O มหาภารตะยุทธ .. บทที่ ๙.๑ .. O
เพลง .. MahaMantra
 พระกฤษณะอรรถาธิบายถึงเหตุผลว่า ทำไมสงครามบนทุ่งกุรุเกษตรจะสร้างความหายนะมาสู่เการพอย่างประเมินไม่ได้.
= บทที่๙ .. สงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร ๑๘ วัน = วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ 00101110 - - - 110102 00101112 - - - 110103 1 = ลหุ 0,2,3 = ครุ
O คำท้าประดาฉละประโคม ขณะโหมก็เร้ารึง เดียดฉันทะมั่นจิตะจะพึง- รณะยุทธะชีพสูญ
O หยาบหยามละลามนยะประกาศ ทุระภาษะเพิ่มพูน หมายดาละปาณฑพะอดูร ดุจะกูณฑ์กระพือไป
O ธรรมบุตระสุดจิตะกรุณ ก็เพราะขุ่นและเคืองใจ ล้วนญาติชาติกุละประไพ ก็ไฉนมล้างกัน
O จึ่งจาระสาสนะสนอง ระบุพ้องจะโรมรัน มาเถิดจะเปิดรณะผจัญ เถอะนะมั่นจะเอาเมือง
O เตรียมพลพหลพยุหะแสน- ยะเพราะแค้นและขุ่นเคือง ช้างม้าและอาวุธะเมลือง ทะนุเนื่องและอุดหนุน
O ร่วมอยู่กะหมู่อริอรินทร์ หัสดินะเพิ่มดุล- หักหาญกะปาณฑพะสกุล สหกระร่วมผลาญ
O สิบเอ็ดอักเษาหิณีทะแกล้ว ระบุแล้วจะร่วมการณ์ หวังเข้ากะเการพะทะยาน รณรงคะต่อตี
O เพียงเจ็ดอักเษาหิณีพหล จะผจญะเบียนบี- ฑาการณ์กะปาณฑพะเพราะมี- กรณียะเบื้องหลัง
 พระกฤษณะกับพระมารดาเมื่อยังทรงเป็นเด็กเล็กๆ.
O ครั้งนั้น ณ ทุ่งกุรุเกษตร สหะเดชะยินดัง ฉลชาติและอาชวะประนัง มุหะสั่งประโลมทรวง
O ครั้งนั้นตะวันรุจะเมลือง บุพะเบื้องจะบำบวง- ทิพแถน ณ แดนสถละสรวง กละช่วงจะนำชนม์
O เพียบพูนประยูระจะณรง- คะจะปลงชิวาตม์ปรน- เปรอพิษะมิจฉะกระหน ทิฐิฉละโชนเชื้อ
O เกินการณ์จะผ่านกรุณะวา- ทะประจาคะจุนเจือ เกินการณ์จะผ่านมรรคะอะเคื้อ เฉพาะเพื่อจะหยุดผลาญ
O เสียงตรัสสะพัดสรรพะสำเนียง ก็ประเดียงประดังกาล ธงผืนและคลื่นพละทหาร ก็ทะยานและเคลื่อนย้าย
O พร้อมเพรียงแสะเสียงคชะและอา- วุธะกล้าประจำกาย ธงพลิ้วระริ้ววตะสยาย พิศะผายจะขาดผึง
O จัดหมู่กระบวนคณะทะแกล้ว ตละแนวก็อื้ออึง รูปทัพสำหรับรณะจะพึง ทะลุถึงประหัตเขา
O พลุกพล่านทหาร, อัศวะปวง จะทะลวงทะลายเอา- ชีพหมู่ศัตรูสกุละเกา- รพะฉละป่นหาย
O เยื้องย่าง ณ กลางรณะกระบวน คชะล้วนสิเรียงราย เหี้ยมหาญตระหง่านขณะจะผ้าย- ก็ละม้ายจะตกมัน
O งาโก่งและโง้งกละจะเงย ระยะเสยประทุษทัณฑ์ งวงฟาดจะฆาตชิวะกระนั้น ประลุขั้นนรกขุม
O เนื่องแนวทะแกล้วคณะเสมือน พละเคลื่อนจะเข้าคลุม- ครองแดนกะแสนยะ ณ ประชุม อุระรุ่มและเร่าร้อน
O เพ่งพลพหล .. กละชลา- ลยะบ่าและซอกซอน หม่นคว้างธุมางคะณ สมร ก็คละคลุ้มระรุมตา
O เสนาพัสตราพิศะก็แผก ระบุแยกกระบวนมา หลาวโล่และโตมระ, คฑา ศระ, หอกและพลองยาว
O เนื่องแนวก็แถวพละพหล จะระคนกะเลือดคาว เนื่องชนม์จะป่น .. อุระจะร้าว ตละก้าวก็ขุกเข็ญ
O ได้ฤกษะเบิกพละกระบวน ตละส่วนเหมาะควรเป็น ช้างม้าและอาวุธะก็เห็น- ระดะเล่นสะท้อนแสง
O เคลื่อนมุ่ง ณ ทุ่งกุรุเกษตร สหะเดชะสำแดง หมายปราบกำราบฉละแสยง และระย่อจะต่อกร
O คล่ำคลาพลาสมรรถะหมู่ เฉพาะรู้จะราญรอน เคลื่อนคล้อยทะยอยประลุสมร ตละตอนขบวนตาม
O แขวนโคมกระโจมสถิตะที่ ระบุมีระเบียบยาม เรียงรายกระจายระกะสนาม นิระคร้ามจะเข้ารณ
O สองทัพกระหยับสมรรถะแกล้ว ระบุแถวระเบียบพล ตั้งจ่อจะรอปะทะผจญ หัตะฉละชาติสูญ
 สองทัพประจัญหน้ากัน.
O ร่ำร่ำ - ตะวันจะละจะลา ยุติภาวะจำรูญ เห็นเห็น ก็เพ็ญศศิพิบูลย์ ดละบูรณาแสง
O ธรรมบุตระรุดจระจรัล อภิวันทะสำแดง ต่อองคะภีษมะแถลง เสาะสมาคุณาจารย์
O ทั้งพราหมณะโทรณะพระครู รณะรู้และชำนาญ- ด้วยเมตต์และเจตนะผสาน ขณะกาละร่ำเรียน
O ได้โปรดละโทษะเพราะณรง- คะประสงค์จะตัดเตียน- มิจฉาประดา, ยุธิษเฐียร- พระแวะเวียนและหว่านความ
O รุ่งแจ้งแจรงอุทัยะส่อง ทัพะสองก็ก้าวตาม หยัดแถวทะแกล้วนิระจะคร้าม ทะลุข้ามประหัตเขา
O เการพะครบสมรรถะพล อนุสนธิเฒ่า, เยาว์ ปาณฑพะนบจิตะระเร้า จะประยุทธะด้วยฉล
O แล้วองคะภีษมะก็พร้อม บทะจอมพลังพล รถธงจะทรงรณะผจญ ระบุเบญจะดาวดวง
O เพื่อบรรลุพันธะทุรโยธน์ ก็อุโฆษพจีปวง- เร้าแกล้วนะแน่วจระทะลวง- หัตะสิ้นอรินทร์สูญ
 กฤษณะแสดงตนเป็นนารายณ์อวตารต่ออรชุน .. และกระตุ้นให้รบ.
O ชาติชายะคล้ายจิตะละมุน อรชุนะอาดูร เพ่งผาดก็ญาติกุละประยูร ทุขะพูนพลังเผา
O นั่น- องคะภีษมะพระผู้- เฉพาะรู้กรุณเรา ครูโทรณา, สกุละเกา- รพะเหล่าก็ร่วมเชื้อ
O หดหู่บ่รู้จะละจะล้าง ทิฐิขวางบ่จุนเจือ- จำนง, ประสงค์รณะจะเพื่อ- ปุระหัสดินทร
O ช่วงชี้พิถีพิสัยะชน จะผจญกะม้วยมรณ์ ด้วยเดชะเจตนะสะท้อน อัตะซ้อนผสานเสริม
O เพียงเพื่อจะเอื้อจิตะประนัง คุณะตั้งและต่อเติม คือตนกระวนจิตะกระเหิม ขณะเคลิ้มเพราะเต็มเขลา
O มากล้นระคนชิพิตะเพียง นยะเรียงก็แต่"เรา" น้อยนิดจะพิศบทะเฉลา คุณะ"เขา"และช่วยขาน
O เพ่งพิศพระกฤษณะก็ตรอง มิตระหมองคระลองมาน ด้วยญาติวงศะจะประหาร ชิวะลาญะแหลกลง
O ดาลเหตุเทวษะอรชุน นิระหนุนกะจำนง จึงภาษประกาศสัทะประสง- คะณรงคะด้วยฉล-
O -เพียงเพื่อจะเอื้อกะกิจะวัตร ทะนุรัฐะมณฑล หน้าที่พิถีรณะผจญ เฉพาะผละนำพา
O จำเข่นบ่เว้นสกุละวงศ์ เพราะประสงคะกิจจา บันดลพิมลจิตะประชา คุณะค่าจะควรขาน
O สมศักดิอัครกษัต- ริยะรัฐจะรำบาญ- ศัตรูและรู้จะบริหาร บริการประชาชน
 กฤษณะ กับ อรชุน เป่าสังข์เป็นสัญญาณเริ่มการศึก .. ในวันแรกของสงครามทุงกุรุเกษตร 18 วัน.
O คือธรรมจะย่ำจะเยาะจะหยัน ทุรพันธุอับจน คือธรรมจะย่ำประทุษะฉล ทุพพละล้างผลาญ
O สองทัพกระหยับอัศวะแกล้ว คชะแถวประจัญบาน สังข์กลองเกราะก้องเสนาะผสาน ก็สะท้านสะเทือนแดน
O ฮึกโห่และโผหัตะปหาร ชิวะลาญบ่เกรงแกลน ฉับ-ฟาดพิฆาตชิพิตะแสน- ยะละแล่นละล่องหน
O บัดดลพหลพยุหะอา- วุธะกล้ากระเหิมรณ ก้าวรุดประยุทธลุหิตะตน ก็ละหล่นและนองไหล
O ก้าวเคลื่อนเขยื้อนพละพลัง ปะทุถั่งบ่อาลัย เลือดเนื้อก็เพื่อบรรพะไผท จะประลัยก็ยังหมาย
O ศักดิ์ศรีพิถีรณะประดุจ จะประยุทธะตราบวาย ชีวินจะสิ้นขัยะสลาย นิระหน่าย .. บ่-คำนึง
O เหยียบย่ำจะกำสรรพะชะตา คุณะค่าจะตราตรึง ย่ำก้าวละก้าวพิเคราะหะถึง ภวะซึ่งจะสุขสม
O เริ่มกาละผลาญชิพิตะชาติ ลุปลาตะปรารมภ์ ศาสตราสรรพาพละผสม ก็ระงมบ่เงียบเสียง
O หอกคมผสมผรุสวาท ตละวาดก็เพื่อเพียง- แทรกเนื้อระเรื่อและจะประเดียง- ศัพท์ร้องและชีพสูญ
O คันลู่ธนูนัยนะเล็ง พิศะเพ่งจะเพื่อพูน- เพิ่มอกวิตกทุขะอดูร กละกูณฑ์ระรุมเผา
O แทรกเนื้อจะเหลือ .. ระยะคะนึง ขณะหนึ่งนะแนบเนา ให้ตรองคระลองนยะเฉลา สรรพะ-เขลาระหว่างคน
O ปาณฑพะยก"ธฤษ์ฏทยุมน์" ณ ประชุมกระบวนพล จอมทัพสำหรับพละพหล จะณรงคะต่อตี
O เการพะครบพละกระบวน มุขะส่วนและโยธี จอมทัพสำหรับรณะก็ภี- ษมะที่จะนำขวัญ
O ครั้งภิษม์ประชิดธฤษฏ์ทยุมน์ พละหนุ่มก็โถมฟัน คันธงละหล่นก็เพราะพระขรร- คะตวัดและวาดคม-
O -หมายเนื้อก็เพื่อลุหิตะหลั่ง ฤจะรั้งนะรันทม- เสียดถูกกระดูกภวะระงม จะผสมผสานเสียง
O หลู่ศรี .. พระภีษมะพิโรธ พระอุโฆษะสำเนียง จรล่วงทะลวงกุธะจะเพียง หัตะสิ้นอรินทร์ใด
O บัดนั้นตะวันจะละจะลาญ สัญญาณก็ก้องไกล สิ้นสุดประยุทธ .. ยุคะสมัย- ะไถงจะดับแสง
O สองทัพขยับจระจะบ่าย ประลุค่ายเพราะอ่อนแรง คาบนั้นบุหลันรุจะแสดง บทะแฝงประโลมฝัน
O ดาวเกลื่อนและเดือนรุจะสล้าง ภพะล่างก็เงียบงัน ลมริ้วพะพลิ้วกละสวรร- คะจะปันภิรมย์ถึง
O ช้างม้าพลาสรรพะทะแกล้ว ยุติแน่วกะคำนึง- ด้วยกิตติศักดิ์ยศะระรึง บทะซึ่งจะคอยเสริม
O พ้นผ่านวิกาลจิตะระงับ กุธะดับบ่แต่งเติม ผ่อนคลายละลายพละกระเหิม อัตะเพิ่มพลังผลาญ
O อัมพรสะท้อนรุจะแถง- ดุจะแผ่ประนังพาล เงียบงาม ณ ท่ามนิทระผสาน ทรมานก็ล่มสูญ
O จวบสางระหว่างปฐมะคาบ รพิภาพะจำรูญ ชีพปวงก็หน่วงภพะอดูร อุระพูนกะแผดเผา
O จับยึดประพฤติขจิตะสม- มุติบ่มนะใช่เบา แทรกสอดตลอดกมละเขลา ก็เพราะ"เขา"และ"เรา" นั้น
O แถวทัพขยับคณะพหล จิตะด้นจะโรมรัน ศาสตราและอาวุธะกระทั้น พละแทรกกระแทกทรวง
 กฤษณะ .. อรชุน .. กลางสนามรบ.
O สองทัพะสัประยุทธนา ดุจะว่าจะเทียบทวง- ดีงามและทรามภวะกะสรวง จะพิพากษะให้เห็น
O ชีพขัยอวัยวะเพราะดาบ ตละวาบก็ลำเค็ญ คมวาดก็ขาดภวะกระเด็น ดละเซ่นทิวาสรวง
O เลือดคาวระราวจะระอุอุ่น สมะบุญะบาป .. บวง- ทิพแถนกะแสนย์ขณะทะลวง ทะลุทรวงเพราะคมศร
O แสนยาและอาวุธะกระหน่ำ ก็ระส่ำระส่ายตอน เศียรขาดชิวาตมะก็มรณ์ วตะรอน .. ปลาตร้าง
O ศรหน่วงทะลวงอุระอรินทร์ ชิวะสิ้นและอับปาง หอกโล่และโตมระมล้าง ทะลุร่างก็ชีพสูญ
O โถมรุกและบุกรณะผจัญ อภิมัณยุดุจกูณฑ์- โหมผลาญและดาลภพะอดูร อริพูนกะแผดเผา
 อภิมัณยุ .. บุตรชายอรชุนที่เกิดแต่พระนางสุภัทรา น้องสาวของพระกฤษณะราชาแห่งแคว้นทวารกา ที่เป็นสารถีให้อรชุน .. เมื่อเกิดสงคราม ณ ทุ่งกุรุเกษตร นั้นอายุเพิ่ง 16 ปี .. แต่รบเก่ง .. หนุ่มน้อยผู้นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนแห่งสงครามครั้งนี้.
O องค์ลักษมัณอุรสะโคตร ทุรโยธน์สกุลเกา- รพ .. นั้นผจัญรณะกะเอา- รสะเยาว์สุภัทรา
O เชิงยุทธะรุดประหัตะนั้น อภิมัณยุสมญา ห้าวหาญประดาลสมรรถะภา- วะณรงคะเหนือชั้น
O เข่นลักษมัณขณะจะป่น ก็ลุสนธยาวัน สัญญาณสะท้านสมระพลัน รณยุทธะหยุดเว้น
O คาบยามะตามบทะรพี ขณะปีติควรเป็น- ล่มร้างระหว่างประหัตะ, เห็น- ปะทะเข่น-บ่อาจขืน
O รุ่งแจ้งเพราะแสงอรุณะกาล วิญญาณะหยัดยืน- เติมแต่งแสดงอัตะทะมื่น ปะทุตื่น ณ ในตน
O เพียงเพื่อจะเอื้อปทัสถาน บทะปานจะคอยปรน- เปรอใจพิจัยพิเคราะหะผล สัทะ-ฉละชี้นำ
O สามวันประจัญหัตะประหาร รณการณะเพื่อบำ- บัดพิษะริษยะกระลำ- พระช้ำเพราะชาติฉล
O ทรากรถและคชะอัศวา ศพะคาสนามรณ ต้องผลาญเพราะปาณฑพะผจญ อนุสนธิ์อำนาจสรวง
O เพ่งพิศะจิตะทุรโยธน์ ก็พิโรธะทาบทวง เพรียกองคะภีษมะประท้วง เฉพาะห่วงจะเสียหาย
O มอบอาชญ์อำนาจรณะจะรุด และประยุทธะทำลาย เข้าผลาญะปาณฑพะสลาย นิระได้ .. จะเช่นหวัง
O ท่านปู่ .. เถอะผู้รณะประมุข ผิวะรุกเพราะชิงชัง แกล้วพาหะอาวุธะประดัง นิระยั้งจะพ่ายหรือ
O เชิงยุทธประดุจจะเลอะจะเลือน และเสมือนจะออมมือ พิศเห็นบ่เช่นนยะประลือ ชยะคือ .. บ่อาจคว้า
 กรรณะ .. บุตรพระนางกุณฑีกับพระอาทิตย์ .. เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นพระนางกุณฑีเป็นเจ้าหญิงเป็นน้องสาวของพระชนกของพระกฤษณะได้ใช้มนต์เรียกเทพมาโดยไม่ตั้งใจ .. และเป็นพระอาทิตย์ที่มาจนพระนางตั้งท้องทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อคลอดลูกเป็นชาย .. ก็เอาลอยน้ำ .. จนภรรยาสารถีรถม้าของท้าวทฤษตราษฎร์ไปพบเข้าจึงเก็บไปเลี้ยง จนเติบใหญ่ มีตุ้มหูและเกราะทองวิเศษติดตัวมาแต่เกิดเรียกตัวเองว่า .. ราธียะ .. แปลว่าบุตรของนางราธา แม่เลี้ยงนั่นเองต่อมาพระนางกุณฑี จึงสมรสกับท้าวปาณฑุ และมีโอรส 3 คนคือพี่น้องปาณฑพนั่นเอง .. มี ยุธิษเฐียร ภีมะ อรชุน ส่วน นกุลและสหเทพพี่น้องฝาแฝดเป็นลูกพระนางมัทรี มเหสีอีกองค์ของท้าวปาณฑุ .. กรรณะเป็นเพื่อนรักกับทุรโยธน์เข้าร่วมรบกับฝ่าย เการพ.
O องค์กรรณนะมั่นรณะประดุจ จะประยุทธบ่เมตตา ย่อมผลาญะปาณฑพะลุหา- ยนะพร่าชิวาผอง
O วาทีลุภีษมะก็หลาก- กุธะภาคะเข้าครอง ท่วมโทมนัสนยะสนอง พจนารถประกาศไป
O ฟังปู่นะผู้มุหะจริต ตละคิดบ่ฟังใคร จากพิษะริษยะประลัย ระอุไหม้หทัยนั้น
O เหนี่ยวรั้งกระทั่งปถวิเขา จิตะเจ้ามิแบ่งปัน เขาขอจะพอสถิตะขัน- ธะถวัลย์สกุลวงศ์
O ยังหวงและหน่วงนิระประทาน รณะการณ์ก็จำนง ร่วมเจ้าและเการพะเพราะมง- คละคำจะป้องบัล-
O ลังก์หัสดินลุชิวะวาย ก็จะคลายกะผูกพัน โฉดฉละปนมุหะกระนั้น นิระฝันจะได้ชัย
O ปวงเจตนังเพราะทุจริต จะพิชิตะศึกใด ชั่วช้าจะฝ่าธรรมะไฉน ชิวะไซร้จะล่มสูญ
O ปาณฑพจะพบชยะณรงค์ เพราะประสงคะเพียบพูน- จากสรวงและปวงทิพะจรูญ อนุกูละเกื้อกัน
 ภีษมะ .. บุรุษเคราขาว .. เดิมชื่อศานตณพ ให้สัตย์ต่อบิดานางสัตยาวดีว่าจะมอบบัลลังก์ให้บุตรนางสัตยาวดีที่เกิดกับพระชนก .. คือราชาศานตนู .. จึงได้ชื่อว่า ภีษมะมาแต่ครั้งนั้น .. มีศักดิ์เป็นปู่ของทั้งพวกเการพและปาณฑพ .. เป็นหัวหน้าเทพวสุในสวรรค์ที่ถูกสาปลงมาเกิดในโลกมนุษย์เข้าร่วมสงครามด้วยวัย .. 85 ปี เป็นจอมทัพฝ่ายเการพ .. ได้รับพรจากพระชนก .. ว่าจะไม่ตาย หากไม่ต้องการจะตาย .
O ปู่นี้จะพลีลุหิตะ, เนื้อ- ชิวะเพื่อ .. ละผูกพัน- จากคำจะทำนุปุระขันธ์ สิมะหัสดินนี้
O สุดแสนจะแค้นประพฤติหลาน ก็ทะยานประยุทธี โหมไล่เพราะใจทุขะทวี พจนียะทิ่มแทง
O เข่นฆ่าประดาพละพหล พระผจญะด้วยแรง- แค้นสุมกะทุมนัสแฝง กุธะแต่งกระเหิมตาม
O ปาณฑพะครบศักยะภาพ ตละคาบก็คุกคาม ต้านปู่และผู้จะเยาะจะหยาม นิระคร้าม .. บ่เกรงกลัว
O จวบอัสดงคตะตะวัน ระบุสัญญะเร่งรัว สิ้นกาลประหาร .. บทะสลัว- ดุจะรั้วระรายล้อม
O วันสี่ .. พระภีมพิศะประดุจ จะประยุทธ บ่ อดออม ห้าวหาญะผลาญชิวะ .. บ่ยอม จะถนอมชิวาใด
O รุมเร้ากะเการพะประหัต- ะสมรรถะชิงชัย แปดชนมะเการพะประลัย เฉพาะหกนะขุกเข็ญ
O พลองหาญจะผลาญกะทุรโยธน์ ดละโฉดนะลำเค็ญ ฟาดราชะศัลยะกระเด็น อุระเต้น .. พระตามตี
O อีกด้านสะท้านเพราะอรชุน พละหนุนกะราวี- โถมเข้าปะเการพะขยี้ หัตะชีวะเหล่าฉล
O เการพะครบพละผชุม ขณะกลุ้มระรุมตน อดสูบ่รู้ปะทะผจญ เฉพาะตัวเพราะกลัวตาย
O กัดฟันผจัญรณะกระบวน อริล้วนสิรอบราย จึงอรชุนพละสลาย ชิวะคล้ายจะสุดขืน
 ทุรโยธน์ และ โทรณาจารย์ กำลังปรึกษากันเรื่องการรบ.
O เข้าสนธยาสุริยะแสง- ก็ละแหล่งลุค่ำคืน ก้องสัญ(ะ)ญาณ .. และนภะผืน ก็ทะมื่นจะรองฝัน
O อ่อนเปลี้ยละเหี่ยจิตะประดา- พละล้าเพราะโรมรัน คืนค่ายมลายกุธะมหันต์ นิทระร่างสิปางตาย
O วันห้า .. พลาสรรพะทะแกล้ว ระยะแถวก็เรียงราย ตั้งพลจะป่นชิวะสลาย อริผู้พิโรธผลาญ
O องค์ภีมะร่วมกะอรชุน สหะบุญะรำบาญ- บ่อนเสี้ยนแวะเวียนหัตะปหาร อริลาญชิวาตม์ลง
O เข่นชีพะบีบสถุละโคตร ทุระโยธน์จะปลิดปลง- ชีพฉลระคนจิตะประสงค์- บ่ ณรงคะบ่ายหนี
O โถมหาประ .. อาวุธะผจัญ อภิมัณยุราวี ด้วยลักษมัณ .. พละทวี รณะที่ บ่ บันเทา
O พิศลักษมัณมุทะลุฟัน อภิมัณยุใช่เบา หลบเลี่ยงและเบี่ยงภวะบ่เขลา บทะเยาวะเหนือชั้น
O จวบลักษมัณขณะประมาท อริชาติกระหน่ำฟัน เสียงฟาดจะฆาตชิพิตะพลัน ก็สนั่นและเห็นผล
O จึงลักษมัณ .. บทะสลบ ก็ตระหลบตะล่อมตน ห่วงใยก็ไพร่พละพหล ก็ผจญและแย่งตัว
O เหิมศึกผนึกพละผจัญ อภิมัณยุเร่งรัว บ่ายศรีลุภีษมะบ่กลัว พระเยาะยั่วและท้าทาย
O ต่างวัยกระไรกะยุวะราช พฤฒิภาษะรำบาย ตัวเจ้านะเยาว์นิระจะหมาย- รณยุทธะด้วยกัน
O เชิงยุทธะบุตระอรชุน ขณะหมุนและหมายฟัน เห็นอยู่ก็รู้สมรรถะ-ขวัญ- ยุวราชะแกร่งไกร
O บัดดล ณ บน .. รณะสถาน สัญญาณะก้องไกล สิ้นสุดประยุทธ .. ระยะไถง- จะคระไลระงับแสง
O วันหก .. ก็ยกพละพหล ะผจญะด้วยแรง- แค้นสุมกะขุมพละจะแปลง- ชิวะแล่งปลาตลง
O องค์ภีมะปรี่ประทุษะเกา- รพะเหล่าจะปลิดปลง หวดพลองคะนองจิตะประสงค์ ก็ณรงคะลิ่วไกล
O ห่างทัพกระหยับพละกระบอง อริต้องก็บรรลัย เการพะครบสมรรถะไพ- บุลยาก็ล้อมรุม-
O ราวีกะภีมะสัประยุทธ ขณะรุดจะเข้ากุม จึงพลองคะนองพละผชุม ก็ชะชุ่มกะเลือดฉล
O เศียรแหลกเละแยกภวะกระเด็น ก็กระเซ็นลุหิตคน ขาแขนและแสนยะทุพพล จุติป่นชิวาสูญ
O สองหัตถะกวัดพละกระบอง ปะทะต้องก็อาดูร ห้าวหาญทะยาน .. กุธะก็พูน กละกูณฑะโพลงผลาญ
O ชีวิตจะปลิดวตะบ่คง อุปสงคะล่มลาญ ยังคงประสงค์รณะประหาร อวสานริปูตน
O ชีพชนม์จะป่น .. ขณะสมร ดัสกระล้อมรณ ห่อนเกรง .. พระเร่งประหัตะฉล อนุสนธิอาชญ์สรวง
O แผล .. เลือดบ่เหือดระยะจะหยด ดุจะบทะบำบวง- เพื่อธรรมจะย่ำฉละทะลวง นิระห่วงจะเสียหาย
O จวบแถวทะแกล้ว, ธฤษฏ์ทยุมน์ ลุผชุม .. และรอบราย คมศระว่อนสมรรถะผาย พระขยายขยับยิง
O กันภีมะเพื่อสละพะวง จะณรงคะช่วงชิง- เอาเมืองยะเยื้องกระประวิง- รณะยิ่งจะยากหวัง
O เผ่นผึงก็ถึงกุธะพระภี- มะกระวีกระวาดบัง ห้าวหาญะปาณฑพะประดัง พละรั้งพระภีมคืน
Create Date : 29 มิถุนายน 2552 |
|
89 comments |
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 13:19:32 น. |
Counter : 5763 Pageviews. |
|
 |
|
มีความสุขกับวันสิ้นเดือนนะคะ ..ยิ้มกว้าง..