กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
มีนาคม 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
3 มีนาคม 2567
space
space
space

สำรวจตัวก่อนปฏิบัติธรรม ๑

 
คำถามสำหรับชาวพุทธ

(สำรวจตัวก่อนปฏิบัติธรรม)
 
ธรรมกถาแสดงในงานเสริมธรรม-เสริมปัญญา
 
๕ ก.พ. ๓๗
 

     วันนี้ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องหลักอะไรที่สำคัญเป็นพิเศษ มาพูดในเรื่องที่สบาย ๆ และแทนที่จะพูดคุยแบบบรรยายธรรม  ก็อยากจะให้เป็นการตั้งคำถาม และแทนที่จะให้โยมถามอาตมา กลับเป็นว่าอาตมาเป็นฝ่ายถามโยม เพราะฉะนั้น วันนี้จะตั้งคำถามให้โยมตอบ

     ถ้าจะให้โยมตอบออกมาจริง ๆ ก็คงใช้เวลามาก จะวุ่นวายสับสน อาตมาจึงขอใช้วิธีถามไปแล้วให้โยมคิดดู แล้วขอให้ลองตอบดูในใจว่าจะตรงกันหรือเปล่า

     คำถามที่จะถามก็อย่างที่ว่าไว้ในตอนต้นแล้วว่า วันนี้ จะพูดสบาย ๆ จึงไม่ใช่เป็นการถามเรื่องหลักธรรมลึกซึ้งอะไร  ถามเรื่องง่ายๆ  ที่เราควรจะรู้ควรจะสนใจ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน

     อาตมามานึกว่า  เราควรจะให้ความสนใจแก่หลักพระศาสนาให้มาก คือเกิดการสังเกตว่า ประชาชน หรือที่เรียกกันว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้มีความแกว่งไกวมาก แกว่งไกวไปตามเหตุการณ์เรื่องราว หรือบุคคล ไม่ได้หลัก

     ถ้าหากเป็นคนที่มีหลัก  รู้หลักพระศาสนาดีแล้วก็ยืนอยู่กับหลัก เหตุการณ์ เรื่องราวอะไรต่าง ๆ ผ่านมา ถ้าเรายืนอยู่กับหลักแล้วเราก็ไม่หวั่นไหวเรามองเห็นแล้ว สิ่งนั้นก็ผ่านไป ยิ่งกว่านั้น เมื่อเรามีหลักแล้ว เราจะสามารถวินิจฉัยได้ด้วยซ้ำไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้น หรือการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถูกต้องหรือไม่ แทนที่จะต้องฟังทางโน้นทีทางนี้ที ซึ่งอาจทำให้หวั่นไหวไป

     ถ้าหากว่าดำรงตัวไม่ดี ดีไม่ดีก็จะหล่นไปจากพระพุทธศาสนาเลย ถ้าเป็นคนที่มีหลักแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง อยู่ได้ตลอดเวลา

     เวลานี้จะต้องให้คนสนใจเรื่องหลักพระพุทธศาสนาให้มากแล้วก็อยู่กับหลักให้ได้ อย่างที่พูดบ่อย ๆ ว่า อย่าเอาศาสนาไปแขวนไว้กับบุคคล  บุคคลมีอันเป็นอะไรไปพระศาสนาของเราก็ร่วงหล่นไปด้วย

     ถ้าเรามีหลักแล้วพระศาสนาก็อยู่ที่ตัวเรา เป็นของเรา ท่านที่มีความรู้เป็นนักปราชญ์ ท่านมาแสดงธรรมอะไรต่าง ๆ ก็ช่วยให้เราเข้าใจ และมั่นในหลักยิ่งขึ้น ไม่ใช่มาดึงเราออกจากหลัก ถ้าทำไม่ถูกต้องก็ออกจากหลัก วิ่งเตลิดไปเลย ตกลงว่าวันนี้เน้นความสำคัญเรื่องหลัก

     ทีนี้หลักที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่หลักธรรมสำคัญอะไรหรอก เป็นเรื่องง่าย ๆ แต่บางทีก็ไม่ค่อยได้คิดกัน

     อาตมาจะตั้งคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งไว้สัก ๔-๕ ข้อก่อน เมื่อตอบจบแล้ว ถ้ายังมีเวลาค่อยถามต่อ คำถาม ๔-๕ ข้อนี้จะถามไปเลยทีเดียวให้ช่วยกันคิด

     คำถามข้อที่ ๑ ว่า ยุคนี้เขาเรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล ชาวพุทธมีคุณสมบัติอะไรที่สำคัญมากสำหรับปัจจุบันนี้ ทีเรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล

     ขอให้นึกดู คนที่จะตอบได้ก็ต้องรู้ว่าชาวพุทธนี้มีคุณสมบัติอะไร หรือจะเรียกให้แคบเข้ามาก็คืออุบาสก-อุบาสิกา ขอถามย้ำอีกทีว่า คุณสมบัติข้อไหนของชาวพุทธที่สำคัญสำหรับยุคปัจจุบันที่เรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล

     ต่อไปข้อที่ ๒ ถามว่า การนับถือพระโพธิสัตว์ที่ถูกต้องคือนับถืออย่างไร อันนี้ถามเกี่ยวกับคติพระโพธิสัตว์ แล้วก็ถามต่อเนื่องออกไปว่า ระหว่างพระโพธิสัตว์กับพระอรหันต์นั้น มีความต่างกันอย่างไรในการทำความดี

     ต่อไปข้อ ๓ ถามว่า พระอริยะกับผู้วิเศษเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร แล้วก็อาจจะถามเนื่องกับข้อนี้ว่า

     ใครจะรู้หรือตัดสินได้ว่า ผู้ใดเป็นพระอริยะ ตลอดจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์

     อีกข้อหนึ่ง คือข้อที่ ๔  ถามว่า ปาฏิหาริย์มีกี่อย่าง ต่างกันอย่างไร ในพระพุทธศาสนาท่านให้นับถือปาฏิหาริย์หรือเปล่า

     ถามติดกันอย่างนี้โยมอาจจะงงเลยนะ หลายข้อ แต่ถ้าเป็นผู้รู้หลักดีอยู่แล้ว ไม่ทันต้องคิดหรือพิจารณาอะไร ก็ตอบได้เลย เอาละเอาแค่นี้ก่อน เยอะแล้ว แต่ที่จริงเป็นเรื่องง่าย ๆ ธรรมดา ชาวพุทธควรจะรู้ตั้งแต่แรก ถ้ารู้หลักเหล่านี้แล้วเราจะอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี

     จะเริ่มตั้งแต่คำถามข้อที่ ๑ ที่ว่า คุณสมบัติของชาวพุทธข้อไหน มีความสำคัญเป็นพิเศษ สำหรับปัจจุบันที่เรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล  ก่อนจะตอบโยมต้องทราบว่าชาวพุทธนั้นมีคุณสมบัติอะไรบ้าง อาตมาขอทวนว่า องค์ธรรมของอุบาสกอุบาสิกา ที่ถือกันเป็นหลักสำคัญทั่วไปมี ๕ ประการ คือ

        ๑. มีศรัทธามั่นในคุณพระรัตนตรัย เชื่อมีเหตุผล ไม่งมงาย

        ๒. มีศีล คือมีความประพฤติดีงามสุจริต ตั้งอยู่ในศีล ๕ เป็นอย่างน้อย

        ๓. ไม่ตื่นข่าวมงคล หวังผลจากกรรม ไม่หวังผลจากมงคล

        ๔. ไม่แสวงหาทักขิไณย์ภายนอกหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

        ๕. เอาใจใส่ส่งเสริมสนับสนุนกิจการพระพุทธศาสนา

     โยมฟังแล้วเห็นว่าข้อไหนสำคัญมากสำหรับยุคปัจจุบัน  (มีญาติโยมตอบว่า ไม่ถือมงคลตื่นข่าว)

     บอกแล้วว่าเวลานี้เป็นยุคข่าวสารข้อมูล  คำว่าไม่ตื่นข่าวก็ตรงอยู่แล้ว  ฉะนั้นข้อที่ ๓ ถือว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษในยุคนี้ ขอแปลว่าไม่ตื่นข่าวมงคล ภาษาพระท่านเรียกว่า ไม่เป็นคนชนิด โกตุหลมังคลิกะ  คือตื่นเต้นตื่นตูมไปตามข่าวมงคล  ได้ยินว่ามีขลังที่โน่น  มีศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ มีฤทธิ์ที่นั่น พระดังที่โน้น ก็ตื่นกันไป ไปโน่นไปนี่ จนกระทั่งว่าไม่เป็นอันได้ทำกิจหน้าที่การงาน ไม่เป็นอันได้ฝึกฝนพัฒนาตน ไม่เป็นอันได้ปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นก็ไม่มีหลัก ถ้าเป็นคนตื่นข่าวมงคลก็ไม่มีหลัก

     ถ้าเป็นชาวพุทธผู้อยู่ในหลักที่ถูกต้องก็จะหวังผลจากกรรม เชื่อกรรม คือหวังผลจากการกระทำด้วยความเพียรพยายามของตน โดยใช้สติปัญญาพิจารณาจัดทำตามเหตุตามผล อันนี้จะเป็นทางให้เราพัฒนาตัวเองได้ ถ้ามัวแต่ตื่นข่าวมงคลอยู่ก็เสียเวล่ำเวลาแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ สิ่งที่ควรจะทำก็ไม่ได้ทำแล้วก็เลยไม่ได้พัฒนาตัวเองด้วย เพราะมัวไปมุ่งหวังพึ่งปัจจัยภายนอกเสีย เราต้องมาหวังผลจากการกระทำ

     ชาวพุทธเชื่อกรรม หลักกรรมนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเราจะเชื่ออะไรที่เป็นพิเศษออกไป จะยอมให้สิ่งนั้นมาขัดขวางหลักกรรมไม่ได้ มีแต่ว่าจะต้องให้มาสนับสนุนหลักกรรม สนับสนุนอย่างไร ก็คือจะต้องมาทำให้เรามีความมั่นคงมีกำลังใจเข้มแข็งในการกระทำสิ่งที่ควรจะทำ ทำหน้าที่ หรือทำความดีนั้นให้หนักแน่นยิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วก็จะกลายเป็นคนนั่งนอนรอคอยโชค หวังผลจากการดลบันดาล

     ถ้ามัวหวังผลจากการดลบันดาลนั่นนอนรอคอยโชค ก็เป็นอันว่าผิดจากหลักกรรม อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ จะต้องตรวจสอบตัวเองและยึดหลักนี้ไว้ให้มั่น อันนี้จะขอผ่านไป


 


 

 



Create Date : 03 มีนาคม 2567
Last Update : 4 มีนาคม 2567 14:25:12 น. 0 comments
Counter : 33 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space