คำถามสำหรับชาวพุทธ
(สำรวจตัวก่อนปฏิบัติธรรม) ธรรมกถาแสดงในงานเสริมธรรม-เสริมปัญญา ๕ ก.พ. ๓๗ วันนี้ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องหลักอะไรที่สำคัญเป็นพิเศษ มาพูดในเรื่องที่สบาย ๆ และแทนที่จะพูดคุยแบบบรรยายธรรม ก็อยากจะให้เป็นการตั้งคำถาม และแทนที่จะให้โยมถามอาตมา กลับเป็นว่าอาตมาเป็นฝ่ายถามโยม เพราะฉะนั้น วันนี้จะตั้งคำถามให้โยมตอบ
ถ้าจะให้โยมตอบออกมาจริง ๆ ก็คงใช้เวลามาก จะวุ่นวายสับสน อาตมาจึงขอใช้วิธีถามไปแล้วให้โยมคิดดู แล้วขอให้ลองตอบดูในใจว่าจะตรงกันหรือเปล่า
คำถามที่จะถามก็อย่างที่ว่าไว้ในตอนต้นแล้วว่า วันนี้ จะพูดสบาย ๆ จึงไม่ใช่เป็นการถามเรื่องหลักธรรมลึกซึ้งอะไร ถามเรื่องง่ายๆ ที่เราควรจะรู้ควรจะสนใจ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน
อาตมามานึกว่า เราควรจะให้ความสนใจแก่หลักพระศาสนาให้มาก คือเกิดการสังเกตว่า ประชาชน หรือที่เรียกกันว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้มีความแกว่งไกวมาก แกว่งไกวไปตามเหตุการณ์เรื่องราว หรือบุคคล ไม่ได้หลัก
ถ้าหากเป็นคนที่มีหลัก รู้หลักพระศาสนาดีแล้วก็ยืนอยู่กับหลัก เหตุการณ์ เรื่องราวอะไรต่าง ๆ ผ่านมา ถ้าเรายืนอยู่กับหลักแล้วเราก็ไม่หวั่นไหวเรามองเห็นแล้ว สิ่งนั้นก็ผ่านไป ยิ่งกว่านั้น เมื่อเรามีหลักแล้ว เราจะสามารถวินิจฉัยได้ด้วยซ้ำไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้น หรือการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถูกต้องหรือไม่ แทนที่จะต้องฟังทางโน้นทีทางนี้ที ซึ่งอาจทำให้หวั่นไหวไป
ถ้าหากว่าดำรงตัวไม่ดี ดีไม่ดีก็จะหล่นไปจากพระพุทธศาสนาเลย ถ้าเป็นคนที่มีหลักแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง อยู่ได้ตลอดเวลา
เวลานี้จะต้องให้คนสนใจเรื่องหลักพระพุทธศาสนาให้มากแล้วก็อยู่กับหลักให้ได้ อย่างที่พูดบ่อย ๆ ว่า อย่าเอาศาสนาไปแขวนไว้กับบุคคล บุคคลมีอันเป็นอะไรไปพระศาสนาของเราก็ร่วงหล่นไปด้วย
ถ้าเรามีหลักแล้วพระศาสนาก็อยู่ที่ตัวเรา เป็นของเรา ท่านที่มีความรู้เป็นนักปราชญ์ ท่านมาแสดงธรรมอะไรต่าง ๆ ก็ช่วยให้เราเข้าใจ และมั่นในหลักยิ่งขึ้น ไม่ใช่มาดึงเราออกจากหลัก ถ้าทำไม่ถูกต้องก็ออกจากหลัก วิ่งเตลิดไปเลย ตกลงว่าวันนี้เน้นความสำคัญเรื่องหลัก
ทีนี้หลักที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่หลักธรรมสำคัญอะไรหรอก เป็นเรื่องง่าย ๆ แต่บางทีก็ไม่ค่อยได้คิดกัน
อาตมาจะตั้งคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งไว้สัก ๔-๕ ข้อก่อน เมื่อตอบจบแล้ว ถ้ายังมีเวลาค่อยถามต่อ คำถาม ๔-๕ ข้อนี้จะถามไปเลยทีเดียวให้ช่วยกันคิด
คำถามข้อที่ ๑ ว่า ยุคนี้เขาเรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล ชาวพุทธมีคุณสมบัติอะไรที่สำคัญมากสำหรับปัจจุบันนี้ ทีเรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล
ขอให้นึกดู คนที่จะตอบได้ก็ต้องรู้ว่าชาวพุทธนี้มีคุณสมบัติอะไร หรือจะเรียกให้แคบเข้ามาก็คืออุบาสก-อุบาสิกา ขอถามย้ำอีกทีว่า คุณสมบัติข้อไหนของชาวพุทธที่สำคัญสำหรับยุคปัจจุบันที่เรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล
ต่อไปข้อที่ ๒ ถามว่า การนับถือพระโพธิสัตว์ที่ถูกต้องคือนับถืออย่างไร อันนี้ถามเกี่ยวกับคติพระโพธิสัตว์ แล้วก็ถามต่อเนื่องออกไปว่า ระหว่างพระโพธิสัตว์กับพระอรหันต์นั้น มีความต่างกันอย่างไรในการทำความดี
ต่อไปข้อ ๓ ถามว่า พระอริยะกับผู้วิเศษเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร แล้วก็อาจจะถามเนื่องกับข้อนี้ว่า
ใครจะรู้หรือตัดสินได้ว่า ผู้ใดเป็นพระอริยะ ตลอดจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์
อีกข้อหนึ่ง คือข้อที่ ๔ ถามว่า ปาฏิหาริย์มีกี่อย่าง ต่างกันอย่างไร ในพระพุทธศาสนาท่านให้นับถือปาฏิหาริย์หรือเปล่า
ถามติดกันอย่างนี้โยมอาจจะงงเลยนะ หลายข้อ แต่ถ้าเป็นผู้รู้หลักดีอยู่แล้ว ไม่ทันต้องคิดหรือพิจารณาอะไร ก็ตอบได้เลย เอาละเอาแค่นี้ก่อน เยอะแล้ว แต่ที่จริงเป็นเรื่องง่าย ๆ ธรรมดา ชาวพุทธควรจะรู้ตั้งแต่แรก ถ้ารู้หลักเหล่านี้แล้วเราจะอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี
จะเริ่มตั้งแต่คำถามข้อที่ ๑ ที่ว่า คุณสมบัติของชาวพุทธข้อไหน มีความสำคัญเป็นพิเศษ สำหรับปัจจุบันที่เรียกว่าเป็นยุคข่าวสารข้อมูล ก่อนจะตอบโยมต้องทราบว่าชาวพุทธนั้นมีคุณสมบัติอะไรบ้าง อาตมาขอทวนว่า องค์ธรรมของอุบาสกอุบาสิกา ที่ถือกันเป็นหลักสำคัญทั่วไปมี ๕ ประการ คือ
๑. มีศรัทธามั่นในคุณพระรัตนตรัย เชื่อมีเหตุผล ไม่งมงาย
๒. มีศีล คือมีความประพฤติดีงามสุจริต ตั้งอยู่ในศีล ๕ เป็นอย่างน้อย
๓. ไม่ตื่นข่าวมงคล หวังผลจากกรรม ไม่หวังผลจากมงคล
๔. ไม่แสวงหาทักขิไณย์ภายนอกหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
๕. เอาใจใส่ส่งเสริมสนับสนุนกิจการพระพุทธศาสนา
โยมฟังแล้วเห็นว่าข้อไหนสำคัญมากสำหรับยุคปัจจุบัน (มีญาติโยมตอบว่า ไม่ถือมงคลตื่นข่าว)
บอกแล้วว่าเวลานี้เป็นยุคข่าวสารข้อมูล คำว่าไม่ตื่นข่าวก็ตรงอยู่แล้ว ฉะนั้นข้อที่ ๓ ถือว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษในยุคนี้ ขอแปลว่าไม่ตื่นข่าวมงคล ภาษาพระท่านเรียกว่า ไม่เป็นคนชนิด โกตุหลมังคลิกะ คือตื่นเต้นตื่นตูมไปตามข่าวมงคล ได้ยินว่ามีขลังที่โน่น มีศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ มีฤทธิ์ที่นั่น พระดังที่โน้น ก็ตื่นกันไป ไปโน่นไปนี่ จนกระทั่งว่าไม่เป็นอันได้ทำกิจหน้าที่การงาน ไม่เป็นอันได้ฝึกฝนพัฒนาตน ไม่เป็นอันได้ปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นก็ไม่มีหลัก ถ้าเป็นคนตื่นข่าวมงคลก็ไม่มีหลัก
ถ้าเป็นชาวพุทธผู้อยู่ในหลักที่ถูกต้องก็จะหวังผลจากกรรม เชื่อกรรม คือหวังผลจากการกระทำด้วยความเพียรพยายามของตน โดยใช้สติปัญญาพิจารณาจัดทำตามเหตุตามผล อันนี้จะเป็นทางให้เราพัฒนาตัวเองได้ ถ้ามัวแต่ตื่นข่าวมงคลอยู่ก็เสียเวล่ำเวลาแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ สิ่งที่ควรจะทำก็ไม่ได้ทำแล้วก็เลยไม่ได้พัฒนาตัวเองด้วย เพราะมัวไปมุ่งหวังพึ่งปัจจัยภายนอกเสีย เราต้องมาหวังผลจากการกระทำ
ชาวพุทธเชื่อกรรม หลักกรรมนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเราจะเชื่ออะไรที่เป็นพิเศษออกไป จะยอมให้สิ่งนั้นมาขัดขวางหลักกรรมไม่ได้ มีแต่ว่าจะต้องให้มาสนับสนุนหลักกรรม สนับสนุนอย่างไร ก็คือจะต้องมาทำให้เรามีความมั่นคงมีกำลังใจเข้มแข็งในการกระทำสิ่งที่ควรจะทำ ทำหน้าที่ หรือทำความดีนั้นให้หนักแน่นยิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วก็จะกลายเป็นคนนั่งนอนรอคอยโชค หวังผลจากการดลบันดาล
ถ้ามัวหวังผลจากการดลบันดาลนั่นนอนรอคอยโชค ก็เป็นอันว่าผิดจากหลักกรรม อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ จะต้องตรวจสอบตัวเองและยึดหลักนี้ไว้ให้มั่น อันนี้จะขอผ่านไป
Create Date : 03 มีนาคม 2567 |
Last Update : 4 มีนาคม 2567 14:25:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 33 Pageviews. |
|
|