Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 

review หนังที่ดูมาตลอดปี 2005

2005 ปีแห่งเรื่องลี้ลับ รักลวง ความฝันและความบ้าคลั่งในโลกเซลลูลอย


review หนังที่ดูมาทั้งปี ทั้งในโรงหนังและดีวีดี ประมาณ 60 กว่าเรื่อง แต่จะทะยอยๆ เอามาแปะที่ละ 10 เรื่องนะคะ
มีทั้งที่ดูในโรงหนังและดูจากดีวีดี ไม่ได้เรื่องตามที่ดูและเรียงตามที่นึกได้มากกว่าค่ะ ส่วนเรื่องวิจารณ์และการให้ดาว เราให้จากคะแนนความดูแล้วชอบมาก-น้อย ตามใจตัวเองมากๆ เลยนะคะ เพราะงั้นใครที่ดูแล้วอาจจะคิดไม่เหมือนกันก็ได้ ไม่ว่ากันค่ะ ^0^



1. National Treasure ** ½


Image hosted by Photobucket.com


เมื่อ เบนจามิน แฟรงคลิน เกทส์ ตามหาขุมทรัพย์ล้ำค่า ที่บรรพบุรุษของเขาตามหามา 8 ชั่วอายุคน นั่นคือ ทรัพย์สินเพื่อเป็นทุนในการปฏิวัติสงคราม ที่ถูกซ่อนไว้โดยประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน และ เบนจามิน แฟรงคลิน เขาจะต้องหาสถานที่เก็บสมบัติ พร้อมกับหารหัสลับในการเปิดขุมทรัพย์ ซึ่งซ่อนอยู่ในรัฐธรรมนูญให้พบ และแผนที่นี้เอง จะพาเขาย้อนกลับไปยังสถานที่ ที่ถูกเขียนขึ้นในวันประกาศอิสระภาพอเมริกา...

บัดนี้ เบน เกทส์ (นิโคลัส เคจ) ผู้รักอิสระเสรี กำลังเข้าใกล้ความสำเร็จ ในที่สุด เขาก็รู้ที่ซ่อนของเบาะแสสุดท้าย ที่จะนำไปสู่ที่ซ่อนขุมทรัพย์ : แผนที่ลับซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังคำประกาศอิสรภาพ เมื่อเรื่องแผนที่นี้รู้ไปถึงคู่ปรับที่ไร้ปรานีของเขา เอียน โฮว์ (ฌอน บีน) เบนก็ต้องเจอปัญหาที่ยากจะตัดสินใจ โดยเขาจะต้องเป็นคนแรกที่ขโมยเอกสารล้ำค่าที่สุดของอเมริกา ซึ่งได้รับการคุ้มกัน โดยระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก ไม่เช่นนั้น มันก็จะตกไปอยู่ในมือของคนร้าย

เกทส์ซึ่งต้องแข่งขันกับเวลา คู่ปรับ และเจ้าหน้าที่รัฐบาล ร่วมมือกับเพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ไรลีย์ โพล (จัสติน บาร์ธา) และ อาบิเกล เชส (ไดแอน ครูเกอร์) ภัณฑารักษ์แห่งหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สาวสวยที่ช่วยเหลือเขาอย่างไม่เต็มใจ ในการปฏิบัติภารกิจเหลือเชื่อนี้ให้ลุล่วงไป พวกเขาจะประสบความสำเร็จ ในการดำเนินแผนโจรกรรมที่ท้าอันตรายที่สุดรึเปล่า? คำประกาศอิสรภาพจะนำเบนให้เข้าใกล้สมบัติมากขึ้นรึเปล่า? ในเหตุการณ์ลุ้นระทึกหักมุมครั้งแล้วครั้งเล่า จากช่องระบายอากาศของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ไปสู่สุสานใต้ดินใต้นครนิวยอร์ก คำตอบได้ถูกเปิดเผยออกมา ขณะที่เบน เกทส์ได้ไขปริศนาลึกลับ เบื้องหลังขุมทรัพย์แห่งชาติ ที่ล้ำค่าที่สุดของอเมริกา...


หลังจากความโด่งดังของ The DaVinci Code (และประกาศจะสร้างเป็นหนัง) หนังในแนวแอ็คชั่น ผจญภัย ไขปัญหาปริศนาลี้ลับแบบโบราณ ก็สร้างออกมาสนองความสนใจของผู้ชมและผู้อ่านหลายเรื่องพอควร โดย National Treasure ก็เป็นหนึ่งในนั้น แนวเรื่องเป็นการผสมผสาน davinci code กับ Indiana Jones เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งทำได้ดีพอสมควรในแง่ของการดำเนินเรื่องและการไขปริศนา แม้จะยังไม่ลึกล้ำและซ่อนเงื่อนเท่าที่เราหวัง พร้อมบทสรุปที่ดูง่ายไปหน่อย แต่ก็ทำให้ลุ้นในหลายๆ ฉาก หนังถือว่าสอบผ่านในแง่ของการดูสนุกๆ แบบไม่ต้องไต่บันไดดู...




2. The Forgotten *1/2


Image hosted by Photobucket.com


จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีคนบอกคุณว่า ทุกช่วงเวลาที่คุณเคยประสบพบเจอมา และทุกความทรงจำที่คุณแสนรักใคร่... เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น!?

เทลลี่ พาเร็ตต้า (จูลีแอนน์ มัวร์) ต้องทุกข์ทรมาน กับความทรงจำที่มีต่อการตายของ แซม ลูกชายวัย 8 ปีของเธอ จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 14 เดือนก่อน ในขณะที่เทลลี่พยายามลืมความโศกเศร้า และพยายามแก้ไขความห่างเหินของเธอกับ จิม (แอนโธนี่ เอ๊ดเวิร์ดส์) ผู้เป็นสามี ดร. มันซ์ (แกรี่ ซีนีส) จิตแพทย์ของเธอกลับบอกเธอว่า เธอกำลังทุกข์ทรมานจากภาพหลอน ดร. มันซ์บอกเทลลี่ว่า ลูกชายของเธอไม่เคยมีตัวตน และเธอเป็นผู้สร้างความทรงจำเกี่ยวกับแซมขึ้นมาเอง นั่นทำให้เทลลี่ ซึ่งตกอยู่ในอาการมึนงง พยายามหาหลักฐานการเคยมีตัวตนอยู่ของแซม ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย วิดีโอ สมุดภาพ แต่ทุกอย่างกลับสูญหายไปหมด เทลลี่เริ่มเชื่อว่าเธอกำลังจะเป็นบ้า จนกระทั่งเธอได้พบกับ แอช คอร์เรลล์ (โดมินิค เวสต์) พ่อของเหยื่อเครื่องบินตกรายหนึ่ง เทลลี่กับแอชจึงร่วมมือกันในการค้นหาหลักฐาน ที่จะพิสูจน์ถึงการมีตัวตนของลูกๆ ของเขาและเธอ และเพื่อยืนยันในจิตที่เป็นปกติของพวกเขาด้วย...


หนังดราม่า-ลี้ลับ ที่เราพอจะเดาๆ ได้ว่า “อะไร” คือ เบื้องหลังของความลี้ลับตั้งแต่ดู trailer ก็เลยไม่แปลกใจ หรือผิดหวัง ตอนที่ไปดู เราเข้าใจว่า ธีมหลักของเรื่องคือการเสนอเรื่องความรักและความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ซึ่งยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด และไม่อาจมีสิ่งใดมาทำลายความรักความอาทรนั้นให้เลือนหายไปได้ แต่หนังไม่สามรถดึงอารมณ์คนดูให้ไปถึงจุดที่ต้องการ เพราะเน้นไปในเรื่องความลี้ลับและการไขปริศนาเสียมากกว่า เลยทำให้หนังดูอีหลักอีเหลื่อ และหลายๆ คนรับไม่ได้เมื่อตอนที่รู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังปริศนานี้ ...เรื่องนี้ไม่มีอะไรประทับใจมากมาย ดูก็ได้ไม่ดูก็ดีไม่ต้องเสียเงิน (แต่หลายๆ คนเสียอารมณ์)


~*~*~*~*~




3. The Aviator ***


Image hosted by Photobucket.com



ภาพยนตร์เรื่อง The Aviator เป็นเรื่องราวเกี่ยวชีวิตในวัยหนุ่มของ ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ (รับบทโดย ลีโอนาโด ดิแคปริโอ) ชายหนุ่มรูปงามและฉลาดหลักแหลม มหาเศรษฐีพันล้าน เจ้าของอุตสาหกรรมน้ำมันและบ่อนคาสิโน, เสือผู้หญิง, นักบินผาดโผน, ผู้สร้าง และผู้กำกับหนังฮอลลีวู้ด (Hell’s Angels ในปี 1930) ที่พูดถึงความความฝันและความทะเยอทะยานในเรื่องการบิน และความสัมพันธ์กับนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่าง เอวา การ์ดเนอร์, แคทเธอรีน เฮปเบิร์น, เบ็ตตี้ เดวิส และ จีน ฮาร์โลว์

The Aviator แสดงภาพของความรู้สึกและความรักในช่วงนั้นของฮิวจ์ และสาวสวย 2 คน ที่เป็นตำนานของฮอลลีวูด แคทเธอรีน เฮปเบิร์น (รับบทโดย เคท บลันเชตต์) ในยุค 30 และ เอวา การ์ดเนอร์ (รับบทโดย เคท เบคคินเซล) สาวสวยร้อนแรงและสดใสในยุค 40 และการต่อสู้ของชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ที่ต้องประสบกับโชคชะตาที่พลิกฝัน ให้ต้องพบกับอุปสรรคทางร่างกายและความหวาดกลัว จนในที่สุดก็ก่อตัวเป็นอารมณ์ที่แปรปรวนมาก และพฤติกรรมที่แปลกแยก ที่นำพาให้เขาปลีกตัวออกจากทุกคนที่อยู่รอบตัว...


อัตชีวประวัติของอดีมหาเศรษฐีฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ ที่ทำให้เราได้เห็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์และตกต่ำของคนๆ หนึ่งที่ไม่ว่าจะร่ำรวยมหาศาลหรือมีอำนาจมากน้อยแค่ไหน และยังทำให้เห็นสัจจธรรม ที่บอกไว้ว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ยิ่งมากรัก ยิ่งไม่มีใคร (อันนี้เติมเอาเอง :P) หนังยาวประมาณ 3 ชม. แต่การกำกับและดำเนินเรื่องทำได้ไม่น่าเบื่อ ยิ่งใหญ่แบบเคร่งขรึมในสไตล์ของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ และเรื่องนี้ทำให้เราระลึกได้ว่า ลีโอนาโด ดิแคปริโอ เป็นนักแสดงที่มีฝีมือแค่ไหน (ยกเว้นแต่ว่าใบหน้าเขาออกจะโตไม่ทันอายุ) และ การแสดงของ เคท บลันเชตต์ ก็เป็นส่วนที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น


~*~*~*~*~




4. Closer ****


Image hosted by Photobucket.com



ไมก์ นิโคลส์ ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ สร้างสรรค์ผลงานเรื่องต่อมา หลังประสบความสำเร็จกับเรื่อง Angels in America ด้วยภาพยนตร์เรื่อง Closer ที่นำเสนอมุมมองที่ตรงไปตรงมา และตลกปนเสียดสีได้อย่างเจ็บปวด ต่อเรื่องความสัมพันธ์ยุคใหม่ มันคือเรื่องราวของคนแปลกหน้า 4 คน คือช่างภาพสาวพราวเสน่ห์ แอนนา (จูเลีย โรเบิร์ตส์), นักเขียนหนุ่มไฟแรง แดน (จู๊ด ลอว์), สาวเซ็กซี่อารมณ์ลึกลับ อลิซ (นาตาลี พอร์ตแมน) และแพทย์หนุ่มสุดหล่อ ลาร์รี่ (ไคลฟ์ โอเว่น) ที่โคจรมาพบกันโดยบังเอิญ และตกหลุมรักกันโดยทันที การทรยศ หักหลัง และการแก้แค้นสุดร้ายกาจ เพื่อให้ได้มาซึ่งรักแท้ของคนทั้ง 4 จึงอุบัติขึ้น...

Closer คือภาพยนตร์ที่มีความตลก มีพลัง ที่วางเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นในนครลอนดอนร่วมสมัย และชวนให้นึกถึงผลงานคลาสสิกของผู้กำกับนิโคลส์อย่างเรื่อง Who's Afraid of Virginia Woolf และ Carnal Knowledge


หนังดราม่า อารมณ์เข้ม ที่มาพร้อมกับ trailer หนังและประโยคเก๋ๆ ที่ทำให้เราอยากดูมากกกกกก ทั้งๆ ที่ปกติไม่ค่อยชอบดูหนังรัก หนังบอกเล่าถึงวังวนแห่งความรัก กิเลสตัณหา การทรยศหักหลังและการแก้แค้นของหนุ่มสาว 4 คนที่สะท้อนภาพความจริงของชีวิตและทัศนคติของหนุ่มสาวยุคปัจจุบันได้อย่างสวยงามและเจ็บปวด โดยแบ่งออกเป็นตอนย่อยๆ 4 ช่วงในแต่ละจุดหักเหของความรักของทั้งสี่

Love is an accident waiting to happen.
เมื่อรักมาทักทาย ยามแรกรัก น้ำต้มผักก็ยังหวาน...

Desire is a stranger.
เมื่อความปรารถนาไม่เคยเพียงพอ และความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด...

Intimacy is a lie we tell ourselves.
เมื่อรักแล้วต้องหลอก เพื่อให้ได้มาหรือรักษาไว้ซึ่งรักนั้น...

Truth is a game we play to win.
เมื่อรักมาถึงสุดแตกหัก....ความรักจะมีอำนาจเหนือความจริงและพร้อมยอมอภัยจริงหรือ?...


ดูจบแล้ว คุณอาจสงสัยว่ารักแท้นั้นมีอยู่จริงไหม...แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หนังเรื่องนี้ก็ช่วยเปิดตาในเรื่องความรักให้กว้างขึ้น....

If you believe in love at first sight, you never stop looking.


~*~*~*~*~




5. The Phantom of the Opera *** ½


Image hosted by Photobucket.com



ณ โรงละครปารีสอันหรูหรา ที่ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของเหล่านักร้องโอเปร่า ผู้มีความฝันและความมุ่งมั่น ที่จะเป็นสุดยอดของวงการเพลงโอเปร่าแห่งยุค และวินาทีไม่มีนักร้องเสียงโซปราโน่คนใด โด่งดังไปมากกว่า คาร์ล็อตต้า (มินนี่ ไดรเวอร์) อีกแล้ว เธอเป็นดาวและแสงสีของปารีส ขณะเดียวกัน เด็กสาว คริสตีน (เอ็มมี่ รอสซั่ม) ที่มุ่งหน้ามายังโรงละครแห่งนี้ ด้วยหวังจะเป็นนักร้องโอเปร่าคนดัง ทว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่เธอหวังไว้ เส้นทางสู่เวทีของโรงละครแห่งนี้ ล้วนเต็มไปด้วยขวากหนามที่ที่คาร์ล็อตต้า สาวเสียงโซปราโน่ วางเอาไว้

แต่ด้วยความช่วยเหลือของ The Phantom (เจอร์ราร์ด บัทเลอร์) ปีศาจแห่งโรงละคร ที่มันได้ยินสุ้มเสียงอันไพเราะของเธอ และเขาตกอยู่ในมนตร์สะกดของเธอนับแต่บัดนั้น เขาเสนอที่จะช่วยสอนเธอร้องเพลง และทำทุกอย่างที่จะให้เธอได้มาร้องเพลง ที่โรงละครอันเป็นที่สิงสถิตย์ของเขาแห่งนี้ จวบจนวันหนึ่ง ที่เหล่านักร้องของโรงละครได้ถูกหลอกหลอน และหนีออกไปจากโรงละครในค่ำวันหนึ่ง มันเป็นเพียงโอกาสเดียวของคริสตีนที่ปีศาจได้หยิบยื่นให้ เพื่อที่จะได้แสดงความสามารถให้ทุกคนได้เห็น แต่คาร์ล็อตต้าก็ยังไม่วายที่จะทวงตำแหน่งของเธอกลับคืนมา

ในขณะเดียวกัน ความรักของเขาที่มีให้กับสาวน้อยก็ทวีตัวมากขึ้น ทว่าสาวน้อยได้มอบหัวใจให้กับ ราอูล (แพททริค วิลสัน) วิกอมท์ เดอ ชางยี ปีศาจแห่งโรงละครไม่ชอบใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นนัก และลักพาตัวเธอไป เพื่อที่จะได้ครอบครองเธอไว้เพียงคนเดียว ราอูลจำต้องต่อสู้ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอกลับมา...


ชอบพล็อตเรื่องนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และรุ่นน้องที่ทำงานได้บัตรตอนงาน Bangkok Film Festival มาฟรี เลยเสร็จเรา... ชอบหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะเพลง และนางเอกที่ดูสวยใสสมบทบาท (แต่พระเอกยังถูกในน้อยไปนิด ชอบ phantom มากกว่าอีก) นั่งร้องไห้เป็นเต่าเผา ตอนท้ายๆ แต่น้องผู้ชายที่ไปดูด้วย นั่งหลับ บอกว่าน่าเบื่อมาก -_-“ อืม ของแบบนี้ลางเนื้อชอบลางยาอ่ะนะ แต่เราชอบหนังพีเรียด แถมเนื้อเรื่องเน่าซะปานนี้ ไม่รอดๆ


~*~*~*~*~




6. 2046 ****


Image hosted by Photobucket.com



มันเป็นปี 1966 เชา โม หวัน (โทนี่ - เหลียงเฉาเหว่ย) กลับมาสู่ฮ่องกง และต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เขาได้ซ่อนเร้นเอาไว้ อดีตอันเกี่ยวเนื่องกับหญิงสาว : หญิงสาวหลายคน ในช่วงนั้น บางอย่างได้เกิดขึ้นกับเขา หัวใจของเขาเย็นชา และฝังเอาไว้ซึ่งความทรงจำบางอย่างที่เลือนหาย ไม่มีใครสักคนที่จะเข้าถึงเขาได้

เขาเขียนนิยายประโลมโลกราคาถูกเพื่อประทังชีวิต เขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องหมายเลข 2047 และหลังจากนั้นได้ไม่นานนัก ก็ได้เขียนนิยายที่เขาให้ชื่อมันว่า "2046" และในเรื่องนี้ ใครก็ตามที่ได้ขึ้นรถไฟที่มุ่งสู่ปลายทาง 2046 จะมีโอกาสย้อนสู่ความทรงจำแห่งอดีตที่สูญหายของตน ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครเคยกลับมาจาก 2046

จนกระทั่งถึงปี 2046 รถไฟปริศนาขบวนนั้น ก็ยังออกเดินทางอย่างสม่ำเสมอ ...เพื่อไปสู่ 2046


หนังสวยๆ เหงาๆ ของป๋าหว่องกาไวเจ้าเดิม ที่เป็นภาคต่อของ In The Mood For Love เรื่องราวของรักฝังใจ ซึ่งเราดูแล้วไม่รู้เหมือนกันว่า มันเป็นสิ่งที่น่ายินดีและเป็นความสวยงามในภาพฝันกับการเก็บความรักครั้งนั้นไว้ แม้จะไม่มีทางสมหวัง จนเราอาจพลาดจากความรักครั้งใหม่ และทำร้ายคนที่รักเราอย่างน่าเสียดาย

...หรืออาจจะเป็นเพียงแค่คนเรา...กลัวกับการเริ่มต้นใหม่จนเกินกว่าจะรักใคร เพราะกลัวจะต้องสูญเสียรักนั้นไปอีกครั้ง


~*~*~*~*~




7. Kung Fu Hustle ***


Image hosted by Photobucket.com



เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายในประเทศจีน ก่อนเกิดเหตุปฏิวัติ ซิง (โจวซิงฉือ) คือโจรกระจอกใฝ่สูง ที่หวังจะได้เป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งค์แอ็กซ์ (โคตร) อำมหิตและชั่วร้าย ที่อยู่เบื้องหลังเหตุร้ายที่เกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง ซิงที่เดินเกะกะระรานตามประสาเด็กแนว ไปทั่วชุมชนที่ชาวบ้านอยู่กันอย่างหนาแน่น ในย่านที่เรียกกันว่า 'ตรอกเล้าหมู' พยายามรีดไถเงินจากชาวบ้านตาดำๆ คนหนึ่ง แต่คนแถวนั้นไม่ได้ดูอ่อนหัดอย่างที่เห็นภายนอก ความพยายามแบบปล่อยไก่ของซิง ที่คิดขู่เข็ญชาวบ้านเพื่อเรียกความสนใจจากแก๊งค์แอ็กซ์ ให้หันมาสนใจการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ ก่อให้เกิดเหตุตามมาเป็นพรวน ทำให้สองโลกที่ไร้ความเสมอภาคต้องมาเผชิญหน้ากัน เมื่อชาวบ้านตรอกเล้าหมูลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง การปะทะที่ติดตามมาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์วิชากังฟู ก่อให้เกิดสุดยอดฝีมือที่เป็นตำนานขึ้นมามากมาย ส่วนซิง แม้จะพยายามทำชั่ว ในแบบที่ทำให้คนดูเกิดอาการต่อมฮาแตกจนแทบตกเก้าอี้ แต่เพราะไร้ซึ่งวิญญาณของนักฆ่า เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย เพื่อจะค้นพบถึงธรรมชาติอันแท้จริงของการเป็น 'สุดยอดกังฟู'

หนังตลกเบาสมอง เอาหน้า โจวซิงฉือเป็นประกัน ไม่ต้องคิดมาก เน้นฮาอย่างเดียว แต่ก็ต้องนับถือในฝีมือของเฮียโจว ในแง่ที่ว่า ยังคงรักษามาตรฐานการสร้างเสียงหัวเราะไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าหลายๆ มุขจะไม่ใหม่แล้ว แต่การดำเนินเรื่องและจังหวะในการปล่อยมุขให้คนดูขำได้เรื่อยๆ ไม่ฝืด ก็ต้องนับว่าเป็นฝีมืออย่างหนึ่ง


~*~*~*~*~




8. Finding Neverland ***1/2


Image hosted by Photobucket.com



เมื่อ เจ. เอ็ม. แบร์รี่ (จอห์นนี่ เด็ปป์) อดีตนักเขียนดาวรุ่งไฟแรง กำลังมองดูผลงานประพันธ์ของตัวเอง ที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นละครเวทีเรื่องล่าสุดของเขาอย่างหมดไฟ ณ จุดนั้น แบร์รี่รู้ดีว่า ผลงานของเขานั้นไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่อีกแล้ว แต่นั่นก็ไม่เท่ากับที่เขารู้ตัวว่า เขานั้นกำลังต้องการแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง และแล้วเช้าวันหนึ่งอันเงียบสงบ ในสวนสาธารณะเคนซิงตันการ์เด้นส์ แบร์รี่และสุนัขพันธุ์เซนท์เบอร์นาดของเขาก็มีอันสะดุดลง เมื่อเขาพบกับเด็กชาย 4 คน แห่งครอบครัวเลเวอลิน-เดวี่ส์ และ แม่ของพวกเขา ซิลเวีย (เคท วินสเล็ท) แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น...

แม้ว่าแบร์รี่จะได้รับเสียงคัดค้านจาก เอ็มม่า ดู มอริเย่ร์ (จูลี่ คริสตี้) ย่าของเด็กๆ และภรรยาของเขาเอง แมรี่ (ราด้า มิทเชลล์) แต่เขาก็ยังคงใช้เวลากับเป็นจำนวนมาก กับเด็กน้อยที่ 4 คนต่อไปในการเล่นสนุก สรวลเสเฮฮา ปลอมตัว เล่นเกมต่างๆ และสร้างโลกแห่งจินตนาการที่มีปราสาท, กษัตริย์, คาวบอย, อินเดียนแดง, โจรสลัด และลูกเรือ แบร์รี่สร้างโลกจินตนาการของเด็กๆ ขึ้นมา โดยยึดเอาเนินเขาเตี้ยๆ นั้นเป็นเสมือนกับกราบเรือ พร้อมกับพกกิ่งไม้ที่เป็นเสมือนดาบวิเศษศักดิ์สิทธิ์ และเด็กน้อยทั้ง 4 ก็คือ The Lost Boys of Neverland

แล้วเรื่องราวสนุกสนานและการผจญภัยของเด็กๆ ก็กลายมาเป็นผลงานเขียนระดับมาสเตอร์พีซเรื่อง ปีเตอร์ แพน แม้ว่าหลายคนกำลังกังวลว่า ผลงานครั้งนี้ของเขานั้นอาจไม่ประสบความสำเร็จ ทว่าหนึ่งในบุคคลสำคัญที่เชื่อมั่นในตัวเขาตลอดมาก็คือ ชาร์ลส์ ฟรอห์แมน (ดัสติน ฮอฟแมน) แล้วเขาก็ช็อคนักแสดงนำของเขา ในการซ้อมการแสดงว่า ให้เขานั้นเหาะข้ามเวที และนักแสดงนำคนอื่นแต่งตัวแบบหลุดจินตนาการ เกินกว่าที่สังคมอังกฤษในยุคนั้นจะรับได้ ในที่สุด แบร์รี่ก็พร้อมที่จะแนะนำให้โลกได้รู้จัก... ปีเตอร์ แพน เรื่องราวโศกนาฏกรรมของโชคชะตา ที่จะทำให้ผู้ประพันธ์และทุกคนที่เขารัก และทุกคนที่รักเขา ได้เข้าใจว่า ...ความเชื่อมั่นนั้นมีค่าเพียงใด


หนังจงใจเรียกน้ำตาแห่งปี แม้จะรู้ว่าหนังเป็นยังไง แต่ก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ ....นี่ละน้า ชีวิตจริงที่ไม่แฮปปี้เหมือนในนิยาย แต่เพราะบางความฝัน ที่ทำให้เรายังคงมีกำลังใจที่จะยังคงอยู่ต่อไป เฮียเดปป์ยังคงเล่นได้ดีเหมือนเคย นี่ถ้าไม่ติดว่าไปพูดไว้ว่าไม่สนหรอก ออสการ์ ให้คนอื่นหมั่นไส้ แกก็คงได้มากอดสักตัวสองตัวนานแล้ว


~*~*~*~*~




9. Shall We Dance? *** 1/2


Image hosted by Photobucket.com Image hosted by Photobucket.com



จอห์น คล้าก (ริชาร์ด เกียร์) ทนายความชาวชิคาโก้ รู้ดีว่าชีวิตของเขาเกือบจะสมบูรณ์แบบ เขารัก เบเวอร์ลี่ (ซูซาน ซาแรนดอน) ภรรยาคนสวยของเขา เขามีการงานที่รุ่งโรจน์ มีลูกน่ารักๆ สองคน แต่… วันทำงานก็เป็นเหมือนเดิมทุกๆ วัน การติดต่อเจรจาธุรกิจก็แสนเหน็ดเหนื่อย และสมาชิกในครอบครัวก็ยุ่งเกินกว่าจะใช้เวลาร่วมกัน บางครั้งจอห์นก็นึกสงสัยว่า นี่คือวิถีที่ชีวิตควรเป็นไปรึเปล่า

จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่เขากำลังกลับบ้านด้วยรถไฟเที่ยวเย็น เขามองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นครูสอนเต้นรำ พอลีน่า (เจนนิเฟอร์ โลเปซ) มองกลับมาที่เขา จากสตูดิโอเก่าทรุดโทรมของมิส มิทซี่ จอห์นที่รู้สึกถูกครอบงำจากดวงตาของเธอ ก็คอยมองหาเธอคืนแล้วคืนเล่า ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจลงจากรถไฟ และสมัครเข้าชั้นเรียนเต้นรำบอลรูมระดับเริ่มต้น ในการเรียนครั้งแรก จอห์นใช้เวลาทำความสนิทสนมกับพื้น มากกว่าเริงระบำอยู่บนนั้น เขาที่มีท่าทีเก้ๆ กังๆ และขี้อาย ดูเหมือนคงจะเต้นรำอย่างสง่างามไม่ได้ง่ายๆ แต่ไม่นาน การเต้นรำก็กลายเป็นสิ่งที่จอห์นลุ่มหลง ทางหนีของเขา และวิธีการที่จะมีความสุขเพียงหนึ่งเดียวของเขา เขาถูกดึงดูดเข้าสู่โลกแห่งความตระการตานี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเขายังได้ค้นพบ ลิงค์ ปีเตอร์สัน (สแตนลี่ย์ ตุชชี่) เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ที่ซ่อนความรักในการเต้นบอลรูม ภายใต้คราบนักกีฬาตัวยง

แต่จอห์นก็ไม่อาจจะเล่าเรื่องนี้ให้เบเวอร์ลี่ ภรรยาของเขารับรู้ได้ เพราะกลัวเธอจะคิดว่า เขารู้สึกไม่พอใจกับชีวิตสมรสของพวกเขา ขณะที่เขาเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันเต้นรำ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชิคาโก้ พฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของเขา ก็ทำให้เบเวอร์ลี่ต้องจ้างนักสืบมาตามเขา เพราะเธอสงสัยว่าจอห์นกำลังนอกใจเธอ แต่ในไม่ช้า จอห์นก็ค้นพบว่า การไล่ตามความฝันส่วนตัวของเขาเพียงอย่างเดียวมันไม่พอ เพราะส่วนที่ดีที่สุด คือการได้ร่วมกันตามไล่ความฝันนั้นด้วยกัน...


หนังรีเมคฉบับ Hollywood จากหนังญี่ปุ่นชื่อเดียวกัน ซึ่งกำกับและเขียนบทโดย มาซายูกิ สุโอ หนังในแนวสุขนิยม (ที่เราชอบ) ที่พูดถึงเรื่องครอบครัว ความรักและความสัมพันธ์ โดยไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง (มีอ้างถึงนิดหน่อย) - คือหลังๆ ดูหนังชู้นอกใจเบื่ออ่ะนะ เราชอบตอนที่ เบเวอรี่ไปคุยกับนักสืบหลังจากที่จ้างเขา สืบเรื่องสามีแล้วได้ข้อมูลมากพอที่ต้องการแล้ว เค้าก็บอกให้หยุด เพราะถ้าทำต่อ ก็เป็นการไม่ให้เกียรติสามี แม้ว่าออกจะน้อยใจเล็กๆ ที่เค้าไม่ยอมบอกเธอตามตรงก็ตาม อีกตอนก็คือ ตอนที่จอห์นถือกุหลาบไปง้อเบเวอรี่และขอเธอเต้นรำ แล้วบอกว่าเธอเป็นคู่เต้นกับเขามาตั้ง 10 กว่าปีแล้วนี่นา...

ริชาร์ด เกียร์ออกจะดูเป็นรูปหล่อเกินไปนิดสำหรับบทนี้ เพราะพอไปจับคู่เต้นกับ เจนิเฟอร์ โลเปซแล้ว ทั้งคู่ออกจะดูอลังการไปนิด (แต่ยังไม่ได้ดูต้นฉบับญี่ปุ่นแบบเต็มๆ แต่จำได้ว่า พระเอกญี่ปุ่นจะดูเป็นพ่อบ้านที่ธรรมดากว่านี้) เป็นหนังน่ารักๆ ดูสบายๆ และให้ความรู้สึกดีๆ กับชีวิต


~*~*~*~*~




10. Constantine *** ½


Image hosted by Photobucket.com


จอห์น คอนสแตนติน เคยผ่านนรกและหวนคืนมา..


เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ตัวเองไม่ต้องการ กับความสามารถที่จะจำแนกเหล่าเทวดา และปีศาจลูกครึ่ง ที่ปลอมตัวมาเป็นมนุษย์เดินดิน คอนสแตนติน (คีนู รีฟส์) ถูกกดดันให้คร่าชีวิตตัวเอง เพื่อหนีให้พ้นจากความทุกข์ทรมาณ ในการมองเห็นอย่างชัดแจ้งของเขา แต่แล้วกลับล้มเหลว ในการฟื้นคืนชีพ ซึ่งตรงข้ามกับความตั้งใจของเขานั้น เขาพบว่าตนเองถูกส่งกลับมายังโลกมนุษย์ ในตอนนี้เขาถูกตีตราว่าเป็นผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย และมีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบชั่วคราว เขาท่องไปในสุดเขตโลกระหว่างสวรรค์และนรก ด้วยความหวังอันไร้ประโยชน์ ที่จะหาทางหลุดพ้นจากบาป ด้วยการต่อกรกับบรรดาสมุนแห่งปีศาจที่รุกรานโลก

แต่คอนสแตนตินไม่ได้เป็นนักบุญ การได้เห็นความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกรอบตัวเขา และความเหนือกว่าของโลกเบื้องหน้า ทำให้เขาเป็นวีรบุรุษที่ดื่มหนัก ทนทุกข์และขมขื่น ผู้ซึ่งเย้ยหยันความคิดเรื่องการเป็นวีรบุรุษ คอนสแตนตินจะต่อสู้เพื่อปกป้องวิญญาณให้พวกเรา แต่เขาไม่ต้องการความชื่นชมหรือคำขอบคุณ - และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการความเห็นใจ

ที่เขาต้องการคือ ทางออก

เมื่อตำรวจหญิงผู้มีความสงสัยและสิ้นหวัง แอนเจลา ดอดสัน (เรเชล ไวซ์) ขอความช่วยเหลือจากเขา ในการไขคดีฆาตกรรมลึกลับของน้องสาวฝาแฝดของเธอ การสืบสวนของพวกเขา ได้นำพาไปยังทั้งโลกแห่งความชั่วร้ายและเทพยดา ที่ปรากฎอยู่เพียงแค่ใต้ภูมิทัศน์อันทันสมัยของลอสแอนเจลิส เมื่อต้องตกอยู่ท่ามกลางมหันตภัยของโลกอื่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองจึงต้องพัวพันอย่างหาทางออกไม่ได้ และต้องขวนขวายที่จะหาความสงบแห่งตนเอง ..ไม่ว่ามันจะมีราคาสักเท่าใดก็ตาม


เรื่องนี้ลำเอียงเพราะความชอบเป็นหลักจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะพล็อตเรื่องแบบเทวดา-ซาตาน และนักปราบผี รวมทั้งพระเอกสุดหล่อ.... หงิงๆ *ปาดน้ำลาย* จริงๆ แล้วเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก การดำเนินเรื่องก็ธรรมดา อยู่ในระดับสนุกปานกลาง แต่หนังก็ยังทำให้พี่คอนแสตนตินดูเท่ห์ได้ขาดใจ และนางเอกไม่ค่อยคิขุน่าตื๊บเหมือนที่หลายๆ เรื่องเป็น โดยรวมๆ แล้วดูเพลินๆ หากชอบพี่ขี้หนู ^0^



ไว้ว่างๆ จะมาต่อนะคะ

source: pantip.com




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2548
9 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2548 0:01:29 น.
Counter : 886 Pageviews.

 

ดูไปหลายเรื่องแล้วละ ขอบคุณที่นำมาฝากครับ แวะเอาสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากครับ

ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้ อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป..

 

โดย: ชายคา 12 ธันวาคม 2548 23:55:31 น.  

 

ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกัน พร้อมข้อคิดดีนะคะ ^-^
เห็นด้วยในทุกข้อเลย แล้วก็ยินดีต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่ค่ะ

 

โดย: เดอะ กั้ง 12 ธันวาคม 2548 23:59:54 น.  

 

แวะมาอรณสวัสดิ์ครับคุณเดอะกั้ง

 

โดย: ชายคา 14 ธันวาคม 2548 6:15:34 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายค่า คุณชายคา ตื่นเช้าจังเลยนะคะ

 

โดย: เดอะ กั้ง 14 ธันวาคม 2548 14:03:42 น.  

 

ยังไม่ได้ดูใน list นี้หลายเรื่องเลย

 

โดย: Oakyman 16 ธันวาคม 2548 23:38:57 น.  

 

มาบอกว่าชอบ finding neverland มากครับผม
have a nice day ครับ

 

โดย: mouse4006 26 ธันวาคม 2548 15:22:30 น.  

 

ยังไม่ได้ดูสามเรื่อง

The Forgotten, Phantom และ Constantine

นอกนั้นก็อยู่ในระดับชอบนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 26 ธันวาคม 2548 17:26:56 น.  

 

พี่กุ้งดูหนังเยอะจังคับ

ชอบ phantom เหมือนกันคับ ดูแล้วตื่นตระหนกตลอดเรื่องเลย [เกินไป] ด้วยความที่ชอบแฟชั่น+อะไรงามๆ ภาพสวยๆ เพลงก็เพราะมากๆ อีก ตัว phantom ก็แอบหล่อนะนี่ เหอะๆๆๆ

ส่วน Closer นี่ชอบตั้งแต่เห็นโปสเตอร์+คำโปรย โอ้ววว อะไรจะเก๋ปานนั้น [จิงๆแล้ว ชอบไคลฟ์ โอเว่นอ่ะ] แต่พอได้ดูแล้วหนังก็นิ่งกว่าที่คิดไว้เยอะคับ แต่ก็ไม่ผิดหวัง กัดกันเลือดสาดเลยอ่ะ


วันหลังไปดูหนังกันนะเด้อ

 

โดย: แป๊ะเองนะเด้อ (sushiboy69 ) 10 ตุลาคม 2549 3:08:29 น.  

 

ชอบ phantom of the opera ครับ

เหมือนได้ดูที่บรอดเวย์จริงๆเลย

 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) 20 กรกฎาคม 2550 18:25:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เดอะ กั้ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Some magic from above
Made this day for us, just to fall in love

Just love me tenderly
And I'll give to you every part of me

Be always true to me
Keep this day in your heart eternally






free-counter
counter


Image hosting by Photobucket
หลังไมค์หา เดอะ กั้ง




...Reading...





เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน- ใบพัด




คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ พ.1 : Kafka on the Shore - ฮารุกิ มุราคามิ



***********

ข้อความข้างล่างนี่จริงๆ ไม่อยากเขียนไว้เลย แต่ใส่ไว้กันหลายๆ คนอ้างว่าไม่รู้กฎหมายและมารยาท ก็แล้วกันนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add เดอะ กั้ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.