Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
16 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

ดวงใจในเงาจันทร์ 12+13

ดวงใจในเงาจันทร์
12 - เผชิญหน้า


ราเชนทร์สะลึมสะลือตื่นมาก็เจอหน้าแพรไหมเป็นคนแรก

“พี่เชนทร์เป็นไงบ้างคะ” แพรไหมร้อนใจถาม เธอเข้ามาเกาะตรงขอบเตียง แต่ราเชนทร์พลิกตัวหลบไปอีกด้านหนึ่ง เขาไม่ได้โกรธ ไม่ได้งอน เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกชาและเจ็บแปลบๆในหัวใจ

“ไหมขอโทษนะคะ ถ้าพี่นนท์ระวังมากกว่านี้คงไม่ขับ... ชน”

“พี่ว่าไหมเปลี่ยนจากคำขอโทษมาเป็นพูดความจริงดีกว่า... พี่อยากรู้ว่า ที่จริงแล้วระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้น”

แพรไหมอึกอัก อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา แต่เสียงเบาๆนี้แหละ กลับทำให้จิตใจของเขาสะท้านสะเทือน

“ไหมตั้งใจจะบอกพี่เชนทร์ แต่... มันเกิดเรื่องนี้ก่อน”

ราเชนทร์สะอึก จุกขึ้นมาถึงคอจนพูดอะไรไม่ออก ไหมบอกว่าตั้งใจจะบอกเขาอยู่แล้ว เธอตั้งใจจะบอกเขาจริงๆหรือ แล้วที่ทำดี ออดอ้อนออเซาะ ทำให้เขาหลงเชื่อและตายใจขนาดนั้นมันคืออะไร ไม่ใช่ว่าเธออยากหลอกเขา มองเห็นเขาเป็นเพียงคนโง่คนหนึ่งเท่านั้นหรอกหรือ

ถ้าแพรไหมคิดว่าเขาโง่เลยตั้งใจจะหลอกเขา แพรไหมเป็นคนที่ร้ายกาจมาก

แต่ถ้าแพรไหมไม่ได้ตั้งใจหลอกเขา สิ่งที่แพรไหมทำนั้นก็เลือดเย็นเหลือเกินแล้ว

“มันถึงตอนจบแล้วใช่รึเปล่า...”

มีแต่ความเงียบงันแทนคำตอบ ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งความโศกสลด ราเชนทร์จำได้ว่าครั้งที่แล้วเขานอนในโรงพยาบาล ในห้อพักผู้ป่วยปราศจากเงาของแพรไหม มันดูอ้างว้างแต่ก็ยังมีความหวังเปล่งประกายในหัวใจอยู่บ้าง หากแต่คราวนี้ เขามีแพรไหมอยู่ข้างๆนี้แล้วแท้ๆ แต่สองมือของเขาไม่อาจเอื้อมไปกอดเธอไว้ได้อีก แพรไหมถูกพรากจากไป... ทั้งที่เขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

ได้ยินแม้กระทั่งเสียงผ้าม่านกระพือยามสายลมพัดเข้ามาเบาๆ แพรไหมถอนใจเฮือก มือน้อยของเธอแตะต้นแขนของเขาเบาๆ อ่อนโยน... กิริยาที่ไม่ควรทำ

ราเชนทร์ปัดมือแพรไหมออก แล้วนอนนิ่งๆ ไม่กระดุกกระดิก

“ไหม... ไหมต้องไปก่อนนะคะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก” แพรไหมบอกเสียงสั่น

ราเชนทร์ไม่พูดกับเธอสักคำ

“พี่เชนทร์หายไวๆนะคะ”

แพรไหมอวยพรแล้วเดินจากไป เสียงส้นรองเท้าสะท้อนก้องทั่วห้อง ราเชนทร์อยากจะหันกลับเรียกรั้งเธอไว้ แต่เขาก็ไม่ทำ

มันไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

ประตูปิดสนิท ทุกอย่างภายในห้องสงบแม้แต่อากาศก็ไม่เคลื่อนไหว คล้ายๆว่าต้องการไว้อาลัยให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ราเชนทร์ได้แต่จมอยู่กับอดีต ในร่างกายที่บอบช้ำ ภายในปวดร้าวยากจะลบเลือน

*********


วริสาล่องลอยกลับมาถึงบ้าน...

บ้านที่แท้จริงของเธอนั่นแหละ ไม่ใช่บ้านที่เธอเช่าร่วมกับภาพิมล หากเป็นบ้านที่มีพ่อ... บ้านที่เธอละทิ้งไปนาน

ทางด้านหน้า แม้แต่ประตูรั้วยังดูว่าสวย เหล็กดัดเป็นลวดลายงดงาม กักขังพื้นหญ้าเขียวขจีไว้ภายใน และพอทอดสายตาพ้นจากบริเวณนั้นไปแล้ว ก็เป็นตัวเรือนทรงยุโรป แม้ไม่ใหญ่โตแต่ก็ไม่เล็กเสียทีเดียว บ้านหลังนี้มีห้องนอนอยู่เกือบสิบห้อง เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ของเธอซึ่งเป็นข้าราชการเก่าแก่ในสมัยปฏิวัติ ตอนนั้นบ้านหลังนี้ยังเป็นที่อยู่ของครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อต่างคนต่างโตก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงแต่พ่อเท่านั้นที่ได้ครอบครอง

เหลือเพียงแต่พ่อ... วริสาหดหู่ใจจนบอกไม่ถูก

หน้าบ้านชั้นล่างทำไว้คล้ายกับเฉลียงยื่นยาวออกมา ตรงขอบมุมต่างๆจะวางไม้ดัดไว้อย่างเหมาะเจาะ วริสานึกถึงวันวารเก่าก่อน ตอนที่เธอช่วยคุณพ่อดูแลต้นไม้เหล่านี้

“ริสก็เก่งเหมือนกันนะ เห็นใจร้อนอย่างนี้แต่เวลาดูแลต้นไม้ล่ะเหมือนกลายเป็นอีกคน”

คำพูดของพ่อยังคงวนเวียนอยู่สองข้างหูนี้เอง วริสาอยากเข้าไปดูด้านใน ทว่า เมื่อเหลือบเห็นเกราะบางๆที่กางกั้นอยู่นั้นก็นึกขยาด อดทนยืนดูห่างๆอย่างนี้ก็ได้

แล้วเมื่อชำเลืองไปทางโรงรถซึ่งอยู่เยื้องกับเรือนใหญ่ เธอก็เห็นรถเบ็นซ์คันงามของพ่อที่จอดทิ้งไว้ ปกติพ่อไม่เคยอยู่บ้านเลยนี่นา ต้องออกจากบ้านแต่เช้า กว่าจะกลับก็ค่ำมืด แล้วทำไมวันนี้ถึงอยู่บ้านได้

วริสาร้อนใจ แต่ก็ได้คำตอบในทันที เมื่อเห็นนาถยาพยุงพ่อของเธอออกมานั่งเล่นตรงเฉลียง เธอเห็นพ่อซูบเซียวไปมาก

“ทานยาก่อนนะคะ”

วริสาได้ยินเสียงนาถยาพูดเช่นนั้น และเห็นแม่เลี้ยงเอายาให้พ่อกินก็ใจหาย พ่อเจ็บป่วยเป็นอะไรมากรึเปล่า เธออยากเข้าไปช่วยเข้าไปถาม แต่...

ตลอดสามปีเธอเคยสนใจท่านด้วยหรือ

เป็นคำถามที่ยอกแทงใจเธอจนแทบทนไม่ได้ เธอทำผิดมากที่ทะเลาะกับพ่อ และมันก็คงบาปมากที่ทำให้ท่านเสียใจ แต่เธอก็ยังอยากจะเถียงต่อไปว่าเธอเองก็เสียใจไม่แพ้กัน สิ่งต่างๆจะไม่เกิดขึ้นหรอก ถ้าหากพ่อไม่คิดจะมีภรรยาใหม่ ถึงขั้นจะเอามายกย่องแทนที่แม่ของเธอ

ร้อนผะผ่าวไปทั่วทั้งกาย ยิ่งเห็นนาถยาอยู่ในตำแหน่งใกล้ๆกับผู้เป็นบิดาแล้วก็ชิงชัง

เพราะผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว หากนาถยาไม่เข้ามา สายใยพ่อลูกคงไม่ตัดขาด เธอคงไม่ต้องตาย...

วริสาดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาเธอโกรธนั้น บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน เมฆหนาบดบังแสงแดด สายลมเกรี้ยวกราดดูคล้ายจะกระชากทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

นาถยาเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จึงรีบแนะนำให้พ่อของเธอกลับเข้าบ้าน วริสายิ่งจ้องตาเขม็ง เธอจะลองเป็นผีไม่ดีหลอกคนดูบ้าง แต่จะทำอย่างไรล่ะ

เหมือนเคย... จิตคือพลังงาน

วริสารวบรวมกำลังทั้งหมด จับไว้ที่นาถยาซึ่งกำลังประคองพ่อของเธออยู่ ฉับพลัน นาถยาก็สะดุดกึก เหมือนกับเอสัมผัสได้ว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีจ้องมองอยู่ด้านหลัง แม่เลี้ยงค่อยๆหันหลังกลับมา

แล้วเสียงกรีดก็ดังลั่นบ้านพร้อมๆกับที่นาถยาทรุดตัวลงไป

ภาพที่เห็นทำให้วริสาตื่นตกใจไม่แพ้กัน พลังที่รวบรวมไว้ถดถอย สายลมสงบ และก้อนเมฆตีกระจายจางสูญ

พ่อของเธอตกอกตกใจใหญ่ ทรุดไปข้างๆแล้วเขย่าตัวนาถยาพร้อมร้องเรียกชื่อผู้หญิงคนนั้นลั่นบ้าน

“คุณนาถ... คุณนาถ... ใครอยู่แถวนี้มาช่วยหน่อยเร็ว! คุณนาถ...”

วริสารู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เธอหลอกนาถยาใช่ไหม นาถยาตกใจกลัวเธอจนเป็นลมไปเลยใช่หรือเปล่า

มองดูอยู่อย่างนั้นและปล่อยให้ความเงียบเป็นปราการกั้นขวางความรู้สึกทั้งหลายแหล่ที่พร้อมจะประดังกันออกมา ไม่เห็นจะสงสารเลย สมควรแล้วมิใช่หรือที่นาถยาจะต้องได้รับผลเช่นนี้

*********


“เป็นไงไอ้เชนทร์ นึกอยากทำมิวสิควิดีโอกลางดึกก็เลยเดินไปให้รถชนรึไง”

ราเชนทร์ไม่นึกขันกับมุขตลกของพี่ชายแม้แต่น้อย หากเขากลับแย้มยิ้มและเปล่งเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ

...เขาอยากหัวเราะ อยากสนุก เพื่อจะบอกให้ตัวเองรู้ว่าเขามีความสุข

หลังจากแพรไหมกลับไปแล้ว เขาก็จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกของตัวเองอยู่นาน ทีแรกก็สับสน ท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแบบใหม่ เขาต้องฮึดสู้ สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่มีวันเสียใจเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้

จนกระทั่งตกค่ำ พี่ชายกับภาพิมลก็มาเยี่ยมเขา

“ว่าไง เกิดอะไรขึ้นวะ” รามินทร์ถาม

หากแต่สิ่งที่ราเชนทร์คิดได้เป็นดันดับแรกก็คือ แพรไหมเลิกกับเขาแล้ว... มันเป็นความจริง และก็เป็นความเจ็บปวด

แต่เมื่อมองหน้าพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้เขาก็ไม่นึกอยากจะเล่าสิ่งเลวร้ายที่เผชิญนัก เขาเพียงแต่หัวเราะแปร่งๆเพื่อถ่วงเวลาว่าจะเล่าอะไรออกไปดีเพื่อที่ให้เกี่ยวข้องกับคนทั้งสองน้อยที่สุด

และก็คิดขึ้นได้...

“พี่... ผมเห็นคุณวริสา”

น้ำเสียงไม่ได้เคร่งเครียดจริงจัง หรือลดต่ำอย่างเวลาที่จะเล่าเรื่องผี... ตอนนี้ แม้แต่ผีเขาก็ไม่สนใจแล้ว

“เฮ้ย! เห็นยังไง เล่ามาเร็ว”

รามินทร์เร่งแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ในขณะที่ภาพิมลก็เขยิบเข้ามาฟังใกล้ๆด้วย

“คือ... โอ๊ย อย่ามุงผมอย่างนี้สิ ผมเล่าไม่ออก”

“แหม... ลีลาจริงนะไอ้นี่ เล่าๆมาเหอะน่า เร็วเข้า”

ราเชนทร์สบตาคนทั้งสอง แล้วก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องที่เขาเจอวริสาในผับ และตอนที่มีคนมาเคาะกระจกรถบอกว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่บนหลังคารถ ก่อนที่เขาจะเห็นวริสาแล้วก็โดยรถชน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะละเลยจุดสำคัญที่ว่า เขาเห็นแพรไหมควงคู่มากับ‘พี่นนท์’คนนั้น

ราเชนทร์จับสังเกตได้ว่าหลังจากทั้งสองคนได้ฟังเรื่องของเขาแล้วก็เกิดอาการผิดปกติ แววตาและสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างฉับพลัน

“ฉันกับคุณมลก็เจอว่ะ” รามินทร์บอกแทบเป็นเสียงกระซิบ ครั้นราเชนทร์เบนสายตามองไปยังภาพิมล เธอก็ยืนยันเป็นเสียงเดียว

“คุณมินทร์กับมลอยู่ที่บ้าน แล้วประมาณเที่ยงคืนกว่าๆเกือบตีหนึ่ง พวกเราก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เสียงเหมือนมีคนเดินรอบบ้าน ทีแรกคุณมินทร์กลัวว่าจะเป็นขโมยก็จะออกไปดู แต่มลกลัวก็เลยไม่ได้ให้ออกไป แล้วอยู่ดีๆ ไฟก็ดับ มลได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คือ... ใช่แน่ ต้องเป็นยัยริสแน่ๆ แต่ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เพื่อนก็เป็นผีไปแล้วใช่ไหมคะ มลก็ต้องกลัวอยู่แล้ว เรารอยู่อย่างนั้นอีกสักพักนึง เสียงประหลาดๆพวกนั้นก็เงียบไป แล้วไฟก็มาตามปกติ”

ราเชนทร์ฟังแล้วก็แอบถอนใจ นี่แสดงว่าวริสาจะต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งระหว่างเขากับพี่ชายจริงๆใช่ไหม...

คิดแล้วก็กลุ้ม

“แต่ที่บ้านเราไม่เห็นเป็นตัวๆนะเว้ย เอ่อ...” ราเชนทร์หันไปทางภาพิมล ดูเหมือนพี่ชายเขาจะลำบากใจที่จะบอกอะไรสักอย่าง ภาพิมลเองก็ลำบากใจไม่น้อยไปกว่ากัน

“มีอะไรรึเปล่าครับ บอกผมมาเถอะ”

จะมีอะไรให้ต้องวิตกมากไปกว่านี้อีกหรือ

“คุณเชนทร์อย่ากลัวนะคะ... ตอนที่มลกับคุณมินทร์มาหาคุณที่โรงพยาบาล แล้วเขาก็กำลังเข็นคุณเข้าห้องผ่าตัด ก็พอดี... เห็นริส...”

“นั่งไปกับแกบนเตียง” รามินทร์ต่อจนจบ

ราเชนทร์สำลักไอกะทันหัน นี่แสดงว่าเธอวนเวียนอยู่รอบกายเขาตลอดเวลางั้นหรือ

...ผมไปทำกรรมอะไรไว้กับคุณล่ะครับคุณวริสา... อยากจะบ้าตาย...

“ไอ้เชนทร์... แกว่าคุณริสเขาจะเลือกใครวะ” รามินทร์ถามเสียงอ่อย

“เลือกพี่ดิ” ราเชนทร์ตอบ

“อ้าว... ได้ไง ฉันว่าอย่างนี้ไม่ไหวนะ เราต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ขืนเป็นอย่างนี้ ไม่ตายก็บ้าแน่ๆว่ะ”

“มลว่าลองไปให้หลวงพ่อท่านทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ดีไหมคะ”

รามินทร์พยักหน้าเห็นด้วย หากราเชนทร์ไม่คิดอย่างนั้น

แม้เขาจะพร่ำพูดว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเคราะห์กรรมแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในส่วนลึกแล้วเขายังเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วและเขาก็ต้องเลือกที่ตะแก้ไขมันด้วยสติปัญญาเท่าที่จะทำได้ การสะเดาะเคราะห์อาจช่วยให้จิตใจสงบสุข แต่มันไม่ใช่วิธีจัดการปัญหาที่ถูกต้อง คนที่สะเดาะเคระห์ส่วนมากคืออยากแก้กรรม แต่กรรมนั้นแก้ได้จริงหรือ

เมื่อมันมีหนทางมา เขาก็ต้องเดิน... ต้องเลือกทางเดินที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

ชะตาก็เป็นเพียงแต่แผนที่ที่สวรรค์โยนโครมลงมา มีแพร่งร้อยแพร่งให้เขาเลือกว่าจะไปทางไหน ชะตาไม่ได้กำหนดว่าเขาต้องเดินทางนี้ ดังนั้นจะแก้ชะตาไปทำไม มองหาเส้นทางที่ดีที่สุดแล้วก้าวต่อไปสิ

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน หากจะมองว่าเป็นเคราะห์ภัยที่โพยผ่าน มันจะเป็นการคิดง่ายเกินไปหรือเปล่า

...ถ้าเป็นเพียงเคราะห์จริงๆ มินตราคงหาทางออกให้ได้แล้ว

“คุณมลครับ” ราเชนทร์บอกเสียงขรึม “ลองถามคุณมินตราให้หน่อยได้ไหม ว่าทำอย่างไรผมถึงจะติดต่อกับคุณริสได้”

“เฮ้ย! เอ็งจะทำอะไรวะ” รามินทร์ท้วงถาม และคราวนี้ราเชนทร์ก็ตอบกลับอย่างจริงจัง

“ถึงเวลาที่เราต้องคุยกับคุณริสแล้วล่ะครับ”

*********

*********

*********


ดวงใจในเงาจันทร์
13 - ข้อตกลงระหว่างคนกับผี


ราเชนทร์ได้ถามว่ามินตราว่า หากเขาปฏิเสธช่วยเหลือวริสาในครั้งนี้ จะเกิดอะไรกับเขาหรือเปล่า และหญิงสาวก็ตอบกลับมาในทันใด

“ไม่มีอะไรมากนักหรอกค่ะ แต่คุณวริสาเธอก็จะไปไหนไม่ได้ และก็จะวนเวียนอยู่กับคุณกับพี่ ถ้ามองในแง่ศีลธรรมก็ดูเหมือนจะใจร้ายไปหน่อยหากเธอไม่ได้ไปสู่สุคติ และยิ่งถ้ามองในมุมที่เห็นแก่ตัว ก็แย่อีก เพราะคนที่ต้องอยู่กับผีตลอดเวลานั้นคงจะมีชีวิตที่ปกติไม่ได้”

ได้รับฟังเหตุผลอย่างนี้ไม่รู้ว่าเขาควรจะโล่งอกหรือเครียดหนักกว่าเดิมดี

เมื่อเขาถามเธอต่ออีกว่า ทำอย่างไรจึงจะได้พบกับวริสา มินตราก็หัวเราะเสียงสูง บอกเพียงแต่ว่าเขาไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรเลย เดี๋ยวก็จะได้พบกันเอง

คืนนี้ราเชนทร์นอนลืมตาในความมืด สองหูสดับความเงียบที่อึงอล ระทึกใจอยู่ตลอดเวลากลัวว่าวริสาจะโผล่ออกมาแบบไม่ทันที่เขาจะรู้เนื้อรู้ตัว หรือจะมาเข้าฝันแล้วหลอกหลอนเขาอย่างคราวก่อนๆอีกก็ดูท่าจะไม่ไหวเหมือนกัน

จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกนะ...

ระหว่างที่ราเชนทร์ครุ่นคิดอยู่นั้นเอง ทางประตูห้องก็มีเงาวูบวาบผ่านไป สายตาอันไวผิดปกติของเขาจับการเคลื่อนไหวนั้นได้ชัด สักพักเดียวก็มีกลิ่นหอมเอียนคล้ายกลิ่นดอกราตรีลอยเข้ามาถึงภายในห้อง... ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลและกลิ่นยาต่างหากที่ควรฉุน แต่กลิ่นดอกราตรีกลับสยบกลิ่นเหล่านั้นได้ ไม่น่าแปลกหรือ

ราเชนทร์ขยับตัว หดแขนขาและดันตัวเองให้ลงไปอยู่ในผ้าห่มกึ่งๆจะคลุมโปงแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะเขายังคงมองเห็นประตูห้องอยู่

พร้อมกับใครบางคนที่ตรงนั้น

แม้วูบแรกจะเป็นเพียงภาพเงารางเลือน หากแต่ในระยะเวลา มายาภาพนั้นก็รวบรวมแน่นหนาขึ้นจนคล้ายกับมนุษย์ทั่วไปที่มีเนื้อมีหนัง เพียงแต่รังสีรอบกายจะเย็นซีดและมีจุดระยับในบางขณะ อย่างเดียวกับภาพโฮโลแกรมในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์

แต่ถึงวริสาจะมาดีๆเพียงนี้ เขาก็ยังหวั่นกลัวอยู่นั่นเอง

วริสาเลื่อนเข้ามาหาเขาช้าๆ บีบรัดหัวใจให้กระตุกไม่เป็นจังหวะ มันเต้นแรงจนเหมือนว่าเสียงจะดังออกมาถึงภายนอก วริสาใกล้เข้ามาอีก เธอแย้มยิ้ม ส่วนเขาเกร็งจนแทบจะเป็นตะคริว

“คุณกลัวฉันเหรอ” วริสาหัวเราะคิกคัก “จะกลัวทำไม ฉันไม่ทำอันตรายคุณหรอกน่า”

ราเชนทร์มึน... แม้เคยบอกรามินทร์กับภาพิมลไปว่าเขาจะตกลงกับวริสาให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับขยับปากไม่ออก ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาจะทำมากกว่าก็คือ สวดมนตร์ บทอะไรก็ได้เผื่อวริสาจะได้ไปให้พ้นๆจากเขาเสีย

“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไง ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก บอกตรงๆนะ ฉันเองก็ไม่ชอบใจนักหรอกที่เป็นผีแล้วต้องมาไล่จับผู้ชายเพื่อให้ได้ไปเกิดเนี่ยะ เสียศักดิ์ศรีชะมัด”

ราเชนทร์ยันตัวเองขึ้นช้าๆจนกลายเป็นนั่งในที่สุด วริสายิ้มแย้มเจรจา ถ้าหากไม่รู้ว่าเธอตายแล้วล่ะก็ เขาคงคิดว่าเธอเป็นคนดีๆนี่เอง

“เรามาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการดีกว่า ฉันชื่อวริสา อดีต‘กรรมกร’นุการของผู้บริหารเอ็นที เคมิคัล เทรดดิ้งค่ะ...”

วริสาเจื้อยๆของเธอไปเรื่อยราวกับว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ไร้ช่องว่างแบ่งแยกระหว่างเธอกับเขา ผิดกับราเชนทร์เองที่ไม่อาจละเลยจุดนี้ไปได้ มันเหมือนกับช่องว่างโหว่ขนาดมหึมาที่คั่นขวางเธอไว้จากเขา

“นี่คุณ... เอาแต่จ้องฉันอยู่ได้ เสียมารยาทนะคะ”

“ผี...”

คำๆเดียวที่หลุดออกจากปากราเชนทร์ไป หากแต่เป็นหนึ่งคำที่ย้ำเตือนให้วริสาตระหนักชัดในสถานะและตัวตนของเธอเอง ผีสาวหน้าถอดสี เหมือนกับจนต่อข้อหาที่ถูกต่อว่า เขานึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่พลั้งปากไปเช่นนั้น แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ก็เธอเป็นผีจริงๆนี่

หากแต่วริสาไม่ได้มีเวลาไว้ทำหน้าเศร้านานนัก เธอรีบยิ้มออกมาอย่างเดียวกับที่เขาเคยเห็นตอนที่เธอนั่งแกว่งเท้าบนหลังคารถเขา เป็นรอยยิ้มที่สวย อ่อนหวาน และทำให้ผู้พบเห็นสัมผัสถึง‘ประกาย’ที่เจิดจรัสอยู่ภายในตัวเธอ

รอยยิ้มอย่างเดียวกันแท้ๆ ทำไมตอนนั้นเขาถึงเห็นเป็นยิ้มแสยะชวนสยองไปได้นะ

“อย่าคิดมากน่า คุณเองก็ต้องเป็นผีเข้าสักวันเหมือนกันแหละ นี่... ฉันจะบอกให้นะ คุณน่ะเกือบกลายเป็นผีไปแล้วรู้ไหม”

ไม่รู้... ราเชนทร์แอบเถียงในใจ เขารู้เพียงแต่ว่าประสบอุบัติเหตุสองครั้งและรอดตายมาได้ทั้งสองครั้ง

นี่คือเรื่องจริงที่ไม่ต้องเอาพระเครื่องที่ไหนมาอวดอ้าง

“นี่คุณ ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”

ราเชนทร์ไม่ตอบ แต่ตอนนี้ความหวาดกลัวของเขากลับคลายลงกลายเป็นความทึ่งกับสิ่งพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้น

...จะกลัวไหวได้ไง ผีอุตส่าห์มานั่งชวนคุยโน่นนี่ ถึงจะกลัวก็เพลินล่ะ

“ฉันอยากรู้ว่าทำไมยัยมลเพื่อนฉันถึงติดพี่ชายคุณแจจังเลย”

“คือ...” ราเชนทร์ส่งเสียงเบาๆ คล้ายจะตอบ วริสาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซึ่งก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนัก ไม่มีหนอน ไม่เละเทะ ภาพไม่อุจาดตา ถ้าตัดความรู้สึกว่านี่คือผีออกไป ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย หรือผีจริงๆก็เป็นเช่นนี้เอง พวกผีคงไม่เดินหน้าเละเทะไปมาอย่างกับเป็นแฟชั่นหรอกมั้ง

อ๋อ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่เขาสังเกตได้ วริสายังอยู่ในชุดของโรงพยาบาล ชุดเดียวกับวันตาย...

“ว่าไงคะ ฉันอยากรู้จริงๆนะเนี่ยะ ให้ตายรอบสองก็ได้... เดานะ ฉันว่ายัยมลต้องแอบชอบพี่ชายคุณแหงมเลย”

ราเชนทร์พยักหน้าแรงๆ วริสามองหน้าเขาแล้วก็อมยิ้มจนเขานึกระแวงว่าเธอขำอะไรนัก

“วันนี้ฉันไปหาแม่หมออ้อยมา คนที่เขาทำนายให้ฉันวันที่รถชนน่ะ เธอบอกฉันว่า ฉันต้องมาติดแหง็กกับคุณและก็พี่ชายของคุณ แต่ฉันไม่ชอบใจที่เธอบอกเลย” วริสาเหม่อลอยชั่วขณะ ก่อนจะร้อง “โฮ๊ย... ฉันจะได้ไปเกิดไหมเนี่ยะ”

“คุณ... ใจเย็นๆก่อนสิ”

ราเชนทร์พูด... ใช่! เขาพูด และพูดกับผีด้วย ประสบการณ์พิศวงน่าเหลือเชื่อ นี่ถ้าหากเอาไปเล่าให้รายการสยองขวัญที่ไหนฟังจะมีคนเชื่อเขาหรือเปล่า หรือจะกล่าวหาว่าเขาเป็นเพียงนักต้มตุ๋นจอมลวงโลกที่สรรหาแต่เรื่องเร้นลับยากต่อการพิสูจน์มาหากินกับความงมงายของคนอื่น ช่างปะไร! ตอนนี้เขาคุยกับผีจริงๆ

วริสาเองก็คงแปลกใจต่อท่าทีของเขาไม่น้อยเลย แรกทีเดียวเธอนิ่งตะลึง ก่อนจะกลายมายิ้ม และหัวเราะร่วน จนเขานึกค่อนขอดในใจ ผีอะไรอารมณ์ดีจัง

“คุณหัวเราะอะไรน่ะ” ราเชนทร์ถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ขำคุณน่ะสิ...” วริสากลั้นหัวเราะ “คุณพูดกับฉันใช่ไหม คุณพูดกับฉันอีกได้ไหม พูดกับฉันอีกสิ... นะ”

“แต่...” ราเชนทร์รู้สึกกระดากเก้อที่อยู่ดีๆก็มีคนหรืออันที่จริงก็ผีนั่นแหละ มาขอร้องให้เขาพูดให้ฟัง ไม่รู้ว่าตอนตาย สมองเธอปกติรึเปล่า

“ว่าไงเล่า ถ้าไม่ยอมพูดกับฉันอีก ฉันจะหมุนคอเป็นเกลียวหลอกคุณล่ะนะ”

“อย่า!” ราเชนทร์ร้องลั่น ปากซีด แต่วริสากลับยิ้มตุ้ย

“อะไรกัน แค่นี้ก็กลัวแล้ว ขวัญอ่อนจริงพ่อคู้ณ”

“คุณก็อย่าแสดงอภินิหารนักสิ” ราเชนทร์ตำหนิ แต่อีกฝ่ายยียวนเข้าใส่

“ช่วยไม่ได้ ก็ฉันทำได้นี่นา แน่จริงคุณก็ทำให้ได้อย่างฉันสิ”

ทำให้ได้อย่างเธอ... เขาก็คงต้องตายเหมือนเธอก่อนล่ะถ้างั้น

“ว่าแต่ คุณจะเอาไงดี เรื่องระหว่างเราน่ะ” วริสาถาม

ราเชนทร์พยายามจับนัยยะแฝงว่ามีหรือไม่ เขาไม่เชื่อใจคน และไม่ค่อยไว้ใจผี ถึงใครจะบอกว่าผีมีสัจจะก็เถอะ แต่สัจจะของผีดุไม่เหมือนสัจจะของคนสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ เวลาผีต้องการอะไรก็จะเอาให้ได้อย่างนั้น นี่เรียกว่าสัจจะประเภทไหนล่ะ

แต่ถึงจะมีอคติล่วงหน้า ราเชนทร์ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

“ฉันรู้นะ ว่าคุณกลัวฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่ผีเฮี้ยนแต่ฉันก็เป็นผีนี่เนาะ แล้วอย่างนี้คุณยังอยากจะช่วยฉันอยู่รึเปล่า”

ราเชนทร์อ้ำอึ้ง ไม่ตอบ เขาไม่เข้าใจตัวเองนักว่าคิดอะไรอยู่ ทุกอย่างมันมารวดเร็วจนยากจะตั้งรับได้ทัน เขาอยากได้เวลาตั้งสติสักหน่อยสำหรับเรื่องนี้

แต่วริสาอาจเห็นท่าทีของเขาเป็นอื่น เธอเพียงแต่สลดลงและรังสีรอบกายก็ชืดตาม หญิงสาวยิ้มบนดวงหน้าแต่เศร้าในดวงตา

“ถ้าคุณกลัวก็ไม่เป็นไรค่ะ คิดเสียว่าคืนนี้คุณฝันไปนะ... ฉันจะไปถามพี่ชายคุณแทน”

แม้ราเชนทร์จะเคยถกเถียงกับผู้เป็นพี่ว่าใครควรจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้และทุกครั้งก็จบลงที่การไร้บทสรุป แต่เขาก็คิดว่า หากสามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์ได้ก็ควรทำ

ในอดีตพี่รามินทร์ทำอะไรเพื่อเขามาเยอะแล้ว นี่ก็เพิ่งพบรักกับภาพิมล ถ้าหากอยู่ดีๆวริสาก็โผล่เข้าไปในชีวิต ไม่รู้ว่าพี่รามินทร์จะรับกับสถานการณ์นี้ได้หรือเปล่า จริงอย่างที่มินตราบอกไว้นั่นแหละ ชีวิตที่อยู่กับผีตลอดเวลานั้นจะให้ปกติสุขเหมือนคนอื่นคงจะลำบาก

เขาไม่อยากให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่ชาย...

วริสาไม่ได้คิดจะอยู่รอคำตอบ เธอเพียงแต่กล่าวลาเขาสั้นๆ แล้วจะเดินออกไปจากห้อง ราเชนทร์ร้องเรียกเธอไว้เสียงดัง

“คุณริส... ผม... ผมจะลองช่วยคุณก็ได้ แต่คุณต้องสัญญามาก่อนนะว่าจะไม่ไปทำให้พี่ผมตกใจ”

ราเชนทร์ตัดสินใจออกไปอย่างนั้น ในหัวได้ยินเสียงพูดของรามินทร์กึกก้อง

“...มันไม่ได้อยู่ที่เอ็งจะเลือกเขาหรือเปล่า มันอยู่ที่เขาตั้งใจเลือกเอ็ง”

ตอนนี้เขาอยากบอกกับรามินทร์เหลือเกินว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือก ถูกแล้ว ชะตานั้นฟ้าเป็นผู้ลิขิต แต่คนเดินคือตัวเขาเอง...

ไม่เสียใจแน่ๆไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

วริสาหันขวับกลับมา ดวงหน้าเต็มไปด้วยประกายแห่งความยินดี

“คุณพูดจริงนะ”

ราเชนทร์พยักหน้ารับ “แล้วคุณก็ห้ามหลอกให้ผมตกใจด้วย คุณสัญญาได้ไหมล่ะ”

“ได้ค่ะ ฉันสัญญา... โอ๊ย ฉันดีใจมากเลยคุณรู้ไหม”

ราเชนทร์หน้าเหยเก วริสายิ้มเจ้าเล่ห์มาทางเขาแล้วตรงเข้ามาหา เธอยื่นมือมาตรงๆ

“ตกลงตามนี้นะคะ”

ราเชนทร์มองมือนั้นแล้วเบ้ปาก เขาไม่คิดแม้แต่จะแตะต้องหรือสัมผัสผีในตอนนี้ มันเร็วไปหน่อยที่จะกล้าหาญได้ขนาดนั้น

วริสาจึงดึงมือกลับ แล้วเจ้าแง่เจ้างอนสะบัดหน้าใส่เขา

ท่ามกลางความมืดมิดและความเงียบ ระหว่างทวิมิติที่คู่ขนาน

*********





 

Create Date : 16 กันยายน 2551
3 comments
Last Update : 16 กันยายน 2551 23:17:52 น.
Counter : 398 Pageviews.

 

แวะมาเยี่ยมจ้า

 

โดย: แม่น้องโอปอล (Sky_Green ) 17 กันยายน 2551 10:13:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ แม่น้องโอปอล
เดี๋ยวตามไปแอดไว้เน้อจ้า ^ ^

 

โดย: ploy666 IP: 124.157.236.82 17 กันยายน 2551 13:35:13 น.  

 

ฮ่าๆๆๆๆ เรื่องผีก้มีฮา

 

โดย: Tukta21 18 กันยายน 2551 2:50:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.