเรียบร้อยราบคาบ และสนามบินNaha ประกาศปิด บอกก่อนว่าตอนนั้นผมอยู่โตเกียวครับ ผมกับเื่อนก็ยังคงชิล บอกกับทุกคนว่านั่มันตอนใต้ โตเกียวสบายๆ ไม่มีปัญหา ที่ไทยก็คลายกังวลหยุดโทรไปได้ซักพัก ซึ่งจริงๆ ยังไงพวกผมก็ยังกลับไม่ได้ครับ เรารอการยืนยันบางอย่าง เพื่อจบทริปนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการเสียเงิน และเสี่ยงพายุฟรีๆ
จนกระทั่งเช้า สนามบิน Kansai ประกาศปิด และมีประกาศในเช็คสถานะทุกสายการบินทั้ง Narita และ Haneda
ตอนนั้นเริ่มมองหน้ากันแล้วครับ การออกจากที่นี่ให้เร็วคงดีที่สุดแล้ว เราเริ่มเช็คไฟล์ทคืนนี้ของเรา และโรงแรมสำรองเผื่อจะต้องนอนต่ออีก 1-2 คืน ญาติพี่น้องกระหน่ำโทรมาอีกครั้ง ซึ่งพวกผมทำได้แค่บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้ไม่ดีก็แค่นอนโตเกียวเพิ่มอีก 1-2 คืน สบายๆ แต่ใครอยากนอน...ถามจริง
เช้านั่นทุกโรงแรมดูวุ่นวาย แขก check out พร้อมกันเยอะมาก
การยืนยันสุดท้ายเรื่องธุระของเรามาตอน 6 โมงเวลาท้องถิ่น ทำให้เราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยในเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ผมรีบโทรหาเพื่อนในลากกระเป๋าออกจากโรงแรมมารอ แทบวิ่ง 4x100 กลับมาขึ้นแท็กซี่ ขึ้นปั้บผมก็นั่ง Text รายละเอียดเรื่องานให้เสร็จ แต่เงยหน้ามาล้อยังไม่หมุน... เพื่อนเวรของผมเสือกฟังคำถามคนขับไม่รู้เรื่อง สรุปผมต้อง Text ไป บอกลุงคนขับไป สรุปมันต้องห่วงผมหรือผมต้องห่วงมัน
อ้อ...ผมพูดญี่ปุ่นไม่ได้ครับ ฟังออกเป็นคำๆ ได้แค่ 10% ละมั้ง แต่นั่นก็พอแล้วครับ ถามทางได้ กินข้าวได้ ซื้อของได้
เรามาถึงสนามบิน 3 ทุ่มกว่าๆ ความตื่นเต้นหายไปแล้ว และเริ่มนั่งชิลเหมือนเดิม ตอนนั่งรอเวลาในเลาท์ ผมกับเพื่อนนั่งมองฝนที่เริ่มหนักตลอดเวลา แล้วคุยกันว่า แม่งก็ไม่ได้มีไรว่ะ มาสนามบินช้าตื่นเต้นกว่าอีก ขำครับ ยังขำกันอยู่จนเริ่มมีประกาศเที่ยวบินดีเลย์หลายเที่ยวบิน เนื่องจากการพายุ ทำให้ต้องใช้เวลาบินเพิ่มขึ้น
ตอนนั่นก็เริ่มเงียบแล้วครับ แต่ก็เดินไปเกทตามเวลาบอร์ดดิ่ง พอถึงเกท...ดีเลย์ครับ เที่ยวบินของเรา Delay departure เพื่อนผมนี่หน้ากังวลทันที นั่งสั่นขาแข่งกับพี่ฝรั่งข้างๆ ที่ดูกังวลไม่แพ้กัน มีแต่พี่อินเดีย 3-4 คน ที่ยังนั่งร้องเพลงอย่างสบายใจ แต่เพื่อนผมมันก็ยังนั่งหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไร เหมือนผมนั่นแหละที่กลัวจะได้นอนสนามบิน แต่ก็ทำได้แค่นิ่งๆ ไว้ ผมcall กับแฟน แล้วก็พ่อจนเรียกขึ้นเครื่อง พ่อทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบิน เขาบอกผมตลอดเวลา ถ้าสนามบินไม่ปิดคือไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล
พี่อินเดียนี่เดินร้องเพลง เต้นยึกยัก ขึ้นเครื่องไปเลยครับ ผมว่าเขา "ปลอบใจ" ตัวเองอยู่
บนเครื่อง พี่ฝรั่งนั่งข้างๆ ถัดผมไป ขั้นด้วยทางเดิน พี่แกเดินทางคนเดียว และหน้าตากังวลมาก หลับตา สั่นขา ตลอดเวลา เพื่อนผมที่ว่ากังวล หลับครับ เงียบไปเลย ส่วนผมนั่งดู Han Solo ดูจนครึ่งเรื่อง มีประกาศ Turbulence ให้นั่งที่รัดเข็มขัด ผมกับเพื่อนมองหน้ากัน แล้วต่างคนต่างนั่งเงียบๆ ต่อ พี่ฝรั่งหูแดงๆ นั่งซบหน้ากับพนักพิงด้านหน้าตลอดเวลา แต่กระเทือนมากจริงๆ ครับ ไม่ปกติกับ 878 Dreamliner แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีครับ กระเทือนๆ หน่อยเท่านั้น
ทริปหนีพายุของเราจบไปสวยๆ ครับ ไม่ได้ต้องตื่นเต้นอะไร มีก็แต่ความรู้สึกของตังเองที่รู้สึกว่า เออ เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก จากเวลา จากประสบการณ์ จริงๆ มันสำคัญมาก สำหรับการแก้ไขและเตรียมพร้อมกับปัญหา สติก็สำคัญครับ ตื่นตูมไปไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เราห่วงความรู้สึกคนที่ไทยมากกว่าตัวเอง ถึงได้บอกพวกเขาตลอดว่าไม่เป็นไร อย่าลืมนะครับ...ดูประกาศสายการบินเรื่อยๆ อย่าวางใจมากเกินไป ดูข่าวด้วยครับ จะได้ประเมินสถานะการณ์ถูก อย่าใส่รองเท้าผ้าใบลุยฝนครับ มันเหม็นมาก และ...หาร่มที่แข็งแรงไปด้วยครับ ร่มผมตายในหน้าที่ที่นี่ เสียดายมาก
เจอกันครับ
Create Date : 18 เมษายน 2562 |
Last Update : 18 เมษายน 2562 13:38:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 679 Pageviews. |
|
|