Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

ดวงใจในเงาจันทร์ 06

ดวงใจในเงาจันทร์
6 - ดวงจิตที่ไม่อาจไปไหน


วริสาตายแล้ว...

ความทุกข์ใจปั่นป่วนก่อกวนราเชนทร์จนเขานอนไม่หลับมาหลายคืน แม้งานศพของหญิงสาวจะผ่านล่วงมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว แต่ภาพเธอที่นอนในท่าบิดเบี้ยวผิดปกติในลิฟต์ตัวนั้นยังคาตาเขาอยู่ ภาพโลงที่เต็มไปด้วยแสงสีเย็นๆกระด้างก็ยังติดตรึงในหัวใจ

ถ้าเพียงแต่... เขาไปเร็วอีกสักนิด

ถ้าเพียงแต่...

หลังจากที่หญิงสาวตาย ข่าวเรื่องลิฟต์ร่วงก็แพร่สะพัดกันไป นักข่าวสืบพบว่า ในวันที่วริสาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เธอฟังรายการทำนายดวงก่อนรถสิบล้อจะพุ่งชนเพียงเสี้ยววินาที ส่งผลให้แม่หมออ้อยผู้เป็นเจ้าของรายการโด่งดังเป็นพลุแตก

ก็ช่างโยงกันได้... ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างเอือมระอากับข่าวที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์

เย็นวันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปหาแพรไหมหลังจากไม่ได้พบกันมานับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล อันที่จริง เขาก็รู้สึกว่ามันออกจะผิดปกติที่เธอไม่มาเยี่ยมเยียน เสมือนว่าไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรต่อกันเลย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้แต่เก็บความรู้สึกสงสัยไว้แต่เพียงผู้เดียว

คิดมากไปก็ไม่ดีหรอก... เขาย้ำกับตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะเดินเฉื่อยๆไปยังรถโฟร์คเต่าสีเหลืองที่เพิ่งถอยออกมาจากอู่ซ่อม...

ออกจากบ้านก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว ดวงตะวันเริ่มลับเหลี่ยมตึกที่ซ้อนเรียงเป็นทิวแถว แสงสว่างก็หดหาย มีพระจันทร์กลมๆลอยเด่นไกลลิบบนฟากฟ้า ทางสัญจรในเวลานี้คับคั่งไปด้วยรถรามากมายที่วิ่งเร็วฉิว แต่ยิ่งเข้าไปในตัวเมืองมากเท่าไหร่ ความเร็วก็ยิ่งต้องถูกจำกัดลง เพราะการจรจรแสนคับคั่ง

บ้านของแพรไหมอยู่ห่างจากบ้านของเขาค่อนข้างไกล เดินทางปกติก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่เขาก็ยังพร้อมจะมาหาเธอได้ทุกเมื่อ และคง‘พร้อม’สำหรับเธอจนเกินไปล่ะมั้ง พี่ชายเขาจึงถามว่า ทำไมเขาถึงได้ชอบผู้หญิงคนนี้นัก

แม้แพรไหมจะมี‘ชื่อเสีย’อยู่มาก แต่เขาก็เชื่อว่าแพรไหมเป็นคนดีคนหนึ่ง แพรไหมเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงในโรงเรียน แม่ของเธอเป็นโรคเบาหวาน และพ่อของเธอก็เสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก แพรไหมจึงต้องสู้ชีวิตมาตลอด เธอต้องเรียนหนังสือควบคู่กับทำงานและก็สามารถทำได้ดีทั้งสองอย่างจนเป็นที่น่าภูมิใจ

และที่ทำให้เธอดูดีมากขึ้นในสายตาของเขาก็คือ หลังจากทำงานได้ระยะหนึ่งแล้ว แพรไหมก็สามารถ ซื้อบ้านเงินผ่อนให้กับแม่ของเธอได้

แต่ทั้งที่เขาเคยอธิบายไปอย่างนี้แล้ว พี่ชายของเขาก็ยังหาข้อโต้แย้งมาขัดใจเขาจนได้

“เขาอาจจะเป็นคนดี กตัญญู แต่แล้วไง เอ็งคิดว่าเขาจะดีกับเอ็งรึเปล่า”

แม้ในวันที่รามินทร์หลุดปากคำนี้ออกมาเขาจะไม่คิด แต่วันนี้เขาเริ่มคิด

คนดีกับความรัก บ่อยครั้งก็ไม่ใช่อะไรที่คู่กันเลย

มาถึงที่บ้านของแพรไหมก็เวลาค่ำแล้ว หน้าบ้านของแพรไหมเป็นกำแพงรั้วปูนสูงประมาณศีรษะของเขาตอนยืน หน้าบ้านเป็นประตูแบบเลื่อนสีเขียว และเวลานี้มันก็กำลังเลื่อนอยู่

รถสปอร์ตสีแดงที่มีคนขับเป็นผู้ชายแล่นฉิวออกไป!

แพรไหมที่กำลังจะลากประตูปิดนั้นหันมาเห็นเขาเข้าพอดี สีหน้าเธอในระยะไกลดูจะเหวอไปนิด หากแต่ก้รีบปรับให้นุ่มลงและแย้มยิ้ม

ราเชนทร์ไม่ค่อยพอใจนักกับภาพที่เห็น เขาเร่งเครื่องแล้วเลี้ยวรถเข้าบ้านของแพรไหม ระหว่างลงจากรถ แพรไหมก็ลากประตูปิดเสร็จแล้วเดินมาหา

“มาหาไหมค่ำเชียวนะคะพี่เชนทร์”

“ก็แพรไม่ไปหาพี่นี่คะ” ราเชนทร์ต่อว่าหน้าซื่อ และแพรไหมก็ดูจะจับน้ำเสียงที่ผิดปกตินี้ได้ จึงรีบเข้ามาเกาะแขนทำเสียงออดอ้อน

“โธ่... ก็ไหมไม่ว่างจริงๆนี่คะ ไม่เชื่อไหมเหรอ”

ราเชนทร์มองคนที่เขารักอย่างลังเล ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มเศร้าๆอย่างสำนึกผิด

“เชื่อสิคะ” ราเชนทร์ยิ้มให้ “แต่พี่น้อยใจนี่ ตั้งสองอาทิตย์นะที่ไม่ได้เจอไหมน่ะ”

“ก็เจอแล้วไงคะ”

ความช่างออดอ้อนของหญิงสาวทำให้เขาต้องเอื้อมมือมาขยี้หัวเธอเบาๆ แพรไหมเบี่ยงหัวหลบออก แล้วกระโดดถอยห่างจากเขา

“พี่เชนทร์น่ะ หัวยุ่งหมด”

ราเชนทร์หัวเราะให้กับหญิงสาวที่กำลังลูบผมให้เรียบ

“แล้วนี่แม่อยู่รึเปล่า พี่จะได้เข้าไปไหว้”

“ไม่อยู่ค่ะ วันนี้แม่ไปนอนที่วัดกับเพื่อนๆ” แพรไหมตอบ “ว่าแต่พี่เชนทร์นี่สิ มาอย่างนี้ต้องมีอะไรแน่ๆเลย”

ราเชนทร์อมยิ้ม พยักหน้า “ก็ว่าจะพาสาวน้อยไปเที่ยวซะหน่อย”

“ว้า... พรุ่งนี้ไหมต้องไปทำงานแต่เช้านะคะ จะเที่ยวไหวรึเปล่าน้อ...”

“ไปเถอะ” ราเชนทรือ้อน พลางเดินเข้ามาโอบ “รับรองว่าพี่จะพามาส่งก่อนเที่ยงคืน”

“แน่นะคะ”

“แน่สิคะ” ราเชนทร์ยืนยัน

แพรไหมเอานิ้วเคาะแก้มป่องๆทำทีเป็นครุ่นคิด

“ก็ได้ค่ะ งั้นพี่เชนทร์รอไหมแป๊บนะคะ เดี๋ยวไหมไปแต่งตัวก่อน”

“คร้าบโผมมม...”

แพรไหมยิ้มกว้างๆแล้ววิ่งกลับเข้าไปในบ้านอย่างร่าเริง ราเชนทร์ได้แต่หัวเราะหึหึในคอ... ก็เธอเป็นอย่างนี้ไง ทำไมเขาถึงจะไม่รัก

นี่ถ้าหากต้องอกหักจริงๆ เขาจะเป็นยังไงยังไม่รู้เลย

ราเชนทร์โคลงศีรษะเบาๆ แล้วทำท่าว่าจะกลับเข้าไปนั่งในรถ ทว่าทันทีที่เหลือบมองกระจก เขาก็เห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู จดจ้องมาทางเขา

มือที่กำลังจะเปิดประตูชะงัก ตาค้าง ขาแข็งดั่งถูกสาปให้เป็นหิน ร่างในกระจกนั้นชัดเจนเป็นจริงเป็นจังอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไปราวกับถูกสายลมตีสลาย

เขาจำไม่ผิดแน่... วริสา!

*********


ราเชนทร์พาแพรไหมมาทานอาหารค่ำในร้านที่หรูพอสมควร

เป็นร้านอาหารริมน้ำ มีส่วนที่ทำเหมือนแพทอดออกมา อาศัยบรรยากาศแบบกลางแจ้งเป็นจุดเด่น ด้านบนมีแผ่นฟ้าเป็นฉาก ด้านล่างมีผิวน้ำที่ไหลระเรื่อย สะท้อนแสงไฟวับๆวิบๆ ไปตลอดแนวโค้งคุ้ง

“อุ๊ย! โรแมนติกจัง”

แพรไหมอุทานก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา บนโต๊ะมีเชิงเทียนวางอยู่ข้างๆ แล้วก็มีแจกันดอกไม้ปักดอกกุหลาบไว้ตรงนั้น

“พี่บอกให้เขาจัดไว้ให้ไหมเลยนะ ชอบไหมคะ” ราเชนทร์บอก พร้อมๆกันนั้น บริกรสาวก็นำเมนูมาให้แล้วรอจดรายการอาหาร

“ชอบสิคะ แต่ไม่ชอบอย่างเดียวตรงที่ไม่รู้ว่าพี่เชนทร์จะไปจัดอย่างนี้ให้สาวที่ไหนบ้างรึเปล่านี่สิน้า”

“เอ้า! เป็นงั้นไป” ราเชนทร์ย่นหัวคิ้ว หากแต่อีกฝ่ายหัวเราะแล้วก้มหน้าไล่อ่านเมนู

“ขอต้มยำกุ้งเผ็ดๆที่นึงนะคะ” แพรไหมชี้นิ้วไล่ตามรายชื่ออาหาร “แล้วขอปลานึ่งมะนาวด้วย... พี่เชนทร์จะเอาอะไรคะ”

ราเชนทร์เอาแต่ยิ้ม เขายิ้มเต็มหน้า แต่ไม่ได้ยิ้มแบบเห็นฟัน และมันก็คงดูตลกจนแพรไหมต้องหัวเราะออกมา

“งั้นไหมเลือกให้นะ”

“ค่ะ” ราเชนทร์ตอบ

แพรไหมสั่งอาหารไปตามต้องการ จากนั้นเธอก็ชวนเขาคุยโน่นคุยนี่ไปเรื่อยๆ มีเรื่องที่ทำงาน เรื่องเพื่อน เรื่องแม่ แล้วก็ข่าวต่างๆ แต่น่าแปลกที่เธอไม่เคยพูดถึงข่าวของวริสาซึ่งขึ้นหน้าหนึ่งเลย

แล้วอาหารที่สั่งก็มาถึง พร้อมๆกับที่โทรศัพท์มือถือของแพรไหมมีเสียงเรียกเข้า

เขาสังเกตเห็นท่าทีที่ผิดแปลกไปชั่วขณะหนึ่งในตอนที่หญิงสาวเห็นชื่อที่โทรฯมา อาการอย่างเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อตอนเย็น

เงียบกันไปครู่หนึ่ง แพรไหมวางสายนั้นลง แต่ภาพผู้ชายขับรถสปอร์ตออกจากบ้านของเธอทับซ้อนขึ้นมาในความคิดของราเชนทร์

“ไม่รับโทรศัพท์เหรอคะ” ราเชนทร์ถาม

แพรไหมส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ดีกว่าค่ะ... กินกันเถอะพี่ ไหมหิวแล้ว”

อาการ‘ไม่อยากพูด’ของหญิงสาวทำให้เขาเริ่มคิดเรื่อยเปื่อยมากยิ่งขึ้น ภายในใจลึกๆของเขาหวั่นไหว เพราะกลัวว่า สิ่งที่พี่รามินทร์กรอกหูอยู่ทุกวันจะเป็นจริง

“ไหม... ผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ”

แพรไหมค่อยๆเงยหน้ามามองเขา สายตาของเธอมีแววฉงนสงสัย

“ใครคะ”

“ก็... คนที่ขับรถสปอร์ตออกจากบ้านไหมไง” ราเชนทร์ว่า “เขาเป็นใครคะ”

“อ๋อ...” แพรไหมร้องแล้วลากสายตาไปทางอื่น ดูเหมือนเธอไม่พยายามที่จะสบตาเขาสักเท่าไหร่ “พี่เชนทร์มีอะไรรึเปล่าคะ”

“เพื่อนเหรอ” ราเชนทร์ย้ำถาม

“ค่ะ เพื่อน...” แพรไหมพยักหน้านิดๆ ก่อนจะหันหน้าตึงมาให้เขาเห็นชัด “นี่พี่เชนทร์กำลังคิดอะไรอยู่รึเปล่าคะ”

ราเชนทร์ยิ้มจางๆ แพรไหมบอกว่าเป็นเพื่อนงั้นหรือ... ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ เขาไม่ควรคิดมากไปเลยจริงๆ

“เปล่าหรอก พี่ก็แค่...”

“พี่ไม่เชื่อใจไหมรึเปล่าคะ” แพรไหมไม่วายจะต่อว่าเขา น้ำเสียงของเธอสั่นน้อยๆเหมือนจะโกรธ “ไหมรู้นะคะว่าพี่เชนทร์ระแวง และถ้าพี่เชนทร์คิดอย่างนี้จริง ต่อให้ไหมพูดอะไรไปพี่เชนทร์ก็คงไม่เชื่อหรอกค่ะ”

“ไหม...” ราเชนทร์เรียกชื่อเธอเบาๆ เขาไม่นึกเลยว่าเธอจะโกรธเขามากถึงเพียงนี้

“พี่เชนทร์ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ” แพรไหมห้าม ก่อนจะถอนใจเบาๆ แล้วฝืนยิ้มให้เขา “ไหมอาจจะเครียดไปหน่อย ขอโทษนะคะ”

ราเชนทร์พยายามจะปลอบ ทว่าก็ได้แต่เพียงอ้าปากค้าง แพรไหมก็ลุกขึ้นผลุนผลัน

“ไหมขอตัวนะคะ”

แล้วเธอก็เดินหนีไป เขาจึงได้แต่พยักหน้าส่งท้ายโดยที่แพรไหมไม่อาจเห็น พอหญิงสาวพ้นลับกรอบฉากไป เขาก็กระแทกหลังพิงพนักแรงๆ แล้วถอนใจเฮือก

...โง่จริงๆเล๊ย ไอ้ราเชนทร์

*********


รอบข้างมีแต่ความมืดมิด...

วริสารู้สึกเหมือนกับฝัน หากแต่ในบางขณะเธอก็แจ่มแจ้งแก่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน ความแจ่มแจ้งที่ว่านี้ไม่ใช่การรู้สึกตัว แต่มันเป็นการปรากฏ ผุดโผล่ขึ้นในจิต

แต่รอบข้างตัวเธอนั้นมืดจริงๆ

ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นจะนานสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ มันล่องลอยเบาๆ และความคิดของเธอก็วนเวียนอยู่แต่เพียงนั้น มีแต่เรื่องของพ่อและก็ภาพิมล

หากแต่บางครั้ง เธอก็กลับเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่งแจ่มชัดอยู่ในความนึกคิด ใบหน้าของเขาคุ้นเคย แต่เธอจำไม่ได้ว่าเป็นใคร

เขาเป็นใคร... สำคัญเพียงไรที่เธอจะต้องตระหนักถึง

แสงสว่างฉายลงมาจากเบื้องบน ส่องลงมาในห้วงแห่งความมืดหนาว และในลำแสงสว่างนั้น ก็มีละอองละเอียดอ่อนโปรยปราย

มีเสียงเล็กๆพูดขึ้นมาในความเงียบงัน

“ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ”

ใส... กระจ่าง.... เสียงที่ถามนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้ม

“นั่นใครน่ะ” วริสาถาม หากแต่ฝ่ายที่ถูกถามหัวเราะคิกคัก

“เจ้าไม่รู้จริงๆหรอกหรือ ว่าเราคือใคร เราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่งนะ”

“ใคร” วริสาถามซ้ำ เสียงหัวเราะจางๆยังคงแว่ว... แว่วอยู่ใกล้ๆหูเธอนี้เอง

“ก็เป็นอย่างนี้แหละ เราเจอกันแล้วสองครั้ง และก็ต้องเจอกันอีกห้าครั้ง ตลอดเจ็ดครั้งเจ้าจะจำเราไม่ได้หรอก”

“คุณ... คุณ...” วริสาพูดอย่างเหม่อลอย “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร แต่คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากเจอพ่อ”

“อยากเจอหรือ... อยากเจอแล้วทำไมตอนที่เจ้ายังอยู่ เจ้าถึงไม่เคยไปหาพ่อเลยล่ะ”

วริสาตอบไม่ได้ ในหัวใจรู้สึกถึงแต่ความอึดอัดขัดข้อง

“ความจริง เจ้าจะไม่ได้เจอกับใครอีกหรอกนะ ถ้าเจ้าพบกับเราครบเจ็ดครั้ง เจ้าจะไม่ได้เจอกับใครอีกเลย”

“ไม่ได้นะ... ฉันยังมีงานต้องทำ ฉันยังเป็นห่วงเพื่อนของฉัน แล้ว...”

“ทุกอย่างต้องตัดไป เจ้าขัดขืนไม่ได้หรอก...”

วริสากำลังจะโวยวายอย่างที่เคยทำ หากแต่เจ้าของเสียงที่ว่าเหมือนจะรู้ทันทุกความคิดของเธอ จึงแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“แต่เจ้าไม่ต้องกลัว ยังมีเส้นใยบางอย่างที่ทำให้เราไม่อาจนำเจ้าไปได้... และพอถึงตอนนั้น อาจจะเป็นเจ้าเอง ที่ต้องเป็นฝ่ายเรียกหาเราล่ะ”

วริสาไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดนั้นนัก แต่เธอก็รู้ความหมายโดยนัยว่าเธอจะไม่ต้อง‘ไป’ไหน เธอยังจะได้เห็นคนที่เธอรักและห่วง

แต่... เมื่อไหร่เล่า เมื่อไหร่กันที่เธอจะหลุดพ้นจากดินแดนแห่งนี้ วริสาคิดจะถาม หากแต่เสียงนั้นก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอ

“เจ็ดครั้งเจ็ดครา...”

กระแสเสียงแผ่วเบายิ่ง เลือนลอย... แล้วลับหาย...

แสงไฟดับวูบลง ทิ้งไว้แต่ไอหนาวเยือกและความหม่นมืด

*********




 

Create Date : 03 กันยายน 2551
4 comments
Last Update : 3 กันยายน 2551 18:03:01 น.
Counter : 499 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะพี่ทั้งสอง มาอ่านเเล้วค่ะ

พี่พลอยขาเมื่อไรน้องจะเขียนเก่งเหมือนพี่บ้างน้า นี่ก็พึ่งโดนว่าว่าฝีมือไม่ได้เรื่องมาอะ ฮือๆๆๆ

 

โดย: รัตจันทน์ IP: 118.174.177.66 4 กันยายน 2551 15:12:05 น.  

 

หวัดดีคร้าบบบบ...

ดีใจที่แวะมาครับ และก็ขอบคุณด้วย
เมื่อไหร่จะเขียนเก่ง ก็... ต้องมีสักวันแหละครับ แหะๆ...(ไม่ค่อยจะพึ่งได้สักเท่าไหร่เลย)

แว่บมาตอบก่อนเจ๊พลอยนะ ช่วงนี้เจ๊ยุ่งๆกะซีรี่ย์และเกมส์ (นิยางนิยายไม่เขียนเลยนะนั่น - - ฟ้อง)

++++++++++++++++++++

 

โดย: รักดี IP: 118.172.64.24 4 กันยายน 2551 19:00:03 น.  

 

ปริศนามากมาย อย่าเว้นนานนะรักดี มันคาใจ เข้าใจม้าย

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 5 กันยายน 2551 18:11:03 น.  

 

คุณพีท...

คือ... เ่อ่อ...
ตอนนี้ผมก็งงกับตัวเองมากมายเหมือนกันครับ
โฮกกก........................

แก้กันระนาวล่ะงานนี้

++++++++++++++++++++++

 

โดย: รักดี (ploy666 ) 7 กันยายน 2551 11:41:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.