มิถุนายน 2549

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ได้ดู "Silent Hill" ไปเมื่อวานนี้ (สปอยล์นะจ๊ะ)
เมื่อวันศุกร์ไปดูหนังเรื่อง "Silent Hill" มา น่าเสียดายที่ไปดูแบบพากย์ไทย จึงพลาดจุดสำคัญไปมากมาย (ที่ต้องดูเพราะไม่มีรอบแหล่ว) ก็เลยนั่งเรียบเรียงได้ไม่ค่อยดีนักน่ะ

จริงๆแล้ว เขาก็พากย์ได้ไม่เลว ฟังก็ได้อารมณ์ แต่ถ้าจะให้เอามาเขียนวิจารณ์ ได้ฟังภาษาอังกฤษจะดีกว่ามากๆ เพราะคำบางคำซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดของฉาก หรือของเรื่อง มันจะไม่โผล่ออกมาถ้าถูกแปลเป็นภาษาอื่น

เรื่องนั้นช่างมันก็แล้วกันนะ

เปิดเรื่องมาก็ดำเนินเรื่องเร็วมาก และเรียกร้องความสนใจของคนดูตั้งแต่แรกเลย ซึ่งหนิงถือว่าจับความรู้สึกของคนดูได้อยู่พอสมควร กล่าวถึงพ่อกับแม่ที่ตามหาลูกสาวตัวเองแทบบ้าเมื่อพบว่าลูกสาวหายตัวไป จนกระทั่งพบเธอยืนอยู่ปากเหว เธอละเมอเดินออกมาโดยที่พึมพำอยู่ตลอดเวลาว่า

"Silent Hill."

ฉากถัดมาก็เป็นฉากแม่กำลังขับรถไปตามทาง จะพาลูกสาวไปที่ Silent Hill ตามที่ลูกฝันมาตลอด โดยฉากจะสลับกับพ่อของเด็ก หรือสามีของผู้หญิงซึ่งพยายามตามหาภรรยากับลูกของเขาอีกทางหนึ่ง

เรื่องความน่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้นกับตัวแม่หลังจากที่พบว่าลูกน้อยหายตัวไปกับเมืองร้างที่เต็มไปด้วยหมอก และขี้เถ้า เธอจะได้ร่องรอยบางอย่างแล้วออกตามหาลูกในสถานที่ต่างๆ ในขณะที่คนดูจะได้รับรู้ข้อมูล หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองนี้ผ่านทางพ่อ ซึ่งหาทางช่วยลูกอยู่โดยต้องพึ่งมือของตำรวจ และข้อมูลบางอย่างที่เขาขวนขวายหาแม้จะเกือบถูกจับกุมก็ตาม

เรื่องนี้หนิงถือว่าทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง sound โทนสีของเรื่อง พล็อต (แต่ไดอะล็อกไม่รู้ เพราะไม่ได้ฟังแบบภาษาอังกฤษเลยเข้าไม่ถึง จึงขอข้ามจุดนี้ไปก็แล้วกัน) และจะมีบ้างที่ยังมีกลิ่นอายของเกมอยู่ให้สัมผัสกับมันได้ หรือพูดกันตามตรงก็คือ ยังมีกลิ่นอายของความไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างนั่นเอง

ทางด้าน sound ถูกนำมาใช้เยอะมาก และคนที่ทำเสียงเรื่องนี้เก็บรายละเอียดได้ดี เก็บยุ่บเก็บยั่บทีเดียว ตั้งแต่เสียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆไปจนถึงเสียงสำคัญที่เป็นตัวบอกการเปลี่ยนโทนอารมณ์ จุดนี้ถือว่าหนังให้ความสำคัญกับอารมณ์คนดูดี (อย่างที่หนิงเคยบอกไป ภาพบอกเหตุการณ์ แต่เสียงสามารถชักนำอารมณ์คนดูโดยที่คนดูไม่รู้ตัว) เรื่องนี้ในความคิดของหนิง เสียงดูจะเด่นที่สุดเลยด้วยซ้ำ

ทางด้านฉาก การทำภาพเมืองร้างที่อยู่ในหมอกสลับกับฉากของความสยองของพวกอมนุษย์ที่โผล่มา ตัดฉับกับภาพปกติตอนที่สามีของผู้หญิงมาตามหาภรรยา (เป็นสีออกน้ำตาลๆเจือความอบอุ่นเอาไว้) ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าคู่นี้อยู่คนละมิติกันแล้ว กำแพงเดียวกัน แต่ทั้งสองคนไม่อาจเห็นกันได้ จะมีก็แค่สัมผัสอื่นที่ไม่ใข่สายตาเท่านั้นเอง (ในเรื่องสามีบอกว่าได้กลิ่นน้ำหอม ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้หญิงวิ่งหอบแฮ่กขนาดนั้น กลิ่นเหงื่อน่าจะกลบไปหมดแล้วล่ะ คิดว่าผู้ชายคนนี้รู้สึกถึงเธอได้โดยไม่ต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ความผูกพัน ความรักหรืออะไรก็ตามมันจะเป็นตัวบ่งบอกเอง แต่ทีนี้นี่เป็นหนัง ต้องแสดงสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้คนดูเข้าใจง่าย)

ทางด้านเทคนิคอื่นๆ เช่น การแพนกล้อง คือตามที่หนิงว่าไว้ ฉากสำคัญที่เขาต้องการนำเสนอก็คือ เมืองร้างในหมอก เมืองร้างที่เต็มไปด้วยปีศาจ (ฟังขัดมะ) และเมืองร้างที่ไม่มีอะไรเลย คือเป็นไปตามความจริงที่มองเห็น หนิงไม่ได้สังเกตการใช้กล้องดีนัก แต่พอจะจับได้ว่า เวลาที่อยู่ฉากเมืองในหมอก กล้องจะทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังเป็นผู้ติดตาม เป็นผู้ดูตัวละคร เวลาเจอปริศนาก็วิ่งไล่ตามเธอไปด้วย (ดังนั้นบ่อยครั้งจะเห็นฉากที่เธอวิ่งหันหลัง) แต่เมื่ออยู่ฉากเมืองร้างที่มีปีศาจ กล้องจะทำให้เราเป็นผู้ติดตาม และเป็นตัวละครไปด้วย (อย่างหลังเท่ากับว่า เราได้เห็นภาพผ่านสายตาตัวละคร แล้วมันจะดูสยองแค่ไหนล่ะ ถ้าเจอภาพแบบนี้) และเราก็กลายมาเป็นผู้ติดตามอีกครั้งเวลาที่ตัวสามีวิ่งวุ่นหาภรรยาในเมืองร้างกับตำรวจอยู่ จะรู้สีกว่ากำลังมองว่าเบาะแสของเมืองคืออะไร

สิ่งที่ชอบของหนังเรื่องนี้มีเยอะแยะมาก แต่ที่ชอบที่สุดก็คือการจัดเรียงลำดับเหตุการณ์ของเรื่องนี้ เพราะจนถึงตอนนี้ หนิงต้องนำทุกอย่าง ข้อมูลที่มีมานั่งเรียงลำดับในสมองใหม่ เพราะข้อมูลที่หนังป้อน จะเรียกว่าเรียงลำดับดีก็ใช่ แต่แบบงงๆก็ไม่เชิง คือว่า เขาค่อยๆป้อนให้เราเพื่อมีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง แต่ข้อมูลนั้นถูกอัดมาให้แบบไม่เป็นระเบียบ อันไหนก่อนอันไหนหลัง (ถ้าตามภาษาวรรณคดี เป็นการลำดับเรื่องที่มีการรวม flashback กับ flashforward เข้าด้วยกัน) และนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ที่หนิงชอบใจ

อีกอย่างก็คือ เจ้าสิ่งที่หนิงพูดขึ้นไปข้างบนทั้งหมด ถูกนำมายำร่วมกันอย่างแนบเนียน ไม่มีอะไรเด่นกระโดดออกมามากน้อยเกินไปนัก ถ้าเทียบเป็นอาหารก็ถือว่ารสกลมกล่อม ตัวอย่างเช่น เวลาที่เมืองร้างในหมอกกำลังจะมีปีศาจเกิดขึ้น อย่างแรกแล้วที่จะบอกคนดูก็คือ เสียงบางอย่าง ซึ่งผู้จัดทำตั้งใจจะใช้เป็นสัญลักษณ์บอกผู้ชมว่า ถ้าได้ยินเสียงแบบนี้แปลว่าปีศาจมานะ (ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเสียงนี้ตัวละครได้ยินหรือเปล่าไม่รู้) อย่างที่สอง สิ่งมีชีวิตจะแตกตื่น เช่น นกจะบินกันพึ่บพั่บกลับที่ทางของมัน อย่างที่สาม ท้องฟ้าจะเริ่มมืด เมฆจะมา โทนสีของเรื่องจะเปลี่ยนไป ทั้งสามอย่างนี้ถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อเปลี่ยนฉาก โดยที่ทุกอันมันล้อไปด้วยกันหมด

นอกจากนี้ คนทำหนังไม่ใจร้ายที่จะกดดันคนดูอยู่ตลอดเวลาจนปวดหัวตาย อย่างน้อยก็ยังมีฉากที่ปล่อยความรู้สึกคนดูให้เป็นอิสระบ้าง พอมีแรงก็ค่อยบีบคั้นใหม่ หรืออาจจะกดดันในรูปแบบต่างกันไปโดยที่ฉากจะเป็นตัวกำหนดเอง ก็ถือว่ามีอะไรหลากหลายดี

อ้อ...มีอีกอย่างก็คือตอนจบ หนิงชอบฉากจบของเรื่องนี้มากมาย คือเป็นการจบที่ผิดคาดสำหรับหนิงทีเดียว ปกติจะเห็นประมาณว่า ทุกอย่างจบลงแบบ perfect มาก หรือไม่ก็ไฮโซสุดๆ สุดท้ายพระเอกก็เจอนางเอก แต่งงานกัน หรือไม่ก็พระเอกเป็นตำรวจปราบเหล่าร้ายได้ก็จบ แต่เรื่องนี้ผิดแบบอึ้งๆเลยล่ะ (สำหรับหนิงเท่านั้นนะ บางคนอาจไม่รู้สึกก็ได้) ซึ่งหนิงชอบอะไรที่ทำให้หนิงแปลกใจน่ะ และถือว่าเป็นฉากจบที่ดีเสียด้วย ดูดรามาดี หนิงไม่ได้เห็นลักษณะแบบนี้มานานแล้ว ^^

ทีนี้มาตรงที่ไม่ชอบใจบ้าง นั่นคือส่วนที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลในเรื่อง (ในความคิดของหนิง) อย่างแรกก็คือ การตัดสินใจมาเมืองร้างของผู้หญิงคนนี้ คือ เท่าที่ดูเธอทำทุกอย่างเพื่อลูกก็เลยพาลูกมา พอเข้าเมืองลูกหายก็พยายามหา ไอ้ที่หนิงว่าไม่สมเหตุสมผลก็คือ แกไม่มีเหตุผลอื่นให้ตัวละครนอกจากคำว่า "ทำเพื่อลูก" หรือไงวะ!

ถ้ามีคนถามพามาทำไม --- ทำเพื่อลูก
ถ้ามีคนถามว่าทำไมไม่รอสามี --- ฉันทนเห็นลูกเป็นแบบนี้ไม่ได้ (ทำเพื่อลูก)
ถ้ามีคนถามว่ารู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย --- ทำเพื่อลูก

ขอบใจนะ

เหตุผลครอบจักรวาลดีเป็นบ้าเลย...

(แต่เรื่องที่ลูกหายแล้วตามหานี่พอรับได้ ไม่ว่ากัน)

อีกเรื่องที่ไม่ชอบใจก็คือ มี 'ส่วนเกินในเรื่อง'

ส่วนเกินที่หนึ่ง --- ยายตำรวจนั่น (เอามาทำไมวะ? ให้มันถูกกระทืบๆๆ แล้วเผาตาย จบ?)

ส่วนเกินที่สอง --- มีด (มีดที่แกเก็บมานั่นมีเอาไว้เพื่อกรีดภาพแค่นั้นใช่มะ แล้วก็ปล่อยมันจากไปน่ะ?)

เอาเท่านี้ละกันนะ

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง ถ้ามีคนถามว่าสนุกไหม ก็จะแนะนำให้เขาไปดูล่ะนะ (สังเกตว่า จุดที่หนิงสาธยายว่าชอบนี่มีเยอะมากน่ะ) จะมีอีกข้อที่หนิงขบไม่แตกก็คือ โปสเตอร์ที่เป็นรูปเด็กถูกลบปากออกไป ว่ามันหมายความว่าอย่างไร คงไม่ใช่แค่จะใช้กับ silent อย่างเดียวแน่ๆ ใครที่ไปดูแล้วคิดยังไงก็มาคุยกันได้นะ



Create Date : 24 มิถุนายน 2549
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 23:48:07 น.
Counter : 1307 Pageviews.

3 comments
  
FAQ: Silent Hill the Movie: พยายามทำให้คนที่ไม่เคยเล่นเกมอ่าน) (สปอยล์นรกแตก)
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4478619/A4478619.html

ปล.
เอ่อ คุณหนิงครับ review ไม่ควร spoil นะครับ
(เตือนก่อนก็ยังดี)
โดย: cooldear (pinhead ) วันที่: 24 มิถุนายน 2549 เวลา:15:02:26 น.
  
ขออภัยฮับ ลืมนึกถึงเรื่องสปอยล์ไปเสียสนิท และขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
โดย: หนิง (peiNing ) วันที่: 24 มิถุนายน 2549 เวลา:23:49:34 น.
  


เพิ่งจะรู้ค่ะว่าพี่หนิงกับแว่นฟ้าคือคนเดียวกัน จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ

โดย: lily <lovekalo> (lovekalo ) วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:22:24:59 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ

  •  Bloggang.com